Home / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / บุรุษปริศนา 1

Share

บุรุษปริศนา 1

last update Huling Na-update: 2024-12-25 19:20:11

วันเวลาแห่งความสงบสุขล่วงเลยผ่านไปวันแล้ววันเล่า จนมาถึงคืนอันเงียบสงัดคืนหนึ่งในขณะที่ทุกคนหลับไหลกันหมดแล้ว แต่ยังมีบ้านหลังหนึ่งที่ตะเกียงยังคงสว่างไสว ภายในห้องมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด บ้างมีสีหน้าเคร่งเครียด บ้างหน้านิ่วคิ้วขมวด บ้างตื่นเต้นดีใจ หรือแม้กระทั่งรังเกียจเดียดฉันท์ ราวกับกำลังเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น

เกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ

“คุณหนู ท่านควรชี้แจงให้ชัดเจนนะขอรับ อย่างนี้ข้าจะบอกนายท่านว่าอย่างไร” ชายอาภรณ์สีเทาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเสี่ยวเซียงหันไปกล่าวกับหลี่หลิงเฟิ่งที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักตัวยาว ชายหนุ่มแย้มยิ้มจนแข็งเกร็งไปทั่วหน้า ในใจคิดอย่างขมขื่นที่ตนต้องมารับหน้าที่นี้ หากแต่ก็ไม่กล้าเผยสีหน้าไม่พอใจ

อย่างไรก็ดี เขาค่อนข้างแปลกตาและไม่คุ้นชินกับคุณหนูห้าผู้มีชื่อเสียไปทั่วแว่นแคว้นนางนี้สักเท่าไหร่ หญิงสาวไม่ได้อ่อนปวกเปียกเหมือนพลับนิ่มดังเช่นกาลก่อนอีกแล้ว นอกจากนี้เขายังสัมผัสถึงความน่าเกรงขามขึ้นหลายส่วนอีกด้วย

บุรุษชุดเทาปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าเล็กน้อย อาจเป็นเขาที่คิดมากไปเอง จะเป็นไปได้อย่างไรที่หลี่หลิงเฟิ่งจะให้ความรู้สึกที่แค่สบสายตาก็เสียวสันหลังวาบได้แล้ว

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เจ้านายของเขาคงไม่ปวดหัว พยายามช่วยนางจนบ่อยครั้งที่ตัวเองก็พลอยลำบากไปด้วยอย่างนี้หรอก ถึงกับให้เขาเป็นคนมาคุ้มกันนางด้วยตัวเอง

“ข้าพูดไม่รู้เรื่องตรงไหน ข้าปฏิเสธได้งั้นหรือ นี่ข้าโง่หรือเจ้าเขลากันแน่” หลี่หลิงเฟิ่งแย้มรอยยิ้มประดับบนใบหน้า เหลือบหางตามอง อู๋เหยียน คนสนิทของ หลี่เฟยหยาง ผู้ที่เกิดจากอดีตฮูหยินที่ล่วงลับไปแล้ว ว่าที่นายน้อยผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไป ถ้านางไม่เห็นแก่ตั๋วเงินเหล่านั้นที่ชายผู้นั้นให้คนสนิทส่งมาให้ระหว่างที่พวกนางถูกส่งมาที่นี่ล่ะก็ มีหรือที่คนเหล่านี้จะยังอยู่ในที่ของนางได้อย่างสุขใจเช่นนี้

“ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอีกสักหลายวัน พวกเจ้าไม่คิดว่าพวกข้าไม่ต้องจัดการอะไรเลยงั้นรึ ข้ามาอยู่ที่นี่สามปี ไม่ใช่แค่สามวัน ต่อให้พวกข้าไม่มีสหายสนิท แต่ก็ไม่เคยสร้างศัตรูเช่นกัน ที่ควรตอบแทนก็ตอบแทน ที่ควรอำลา ก็ขาดไม่ได้"

หลี่หลิงเฟิ่งกวาดสายตามองคนทั้งหลายด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มไปรอบๆ ห้องโถงกลางหนึ่งรอบ จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "อีกอย่างพวกเจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ก็ควรจะพักผ่อนกันก่อน เจ้าไม่สงสารตัวเอง ก็ควรเห็นใจผู้อื่นบ้าง ใช่ว่าทุกคนจะแข็งแกร่งเช่นเจ้า”

“ขออภัยคุณหนู ข้าไม่อาจสงสัยการตัดสินใจของคุณหนู โปรดลงโทษข้าน้อยด้วยขอรับ” อู๋เหยียนเจ้าบ้านี่ ปากก็บอกขอโทษ แต่การกระทำช่างไม่สอดคล้องเอาเสียเลย มีอย่างที่ไหนกล่าวขอโทษ เพียงแค่ลุกขึ้นประสานมือ จากนั้นนั่งลงเช่นเดิม

เฮอะ หากกล่าวอย่างจริงใจ ทำไมไม่คุกเข่าลงล่ะ

หลี่หลิงเฟิ่งลอบเบะปากอย่างรังเกียจ ไม่ว่าจะยุคสมัยใด การแบ่งชนชั้นก็ยังมีให้เห็นอยู่เสมอ แต่สถานะของนางออกจะเลวร้ายไปสักหน่อย ขนาดบ่าวยังกล้าข่มเหงนาย ถึงในใจอู๋เหยียนจะไม่พูดอันใดออกมา แต่มีหรือภายในใจจะยอมเคารพนาง แน่นอนว่าต้องไม่พอใจเศษขยะอย่างนางอยู่แล้ว

เห็นได้ชัดว่าเกรงใจนางเพราะแค่ฐานะคุณหนูห้าแห่งจวนเจ้าเมือง ถึงจะเป็นแค่ลูกอนุ แต่ก็ยังมีศักดิ์เป็นเจ้านาย อีกประการคงเป็นเพราะท่านพี่ชายใหญ่ของนางคนนั้น

นางไม่ต้องการให้คนพวกนั้นเคารพ แค่ต้องการการให้เกียรติซึ่งกันและกัน หลี่หลิงเฟิ่งมาจากยุคสมัยที่ทุกคนเท่าเทียมกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่นางจะต้องถือตนเองเป็นใหญ่ กดหัวคนเหล่านั้นไปด้วย

แต่แล้วอย่างไร นางก็ยังเป็นเจ้านาย ยังไม่ถึงเวลาที่บ่าวพวกนี้จะข้ามหัวนางไปได้ ใครเคารพนางหนึ่งฉื่อ* นางเคารพกลับหนึ่งจั้ง*

พี่ชายของนาง ช่างเลี้ยงคนได้ดีจริงๆ! เหอะ ว่ากันว่าเห็นลูกน้องก็เหมือนเห็นผู้เป็นนาย คนผู้นั้นก็คงไม่ได้ดีอะไรนักหรอก!

“ด้วยตำแหน่งของเจ้า หน้าที่ของเจ้า เจ้าย่อมรับรู้อะไรควรไม่ควร แม้สมองจะเข้าใจ แต่ใจกลับไม่ยอมรับฟัง” หลี่หลิงเฟิ่งผินหน้าไปมองอู๋เหยียนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม พลางคลึงมือเล็กอย่างเชื่องช้า

ตุบ!

“บ่าวขออภัยขอรับคุณหนู บ่าวไม่ควรล่วงเกินคุณหนูขอรับ” ในคืนที่เงียบสงัด เสียงคุกเข่าและเสียงโขกศีรษะดังก้องกังวานไปทั่วห้อง ชั่วขณะนั้น ภายในห้องพลันเงียบกริบ แม้แต่เสียงลมหายใจแผ่วเบายังไม่เล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน

“เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน ถ้าเกิดว่าพี่ใหญ่รู้เรื่องเข้า จะไม่กล่าวหาว่าข้ารังแกคนใต้ปกครองของเขาหรอกหรือ” อู๋เหยียนยังคงคุุกเข่า ปากพลางพูด มิกล้า มิกล้า ติดๆ กันหลายครั้ง แต่ภายในใจนั้นเย็นเยียบ วันนี้เขาได้เห็นอีกมุมหนึ่งของคุณหนูห้าผู้นี้แล้ว หญิงสาวนางนี้หาใช่คนเรียบง่ายดังที่ตนเคยคิด

สัญญาณอันตรายแจ้งเตือนกับเขาว่า อย่าได้แม้แต่คิดจะไปแหย่นาง

แรกเริ่มเดิมทีชายหนุ่มยังไม่เข้าใจความคิดของคุณชายใหญ่ เหตุใดจึงปกป้องตัวไร้ค่าแถมยังเป็นแค่ลูกอนุภรรยาที่ไม่เป็นที่โปรดปราณ ไม่ได้มีความผูกพันอันใดด้วยเลย มาวันนี้อู๋เหยียนถึงได้รู้ว่าตนมองพลาดไป

เกรงว่าคนผู้นี้คงเป็นคนที่ซ่อนตัวได้ลึดที่สุดแล้ว หรือบางที…

อู๋เหยียนเงยหน้ามองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างตะลึงพรึงเพลิดกับการคาดเดาของตัวเอง ปฏิกิริยาเหล่านั้นของคนตรงหน้าอยู่ในสายตาของหลี่หลิงเฟิ่งทั้งหมด ใครจะคิดยังไงกับนางก็ช่าง นางไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจให้รกสมองหรอก แต่อย่ามายุ่งกับนางก็แล้วกัน

นางนั้นอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง ดีอยู่อย่างเดียวคือจดจำความแค้นได้แม่น!

“เอาล่ะ ข้าก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไร เจ้าลุกขึ้นเถอะ ไหนบอกข้ามาให้ชัดเจนสิว่าทำไมพวกเขาถึงอยากให้ข้ากลับไป เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะเชื่อสิ่งที่เจ้าเล่ามาหรอกนะ ถ้าแค่จะถึงวัยปักปิ่นของข้าแล้วทางนั้นเลยส่งคนมารับข้าไปเข้าร่วมพิธีอย่างนั้นรึ ฮูหยินใหญ่เป็นกลายเป็นคนจิตใจดีขนาดนั้นได้ยังไง ให้ข้ากลายเป็นสาวเทื้อ*น่ะสิจึงจะเป็นแนวคิดของนาง หรือจวนเจ้าเมืองตระกูลหลี่ของพวกเจ้า จากถ้ำเสือได้กลายเป็นถ้ำแมวไปซะแล้ว” นางหยุดคลึงมือตัวเอง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเจือความรู้สึกอ่อนใจอยู่สองส่วน

อู๋เหยียนที่คุกเข่าถอนหายใจอีกครั้ง ลอบร้องโอดโอยในใจ ขนาดจวนเจ้าเมืองนางยังไม่นับตัวเองเข้าไปด้วยเลย เห็นทีภายภาคหน้าคงยากจะไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวายได้แล้ว

ตอนแรกเขายังแค่รู้สึกว่าคุณหนูห้าดูเปลี่ยนไปจากวันวาน แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนในเรื่องใด มาวันนี้เขารู้แน่ชัดแล้ว ไม่ใช่แค่กิริยาท่าทางต่างออกไปจากเดิม หากแต่ยังเป็นสายตาที่แปลกไป ไหนเลยจะรวมถึงความคิดที่ซับซ้อนยากจะคาดเดาเหล่านั้น น่ากลัวว่าแม้แต่นายท่านก็เทียบนางไม่ได้

เขาที่เป็นคนสนิทของนายท่าน ย่อมต้องเคยเห็นหรือพูดคุยกับหลี่หลิงเฟิ่งมาหลายครั้ง แต่รู้สึกว่าคุณหนูห้าผู้นี้จะเปลี่ยนจากกระต่ายขาวขี้ตื่นกลัว กลายมาเป็นสุนักจิ้งจอกพ้นการจำศีลมานานปีเสียแล้ว

อู๋เหยียนถอนหายใจออกมาคำรบหนึ่ง ในใจพลางอดนับถือนางขึ้นมาไม่ได้ หญิงเฉลียวฉลาดมองสถานการณ์ได้อย่างทะลุปุโปร่งนางนี้ ไหนเลยจะเป็นคนไร้ความสามารถได้

“นั่นเป็นเพราะองค์ฮ่องเต้ต้องการเรียกตัวคุณหนูเข้าเฝ้า เพื่อจัดการเรื่องการหมั้นหมายกับองค์ชายรองขอรับ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้คุณหนูเข้าเฝ้าหลังจากเสร็จสิ้นพิธิปักปิ่น แล้วยังทรงต้องการให้คุณหนูเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงอีกด้วย คุณชายใหญ่เป็นห่วงว่าคุณหนูจะไม่คุ้นเคย จึงสั่งให้ข้ากลับมารับคุณหนูกลับไปก่อนล่วงหน้าหนึ่งเดือน เพื่อเตรียมตัวเข้าสำนักศึกษาหลวงขอรับ”

หลี่หลิงเฟิ่งหลุบตาลง ความคิดแล่นไปมาอย่างรวดเร็ว นางคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่านางจะได้อยู่ที่นี่แค่ไม่กี่ปี เหตุเพราะด้วยอายุขององค์ชายรองคู่หมั้นของนางอยู่ในวัยยี่สิปปีแล้ว ถ้าฝ่ายนั้นต้องการที่จะถอนหมั้นก็ต้องเรียกตัวนางเข้าไปคุยเพื่อให้ตกลงกันทั้งสองฝ่าย

แต่จากที่อู๋เหยียนกล่าวมา ดูเหมือนฝั่งนั้นไม่ได้มีความประสงค์จะถอนหมั้นกับขยะอย่างนาง ไหนจะเรื่องสำนักศึกษาหลวงนั่นอีก หรือต้องการจะทำให้นางขายหน้าแล้วเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นไปเอง

อืม มีความเป็นไปได้สูง ทุกยุคทุกสมัย พวกราชวงศ์ก็มีความหน้าบางกันอยู่แล้ว

“อย่างนั้นหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งครุ่นคิดอยู่นาน พลันเงยหน้าขึ้นมองอู๋เหยียนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ "ข้าขอบใจในความหวังดีของพี่ใหญ่ แต่ข้าคงต้องทำให้พี่ใหญ่ผิดหวังแล้ว ข้ายังยืนยันคำเดิม ไม่รีบ พวกเราจะออกเดินทางกันอีกห้าวันให้หลัง" หลี่หลิงเฟิ่งพูดจบก็ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวเดินออกจากห้องโถง เพื่อกลับไปพักผ่อน

“นี่…มันจะไม่ฉุกละหุกไปหรือขอรับ วันที่พวกเรากลับไปถึง คุณหนูไม่ต้องเข้าร่วมพิธีปักปิ่นเลยหรือ” อู๋เหยียนโพล่งออกมาอย่างเคร่งเครียด ชำเลืองมองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างไม่เข้าใจ

“ก็ใช่น่ะสิ ทำไม หรือเจ้าสงสัยในการตัดสินใจของข้า”

“มิกล้า” เสียงของชายหนุ่มค่อยๆ แผ่วเบาลง หลังเกร็งแน่นฉับพลันเมื่อเผลอสบเข้ากับสายตาเย็นยะเยียบของนาง

“เช่นนั้นเจ้าก็แจ้งพี่ใหญ่ไปตามนั้น ถ้าเขาไม่วางใจก็ให้มาลากข้ากลับไปด้วยตัวเองก็แล้วกัน” พูดจบหลี่หลิงเฟิ่งก็สะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างไม่แยแส

ฮึ คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้มาสั่งให้ข้าทำตาม จู่ๆ หลี่หลิงเฟิ่งก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ นางได้แต่คิดว่าเป็นเพราะคนพวกนั้นมารบกวนการพักผ่อนของนาง อารมณ์ถึงได้แปรปรวนเช่นนี้

อู๋เหยียนมองเงาหลังของหลี่หลิงเฟิ่งจนลับหายไป สีหน้าจนใจที่แสดงออกมาตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่มีทีท่าว่าจะเลือนหายไปบ้างเลย

“หากนายท่านรู้เรื่องเข้า ไม่รู้ว่าโทสะจะพุ่งขึ้นสูงขึ้นอีกกี่จั้ง” ไฉนคุณหนูถึงได้ไปแหย่ยมบาลองค์นั้นกันเล่า

“เห้อ และทุกครั้งก็เป็นข้าที่ต้องรองรับมันทุกที” อู๋เหยียนได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ

*สาวเทื้อ คือ สาวแก่ หญิงสาวที่อายุเลยวัยแต่งงาน

*ฉื่อ หรือเซียะ 1 ฉื่อเท่ากับ 10 ชุ่นหรือ 10 นิ้ว

*จั้ง 1 จั้ง เท่ากับ 10 ฉื่อ ประมาณ 2.5 เมตร

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ชายาอสรพิษ   อันตรายมาเยือน

    หุบเขาหยกขาวมิใช่ชื่อที่คนในแผ่นดินไร้ขอบกล่าวถึงด้วยความยินดี ถึงแม้จะมีคำว่า “หยก” และ “ขาว” อันดูสูงส่งบริสุทธิ์อยู่ในชื่อ แต่มันกลับเป็นสถานที่ที่ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นนภายังไม่กล้าย่างเท้าเข้าไปลึกเกินสามลี้ที่แห่งนั้นคือเส้นแบ่งระหว่าง ความรุ่งโรจน์กับความตาย และในยามฤดูหนาวเช่นนี้ หิมะที่ปกคลุมมันก็ไม่ต่างจากผืนผ้าสะอาดที่กลบศพเน่าเปื่อยไว้ใต้รากไม้หลี่หลิงเฟิ่งเคลื่อนกายอย่างเงียบงัน ลมหายใจเป็นไอขาวราวควันจาง กลีบหิมะโปรยปรายแตะใบหน้าของนางแล้วละลายหายอย่างไม่ทันรู้สึกเย็น แต่ความเย็นกลับฝังลึกอยู่ในอกอย่างไม่ทราบสาเหตุไฉนที่นี่จึงมีหิมะตก น่าแปลกหลี่หลิงเฟิ่งเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางแคบ ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหน้าผาสูงชันและป่ารกเรื้อ นางอยู่คนเดียว ไร้ผู้ติดตาม ไร้เสียงสนทนา มีเพียงเสียงฝีเท้าของตนที่ก้าวลงบนก้อนกรวด กับเสียงใบไม้เสียดสีกันจากกระแสลมที่ไม่หยุดนิ่ง“เงียบเกินไป…” นางพึมพำกับตัวเองนางชะลอฝีเท้า สายตามองไปรอบกาย แผ่กระจิตออกไปสำรวจ ทว่าไม่สิ่งมีชีวิตสักตัวในระแวกนี้เลยบนข้อมือข้างซ้ายของนาง มีกำไลสีแดงเข้มรูปวงแหวนมันวาวประดับอยู่ นุ่มนิ่มสิ่งมีชีวิตรูปร่

  • ชายาอสรพิษ   ภัยเงียบ

    ท้องฟ้าสีดำสนิทปราศจากแสงจันทร์และดวงดารา สายลมหนาวพัดผ่านไปทั่วอาณาเขต เงามืดเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบบนหลังคาโม่จื่อหลิงยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสูงสุดของหอสิบทิศ ดวงตาคมกริบทอดมองไปยังเมืองที่แผ่กว้างออกไปสุดสายตา ลางสังหรณ์บางอย่างบีบคั้นหัวใจของเขา คล้ายกับว่ามีพายุที่มองไม่เห็นกำลังพัดโหมเข้ามาและแล้ว...ตูม!เสียงระเบิดดังสนั่นทำลายความเงียบงันของค่ำคืน แสงเพลิงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสียงร้องของผู้คนปะปนกับเสียงอาวุธกระทบกันดังไปทั่วบริเวณ"ในที่สุด พวกมันก็มาจนได้ คนที่ควรมาก็มาแล้ว" โม่จื่อหลิงกระซิบกับตัวเอง ดวงตาของเขาเย็นเยียบไร้ซึ่งความหวาดหวั่นชายในชุดดำจำนวนมากพุ่งทะยานเข้ามาภายในหอสิบทิศ ราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก พวกมันเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ รวดเร็ว และโหดเหี้ยม"นายท่าน! หอสิบทิศถูกจู่โจม!" หนึ่งในลูกน้องของเขารีบวิ่งเข้ามารายงาน "พวกมันมีกำลังพลมหาศาล และมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงอยู่ด้วย!"โม่จื่อหลิงกวาดตามองไปรอบ ๆ แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้เป้าหมายของพวกมัน คือ สังหารเขาเสียงกระบี่ปะทะกันดังกึกก้อง ลูกธนูเพลิงถูกยิงเ

  • ชายาอสรพิษ   เบื้องหลังที่ทับซ้อน

    ในโรงน้ำชาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เสียงผู้คนกระซิบกระซาบมิขาดสาย ข่าวการแตกหักของตระกูลหนานและตระกูลหลินแพร่กระจายราวเพลิงลามป่า“ได้ยินมาว่า เจ้าสาวหายตัวไปหลังจากถูกพวกโจรลักพาตัว แต่จู่ ๆ นางกลับมาเองอย่างไร้รอยแผล”“แล้วนางก็ปฏิเสธการแต่งงานทันที! ข้ารู้สึกเหมือนเรื่องนี้มีอะไรมากกว่านั้น”“หรือว่านางมิได้ถูกลักพาตัว แต่ไปด้วยความยินยอมเอง”เสียงพูดคุยนั้นกระทบถึงหูโม่จื่อหลิง เขานั่งเงียบอยู่มุมหนึ่ง สวมอาภรณ์ธรรมดาไม่สะดุดตา เขามองภาพของเจ้าสาวตระกูลหลินจากที่ไกลๆ เหมือนกับภาพจากมือสอดแนมของหอสิบทิศไม่ผิดเพี้ยนในภาพนั้น หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่ในสวนของตระกูลหลิน ใบหน้าเรียบสงบ ผมที่เคยสลวยถูกรวบไว้ลวก ๆ ราวผู้ที่เพิ่งผ่านบางสิ่งบางอย่างมา อย่างเช่นเหตุการณ์เฉียดตายภายในเรือนรับรองของตระกูลเป่ย หลี่หลิงเฟิ่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม้แกะสลัก นางจิบชาหอมกรุ่นอย่างใจเย็น ขณะที่สายตาเหลือบไปทางกลุ่มสาวใช้ที่กำลังสนทนากันอย่างออกรส“ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวพลางส่ายหน้า “อยู่ดี ๆ เจ้าสาวของตระกูลหลินก็กลับไปโดยไม่กล่าวอะไรเลย เมื่อตระกูลหนาน

  • ชายาอสรพิษ   ผ้าแพร

    สองวันหลังจากโม่จื่อหลิงจากไป แสงอรุณในจวนตระกูลเป่ยคล้ายหม่นลงกว่าทุกวัน ลมเหนือพัดเอื่อยเฉื่อยประหนึ่งพาเอากลิ่นของบางสิ่งจากอดีตย้อนกลับมาและหลี่หลิงเฟิ่งรับรู้มันตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่ตื่นขึ้นณ ห้องคุณชายสาม นางยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงไม้แกะสลัก มือหนึ่งแตะที่ชีพจรของเป่ยเฉินหลงที่ยังคงหลับใหล ลมหายใจของเขาราบเรียบขึ้นเล็กน้อย แต่กลิ่นพลังปราณยังขุ่นมัวไม่เสื่อมคลายทว่าสิ่งที่ทำให้นางกังวล ไม่ใช่สภาพของเขา แต่เป็นเงาที่ค่อย ๆ เริ่มเผยตัวนางใช้เวลาทุกวินาทีอย่างแยบคาย เฝ้าสังเกตความผิดปกติของคนในจวน เฝ้าฟังเสียงก้าวเท้าที่ไม่ได้ยินจากทหารยาม และเฝ้ารอสิ่งที่แน่ใจว่ายังไม่สิ้นสุด อย่างการลอบสังหาร“ครั้งก่อนเจ้ามาเพื่อวางยา” นางกระซิบ ขณะบดสมุนไพร “ครั้งนี้ เจ้าจะเอาอะไรมาทิ้งร่องรอยอีกล่ะ”ระหว่างที่ปลายนิ้วนางบรรจงหยดยาแยกพิษใส่ถ้วยสมุนไพร กลิ่นหนึ่งก็ลอยเข้าจมูก กลิ่นหอมจาง ๆ ไม่ใช่จากยา ไม่ใช่จากดอกไม้ในสวน ทว่าเป็นกลิ่นที่คุ้นอย่างน่ากลัวจนรู้สึกขนลุกกลิ่นเช่นนี้ นางเคยได้กลิ่นมันในความฝันในชาติก่อนตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฝันที่ไม่มีใบหน้ามีเพียงเสียงร้องไห้ของเด็กหญิง กลิ่น

  • ชายาอสรพิษ   เงามืด

    *ขอเปลี่ยนจากตำหนักเทพธิดา เป็นตำหนักธิดาสวรรค์*คำพูดของหลี่หลิงเฟิ่งดุจสายฟ้าฟาดลงบนผิวน้ำอันสงบนิ่ง เงาสะท้อนแห่งศรัทธาที่เหล่าผู้อาวุโสเคยยึดมั่นภักดี เริ่มแตกร้าว เทพธิดาแห่งตำหนักธิดาสวรรค์มิได้ตอบกลับทันที นางยืนนิ่งราวรูปสลักกลางห้อง ศูนย์รวมแห่งความเคารพที่เคยเปล่งประกายความสง่างามไร้ราคี บัดนี้กลับถูกความเงียบห่มคลุมราวหมอกหนาอาภรณ์ขาวสะอาดที่เคยดั่งแสงจันทร์เหนือเมฆ บัดนี้ดูซีดหม่นลงในสายตาของหลายคน ม่านผ้าบางเบาที่บดบังใบหน้างดงามพลิ้วไหวไปตามแรงลมเบา ดวงตาเรียวยาวใต้ผืนผ้าทอแสงแข็งกร้าว เงาที่เคยสงบ บัดนี้กลับเจือความตึงเครียดแนบแน่นฝ่ามือเรียวงามของนางละจากจุดชีพจรของเป่ยเฉินหลง ราวกับตัดขาดพันธะบางอย่างที่มองไม่เห็น“หากพวกท่านเห็นว่า ตำหนักธิดาสวรรค์ไม่ควรข้องเกี่ยว ข้าย่อมถอย” เสียงของนางยังคงอ่อนหวานดั่งระฆังเงิน ทว่าในห้วงลึกของถ้อยคำกลับมีความเยียบเย็นที่ทำให้ผู้ฟังขนลุก “ข้ามิเคยยัดเยียดตนเข้าสู่ที่ที่ผู้คนไม่ต้อนรับ ข้าเพียงทำตามวิถีที่ควรจะเป็น หากพวกท่านมิอาจวางใจ ข้าย่อมไม่อยู่ให้เป็นภาระใจผู้ใด” แม้ถ้อยคำจะฟังดูอ่อนโยนสงบเสงี่ยม ทว่าแรงสะท้อนกลับตึงเครียดเ

  • ชายาอสรพิษ   พบศัตรูบนทางแคบ

    ปัง!เสียงเปิดประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงฝีเท้าเร่งรีบที่ก้าวเข้ามาในห้อง"เกิดอะไรขึ้น!?" เสียงอันทรงอำนาจของบุรุษวัยกลางคนดังขึ้นหลี่หลิงเฟิ่งเงยหน้าขึ้นก็พบว่าชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรากำลังมองนางด้วยสายตาคมกริบ ด้านหลังของเขามีชายชราผู้อาวุโสหลายคนยืนเรียงราย สีหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยและวิตกกังวล"ท่านพ่อ!" ผู้อาวุโสเป่ยรีบคารวะชายผู้นั้น "นางผู้นี้เป็นหมอที่สามารถตรวจพบพิษของเฉินหลง และตอนนี้กำลังรักษาเขาอยู่ขอรับ""พิษรึ" ประมุขเป่ยขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ "เจ้ากำลังจะบอกว่าเฉินหลงถูกพิษ ไม่ใช่ต้องคำสาปอย่างที่เราคิดมาโดยตลอดรึ"หลี่หลิงเฟิ่งไม่แปลกใจต่อปฏิกิริยานั้น นางจ้องประมุขเป่ยด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง "ถูกต้อง"บรรยากาศในห้องหนักอึ้งขึ้นมาทันที ผู้อาวุโสหลายคนหันมองหน้ากันอย่างลังเล ทว่าเมื่อเห็นโม่จื่อหลิงในห้องก็ไม่กล้าปริปากเสียมารยาทต่อหลี่หลิงเฟิ่ง"หากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าที่ผ่านมามีคนจงใจปกปิดเรื่องนี้" ผู้อาวุโสเป่ยคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลี่หลิงเฟิ่งตอบ "ข้าไม่อาจกล่าวเช่นนั้นได้ แต่สิ่งที่ข้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status