“ข้าสองคนก็ไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ ขอเพียงเจ้าบอกที่อยู่ของเจ้าของตลาดมืดแก่เรา เราก็สามารถปล่อยเจ้าไปได้”เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ตอนนี้เขาเกลียดสองสามีภรรยาคู่นี้มากเหลือเกิน พอคิดว่าตัวเองถูกปั่นหัวมานานขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกยอมรับไม่ได้โชคดีที่เขายังโอ้อวดตัวเองว่าฉลาดเหนือใคร ไม่นึกว่าจะตกอยู่ในกำมือของสองสามีภรรยาคู่นี้ หากแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะเยาะเอา“ข้าไม่รู้ว่าเถ้าแก่อยู่ที่ไหน เขาเป็นคนลึกลับซับซ้อน ไม่เคยบอกพวกเราเลย” คำพูดที่เวินทิงอวิ๋นหันหน้าไปพูด ก็เหมือนกับที่พ่อบ้านคนอื่น ๆ พูดไว้หลี่หรงหรงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของตลาดมืดอยู่ที่ไหนกันแน่ รู้เพียงว่าบางครั้งอีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นเวลามอบหมายภารกิจ“ต่อให้เจ้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ก็ควรจะรู้ว่าเขาจะมาที่ตลาดมืดเมื่อไหร่ หรือว่ารูปร่างหน้าตาเขาเป็นยังไง”กู้หว่านเยว่จะไม่เชื่อคำโกหกของอีกฝ่าย เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อบ้านใหญ่ตลาดมืดอินซาน คนอื่นไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร แต่เขาจะไม่รู้อะไรเลยไม่ได้“ไม่รู้”ปากของเวินทิงอวิ๋นแข็งมาก ไม่สนใจสองสามีภรรยาเลยแม้แต่น้อย ดูท่าทางไม่อยากพูดอะไร
หลังจากสอบสวนเวินทิงอวิ๋นเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็มาที่ข้างกองไฟ ใช้มีดเล็กเฉือนเนื้อแกะย่างออกมาชิ้นหนึ่ง“เนื้อแกะย่างแสนอร่อยเช่นนี้ห้ามพลาดเชียวนะ”นางเรียกทุกคน “ชิงเหลียน เจ้าก็มากินด้วยสิ”“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนและคนอื่น ๆ ต่างรายล้อมเข้ามา แต่ก็ไปหาแกะย่างอีกตัวอย่างรู้กาลเทศะฮูหยินดีกับพวกเขา พวกเขารู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าลืมตัวตนของตนเองเช่นกันกู้หว่านเยว่คุ้นชินอยู่แล้ว และไม่ได้พูดอะไร“ชายาท่านอ๋อง” ทันใดนั้นหลี่หรงหรงก็เดินเข้ามาด้วยความลังเล“เจ้าต้องการตัวเวินทิงอวิ๋นสินะ พวกข้าสอบถามเขาเสร็จแล้วยกเขาให้เจ้าจัดการได้ตามต้องการ”กู้หว่านเยว่รับปากไว้นานแล้ว จะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาดแต่ใครจะรู้แววตาของหลี่หรงหรงกลับเป็นประกายวิบวับ “ชายาท่านอ๋อง ยาที่เจ้าเพิ่งใช้ไป เจ้าขายให้ข้าสักขวดได้ไหม?”นางมองออกว่ายานี้ของกู้หว่านเยว่น่าจะเป็นของประเภทเดียวกับยาพูดความจริง สามารถทำให้คนพูดสิ่งที่ใจคิดออกมา“เจ้าต้องการของสิ่งนี้ไปทำไม?”คราวก่อนปรมาจารย์แพทย์ให้นางไว้เยอะมาก ถ้านางเสนอราคาสูง กู้หว่านเยว่ก็ใช่ว่าจะขายไม่ได้“ชายาท่านอ๋อง เจ้า เจ้าอย่าถามเลย เอาเป
เวินทิงอวิ๋นเข้าใจอย่างแท้จริงว่าจะมัดหัวใจของผู้หญิงอย่างไร “ทำไมเจ้าถึงไปอยู่กับพวกเขาแล้วไม่บอกข้าสักคำ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน?”“หยุดเสแสร้ง” หลี่หรงหรงกลอกตาใส่ “ถ้าไม่ได้นักฆ่าสองคนนั้นหลุดปาก ข้าคงเชื่อไปแล้วจริง ๆ”“เอ่อ...” เวินทิงอวิ๋นสีหน้ากระดากอาย “นักฆ่าคนนั้นข้าไม่ได้เป็นคนส่งไป แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต่างหากที่ตัดสินโดยพลการ”เขาพูดโกหกได้โดยไม่ต้องกะพริบตา“หรงหรง เจ้าต้องเชื่อข้า เราเคยสัญญาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย”“ไปให้พ้น!”หลี่หรงหรงแค่รู้สึกขยะแขยง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ายาพูดความจริงในมือนั้นไม่จำเป็นแล้ว“ตอนนี้ข้าแค่อยากถามท่านเป็นประโยคสุดท้ายท่านเคยรักข้าบ้างไหม?”“ข้ารักเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว” เวินทิงอวิ๋นพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดในความเป็นจริงเขาไม่ได้พูดโกหก มีชายคนไหนสามารถปฏิเสธรูปร่างอันเร่าร้อนของหลี่หรงหรงได้บ้าง?“ท่านกำลังโกหกข้า”หลี่หรงหรงคิดว่าเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้แล้วต้องประทับใจมาก แต่ตอนนี้ นางแค่รู้สึกอยากอาเจียนเท่านั้นเดิมทีในหัวใจส่วนลึกของนาง ไม่เชื่อในความรักของเวินทิงอวิ๋นอีกต่อไป“หรงหรง เพื่อเห็นแก่ความสัมพัน
“ดื่มเหล้าสักจอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ส่งเหล้านมม้าให้ “ยามคนอารมณ์ไม่ดี ดื่มเหล้าสักหน่อย ปล่อยให้แอลกอฮอล์ทำให้ประสาทชาเล็กน้อย จะรู้สึกดีขึ้น”“ขอบคุณ”หลี่หรงหรงรับเหล้าไป ดื่มรวดเดียวจนหมด“ข้าช่างเป็นตัวโง่งมโดยแท้” ภายในดวงตานางมีน้ำตาคลอหน่วย เหตุใดนางถึงเชื่อว่าเวินทิงอวิ๋นรักนางได้เล่า?“เขาใช้ประโยชน์จากข้าตั้งแต่แรก เห็นข้าเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์อย่างหนึ่งเขาพูดจาหวานล้ำกับข้า พูดว่าจะมอบครอบครัวให้แก่ข้าบิดามารดาข้าตายไปทั้งหมดแล้ว ขาดความรักตั้งแต่เด็ก เชื่อไปอย่างโง่เขลา”หลี่หรงหรงหยิ่งทระนงไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา“ข้าน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าเขากำลังหลอกข้า เป็นข้าไม่ยอมเชื่อเอง ถูกเขาหลอกมาตั้งนาน”ท่าทีที่เวินทิงอวิ๋นแสดงออกมาเมื่อครู่ ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของนางขาดผึงไปแล้ว“ข้าแค้นใจนัก เหตุใด เขาต้องหักหลังข้า!”หลี่หรงหรงมิอาจทนไหวร้องไห้ออกมาในที่สุดกู้หว่านเยว่เองก็ไม่รู้สมควรปลอบเยี่ยงไร ได้แต่ปล่อยให้นางร้องไห้อย่างเต็มที่“ฮูหยิน” องครักษ์เงาเฝ้าเวินทิงอวิ๋นเข้ามารายงาน “เวินทิงอวิ๋นตายแล้วขอรับ”“ชู่ว์ เจ้าออกไปก่อนเถอะ” กู้หว่านเยว่โบกมือ เมื่อคร
“ให้ข้าไปกับพวกเจ้าด้วยเถอะ”หลี่หรงหรงรีบพูด “ฮูหยิน เจ้าลืมไปแล้วเมื่อครู่ข้าบอกว่าบ้านพวกเราทำคาราวานพ่อค้า คาราวานพ่อค้าของอินซาน เดิมทีข้าก็รู้จักทั้งหมด”“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปด้วยกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดว่าให้นางยุ่งสักหน่อยก็ดีเช่นกัน ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องผิดหวังในความรัก “อาวุธที่สะดวกใช้คืออะไร?”“มีกระบี่อ่อนหรือไม่?”หลี่หรงหรงแย้มยิ้มออกมา กู้หว่านเยว่โยนกระบี่อ่อนให้เล่มหนึ่งชิงเหลียนกลับรีบวิ่งเข้ามา ท่าทางคล้ายเป็นตากุ้งยิงก็มิปาน“ฮูหยิน คุณชายเฉิงไปไม่ได้แล้ว!”ชิงเหลียนพูดไม่ออก“ยามบ่าวเข้าไป พบว่าเขากับเซี่ยเหอกำลัง...ขยะแขยงจริงๆ”เซี่ยเหอวิ่งออกมาอาภรณ์ยุ่งเหยิง ท่าทางคล้ายได้รับความลำบากอย่างมาก ปาดน้ำตา“ข้า ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว...”เฉิงเซวียนเองก็วิ่งออกมาจากภายใน ท่าทางโอหังมากยิ่งขึ้น ร่างกายท่อนบนแทบจะเปลือยเปล่า“น้องหญิงอย่ามองเลย”ซูจิ่งสิงบังสายตาของกู้หว่านเยว่ ฉึบ ๆ ส่งสายตาฆ่าคนได้มองไปทางเฉิงเซวียน พูดเสียงเย็น“เจ้าจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนค่อยออกมา”“ไม่ใช่แบบนี้”เฉิงเซวียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว ใบหน้างุนงง “
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ซูจิ่งสิงพาองครักษ์เงาเหินบินจากไปราวสิบกว่านาทีต่อมา ก็เหินบินกลับมาแล้ว“ภายในค่ายมีสุนัขพันธุ์หมาป่ามากมาย คาราวานพ่อค้าน่าจะมีของล้ำค่าไม่น้อย จึงให้สุนัขพันธุ์หมาป่าเหล่านี้เฝ้าไว้”ซูจิ่งสิงวิเคราะห์“หากเข้าใกล้ ก็จะทำให้สุนัขพันธุ์หมาป่าตกใจ เรียกองครักษ์ของคาราวานพ่อค้ามา”หลี่หรงหรงเอ่ยชี้แนะ “มิสู้ให้ข้าเข้าไปเยี่ยมคารวะนายท่านหลัวก่อน จะได้กันคนออกไป”“นายท่านหลัวจะพบเจ้าหรือ?” กู้หว่านเยว่อยากช่วยคน แต่ก็ไม่หวังให้คนข้างกายเผชิญหน้ากับอันตราย“เจ้ายังไม่รู้ ยามบิดามารดาข้ายังอยู่ บ้านพวกเราและสกุลหลัวนับว่าเป็นสหายกันเพียงแต่ หลังจากนั้นข้าก็มิได้ทำกิจการคาราวานพ่อค้าต่อ ดังนั้นจึงขาดการไปมาหาสู่กับสกุลหลัว”แต่ไมตรีในอดีตยังมีอยู่ หากนางเข้าไปเยี่ยมคารวะนายท่านหลัว นายท่านหลัวจะต้องยอมพบนางแน่“ดีเช่นกัน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ให้องครักษ์จันทราติดตามอยู่ข้างกายหลี่หรงหรง ปกป้องนางส่วนนางและซูจิ่งสิง หาสถานที่ไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง ก็เทเลพอร์ตเข้ากระโจมไป จากนั้นเริ่มหาเบาะแสของเนี่ยชิงหลานทุกสารทิศทั้งสองคนมาถึงกระโจมด้านหน้าแห่งหนึ่
“ไม่ได้”หลัวเหอส่ายหน้า “หากข้าปล่อยเจ้าไป บิดาข้าจะต้องตีข้าตายแน่”สายตาอ่อนโยนของเขาสบมองเนี่ยชิงหลาน“ข้าจะดูแลเจ้าดีๆ ต่อให้เจ้าแต่งกับพ่อข้า ข้าก็จะปกป้องเจ้า”สายตานั้นเนี่ยชิงหลานเห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยง ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันย่อมไม่อาจเข้าประตูบ้านเดียวกันได้ สองพ่อลูกคู่นี้ล้วนเจ้าชู้เนี่ยชิงหลานรู้สึกสิ้นหวัง ก็ได้เห็นหินก้อนหนึ่งกระแทกท้ายทอยของหลัวเหอ เขาร้องออกมาทีหนึ่งก็ล้มลงไป“ชิงหลาน”เสียงคุ้นเคยพลันดังขึ้น เนี่ยชิงหลานถลันเข้าไปดู น้ำตาใกล้จะไหลออกมาแล้ว“พี่หญิงกู้ เป็นท่านจริงด้วย ข้ามิได้ฝันไปกระมัง?”นางออกแรงหยิกแขนทีหนึ่ง เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว“เด็กโง่ นี่เจ้าทำอะไร?” กู้หว่านเยว่รีบห้ามนาง เนี่ยชิงหลานกลับหัวเราะทั้งน้ำตา โผเข้าหาอ้อมกอดนาง“ข้าคิดว่าข้ากำลังฝันไป สองวันมานี้ข้าฝันเห็นท่านมาช่วยข้าหลายครั้ง คิดไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นความจริง”นางร้องไห้ออกมาอย่างอึดอัดใจ กู้หว่านเยว่เองก็ปวดใจมาก เนี่ยชิงหลานที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินถึงขั้นกลายเป็นเช่นนี้ตกลงสองวันมานี้นางเจอกับอะไรมากันแน่?บัดนี้ไม่ใช่เวลาถาม กู้หว่านเยว่เร่งจับมือของนาง
กู้หว่านเยว่มองเวลาภายในมิติ ใช้เวลาไปสิบนาทีขณะสามีภรรยาพูดกันสองประโยค หลี่หรงหรงก็พาฉู่เฟิงกลับมาแล้ว“รถม้ามาจากที่ใดกัน?”หลี่หรงหรงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ นางจำได้ว่าก่อนพวกเขาออกมาไม่ได้นำรถม้ามาด้วย“หามาชั่วคราว”กู้หว่านเยว่อธิบายตามปากพาไปหนึ่งประโยค ยังดีหลี่หรงหรงเองก็มิได้ถามไล่เรียงมากนัก“แม่นางเนี่ยที่พวกเจ้าตามหาหาพบแล้วหรือไม่?”“หาพบแล้ว” กู้หว่านเยว่ส่งสัญญาณให้ขึ้นรถม้าด้วยกัน ขณะเดียวกันเนี่ยชิงหลานฟื้นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่อ่อนแอมากแม่นางน้อยที่เคยมีชีวิตชีวา อ่อนแอถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก กู้หว่านเยว่เห็นแล้วก็ปวดใจ ป้อนน้ำให้นางดื่มคำหนึ่ง“ขอบคุณเจ้าค่ะ”“นายท่านหลัวมิได้สร้างปัญหาให้เจ้ากระมัง?” ถ้อยคำนี้พูดกับหลี่หรงหรง“เปล่า ข้าหาข้ออ้างอย่างหนึ่ง เขาก็มิได้สงสัย” หลี่หรงหรงผายมือ “ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ข้าพาไปล้วนอยู่ในสายตาของเขา”ขณะเดียวกัน เนี่ยชิงหลานกระซิบเสียงค่อย “พี่หญิงกู้ ข้าหิว”กลัวนายท่านหลัววางยาพิษอีกครั้ง นางจึงไม่ได้กินอะไรมากอยู่ตลอด พวงแก้มซูบตอบแล้ว“กินขนมอบสักชิ้นก่อนเถอะ รอถึงที่พักแล้ว ข้าให้คนตุ๋นน้ำแกงให้เจ้าดื่ม”“เจ้าค่ะ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้