“คนผู้นี้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไวมาก”ครั้นยิงยาสลบออกไปแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ถึงตัวยาจะออกฤทธิ์ คิดไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจหนีภายในเสี้ยววินาที“อยากให้ไล่ตามไปหรือไม่?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วพลางกล่าว กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ในห้องเก็บของขนาดใหญ่แห่งนี้จะต้องมีสิ่งของที่พวกเราต้องการ เราเข้าไปตรวจสอบห้องเก็บของแห่งนี้สักรอบเถอะ”เมื่อครู่ระบบเพิ่งบอกนางว่าด้านหลังห้องเก็บของยังมีห้องลับอีกหนึ่งห้อง“ได้” ซูจิ่งสิงพยักหน้า กู้หว่านเยว่รีบคว้ามือของเขาและมุ่งตรงไปยังห้องลับทันที นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็รวบรวมสิ่งของในห้องเก็บของเข้าไปไว้ในห้วงมิติ จากนั้นก็พาซูจิ่งซิงเข้าไปในห้องลับปรากฏว่าทันทีที่เข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวสะท้านระลอกหนึ่ง สิ่งที่ทำให้นางตื่นตระหนกก็คือห้องลับแห่งนี้เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง และมีอุณหภูมิที่ต่ำมาก“ที่นี่ที่ไหน?”ทั้งสองคนประหลาดใจมากภายในห้องลับแห่งนี้หากมองเพียงแวบเดียวจะเห็นว่านอกจากก้อนน้ำแข็งแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของใด ๆ อีก หรือว่าไป๋โม่อวี่บ้าไปแล้ว สร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำแข็งไว้โดยเฉพาะ“น้องหญิง เจ้าดูทางนั้นสิเห
เฉิงเซวียโพล่งถามทันทีว่า “พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?”เขาเพิ่งพบบางสิ่งบางอย่าง “ยามนั้นท่านตาของข้าออกจากตลาดมืดไปด้วยความเสียใจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับไป๋โม่อวี่”“ไป๋โม่อวี่คือใคร?”สองสามีภรรยาพากันงุนงง“ไป๋โม่อวี่ ก็คือเถ้าแก่ตลาดมืด” เฉิงเซวียนมองไปทางทั้งสองคนอย่างคาดไม่ถึง“พวกท่านมาหาเขาแต่ไม่รู้จักเขาอย่างนั้นหรือ?”ทว่าเขาเองก็เพิ่งเปิดบันทึกของท่านตาจึงได้รู้“เขาต้องการหนี!”เครื่องตามตัวของห้วงมิติเกิดเป็นไฟวิบวับ กู้หว่านเยว่คว้าตัวซูจิ่งสิงลอยตัวตามไปโดยไม่พูดไม่จา“คุณชายเฉิง ทางที่ดีท่านแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเราดีกว่า”ไป๋โม่อวี่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูง ผู้คนรอบตัวล้วนแต่เป็นคนของตลาดมืดทั้งสิ้น หากสู้กันจริง ๆ พวกเขาสองคนคงเทียบเฉิงเซวียนไม่ได้“เจ้ากลับไปปกป้องเนี่ยชิงหลานเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเสริมเล็กน้อย เฉิงเซวียนเกิดความลังเลครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า“ขอรับ ข้าจะกลับไปปกป้องน้องหญิงเดี๋ยวนี้”เรื่องราววันวานของท่านตาต่างก็ผ่านไปแล้วหลายทศวรรษแล้ว มิใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ความปลอดภัยของน้องหญิงสำคัญที่สุดเฉิงเซวียนหมุนตัวกลับไป หลังจากที่เขาจากไปแล้วไม่นาน
“นางอ้างว่าเป็นย่าของไป๋โม่อวี่”ดูจากความสอดคล้องของอายุ ทันทีที่ไป๋โม่อวี่ได้ยินแล้วกลับกัดฟันกรอด“เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหล ซิงเยว่คือภรรยาของข้า”“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่งุนงงในทันที ตอนนี้อายุของหญิงชราผู้นี้ใกล้จะแปดสิบปีแล้ว เหตุใดถึงเป็นภรรยาของไป๋โมอวี่ได้“รสนิยมของเจ้าพิสดารยิ่งนัก”นางอดโพล่งออกมาไม่ได้ เทียนซิงเยว่ถึงกับยืนไม่อยู่“อาโม่ ข้าไม่ใช่....”นางอายเกินกว่าจะยอมรับ ไป๋โม่อวี่กลับพยายามกล่าวไม่ยั้ง“ข้าและเจ้ากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว เจ้าคือภรรยาของข้า และตลอดชีวิตนี้ข้าจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ เราสองคนจะอยู่เคียงคู่กันตราบชั่วฟ้าดินสลาย”สองคนนี้เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ หรือ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงพากันตะลึงงันไป๋โม่อวี่มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงด้วยสายตาขุ่นเคือง “ข้าตกอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว ข้าไม่เก่งเหมือนผู้อื่น พวกเจ้าจะฆ่าใครเท่าไหร่ก็ได้ แต่ห้ามพวกเจ้าสร้างความอัปยศอดสูให้ซิงเยว่”ครั้นเอ่ยถึงเทียนซิงเยว่ สายตาเขาฉายแววอ่อนโยนทันทีเทียนซิงเยว่กลับส่ายหน้า “ได้โปรดพวกเจ้าปล่อยเขาไปเถอะ ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อข้า การแก้แค้นทั้งหมดนี้ พวกเจ้ามาลงกับข้าได้เ
เดิมทีนางคิดว่าเถ้าแก่ตลาดมืดผู้นี้จะเป็นคนที่ละโมบโลภมาก คาดไม่ถึงว่าทุกอย่างที่เขาทำล้วนแต่ทำเพื่อภรรยาของเขา“มัดตัวนางไว้”แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาก็ตาม แต่ก็รู้สึกเห็นใจกับรูปลักษณ์ภายนอกของเทียนซิงเยว่แต่มันก็คนละเรื่องกัน ความลำบากของสองคนนั้นในตอนนั้นไม่ใช่ฝีมือพวกเขา ดังนั้นความแค้นของพวกเขาจะหักล้างกันไม่ได้“พวกเจ้าอย่าทำร้ายซิงเยว่นะ” ไป๋โม่อวี่เกลียดชังยิ่งนัก “มีอะไรก็มาลงที่ข้า จะทำร้ายสตรีทำไม?”กู้หว่านเยว่กล่าวเสียงเรียบ “อย่าร้อนใจไป ความแค้นที่ควรเอาคืนจากเจ้าข้าไม่มีวันลดน้อยลงหรอก”“เจ้า!” ไป๋โม่อวี่ถึงกับสำลักครั้นเห็นซูจิ่งสิงไม่ได้มีท่าทีจะทำร้ายเทียนซิงเยว่ แต่กลับจับพวกเขามัดไว้ด้วยกัน จึงปิดปากลง“อาโม่ เจ้าทำเพื่อข้า ทุกอย่างนี้มันคุ้มค่าแล้วหรือ?”เทียนซิงเยว่ยังคงร้องไห้ นางคิดว่าหากไม่ใช่เพราะนาง วันนี้ไป๋โม่อวี่คงไม่ตกมาอยู่ในกำมือของสองสามีภรรยาคู่นี้“ข้าไร้ความสามารถ ไม่เกี่ยวกับเจ้า”สองสามีภรรยาคู่นี้มีความสามารถแกร่งกล้า องครักษ์ลับเหล่านั้นของเขาก็เหมือนกับของประดับไปโดยปริยาย มิน่าล่ะเวินทิงอวิ๋นจึงได้ตายด้
นางตั้งใจว่าจะหาโอกาสที่เหมาะสมแล้วค่อยสอบสวนทั้งสองคน ถึงอย่างไรนางก็มีคำถามที่เกี่ยวข้องกับเหยลวี่เจิงอยากจะถามอยู่แล้ว“ไปกันเถอะ เราออกไปกันก่อน”กู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงออกจากห้องไป ในตอนนี้เองพ่อบ้านโจวพาองครักษ์ลับกลุ่มหนึ่งล้อมเข้ามาทันที“นายท่าน ได้ยินว่ามีนักฆ่าบุกมา นายท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แล้วเลียนเสียงของไป๋โม่อวี่“งานประมูลเป็นอย่างไรบ้าง?”“นายท่านโปรดวางใจ งานประมูลราบรื่นดี งานประมูลครั้งนี้มีสามีภรรยาคู่หนึ่งนำสมุนไพรมีค่าจำนวนมากมาประมูลด้วย ข้าจัดประมูลอยู่ในลำดับก่อนสุดท้าย ของชิ้นนี้จะต้องขายได้ราคาดีอย่างแน่นอน งานประมูลของเราคงได้กำไรไม่น้อยแน่นอนขอรับ”“อื้อ” กู้หว่านเยว่แกล้งทำเป็นพยักหน้า ใครจะไปรู้ว่าสมุนไพรเหล่านั้นจะเป็นของนาง“เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องที่ต้องไปจัดการ หากไม่มีอะไรแล้วก็อย่ามารบกวนข้า”จู่ ๆ กู้หว่านเยว่ก็คิดอะไรบางอย่างได้“จริงสิ คืนนี้ทุกคนต่างก็รอคอยข้ากันทั้งนั้น ข้ามีเรื่องอยากจะพูด”“นายท่านวางใจ”ทุกคนต่างรู้จักนิสัยของเขาดี จึงมักไม่อนุญาตให้ใครขึ้นมาชั้นสอง และไม่อนุญาตให้ใครมาป้วนเปี้ยนด
เด็กหนุ่มกล่าวอย่างหมดความอดทน “หลังจากงานประมูลจบลง ข้าจะไปพบนาง”“ขอรับ”ดูเหมือนขันทีที่อยู่หน้าสุดจะเกิดความเกรงกลัวหลังจากได้ยินคำพูดของเขา ก็รีบโบกมือให้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบทันทีสมุนไพรหายากเหล่านี้สามารถขายประมูลได้ทั้งหมดห้าล้านตำลึง กู้หว่านเยว่รวบรวมให้ชิงเหลียน ให้อีกฝ่ายไปรับเงินจำนวน2.5 ล้านตำลึงที่จุดประมูลกลับมา“น่าเสียดาย พวกเจ้าสองคนไม่ได้ประมูลของที่พวกเจ้าอยากได้”ถังหมิงรุ่ยยังไม่รู้อะไรเลย คิดว่าพวกเขาอยากมาประมูลของที่อยากได้เดิมทีเขาอยากยืมเงินให้สองคนนั้น ใครจะไปรู้เล่าว่าสองสามีภรรยาจะปฏิเสธ“ไม่เป็นไร ประมูลของไม่ได้ นั้นก็หมายความว่าของนั้นไม่ได้มีวาสนากับเรา”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาอย่างสงบนิ่ง“ในเมื่องานประมูลจบลงแล้ว คืนนี้เราคงไม่ไปรบกวนสกุลถังแล้ว”สิ่งสำคัญคือนางอยากกลับไปสอบสวนเถ้าแก่ตลาดมืด หากอยู่บ้านสกุลถัง ถึงอย่างไรก็เป็นอาณาเขตของผู้อื่นทำอะไรก็ไม่สะดวกนางตั้งใจจะกลับไปยังบ้านสกุลเวิน“พวกเจ้าจะไปแล้วหรือ?”ถังหมิงรุ่ยยังคงอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็มองไปทางหลี่หรงหรงด้วยจิตใต้สำนึกน่าเสียดายอีกฝ่ายกำลังก้มหน้าครุ่นคิดบ
เขาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน“ข้าอยากจะถามเรื่องเกี่ยวกับท่านตาของข้าในตอนนั้น”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด ตลอดทางที่นางและท่านพี่เดินทางจากเจดีย์หนิงกู่มาจนถึงเขาอินซาน เฉิงเซวียนก็ช่วยเหลือไว้ไม่น้อย หากไม่มีเขา พวกนางคงไม่สามารถปล้นคลังเก็บของทั้งแปดแห่งได้“ได้ เจ้ามากับข้า”เรื่องของความรู้สึกก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของความรู้สึก กู้หว่านเยว่ยังคงแยกแยะได้อย่างชัดเจนหลังจากที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกลับมา ก็ขังไป๋โม่อวี่และเทียนซิงเยว่เอาไว้ในห้องมืด เวลานี้ทั้งสองคนได้สติขึ้นมาแล้วเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เดินเข้ามาจากข้างนอก ไป๋โม่อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะด่าทอออกมา“ที่นี่มันที่ไหน? พวกท่านคนชั่วช้าพาข้ามาที่ไหนกัน?”“ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าที่นี่คือที่ไหน? ที่นี่คือเรือนของเวินทิงอวิ๋นลูกน้องของท่านอย่างไรเล่า”กู้หว่านเยว่แสร้งหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “ภายในเรือนของพวกเขามีสมบัติล้ำค่าอยู่ไม่น้อยเลย ท่านช่างใจกว้างยิ่งนัก ถึงกับมอบสมบัติมากมายให้กับลูกน้องคนหนึ่ง จนกระทั่งคลังเก็บของแทบไม่หมดแล้ว”สีหน้าของไป๋โม่อวี่เปลี่ยน เขาไม่เคยมอบสมบัติใด ๆ ให้กับเวินทิงอวิ๋นเลย ในเมื่ออีกฝ่ายแอบสะสม
เฉิงเซวียนโกรธเสียจนหน้าแดงเส้นเลือดปูด “ท่านเป็นน้องสาวบุญธรรมของท่านตาของข้า!”สุดยอด กู้หว่านเยว่ที่กำลังยุ่งเรื่องชาวบ้านถึงกับมือสั่น ดวงตาเป็นประกายเรื่องใหญ่น่าดูเชียว!“น้องหญิง นั่งก่อน” ซูจิ่งสิงยกเก้าอี้มาให้ด้วยความเอาใจใส่ ภรรยาต้องสนใจเรื่องแบบนี้แน่ ๆ “พวกท่านทำอะไรท่านตาของข้า?”เฉิงเซวียนร้อนใจเล็กน้อย ไป๋โม่อวี่กล่าวอย่างดูถูก“แค่ข้ารับใช้คนหนึ่ง คู่ควรให้เราทำอะไรด้วยหรือ?”น้ำเสียงดูถูกของเขาทำให้เฉิงเซวียนโกรธ “ระวังปากหน่อย”“อาโม่ อย่าเอ่ยเช่นนั้น”เทียนซิงเยว่หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด “ในเมื่อเจ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะบอกเจ้า”แท้จริงแล้วเทียนซิงเยว่ผู้นี้ เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตลาดมืดเพียงเพราะเถ้าแก่เทียนคู่สามีภรรยาถูกศัตรูฆ่าตาย ก่อนสิ้นใจ ทั้งสองคนได้ฝากฝังเสี่ยวซิงเยว่ไว้กับเฉิงเย่ว์ผู้เป็นลูกน้อง และกำชับให้เขาดูแลตลาดมืดเป็นอย่างดีเฉิงเย่ว์เลี้ยงดูเทียนซิงเยว่ราวกับน้องสาวแท้ ๆ ทั้งเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ และบริหารจัดการตลาดมืดไปพร้อมกันเพียงแค่รอให้นางเติบโตเป็นผู้ใหญ่และแต่งงาน ก็จะมอบตลาดมืดให้กับนางและสามีของนาง“แต่ข้ากลับรักอา
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป