“หุบปาก” เหยาหวังเหว่ยและสวีจื้อซานประสานเสียงเอ่ยพร้อมกัน
เหยาซิงอีถึงกับตกใจเสียงของทั้งสองคนที่เอ่ยว่าเขา เขาเชิดหน้าหนีราวน้อยใจ ก่อนที่จะนั่งลงจิบชาแต่ก็ยังคงเหลือบมองค้อนผู้เป็นพี่
“ได้ พรุ่งนี้ข้าจะให้เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งให้ หวังว่าเมื่อถึงยามนั้น องครักษ์สวีคงไม่สอดมือเข้ามายุ่งอีก” เหยาหวังเหว่ยเอ่ยพร้อมจ้องหน้าสวีจื้อซานตาเขม็ง
“ไม่ได้เพคะ” ฟางหนิงหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังสวีจื้อซานเอ่ย พร้อมเดินออกมายืนด้านข้างบุรุษที่นางนับถือเหมือนพี่ชาย
ทุกคนในห้องโถงต่างหันมามองฟางหนิงหลินเป็นสายตาเดียวกัน เพราะทุกคนล้วนคิดว่าการแต่งเป็นชายาของเหยาหวังเหว่ยคือสิ่งที่นางต้องการมากที่สุด แต่ไยบัดนี้นางจึงเอ่ยปฏิเสธโดยที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย
มีเพียงแต่เหยาซิงอีที่คิดว่าคุณหนูสกุลฟางทำเช่นนี้ ก็เพื่อเพียงเรียกร้องความสนใจจากเสด็จพี่ของเขาเท่านั้น
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เหยาหวังเหว่ยเอ่ยถามทันทีอย่างร้อนใจ
“ตั้งแต่เมื่อวานหม่อมฉันก็คิดมาตลอด ว่าต่อแต่นี้จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาต่อว่าหม่อมฉันให
ตั้งแต่วันนั้นเมื่อเหยาซิงอีมองหน้าเหยาซีฮันและเหยาหวังเหว่ย เขาก็ยิ่งอดสงสารพี่ใหญ่ไม่ได้ เพราะมันช่างทรมานเหลือเกินทั้งที่เขาเพิ่งรู้ยังเจ็บปวดขนาดนี้ เขาแทบนึกไม่ออกเลยว่าพี่ใหญ่ของเขาที่ต้องทนทรมานมานานถึง10ปีจะเจ็บปวดรวดร้าวมากเพียงใดใจหนึ่งเขาก็อยากสังหารหลัวฮองเฮาเพื่อชำระแค้นให้มารดาผู้ให้กำเนิด แต่เขาก็ไม่อยากให้พี่ใหญ่ที่เติบโตมาด้วยกันต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้ และมิอาจทำลายความสัมพันธ์ที่มีมานานได้ เขารู้ดีว่าหากเสด็จแม่มองอยู่ ก็คงไม่อยากให้เขาทำเช่นกันไม่เพียงแค่นั้นหากเขาทำลงมือฆ่าหลัวฮองเฮา พี่รองก็ต้องรู้สาเหตุการตายของเสด็จแม่ พี่รองของเขาหาได้ปรานีเช่นเขาไม่ หากเป็นเช่นนั้นคนที่เกี่ยวข้องกับหลัวฮองเฮาและตระกูลหลัวคงต้องมอดม้วยไปตามกัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เหยาซิงอีสนใจ เพียงแต่เขากังวลเรื่องโกลาหลที่จะตามมาภายหลังมากกว่าแต่หากจะให้เขาไปฟ้องเสด็จพ่อทั้งที่ไม่มีพยายาทหลักฐาน ต่อให้เสด็จพ่อมีคำสั่งรื้อค้นคดี ก็ไม่ต่างจากเทพเซียนต่อสู้กัน ผีน้อยรับเคราะห์ เหล่าผู้น้อยอย่างพวกนางกำนัลขันทีรวมถึงหมอหลวงที่ดูแลเสด็จแม่ก็คงไม่อาจพ้นผิดและถูกโบ้ยความผ
เหยาลี่เซียนมองไปที่พี่ชายคนที่สามของนาง พร้อมถอนหายใจอย่างผิดหวัง แต่ถึงกระนั้นจะให้นางปล่อยผ่านไม่ช่วยก็คงไม่ได้ เพราะดูจากที่พี่สามของนางไม่เอ่ยอันใด ในใจก็คงไม่คิดรับคำท้าแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากเสียหน้าด้วยเช่นกัน เหยาลี่เซียนเลยเดินไปคล้องแขนสหายคนสนิทก่อนจะเอ่ย“พี่สามท่านก็รู้ว่าสหายของข้าคนนี้เพียบพร้อมไปทั้งรูปโฉม ความรู้ ความสามารถ และทรัพย์สินเงินทองอีกทั้งตระกูลฝ่ายบิดาและฝ่ายมารดาทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดไม่รู้จัก อย่าว่าแต่จะแต่งออกเลย แม้แต่รับสมัครลูกเขยแต่งเข้า ข้าว่าหางแถวก็คงยาวสุดตรอกถนน การพนันนี้ไม่ว่าคิดเช่นไร ท่านพี่ก็ไม่มีทางชนะ และอีกอย่างพี่รองก็ประกาศไปแล้วมิใช่หรือ ว่าจะแต่งหนิงหลินเป็นพระชายา หากท่านรับปากก็มิเท่ากับท่านทำให้พี่รองต้องคืนคำอย่างนั้นหรือ”เหยาลี่เซียนส่งสายตาให้เหยาซิงอีเป็นนัย เพื่อให้เขาปฏิเสธคำท้าครั้งนี้แบบไม่ต้องเสียศักดิ์ศรีมากนัก ถึงนางจะทำเหมือนลำเอียงเข้าข้างพี่ชายมากไปหน่อย แต่นางไม่อยากทำให้งานมงคลของสหายกับพี่รองต้องมีอุปสรรคมาขวางกั้นที่ผ่านมานางรู้ดีว่าเหตุใดพี่สามถึงไม่ชอบฟางหนิงหลิน เพราะ
“หุบปาก” เหยาหวังเหว่ยและสวีจื้อซานประสานเสียงเอ่ยพร้อมกันเหยาซิงอีถึงกับตกใจเสียงของทั้งสองคนที่เอ่ยว่าเขา เขาเชิดหน้าหนีราวน้อยใจ ก่อนที่จะนั่งลงจิบชาแต่ก็ยังคงเหลือบมองค้อนผู้เป็นพี่“ได้ พรุ่งนี้ข้าจะให้เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งให้ หวังว่าเมื่อถึงยามนั้น องครักษ์สวีคงไม่สอดมือเข้ามายุ่งอีก” เหยาหวังเหว่ยเอ่ยพร้อมจ้องหน้าสวีจื้อซานตาเขม็ง“ไม่ได้เพคะ” ฟางหนิงหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังสวีจื้อซานเอ่ย พร้อมเดินออกมายืนด้านข้างบุรุษที่นางนับถือเหมือนพี่ชายทุกคนในห้องโถงต่างหันมามองฟางหนิงหลินเป็นสายตาเดียวกัน เพราะทุกคนล้วนคิดว่าการแต่งเป็นชายาของเหยาหวังเหว่ยคือสิ่งที่นางต้องการมากที่สุด แต่ไยบัดนี้นางจึงเอ่ยปฏิเสธโดยที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยมีเพียงแต่เหยาซิงอีที่คิดว่าคุณหนูสกุลฟางทำเช่นนี้ ก็เพื่อเพียงเรียกร้องความสนใจจากเสด็จพี่ของเขาเท่านั้น“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เหยาหวังเหว่ยเอ่ยถามทันทีอย่างร้อนใจ“ตั้งแต่เมื่อวานหม่อมฉันก็คิดมาตลอด ว่าต่อแต่นี้จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาต่อว่าหม่อมฉันให
เหยาหวังเหว่ยหน้าเสียเมื่อเห็นสีหน้าของฟางหนิงหลิน ในใจของเขากระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงได้มีท่าทีเช่นนี้ เมื่อย้อนนึกถึงคำพูดของตนเอง เขาก็คิดขึ้นมาได้ความหมายของคำพูดของเขานั้น หาใช่เรื่องที่เขาจูบหน้าผากของนาง แต่เขาหมายความดั่งที่พูดออกมาจริง ๆ โดยที่ไม่มีเจตนาอันใดแอบแฝง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยอธิบาย ฟางหนิงหลินก็เอ่ยออกมาเสียก่อน“ท่านอ๋องตรัสอันใดก็โปรดระวังคำพูดด้วยเพคะ ถึงพระองค์จะประกาศว่าจะแต่งหม่อมฉันเป็นชายา แต่นั่นก็เป็นเพียงลมปากเท่านั้น นับเป็นอะไรได้” นางเอ่ยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น“เจ้าบังอาจไปแล้ว เสด็จพี่ของข้าวาจาหนักแน่นราวภูเขาไหนเลยจะกลับคำได้ ข้าว่าแทนที่เจ้าจะเสแสร้งทำตัวเป็นเมินเฉยเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเสด็จพี่ของข้า มิสู้ทำตัวดี ๆ เอาอกเอาใจเสด็จพี่ของข้าให้สมกับที่เมตตาเจ้าไม่ดีกว่าหรือ หากเสด็จพี่ข้าไม่แต่งเจ้าเป็นชายาก็ไม่รู้ว่าบุรุษตระกูลใดจะกล้ารับเจ้าเข้าจวน”“เจ้าสาม/ น้องสาม/จวิ้นอ๋อง” เสียงเหยาหวังเหว่ย เหยาซีฮัน และสวีจื้อซานเอ่ยเรียกเหยาซิงอีพร้อม
เช้าวันนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีผู้ใดไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงน้ำชาไป่เหอ ไม่ว่าจะเป็นข่าวมงคลของชินอ๋องเหยาหวังเหว่ยกับคุณหนูสกุลฟาง หรือเรื่องราวความจริงของฟางหนิงหลินที่ทุกคนล้วนเข้าใจผิดมาตลอด แม้กระทั่งเรื่องความดีงามของคนตระกูลฟางและตระกูลตู้ก็กลายเป็นเรื่องที่ชาวบ้านพากันพูดถึงจนหนาหูแต่เรื่องของคุณหนูสกุลจางกลับไม่ได้เอ่ยเสียหายมากนักอย่างที่ฟางหนิงหลินคิดไว้ แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะอย่างไรเสียนางก็ยังอยากให้ตระกูลจางช่วยนางเรื่องค้าขาย หากคุณหนูสกุลจางถูกด่าว่าเพราะนางมากนัก นางอาจไม่กล้าสู้หน้าและขอความช่วยเหลือจากจางซวงซวงก็เป็นได้หากจะมีคนพูดถึงจางซวงซวง พวกเขาก็ล้วนแต่พูดเพื่อเตือนคนที่สนทนาด้วยว่าให้ดูเป็นเยี่ยงอย่างเท่านั้น เพราะทุกคนก็เคยว่ากล่าวนินทาฟางหนิงหลินด้วยกันทั้งนั้น พวกเขาเลยไม่กล้าเอ่ยตอกย้ำซ้ำเติมสตรีสกุลจางมากนัก เพียงแค่กล่าวว่าเป็นวันซวยของพวกนางก็เท่านั้นเรื่องการอภิเษกของชินอ๋องถึงจะเป็นเรื่องมงคล แต่ก็มีสตรีมากมายที่เสียใจกับข่าวนี้ เพราะคำขอของฮองเฮาพระองค์ก่อนสร้างความหวังให้สตรีทั่วแคว้นมีความหวังที่จะไ
“ข้าทราบแล้ว ขอเพียงคุณหนูฟางหนิงหลินต้องการ ข้าน้อยย่อมไม่มีทางปฏิเสธ” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงดังขึ้นเหยาหวังเหว่ยและฟางหนิงหลินหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ทั้งสองเห็นบุรุษรูปร่างอ้วนท้วมเดินฝ่าฝูงคนเข้ามา ใบหน้าของเขาเรียบเฉยแต่ทว่ายังมีเม็ดเหงื่อผุดอยู่บนใบหน้าให้เห็น ทำให้ชินอ๋องและคุณหนูสกุลฟางรู้ได้ทันทีว่าเขาคงรีบร้อนเดินทางมาอย่างเร่งรีบด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว แต่เมื่อมาถึงเห็นว่าบุตรสาวตนนั้นพ้นเคราะห์แล้ว จึงแสดงสีหน้านิ่งสงบลงได้เขาผู้นี้ก็คือจางจื่อมู่บิดาของจางซวงซวง เมื่อเขาฝ่าฝูงคนเข้ามาได้ ก็มายืนด้านหน้าพร้อมโค้งคำนับเหยาหวังเหว่ยอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะหันมาโค้งตัวให้ฟางหนิงหลิน“ข้าเลี้ยงบุตรสาวไม่ดี ว่าร้ายคุณหนูครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วย และขอขอบคุณคุณหนูที่ใจกว้างไม่ถือสา อีกทั้งยังเอ่ยขอความเมตตาแทนซวงซวง บุญคุณครั้งนี้ข้าคนสกุลจางจะจำไม่ลืม”เขารู้ดีว่าหากฟางหนิงหลินไม่เอ่ยห้าม ชินอ๋องคงไม่หยุดชำระแค้นครั้งนี้ง่าย ๆ เป็นแน่ เพราะครั้งนี้ไม่เพียงแค่ชำระแค้นเท่านั้น แต่บุรุษสายเลือดมังกรคนนี้อยากเชือดบุตรสาวของเขาให้คนอื่นได้