ทันทีที่สิ้นเสียง ลูกธนูแหลมคมลูกหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากนอกหน้าต่างรถม้าซูจิ่งสิงตาไว มือไว เขาดึงกู้หว่านเยว่และจ้านจ้านให้หมอบลงพร้อมกัน จึงรอดพ้นจากคมธนูดอกนั้นไปได้แววตาของกู้หว่านเยว่เย็นเยียบลงเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าร่องรอยของพวกเราจะถูกเปิดเผยแล้ว” ยังไม่ทันถึงด่านเซียว มือสังหารก็ล้อมเข้ามาเสียแล้ว“ท่านพี่ระวังหน่อย บนลูกธนูนั่นมีสีเขียวคล้ำ มันอาบยาพิษ” ซูจิ่งสิงพยักหน้า “เจ้ากับลูกอยู่ในรถม้าไปก่อน ข้าจะออกไปดูว่าผู้ใดมันบังอาจถึงเพียงนี้”กู้หว่านเยว่กอดจ้านจ้านไว้แน่นภายในอ้อมแขน พลางหยิบเบาะรองนั่งนุ่ม ๆ มาคลุมร่างของจ้านจ้านไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถูกลูกธนูที่ยิงสะเปะสะปะเข้ามาทำร้าย“จ้านจ้านไม่ต้องกลัวนะ มีแม่อยู่ตรงนี้” กู้หว่านเยว่ปลอบโยนเสียงเบาไม่คาดคิดว่าเด็กน้อยจ้านจ้านจะใจกล้ายิ่งนัก “ท่านแม่วางใจเถิด จ้านจ้านไม่กลัว ท่านพ่อจัดการคนเลวพวกนั้นได้อยู่แล้ว”“เด็กดี!”ความภาคภูมิใจแวบขึ้นมาในใจของกู้หว่านเยว่ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้นจากนอกรถม้าจริง ๆ ครู่ต่อมา ก็มีคนชุดดำคนหนึ่งเข้ามาใกล้รถม้าและพุ่งเข้าโจมตีกู้หว่านเยว่แต่ยังไม่ทันที่คนชุ
จูจิ้งเหวินราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต รีบคุกเข่าลงต่อหน้าก่วนเหยียน “ใต้เท้าก่วน โปรดฟังข้าน้อยสักคำ เรื่องการติดสินบนนั้นข้าน้อยบริสุทธิ์จริง ๆ ใต้เท้าโปรดให้โอกาสข้าน้อยอีกครั้ง!”ก่วนเหยียนถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโมโห ตอนที่เขาเพิ่งได้รับเงินสินบนจากจูจิ้งเหวิน เขาก็ยังไม่กล้ายืนยันแน่ชัด เกรงว่าจะใส่ร้ายบัณฑิตผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นจึงได้ส่งคนไปสืบสวนเป็นพิเศษ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจูจิ้งเหวินผู้นี้จะเป็นผู้กระทำผิดจนเป็นนิสัย แม้กระทั่งผู้อำนวยการสำนักศึกษาก็เคยถูกเขาติดสินบนมาแล้ว หลักฐานแต่ละชิ้นล้วนวางอยู่ตรงหน้า เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะใส่ร้ายจูจิ้งเหวิน แต่ตอนนี้จูจิ้งเหวินกลับยังมีหน้ามาร้องขอความเป็นธรรม เขาชักอยากจะเห็นแล้วว่าคนผู้นี้ยังมีอะไรจะพูดอีกก่วนเหยียนจึงเอ่ยถาม “ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าบริสุทธิ์ หรือว่าข้าใส่ร้ายเจ้าอย่างนั้นหรือ?”จูจิ้งเหวินรีบคุกเข่า “ใต้เท้าสายตาเฉียบแหลม ย่อมไม่ใส่ร้ายข้าน้อยเป็นแน่ เพียงแต่ว่าข้าน้อยบริสุทธิ์จริง ๆ เรื่องนี้เป็นฝีมือของซ่งอวิ้น อดีตภรรยาของข้าน้อยที่แอบทำลับหลังข้า ข้าไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย”ก่วนเหยียนหรี่ตาลงจูจิ้งเหวินก
ชิงเหลียนพอจะจำคนผู้นี้ได้ “ก็คือผู้ว่าการอำเภอเซียงหยางที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งคนนั้น ได้ยินมาว่าเขาอายุสามสิบแล้วแต่ยังไม่แต่งงานเลย แต่ว่าวันที่ข้าไปรับเอกสารราชการก็เหลือบมองแวบหนึ่ง หน้าตาก็ไม่เลวเลยเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เริ่มสนใจขึ้นมา “คนผู้นี้ชื่ออะไรหรือ?”“ดูเหมือนจะสกุลก่วนเจ้าค่ะ”ซูจิ่งสิงกล่าวเสียงเรียบ “ก่วนเหยียน เป็นทั่นฮวาในสมัยที่มู่หรงถิงยังดำรงตำแหน่ง คนผู้นี้เป็นคนซื่อตรง เกลียดชังพวกประจบสอพลอผู้มีอำนาจที่สุด จึงได้ล่วงเกินคนในแวดวงขุนนางไปไม่น้อย แม้จะมีความสามารถ แต่ก็ไม่ได้รับการส่งเสริม ตอนนี้จึงยังเป็นได้เพียงผู้ว่าการอำเภอ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “มิน่าเล่า เขาถึงได้รังเกียจการติดสินบนของจูจิ้งเหวิน”ขณะที่สองสามีภรรยากำลังคุยเรื่องซุบซิบกันเพลิน ๆ พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า หลังจากที่พวกเขาจากมาได้ไม่นาน จูจิ้งเหวินก็ได้ไปหาห่าวเจินเจินถึงที่จริง ๆ “เจินเจิน ถือว่าเห็นแก่ความเป็นสามีภรรยาของเราเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ข้ามันหน้ามืดตามัวเอง นับจากนี้ไป เจ้ากับข้าจะกลับมาคืนดีกัน ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าเสียใจอีก จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”เพียงไม่กี่วันที่ไ
กู้หว่านเยว่เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของซูจิ่งสิง ก็รู้ได้ทันทีว่าในจดหมายลับต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างเป็นแน่“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับด่านเซียวหรือ?”“อีกสิบวัน พวกเขาจะรวมตัวกันนอกเมืองด่านเซียว เพื่อสังหารหมู่ชาวบ้าน”ซูจิ่งสิงยื่นจดหมายลับให้กู้หว่านเยว่“พวกเขาไม่ใช่คนต่างเผ่า แต่เป็นพรรคพวกที่ยังหลงเหลืออยู่ของมู่หรงถิง”กู้หว่านเยว่พลันเข้าใจในทันที มิน่าเล่าทางชายแดนถึงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่แท้ก็เป็นพรรคพวกของมู่หรงถิง“มู่หรงถิงนั่งอยู่บนบัลลังก์มานานกว่ายี่สิบปีแม้ว่าเขาจะถูกลงโทษไปแล้ว แต่การที่ยังมีกลุ่มผู้ติดตามหลงเหลืออยู่ก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เผาจดหมายลับทิ้ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เหลือร่องรอยใด ๆ “ท่านพี่ ท่านคิดจะทำอย่างไร?”มู่หรงถิงคือศัตรูผู้สังหารบิดามารดาของซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงจึงเกลียดชังมู่หรงถิงเข้ากระดูกดำ แต่สำหรับพรรคพวกที่หลงเหลืออยู่นั้น เขากลับใช้วิธีลงโทษสถานเบาชีวิตผู้คนบริสุทธิ์ เขาก็ไม่ต้องการที่จะฆ่าล้างบางน่าเสียดายที่พรรคพวกเหล่านี้กลับไม่ใช่คนฉลาด ไม่รู้จักล่าถอยไปใช้ชีวิตอย่างสงบสันโดษในป่าเขา แต่กลับมารวมตัวกันเพื่อก่อกบฏอย่าง
ซูจิ่งสิงพยักหน้าจดหมายลับฉบับนี้เพิ่งถูกส่งมาจากชายแดน องครักษ์ลับไปดักชิงมาจากกองโจรพเนจรได้ แต่น่าเสียดายที่ตัวอักษรบนนั้นไม่ใช่อักษรของต้าฉี เมื่อครู่ทั้งสองคนจึงกำลังศึกษาเนื้อหาในจดหมายลับอยู่“จดหมายฉบับนี้ก็ใกล้จะแปลเสร็จแล้ว ส่วนที่เหลือข้าจัดการต่อเอง”ซูจิ่งสิงกำชับประโยคหนึ่ง“รีบไปรีบกลับเถิด”กู้หว่านเยว่พยักหน้า แล้วรีบเดินออกไปจากประตูรถม้าของซูจิ่นเอ๋อร์จอดรออยู่ด้านนอก พอขึ้นไปบนรถม้า ก็เห็นสีหน้าที่ดูไม่สบายใจเล็กน้อยของซูจิ่นเอ๋อร์“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านมาพอดีเลย ข้ามีความลับอย่างหนึ่งจะบอกท่าน”“ความลับอะไรหรือ?”กู้หว่านเยว่นั่งลงแล้วจิบชา เด็กคนนี้เรียกนางออกมาอย่างร้อนรน คงจะมีเรื่องสำคัญบางอย่างจริง ๆ ซูจิ่นเอ๋อร์ขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าลำบากใจเรื่องนี้เป็นสิ่งที่นางบังเอิญไปค้นพบเข้า เดิมทีนางไม่อยากบอกใคร แต่การเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจเพียงลำพังมันช่างน่าอึดอัดเหลือเกิน คิดไปคิดมาจึงตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับพี่สะใภ้ใหญ่ บางทีพี่สะใภ้ใหญ่อาจจะชี้แนะแนวทางให้นางได้“พี่สะใภ้ใหญ่ ฟู่หลานเหิงไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ ของแม่สามีของข้า”กู้หว่านเยว่ถึงกับนึกว่าตนเองหูฝ
ฮูหยินผู้เฒ่าจูตกใจไม่น้อย “ลูกแม่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดทางการถึงได้ถอดถอนตำแหน่งของเจ้าไปอย่างกะทันหัน?”จูตั่วก็หน้าเศร้าสลด พลางโวยวายขึ้น “พี่ใหญ่ ข้าบอกทุกคนไปหมดแล้วว่า ข้ากำลังจะได้เป็นน้องสาวของขุนนางในราชสำนัก แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แล้วข้าจะออกไปเจอหน้าผู้คนได้อย่างไร?”นางเขย่าแขนเสื้อของจูจิ้งเหวิน จูจิ้งเหวินเองก็ร้อนใจราวกับมดบนกระทะร้อนอยู่แล้ว ด้วยความร้อนรน จึงสะบัดมือตบจูตั่วฉาดใหญ่“ไสหัวไป ตอนนี้ข้ากำลังกลุ้มใจอยู่ เจ้ายังจะมาก่อเรื่องวุ่นวายอีก!”“พี่ใหญ่ ท่านตบข้าหรือ?” จูตั่วกุมใบหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ มุมปากของนางบวมเป่งขึ้นมาทันที“ท่านกล้าตบข้า ขนาดท่านแม่ยังไม่เคยตบข้าเลย ท่าน...”ขณะที่จูตั่วกำลังจะอาละวาดต่อ จูจิ้งเหวินก็ถลึงตาใส่นางอย่างดุร้าย ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าจูตกใจจนสงบสติอารมณ์ลงไปมาก “โตวเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อน!”“ท่านแม่!”“ออกไป! กลับห้องไปหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิด อย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่”ฮูหยินผู้เฒ่าจูกล่าวเสียงเข้ม พร้อมกับขยิบตาให้จูตั่วอย่ามองว่าปกติแล้วจูจิ้งเหวินจะเป็นบัณฑิตผู้สุภาพ แต่เมื่อใดที่ล้ำเส้น