องค์หญิงน้อย นี่...”“ต่อกระดูกเจ็บอยู่บ้าง กลัวเขาจะร้องไห้คร่ำครวญกัดลิ้นตนเองขาด ไม่สู้ตีเขาให้หมดสติไปก่อน เจ้าออกไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งอย่างใจเย็น หลันเตี๋ยพยักหน้า กลัวรบกวนกู้หว่านเยว่จึงรีบหันหลังเดินจากไป ก่อนจากไปยังตั้งใจมัดกระโจมให้แน่น ป้องกันมีคนไปรบกวนกู้หว่านเยว่เห็นนางเชื่อฟังเพียงนี้ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รีบนำเครื่องมือออกจากระบบเพื่อช่วยรักษาอาการให้เหล่าคังภายนอกกระโจม หลันเตี๋ยรายงานสถานการณ์ให้ลั่วหรงรับรู้ “องค์หญิงน้อยกำลังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่าคัง ก่อนออกมาได้สั่งไว้ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน”ลั่วหรงพยักหน้า“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะอยู่เฝ้านอกกระโจม”เห็นใต้ตาดำคล้ำอยู่จางๆ ของหลันเตี๋ย เขาโบกมือพลางพูดว่า “เจ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”หลันเตี๋ยมีวิชาแพทย์อยู่บ้าง ก่อนกู้หว่านเยว่มา นางเป็นผู้รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บคนอื่น เพียงแต่อาการของเหล่าคังร้ายแรงมาก ยารักษาในมือนางไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไร“ก็ดี เช่นนั้นข้าไปพักผ่อนก่อนสักครู่ มีเรื่องใดก็รีบแจ้งข้า”หลันเตี๋ยพยักหน้า กลับไม่ฝืนร่างกายทนไม่ไ
คิดไม่ถึงเลยว่าบัดนี้ความคิดที่มีต่อนางจะเปลี่ยนไปใหญ่หลวงเพียงนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่งกู้หว่านเยว่ยิ้มอ่อนโยน “มาหาของกับสามีข้า”“สามี?”หลันเตี๋ยหันมองชายข้างกายกู้หว่านเยว่ในทันใด นี่ถึงพบว่าทางด้านข้างมีชายหล่อเหลาไม่ธรรมดาท่านหนึ่ง คนทั้งกลุ่มทหารรับจ้างสู้คนผู้นี้ไม่ได้กลับไม่ได้พูดเกินจริงนางปิดปากพูดด้วยความตกตะลึง “ก่อนหน้านี้หัวหน้าหน่วยเกี้ยวพาท่าน ท่านบอกพวกเราว่าท่านมีสามีแล้ว ทีแรกคิดว่าท่านบ่ายเบี่ยง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้นยังหล่อเหลาเพียงนี้!”ซูจิ่งสิงเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าแปลกใจไม่มากนักนับตั้งแต่ได้เห็นสายตาลั่วหรงยามสบมองกู้หว่านเยว่ครั้งแรก เขาก็รับรู้ได้ว่านี่คือแอบรัก ทว่าเขาไว้ใจภรรยาของตนลั่วหรงกระแอมทีหนึ่ง “เอาล่ะ หลันเตี๋ย ตอนนี้ไม่ใช่เวลารำลึกความหลัง พาองค์หญิงน้อยไปดูเหล่าคังก่อนเถอะ”“อ้อ”หลันเตี๋ยแลบลิ้น รีบพากู้หว่านเยว่เข้าไปภายใน“องค์หญิงน้อย ท่านตามข้ามาดูอาการของเหล่าคังในกระโจมเถอะ อีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บข้าพันแผลไว้ดีแล้ว มีเพียงเหล่าคังอาการร้ายแรงที่สุด ข้าไม่สามารถรักษาได้”กู้หว่านเยว่หันไปบอกซูจิ่งสิง จากนั
“อะไรนะ?” ลั่วหรงเผยสีหน้าตกตะลึง เกิดลางสังหรณ์บางอย่าง แหงนหน้ามองไปมองเห็นเงาร่างในชุดสีฟ้า โรยลงมาจากบนต้นไม้สู่พื้นดินต่อหน้าทั้งสองคน กู้หว่านเยว่ผลิยิ้มกว้าง “พี่ใหญ่ลั่วหรง ไม่ได้พบกันนาน”ลั่วหรงตกตะลึงระคนดีใจ“นี่ องค์หญิงน้อย เหตุใดเป็นท่าน เหตุใดท่านมาที่แคว้นเซียนหลิงได้เล่า หนำซ้ำยังเข้ามาในภูเขาน้ำแข็งของป่าลึกแห่งนี้อีกด้วย”ลั่วหรงตกตะลึงพรึงเพริด ในขณะเดียวกันรู้สึกดีใจเต็มเปี่ยมภายในที่ราบแห่งความโกลาหล พวกเขากลุ่มทหารรับจ้างเดินทางขึ้นเหนือจรดใต้ ล้วนไม่เคยปักหลักอยู่ที่ใดนานนัก สามารถพูดได้ว่า ชีวิตนี้โอกาสที่จะได้พบกู้หว่านเยว่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ทุกครั้งได้พบหน้าล้วนยากลำบากกระนั้นหลังผ่านความดีใจไปแล้ว เขาสังเกตเห็นซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายอย่างว่องไว เมื่อครู่ซูจิ่งสิงพูดอันใด? ฮูหยิน?ที่แท้เขาก็คือชายในดวงใจขององค์หญิงน้อยนี่เอง!ลั่วหรงเพ่งพิศซูจิ่งสิงเงียบๆ แวบหนึ่ง จากนั้นรับรู้ถึงความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างลึกซึ้ง ชายเบื้องหน้ารูปโฉมหล่อเหลาดุจหยก รัศมีน่าเกรงขาม หน้าตางดงามยากจะหาผู้ใดทัดเทียม วิชายุทธที่เขาแสดงออกมาไม่ด้อยไปกว่าตนแพ้แล้ว!ภายใน
สีหน้ากู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป รีบส่ายหน้า ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายไม่ต้องเอ่ยเตือน ก็สังเกตเห็นอันตรายที่แฝงอยู่แล้วรีบอุ้มกู้หว่านเยว่หลบไปที่ฝั่งหนึ่ง ทั้งสองคนหันหน้าไป มองเห็นหมีขาวตัวหนึ่ง จู่ๆ ก็กระโดดออกจากป่าถูกปกคลุมด้วยหิมะน้ำแข็งเส้นขนสีขาวดุจหิมะสะท้อนไอเย็น แววตาคู่นั้นดุดัน จับจ้องทั้งสองคนเขม็งมุมปากยังเจือรอยโลหิตแห้งกรัง เห็นว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นมันแล้วก็รีบก้าวเท้าว่องไวออกจากป่า มุ่งหน้ามาทางพวกเขาหมีสีขาวตัวนี้ใหญ่โตหนักราวห้าถึงหกร้อยชั่ง เผชิญหน้ากับมัน น่ากลัวว่าอาจถูกมันตะปบตาย ซูจิ่งสิงรีบอุ้มกู้หว่านเยว่เหินบินไปที่ต้นไม้ทางฝั่งหนึ่ง“ปึง!”เจ้าหมีโมโหทุบต้นไม้ทีหนึ่ง ยังดีต้นไม้ต้นนี้แข็งแรงมาก ไม่อาจทุบหักได้ในทันทีทว่าทั้งสองคนยืนบนต้นไม้ก็ยังโคลงเคลงไปมา กู้หว่านเยว่บ่น “คิดไม่ถึงเลยว่าภายในป่านี้จะมีหมีตัวใหญ่เพียงนี้อยู่ เห็นรอยเลือดบนมุมปากและอุ้งมือของเจ้าหมีตัวนี้แล้ว น่าจะเพิ่งล่ามา”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เขาเองก็มองออกแล้ว“หมีตัวนี้มีพลังสังหารไม่น้อยเลย น้องหญิง เจ้าอยู่รอข้าบนต้นไม้ก่อน ให้ข้าจัดการมันก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่กำลัง
กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดในใจ นางคิดว่านางน่าจะรู้แล้วว่าเหตุใดคนเหล่านี้จึงหาชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ไม่เจอ ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์สองชิ้นอยู่ในทวีปเทียนเสวียน มีเพียงชิ้นเดียวที่อยู่ในที่ราบแห่งความโกลาหล ถ้าพวกเขาหาเจอสิถึงจะแปลก“จริงสิ ครั้งที่แล้วเจ้าลูกชายตัวดีของข้าบอกว่าได้ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์มาจากองค์หญิงเป่ยตี้ ยังทำให้ข้าดีใจเก้อไปพักหนึ่ง” ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงทรงนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน บ่นอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกผิดในใจหนานฉีไม่ได้พูดจาเหลวไหล เขาได้ครอบครองชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ในช่วงสั้น ๆ จริง เพียงแต่ว่าไม่นานหลังจากนั้น ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ชิ้นนั้นก็ตกมาอยู่ในมือของนางเสียแล้ว“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านกลับไปก่อนเถอะ” เดิมทีกู้หว่านเยว่คิดจะให้ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงช่วยตามหาว่าทางเข้าถ้ำสมบัติอยู่ที่ไหน แต่พอได้ยินเขาบอกว่าข้างในมีทรัพย์สมบัติมหาศาลเช่นนั้น นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังคงรู้สึกว่าตนเองไปจัดการเองน่าจะปลอดภัยกว่าหลังจากที่ฮ่องเต้แคว้นเซียนหลิงออกไปแล้ว กู้หว่านเยว่จึงได้ปรึกษากับซูจิ่งสิง ตั้งใจว่าจะไปตามหาถ้ำสมบัตินี้ด้วยกัน“พ
เดิมทีกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะกลับไปที่ตงโจวก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการเรื่องของแคว้นเซียนหลิง แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นเซียนหลิงทรงทราบว่านางเดินทางผ่านมา ก็รีบนำขุนนางร้อยคนออกไปต้อนรับทันที ทำให้ประชาชนในแคว้นเซียนหลิงแตกตื่นกันไปหมด“นี่ใครกัน เหตุใดถึงได้เอิกเกริกขนาดนี้?” “แม้แต่ฮ่องเต้ยังเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง เกรงว่าจะมีฐานะไม่ธรรมดา”ชายคนหนึ่งที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังกล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “คือองค์หญิงน้อยแห่งตงโจว”คนอื่น ๆ “หา ฝ่าบาททรงเสียสติไปแล้วหรือ เหตุใดถึงต้องไปต้อนรับองค์หญิงน้อยของตงโจวด้วยเล่า หากเรื่องนี้แพร่ออกไป แคว้นเซียนหลิงของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงและวิพากษ์วิจารณ์กัน ขันทีข้างกายของฮ่องเต้ก็เดินออกมา เชิดคางขึ้นแล้วกล่าวอย่างชอบธรรม “สงบปากสงบคำเสีย พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน องค์หญิงน้อยแห่งตงโจวอะไรกัน ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ นั่นคือเทพธิดาแห่งแคว้นเซียนหลิงของเรา เทพธิดาทรงกล้าหาญ จนได้เป็นเยว่อ๋องแห่งตงโจว ในอนาคตตงโจวก็คือแคว้นที่เป็นมิตรของเรา เข้าใจหรือไม่?”ทุกคน ?หนานโย่วที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนได้แต่เกาหัวอย