ชายร่างใหญ่แสดงสีหน้าร้อนรน ไม่รู้ว่าควรจะโขกศีรษะกับใครดี จึงได้แต่มองไปที่เกาเจี้ยนผู้ที่เอ่ยขึ้นก่อนหน้านี้“อาการของน้องหญิงของข้าสาหัสมากจริง ๆ ขอร้องพวกท่านช่วยชีวิตนางด้วยเถิด”เขาเผยสีหน้ากังวล ดวงตาแดงก่ำเสียแล้วคงเป็นเพราะว่าเขามีหน้าตาดุดันเกินไป ดังนั้นตอนที่เข้ามา ทุกคนจึงเข้าใจผิดคิดว่าเขามาหาเรื่อง ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเขามาขอความช่วยเหลือ ลั่วยางจึงรีบก้าวออกมา“ข้าคือหมอหญิงลั่วที่เจ้ากำลังตามหา น้องหญิงของเจ้าเป็นอะไร? บอกมาให้ชัดเจนก่อน”ชายคนนั้นรีบคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้พลางเอ่ยขึ้น “น้องหญิงของข้า น้องหญิงของข้า นางถูกงูพิษกัด เป็นงูห้าก้าว งูพิษ”“ซี้ด!”งูห้าก้าว นั่นมันงูที่สามารถคร่าชีวิตคนได้เชียวนะเมื่อลั่วยางฟังจบ ก็รีบเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเป็นงูพิษ เช่นนั้นก็ควรจะรีบแก้พิษ”“ชะ ใช่ ควรจะรีบแก้พิษโดยเร็ว”สายตาของชายคนนั้นดูแปลก ๆ ลั่วยางไม่ได้สังเกตถึงสายตาของเขา คิดเพียงแค่ว่าการช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด“น้องหญิงของเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ? รีบพานางมาเดี๋ยวนี้เลย ข้าจะได้ตรวจดูอาการ”เมื่อได้ยินว่าลั่วยางยินดีที่จะช่วย ชายคนนั้นก็รีบก้มลงโขกศีรษะให้นาง“
“น้องหญิงของเจ้าตั้งครรภ์หรือ?”ลั่วยางยิ่งตกใจมากขึ้น เหตุใดคนผู้นี้ถึงไม่พูดทุกอย่างให้ชัดเจนในคราวเดียว?นางจับชีพจรของภรรยาสกุลเฉิน พบว่าเป็นชีพจรของผู้ที่ตั้งครรภ์จริง ๆ ตั้งครรภ์จริง ๆ ด้วย ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการแก้พิษ“หนาว ข้าหนาวเหลือเกิน”เวลานี้ ภรรยาสกุลเฉินก็ครางออกมาเบา ๆ นางโดนพิษ สติเลอะเลือนอย่างยิ่ง เนื่องจากโดนพิษมานานเกินไป ตอนนี้ร่างกายจึงเริ่มมีปฏิกิริยาต่อพิษ เช่น รู้สึกหนาวสั่น เป็นต้นเฉินอาหนิวจับมือของภรรยาสกุลเฉินเอาไว้แน่น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“น้องหญิง เจ้าอดทนหน่อยนะ ไม่ต้องห่วง ข้าพาเจ้ามาหาหมอแล้ว หมอต้องสามารถแก้พิษงูให้เจ้าได้อย่างแน่นอน”“ชะ ช่วยข้าด้วย”ภรรยาสกุลเฉินราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา มองไปที่ลั่วยาง นางหายใจรวยริน แล้วเอ่ยพึมพำเบา ๆ หนึ่งประโยค“ข้าไม่อยากตาย ต้องช่วยข้าให้ได้...”เฉินอาหนิวรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย “นะ นางโดนพิษจนสติเลอะเลือนแล้ว...”“ข้าจะช่วยเจ้าเอง”ลั่วยางไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อรู้ว่าภรรยาสกุลเฉินกำลังตั้งครรภ์ นางก็รีบเข้าไปหยิบยาที่ปรุงเตรียมเอาไว้แล้วอย่างรวดเร
“เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผลกระทบ ท่านแม่ของข้าไม่โกหกหรอก”ดวงตาของเฉินอาหนิวสั่นไหวเล็กน้อย “และข้าก็เคยถามหมอหลายคนแล้ว หมอพวกนั้นก็ไม่กล้ายืนยัน...”ลั่วยางแสดงสีหน้างุนงง แล้วหันไปมองกู้หว่านเยว่โดยไม่รู้ตัว ทั้งสองคนสบตากันกลางอากาศ ต่างรู้สึกพูดไม่ออก“ดังนั้น เจ้าเคยไปหาหมอคนอื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว?”นางคิดว่าเฉินอาหนิวผู้นี้ถ่วงเวลาไปกว่าสองชั่วยาม จึงจะพาน้องหญิงของตนเองมาหานาง แต่ไม่คิดเลยว่า เขาเคยไปหาหมอคนอื่นมาก่อนหน้านี้แล้วนั่นก็หมายความว่า เพื่อที่จะแก้พิษให้ภรรยาสกุลเฉิน หมอคนอื่น ๆ ก็น่าจะสั่งจ่ายยาให้เช่นกัน เพียงแต่เฉินอาหนิวไม่ยอมให้ภรรยาของเขาดื่มยาต้มแก้พิษ ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกที่จะให้หมอคนอื่น ๆ รักษา แล้วมาขอร้องนาง เพราะคิดว่านางน่าจะมีวิธีอื่นลั่วยางรู้สึกโกรธเล็กน้อยคนผู้นี้สนใจแต่ลูก ไม่สนใจชีวิตของภรรยาสกุลเฉินเลย!สายตาของนางเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น“อยากจะแก้พิษ ก็มีแต่ต้องดื่มยาต้มเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่น!หากเจ้าขัดขวางอีก ภรรยาของเจ้าก็จะตาย ลูกก็จะไม่รอดด้วย!”น้ำเสียงของนางเด็ดขาด เฉินอาหนิวแสดงสีหน้าลังเล“ขะ ข้าต้องการดื่มยา”ในเวลานี้ ภรรยา
เฉินอาหนิวเกิดความคิดขึ้นมาในหัว “พวกเจ้าสองคน แอบมีความสัมพันธ์กันหรือไม่?”“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”เฉินเถียนสุ่ยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี“เจ้าไม่กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของพี่สะใภ้หรือ?”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโมโห เมื่อมองไปที่นางโจว เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นหากรู้ตั้งแต่แรกว่าพี่ชายเป็นคนแบบนี้ ตอนนั้น เขาน่าจะแย่งเจ้าสาวมา!“ถ้าพวกเจ้าสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน เจ้าจะมาสนใจนางทำไมกัน?”เฉินอาหนิวยิ่งคิด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นแบบนั้น“ข้าว่าแล้วเชียว เหตุใดตอนที่ภรรยาของข้าถูกงูกัด เจ้าถึงเป็นคนแรกที่เจอ!”เขาหันกลับไปด้วยความโมโหแล้วเดินไปหานางโจว จากนั้นเขย่าไหล่ของนางอย่างแรง“รีบพูดมา พวกเจ้าแอบทำเรื่องน่าอายกันใช่หรือไม่?”เดิมทีนางโจวก็ถูกพิษงู ทำให้รู้สึกมึนหัวอยู่แล้ว เพิ่งจะได้กินยาแก้พิษไป แต่ยายังไม่ออกฤทธิ์ ตอนนี้ยังคงรู้สึกหนาวสั่นและคลื่นไส้อยู่ เฉินอาหนิวไม่ช่วยนาง แถมยังสงสัยว่านางแอบเป็นชู้กับคนอื่นอีก ทำให้นางโกรธจนตัวสั่น“จะพูดไม่พูด พูดสิ!”มือที่หยาบกระด้างของเฉินอาหนิว จับไหล่นางเอาไว้จนเริ่มรู้สึกเจ็บ“ปล่อยนางนะ” เฉินเถียนสุ่ย
“เจ้า?”สายตาของนางโจวสั่นไหวเล็กน้อย สีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าดูจริงใจอย่างยิ่ง ดวงตาเป็นประกาย แต่นางจำไม่ได้ว่านางเคยพูดคุยอะไรกับเฉินเถียนสุ่ย“แม่นางโจว เจ้าเป็นคนหมู่บ้านข้าง ๆ พวกเรา”ใบหูของเฉินเถียนสุ่ยแดงระเรื่อ“จริง ๆ แล้ว ข้ารู้จักเจ้ามานานแล้ว ครั้งหนึ่งข้าเดินผ่านหมู่บ้านของเจ้า เห็นเจ้ากำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ”ตอนนั้นเขาตกหลุมรักนางโจวตั้งแต่แรกพบ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้ไปสู่ขอ สกุลโจวก็ยกนางให้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเสียก่อนเฉินเถียนสุ่ยจึงทำได้เพียงเลือกที่จะอวยพรแต่ในตอนนี้ โอกาสของเขามาถึงอีกครั้งแล้ว“เฉินเถียนสุ่ย เจ้า!”เฉินอาหนิวก็เข้าใจแล้ว ไม่ใช่ว่าเฉินเถียนสุ่ยแอบมีความสัมพันธ์กับนางโจว แต่เป็นเฉินเถียนสุ่ยแอบรักนางโจวมาโดยตลอดต่างหาก“นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า!”เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของนางโจว ทันใดนั้น เฉินอาหนิวก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างตอนนั้นเขาก็ชอบนางโจวเพราะความงาม จึงได้ไปสู่ขอที่สกุลโจว“ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” เฉินเถียนสุ่ยจัดปกเสื้อของตัวเอง “นางบอกแล้วว่าจะขอหย่ากับเจ้า”“ข้าไม่มีทางยอม”เฉินอาหนิวส่ายหัว ในขณะนั้นเอง ก็มีช
“กฎเป็นสิ่งตายตัว แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต”เกาเจี้ยนยิ้ม ไม่ได้ตำหนิเขา“กลับไปแล้วรับโทษโบยห้าไม้ พอเป็นพิธีก็แล้วกัน”วันนี้เขาอยู่ในเหตุการณ์ เห็นกับตาตัวเองว่าเฉินอาหนิวเลวทรามแค่ไหน ลองคิดกลับกันแล้ว ถ้าเป็นพี่สาวของเขาโดนรังแกแบบนี้ เขาก็คงทนไม่ไหวต้องลงมือเช่นกัน“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”น้องเล็กสกุลโจวมองไปที่ลั่วยาง “ท่านหมอ พิษงูในตัวพี่หญิงของข้าคงไม่เป็นอะไรมากแล้วใช่หรือไม่ ข้าพานางกลับบ้านได้หรือยัง?”“ได้ กลับไปแล้วให้ทานอาหารอ่อน ๆ หน่อยนะ”ลั่วยางพยักหน้า น้องเล็กสกุลโจวรีบอุ้มนางโจวออกไปทันที“พวกเจ้ารอข้าด้วย”เฉินเถียนสุ่ยวิ่งตามมาข้างหลัง ดูท่าทางแล้ว ต่อไปเขาคงจะมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ นางโจวบ่อย ๆ ละครฉากใหญ่จบลงอย่างรวดเร็ว ลั่วยางมองกู้หว่านเยว่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“พี่หญิงหว่านเยว่ เมื่อครู่เฉินอาหนิวข่มขู่พวกเรา บอกว่าถ้าลูกเป็นอะไรไปจะมาหาเรื่องพวกเรา ตอนนั้นท่านไม่กลัวบ้างหรือ?”ในตอนนั้นลั่วยางลังเลใจ นางกลัวว่าจะเดือดร้อน พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ“จำไว้ ไม่ว่าเมื่อไร ความต้องการของผู้ป่วยสำคัญที่สุด”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “โดยเฉพาะอย
อย่างไรเสีย พวกเขาก็ยังต้องอยู่ที่ด่านซานไห่อีกสองวัน สองวันนี้ว่างไม่มีอะไรทำ สู้ไปกับลั่วยางเพื่อหาผลพุทราทรายด้วยกันเสียเลยดีกว่า“เอาอย่างนี้ ตอนที่เจ้าจะไปหาผลพุทราทราย ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือน“แต่ว่า ข้าจะอยู่ที่ด่านซานไห่แค่ไม่กี่วัน ถ้าเจ้าอยากให้ข้าไปกับเจ้า ก็ต้องรีบหน่อยแล้ว”นางก็ไม่มีเวลามากมายที่จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นกันดวงตาของลั่วยางเป็นประกาย เดิมทีนางแค่ต้องการขอวิธีจากกู้หว่านเยว่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากู้หว่านเยว่จะไปกับนางด้วยตัวเอง“เช่นนั้นพวกเราไปพรุ่งนี้เลยดีหรือไม่ ข้าจะกลับไปเตรียมตัวก่อน”ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น“สองวันนี้อากาศดี พรุ่งนี้ฝนก็ไม่น่าจะตก เดี๋ยวเราไปเจอกันที่หน้าประตูเมือง ข้าจะพาพวกท่านไปที่ทะเลทรายเอง”พูดถึงตรงนี้ นางก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้“จริงสิ ทะเลทรายแห่งนั้นค่อนข้างแปลก”“แปลกอย่างไร?”กู้หว่านเยว่เกิดความสนใจ จึงฟังลั่วยางอธิบายต่อ“ครั้งที่แล้วที่ข้าไป ข้าเห็นหลุมเล็ก ๆ อยู่ในทะเลทราย แต่ตอนนั้นข้าไปคนเดียว จึงไม่กล้าเข้าไปดู กลัวว่าจะเป็นกับดักอะไรสักอย่าง”ในทะเลทรายมักจะมีหลุมทรายดูด นาง
“ข้าไม่มีทักษะทางการแพทย์จริงๆ นั่นแหละ แต่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”เขาพยายามพิสูจน์ตัวเอง“เจ้ายังไม่เคยเห็นทักษะดาบของข้า ทักษะดาบของข้าสูงมาก หากเจอแมงป่องพิษจริงๆ ข้าสามารถสับมันเป็นสองท่อนได้ในคราเดียว”เกาเจี้ยนกระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ตัวเองถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะล่วงเกินลั่วยาง เขาก็อยากจะม้วนแขนเสื้อตัวเองขึ้นด้วยซ้ำ ให้ลั่วยางดูกล้ามแขนที่บึกบึนของเขา“อุ๊บ!”ลั่วยางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ“ท่านรู้ไหมว่าในทะเลทรายนั้นมีแมงป่องพิษมากน้อยแค่ไหน?”นางเหมือนเห็นคนโง่“แมงป่องพิษในทะเลทรายนั้น ข้ามองปราดเดียวก็นับไม่ถ้วน มีนับร้อยนับพันตัว แม้ว่าทักษะดาบของท่านจะสูงส่งเพียงใด แต่จะสามารถสับแมงป่องพิษทั้งหมดให้เป็นสองส่วนได้เชียวหรือ?”“เรื่องนี้...”เกาเจี้ยนไม่เคยพิจารณาถึงปัญหาข้อนี้จริงๆ“ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้”สองหมัดยากจะต่อกรสี่มือ ถ้าหากเขาเป็นปลาหมึกยักษ์ล่ะก็ บางทีอาจจะทำได้“ข้าให้พี่หญิงหว่านเยว่ไปกับข้า พี่หญิงหว่านเยว่น่าจะมีผงยาบางอย่าง ที่สามารถทำให้แมงป่องพิษเหล่านั้นอ่อนข้อให้ได้”ลั่วยางอธิบายสรรพสิ่งต่าง ๆ ล้วนเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน แมงป่องพิษก็มีศัตร
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป