หลังสิ้นสุดเสียงร้องด้วยความตกใจของนางหลิว ทุกคนก็ทยอยกันหันกลับไปมองเวลานี้ทุกคนเห็นฮูหยินผู้เฒ่าซูนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น ก็พากันตื่นตระหนกไม่ได้ หรือว่านางจะสิ้นใจแล้ว?“นี่ ตายแล้วจริง ๆ หรือ?”นักการเดินเข้าไป จากนั้นก็ใช้แส้สะกิดสองครั้งโชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูยังไม่ตาย เมื่อได้ยินนางส่งเสียงร้อง “ไอหยา” ออกมา ซูหัวหยางก็รีบเดินรุดหน้าเข้าไปทันที“ท่านแม่ ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”“เจ้าหวังให้ข้าตายหรือไร? ข้าหนาวจนจะแข็งตายอยู่แล้ว....” ฮูหยินผู้เฒ่าซูยกแขนที่สั่นระริกขึ้นมา จึงได้เห็นว่าแขนทั้งสองข้างของนางถูกแช่แข็งจนมีลักษณ์คล้ายกับเปลือกไม้ไปแล้ว“ท่านแม่ ทุกคนก็หนาวกันทั้งนั้น ไม่มีเสื้อผ้ามากพอ ท่านอดทนหน่อยนะ....”ทันใดนั้นซูหัวหยางก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงหันไปกล่าวกับนางจินและซูหรานหร่าน“พวกเจ้าสองคนรีบถอดเสื้อผ้าออก เอามาให้ท่านแม่ของข้าใส่คลายความหนาว”“ว่าอย่างไรนะ?” ซูหรานหร่านเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พวกเขาทุกคนสวมเสื้อผ้าทั้งหมดสามชั้น “ยกเสื้อตัวนอกให้ท่านย่า แล้วข้ากับท่านแม่จะทำอย่างไร?”“เจ้ามันคนอกตัญญู ท่านย่าของเจ้าเลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่มาอย่
“ระวัง!”นักโทษคนอื่นพากันหลบหลีกด้วยความตกใจ ในช่วงเวลาที่หน้าสิ่วหน้าขวานนั้น กู้หว่านเยว่ได้ทำการหักเลี้ยวเพื่อหลบเลี่ยงรถม้าคันนั้นซูจิ่นเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังไม่ได้โชคดีนัก ถูกกระแทกจนล้มหน้าคว่ำไปกับพื้น“ไอหยา!”รถม้าได้พลิกคว่ำไปบนพื้น ก่อนจะมีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมยาวคนนั้นกลิ้งตกลงมาจากรถม้าหลังจากกลิ้งตกลงมากระแทกพื้นเขาก็เริ่มกอดแขนด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ชี้หน้าด่าทอซูจิ่นเอ๋อร์“ไม่มีตาหรือไร ถึงได้กล้าชนรถม้าของข้า เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”ซูจิ่นเอ๋อร์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เห็น ๆ อยู่ว่าเจ้าเป็นคนพุ่งเข้ามา เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า ข้ายังไม่โทษเรื่องที่เข้าทำมือข้าบาดเจ็บเลยนะ”“นังคนชั้นต่ำ บาดเจ็บแล้วอย่างไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”ชายหนุ่มชุดคลุมหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ท่าทางของเขาหยิ่งยโสมาก“เขาคือคุณชายเล็กหมู่บ้านโซว่หวาง มีชื่อว่า กงซุนจ่างเย่” ซูจิ่งสิงกระซิบอยู่ข้างหูของกู้หว่านเยว่เบา ๆ หมู่บ้านโซว่หวาง เป็นหมู่บ้านที่มีความหมายคล้องจองตามชื่อ ทุกคนในหมู่บ้านล้วนเชี่ยวชาญด้านการฝึกฝนสัตว์ร้าย ม้าหลวงและม้าศึกในราชสำนักต่างถูกจัดหาโดยฝีมือของคนในหม
แต่กว่าเขาจะได้สติกลับมาก็สายเกินไปเสียแล้ว ผิวน้ำแข็งที่อยู่ใต้เท้าของกงซุนจ่างเย่เกิดเสียง ‘แกรก’ ดังขึ้น ตามมาด้วยรอยแตกร้าวที่ทอดเป็นทางยาว“เกิดอะไรขึ้น?”เขาที่เมื่อครู่ทำตัวหยิ่งยโสมาก จู่ ๆ ก็ตัวแข็งทื่อคล้ายกับก้อนหินไปโดยปริยาย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเขากลัวว่าผิวน้ำแข็งจะแยกจากกันโดยสมบูรณ์ ทำให้เขาร่วงตกลงไป“แกรก แกรก....”เขายังคงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ผิวน้ำแข็งเริ่มแตกร้าวอีกครั้ง กงซุนจ่างเย่ตกใจจนเกือบจะร้องไห้ ในเสี้ยววินาทีที่แผ่นน้ำแข็งกำลังจะแยกออกจากกันนั้น กู้หว่านเยว่ก็ได้ตะโกนด้วยเจตนามุ่งร้าย“หากข้าเป็นท่าน ข้าจะยืนนิ่ง ๆ ไม่ขยับ!”“ยืนนิ่งไม่ขยับอย่างนั้นหรือ?”กงซุนจ่างเย่หยุดวิ่งด้วยความตื่นตระหนก ผลปรากฏว่าผิวน้ำแข็งผืนนี้หยุดแตกร้าวในทันที แต่เขาไม่สามารถขยับตัวได้“แล้วตอนนี้ต้องทำอย่างไร?”เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองทรมานเช่นนี้มาก่อน“ไม่รู้สิ”กู้หว่านเยว่ยกมือแสดงท่าทีอย่างจนปัญญา พลางกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสาว่า “ใครใช้ให้ท่านกระโดดโลดเต้นจนทำให้ผิวน้ำแตกเล่า ไม่เช่นนั้นท่านก็ต้องยืนอยู่ที่นี่ตลอด รอจนกว่าน้ำจะแข็งตัวเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง”แบบ
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกว่าความโหดร้ายของอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่เหมือนกับที่มู่หรงอวี้ว่าไว้?อย่างมากก็แค่ชอบยั่วโมโหจนน่าหงุดหงิดไปหน่อย?“คุณชาย เมื่อครู่เจ้าขอร้องกู้หว่านเยว่แล้ว หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ท่านจะต้องถูกพี่สาวทั้งห้าหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน”“.....หุบปากไปเลย เจ้าจะไปรู้อะไร เขาเรียกว่าผู้รู้สถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด ข้าจะรีบตามไปแก้แค้นอย่างแน่นอน!”ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ หลังจากข้ามแม่น้ำมาได้แล้วก็ไม่หยุดพักแต่อย่างใด เพื่อป้องกันไม่ให้กงซุนจ่างเย่กลับมาอีก นางจึงให้ซุนอู่เร่งเดินทางจนกระทั่งหันกลับไปไม่เห็นทิศทางของแม่น้ำมู่ตันแล้ว ทุกคนถึงได้โล่งใจ และแวะพักกลางทาง“ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว รีบกางกระโจมและพักผ่อนกันเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบเสื่อน้ำมันออกมาสร้างกระโจม ซูจิ่นเอ๋อร์และคนอื่นพากันก่อกองไฟอย่างรู้งานทุกคนต่างสัมผัสได้ว่าเวลากลางคืนในป่าลึกเช่นนี้จะหนาวเหน็บถึงระดับไหน ความหนาวนั้นอาจจะถึงระดับที่ทำให้คนตัวแข็งตายได้ ทุกคนจึงทยอยล้อมกันเข้ามาผิงไฟให้ร่างกายอบอุ่นกู้หว่านเยว่แอบหยิบขิงสดออกมาจากในห้วงมิติ จากนั้นก็ต้มเป็นน้ำขิงหม้อใหญ่อากาศแบบนี้ไม่
กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่ามู่หรงอวี้กำลังวางแผนลับหลังตน ทันทีที่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ทุกคนก็เดินทางกันต่อเมื่อเห็นเสบียงอาหารบนเกวียนใกล้หมดแล้ว นางก็รีบกระโดดลงจากเกวียน ถือจอบไปขุดผักป่ากลางทางเนื่องจากมีผู้ถูกเนรเทศจำนวนมาก ทำให้ผักป่าทั้งสองข้างทางถูกขุดไปจนหมด กู้หว่านเยว่ออกตามหาทั่วสารทิศ กระทั่งเจอขิงฝรั่งในดินที่ยังไม่มีใครขุดเจอนัยน์ตาของนางเปล่งประกาย ถึงขั้นตะโกนบอกซูจิ่นเอ๋อร์“จิ่นเอ๋อร์ ตรงนี้มีขิงฝรั่งด้วย เอาตะกร้ามาเก็บเร็วเข้า!”“มาแล้ว!”ซูจิ่นเอ๋อร์เชื่อฟังนางมาก นางยกงานบังคับเกวียนให้กับซูจื่อชิง ส่วนตัวเองรีบหยิบตะกร้าเดินมาข้างกายของกู้หว่านเยว่“พี่สะใภ้ใหญ่ ขิงฝรั่งเหล่านี้ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง?”“ฮ่า ๆ แม้ว่ามันจะขึ้นชื่อว่าเป็นขิง แต่มันไม่ใช่ขิงหรอกนะ ขิงฝรั่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง ใช้ทำเป็นยำและโจ๊กรสชาติไม่เลวเลย”กู้หว่านเยว่กล่าวพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้าน นางรู้สึกเหมือนมีคนแอบซุ่มอยู่ ในใจของนางเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ชอบมาพากลบางอย่าง“เรารีบขุดกันเถอะ ขุดเสร็จแล้วก็รีบกลับไปรวมตัวกับขบวน”“เจ้าค่ะ” ซูจิ่นเอ๋อร์เร่งมือขุดทันที สองมือช่วยกัน นางในต
ชายวัยกลางคนที่อยู่หน้าสุดแต่งกลายด้วยชุดเกราะทั้งตัวตะโกนด้วยเสียงที่ทรงพลังและแข็งแกร่งเขาชักมีดออกมา จากนั้นก็สังหารผู้อพยพที่สร้างปัญหาที่โหดร้ายที่สุดภายในฉับเดียวผู้อพยพรอบตัวพากันตื่นตกใจ เพื่ออาหารคำเดียวถึงกับทำให้พวกเขาเสียสติได้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่อยากตาย“อ๊าก! มีคนตาย มีคนตาย หนีเร็วเข้า!”เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นผู้อพยพกลุ่มนี้สลายตัวไป นางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะเดียวกันก็มองไปทางชายวัยกลางคนด้วยสายตาซาบซึ้ง“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยเหลือ ขอถามหน่อยท่านคือใคร?”ซุนอู่รีบรุดหน้าเข้าไปกล่าวขอบคุณ นายทหารที่อยู่ด้านหลังคนหนึ่งกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพของเราคือหนานหยางอ๋องผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เจ้าเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่?”หนานหยางอ๋อง?กู้หว่านเยว่ใจเต้นแรง เมื่อเห็นหนานหยางอ๋องที่นั่งอยู่บนหลังม้าก็นึกเห็นใจขึ้นมาฉับพลันนี่คงไม่ใช่บุรุษผู้โง่เขลาที่ยอมทุ่มเทให้กับการเป็นทหารทั้งชีวิตทำงานเพื่อคนอื่นตามในต้นฉบับหรอกนะ?!คิดไม่ถึงว่าจะเจอเขาที่นี่เขาไม่ได้อยู่ในหนานหยางตลอดหรือ?จริงสิ เขาตายอย่างไรกันนะ?ในต้นฉบับเขียนไว้อย่างคลุมเครือ บอกแค่ว่าฟู่เยียนหรา
แล้วซุนอู่ก็ยิ้มออกมา มีแม่นางกู้เดินไปดู เรียบร้อยแล้ว!“หว่านเยว่” ซูจิ่งสิงเผยสีหน้ากังวลใจหนานหยางอ๋องผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุได้ มีทหารอันธพาลภายใต้บังคับบัญชาเป็นจำนวนมากทำการปกป้องบ้านเมือง แต่ก็โหดร้ายมากเช่นกัน“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นอะไร พวกเขาไม่มีทางลงไม้ลงมือกับหมอหรอก ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ก่อน”พอกู้หว่านเยว่ออกไป ทหารเหล่านั้นก็เข้ามาพอดีเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ หลายคนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทหารหนุ่มนายหนึ่งในนั้นกวาดสายตามองกู้หว่านเยว่สักพักอย่างคลุมเครือ จากนั้นก็ส่ายหน้า“ยังเด็กเกินไป...”เด็กขนาดนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋อง แล้วใครจะรับผิดชอบ?“รู้สึกว่าข้าเด็กหรือ? เช่นนั้นข้าจะไป” เดิมทีนางก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยากนี้อยู่แล้วซุนอู่พูดไม่ออก กว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมแม่นางกู้ได้ไม่ใช่ง่าย ๆ เลย เด็กแล้วเป็นอย่างไร ทักษะทางการแพทย์ของแม่นางกู้นั้นแม้แต่อาการขาหักของซูจิ่งสิงยังรักษาจนหายได้!“ช้าก่อน!”หวังปี้ก็มึนงงเช่นกัน เขาพูดไปอย่างนั้นเอง เหตุใดถึงจะไปจริง ๆ เล่า หมอคนนี้ขี้โมโหขนาดนั้นเชียวหรือ?“เอ่อ ถึงเจ้าจะยังเด็ก แต่ที่นี่ก็ไม่มีหมอคนอ
“พิ้ว!” ฝูงชนแตกตื่นโดยพลัน “น้ำเสียงแม่นางน้อยมั่นใจมาก พิษนี้ถูกคิดค้นโดยชาวต่างแคว้น แม้แต่หมอหลวงก็รักษาไม่ได้ เจ้ารักษาได้หรือ?”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ “ถึงเวลาปรับเปลี่ยนหมอหลวงในวังทั้งชุดแล้ว”นางไม่ได้พูดเกินจริงเลย ยิ่งไปกว่านั้นพิษกระดูกข้อเท้าเป็นเพียงพิษธรรมดาเท่านั้นเป็นหมอหลวงยังคลายไม่ได้ ไม่สมควรจริง ๆหนานหยางอ๋องอดลืมตาขึ้นมาไม่ได้ พลางถามด้วยเสียงแหบพร่า“แม่นางน้อย เจ้าช่วยคลายพิษให้ข้าได้จริงหรือ?”เขาทรมานด้วยพิษนี้มานานกว่าสิบปี ในฤดูหนาวทุกปีต้องอยู่แบบตายทั้งเป็นหลายวัน หากแม่นางน้อยคนนี้สามารถช่วยคลายพิษนี้ให้เขาได้ ในอนาคตเขาจะได้หลุดพ้นจากวันเวลาเช่นนี้ไปได้!กู้หว่านเยว่มองไปที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าของหนานหยางอ๋อง ตกอยู่ในภวังค์แม้ว่าหนานหยางอ๋องผู้นี้จะเป็นบิดาของฟู่เยียนหราน แต่ก็เป็นวีรบุรุษที่ปกป้องประชาชนของต้าฉีเช่นกันเหรียญตราคุณงามความดีมีอยู่ทั่วใบหน้าและในมือเขาแม้ว่านางจะเกลียดชังฟู่เยียนหราน แต่ก็ยังตัดสินใจคลายพิษให้หนานหยางอ๋องพลางถอนหายใจทันที “ใช่แล้ว ข้าสามารถคลายพิษให้ท่านได้”“แต่ข้าไม่มียาถอนพิษสำเร็จรูปอยู่ในมือ ต้องใช้เวลา
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป