“ผู้หญิงไม่ดีในสวน นางสวมชุดสีม่วง ทำท่าทางอ่อนแอพิงอยู่บนตัวท่านพ่อ ท่านแม่รีบไปเร็วเข้า”พิงอยู่บนตัวซูจิ่งสิง?เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินเช่นนั้น มุมปากก็กระตุกทันที“จ้านจ้าน นำทางไป”จ้านจ้านรีบเดินนำหน้าไปทันที จงหลี่ก็อยากจะตามไปด้วย แต่ถูกกู้หว่านเยว่ห้ามไว้ ให้เขาอยู่ดูแลเฟิงเพียนอวิ๋นต่อสองแม่ลูกเดินมุ่งหน้าไปยังสวนด้วยท่าทางองอาจ ด้านนอกสวนยังมีเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ นั่นคือจี้เยว่ที่ถูกจ้านจ้านทิ้งไว้ให้ดูต้นทาง“นี่!” เจ้าเด็กน้อยหลับไปแล้ว ทำเอาจ้านจ้านถึงกับพูดไม่ออก“เอ๊ะ? ท่านพี่องค์ชาย ท่านกลับมาแล้วหรือ”“ข้าไม่ได้ให้เจ้าดูต้นทางอยู่ที่นี่หรอกหรือ แล้วเหตุใดเจ้าถึงหลับไปได้เล่า?” จ้านจ้านพูดไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าตำหนิจี้เยว่ จึงโบกมือเรียกนางกำนัลคนหนึ่งมาอุ้มนางกลับไปนอนจากนั้นจึงกลับมาจูงมือกู้หว่านเยว่ “ท่านแม่ ท่านพ่อกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ในสวนนี้ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”“ได้” กู้หว่านเยว่พยักหน้า บนใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรมากนักผลลัพธ์คือ ทันทีที่ทั้งสองเดินเข้าไป ก็ชนเข้ากับซูจิ่งสิงที่กำลังเดินออกมาพอดี พร้อมกับหญิงสาวในชุดสีม่วงที่ถูกนางกำนัลสองคน
นางรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาทันที ขาสองข้างอ่อนแรง จนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้นจงหลี่มือไวตาไว รีบเข้าไปประคองนางไว้“ปล่อยข้านะ!” เฟิงเพียนอวิ๋นหน้าแดงก่ำ เพราะท่าทางของนาง จึงเผยให้เห็นหัวไหล่ขาวเนียนส่วนเล็ก ๆ “อย่าขยับ เจ้าโดนยาสลบ ข้าจะพาเจ้ากลับวังไปพักผ่อนก่อน”เฟิงเพียนอวิ๋นส่ายศีรษะไปมา นางรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ “ไม่ต้องมายุ่งกับข้า ข้า... ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้านะ!”ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ จงหลี่ก็ก้มลงอุ้มนางขึ้นมา แล้วเดินออกไปข้างนอก“ถ้าไม่อยากตกลงมา ก็อย่าขยับ”“ท่าน...” เฟิงเพียนอวิ๋นกัดริมฝีปากแดงระเรื่อ ในที่สุดก็หมดแรงที่จะขัดขืน ทำได้เพียงปล่อยให้จงหลี่อุ้มไปกู้หว่านเยว่หัวเราะเบา ๆ แล้วก้าวเดินตามไปเมื่อทั้งสามคนออกมาจากลานบ้าน องครักษ์ลับที่ล้อมอยู่โดยรอบก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วรีบมาอยู่เบื้องหน้าของจงหลี่อย่างรวดเร็ว“นายท่าน เมื่อครู่ชายที่อยู่ข้างในหลังจากที่ออกไปแล้ว เดินไปได้ไม่ไกลนัก ก็ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงคิดสั้น เอาศีรษะโขกกับมุมกำแพงจนเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ลับเหล่านี้รู้เพียงว่านายท่านมีคำสั่งให้ปล่อยชายผู้นั้นไป แต่กลับไม่รู้ถึงความสัมพั
“ก็ได้เพคะ” ไม่ว่าพี่ใหญ่จะคิดเช่นไร ในฐานะน้องสาว นางย่อมเคารพความคิดเห็นของเขาทั้งสองปรึกษากันว่า อีกเดี๋ยวจะฉวยโอกาสตอนที่สือโย่วไม่ทันระวังตัว บุกเข้าไปซัดเขาให้สลบ แล้วพาตัวเฟิงเพียนอวิ๋นออกมา“กรี๊ด!” ทันใดนั้น เสียงร้องของเฟิงเพียนอวิ๋นก็ดังขึ้นมาจากข้างในสีหน้าของจงหลี่เปลี่ยนไปในทันที เขาไม่สนใจอันตรายจากการเปิดเผยตัวอีกต่อไป พุ่งตรงไปเปิดหน้าต่างออกแต่ภาพที่เห็นกลับทำให้ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟด้วยความโกรธสือโย่วกำลังกดเฟิงเพียนอวิ๋นไว้บนเตียง และกระชากเสื้อผ้าของนาง“รนหาที่ตาย” ดวงตาของจงหลี่เย็นเยียบ ไม่รอช้าอีกต่อไป เขาชักกระบี่ยาวออกมา ตรงเข้าไปสั่งสอนสือโย่วทันทีกู้หว่านเยว่เองก็พุ่งเข้าไปเช่นกัน ฉวยโอกาสดึงเฟิงเพียนอวิ๋นเข้ามาในอ้อมแขน แล้วถอดเสื้อคลุมของตนเองห่อร่างของนางไว้“แม่นางเฟิง อย่ากลัวไปเลย ข้ามาช่วยท่านแล้ว”ร่างกายของเฟิงเพียนอวิ๋นสั่นเทา ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก น้ำตาสองสายไหลผ่านผ้าสีดำที่ปิดตาอยู่ อาบแก้มทั้งสองข้าง ดูน่าสงสารอย่างยิ่งกู้หว่านเยว่รู้สึกสงสารจับใจ จึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด“อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่ทำร้ายท่านหร
“เจ้าเป็นใครกันแน่? ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ”“อยู่เฉยๆ ไม่เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจเจ้าแน่” ชายคนนั้นจงใจดัดเสียงพูด แต่เมื่อเขาหันมา กู้หว่านเยว่กับจงหลี่ต่างก็รู้จัก เห็นได้ชัดว่าเขาคือสือโย่วที่ลอบสังหารพวกเขาตอนเข้าวังในคืนนั้นนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?พวกเขาสองคนเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่หรือ เหตุใดสือโย่วต้องจับเฟิงเพียนอวิ๋นด้วย?ดูจากท่าทางของเฟิงเพียนอวิ๋น นางไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของคนที่จับนางมากู้หว่านเยว่มองไปทางจงหลี่ ในแววตาก็ปรากฏความสงสัยเช่นกันทั้งสองอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงตัดสินใจดูสถานการณ์ไปก่อน อย่างไรตอนนี้ก็หาพวกเขาเจอแล้ว และไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะหนีไปไหนได้“เจ้าเป็นใครกันแน่? แน่จริงก็ดึงผ้าปิดตาของข้าออก ให้ข้าได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าหน่อย”เฟิงเพียนอวิ๋นพลางใช้กลยุทธ์ยั่วยุ พลางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวโดยรอบ เห็นได้ชัดว่ากำลังหาทางช่วยตัวเองสือโย่วเหลือบมองมาทางเฟิงเพียนอวิ๋นแวบหนึ่ง แล้วใช้เสียงที่ไม่เหมือนของตนเองเตือนนาง “อย่าคิดใช้กลยุทธ์ยั่วยุกับข้า ทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าอยู่ในสายตาข้าตลอดหากเจ้ากล้าหนี ข้าทำให้เจ้าได้อยู่อย่างตายทั้
“ท่านอ๋องจะไปไหน?”“พระราชวัง”หลังจากจงหลี่กลับวัง ก็ไปหากู้หว่านเยว่ทันทีในแววตาเขาเต็มไปด้วยความร้อนใจ “น้องเล็ก”เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นท่าทางของจงหลี่ ก็รู้แล้วว่าเขามาด้วยเรื่องอะไร“พี่ใหญ่อยากให้ข้าช่วยหาที่อยู่ขององค์หญิงเพียนอวิ๋นใช่หรือไม่”จงอวิ๋นพยักหน้า ให้เขาไปหาอย่างละเอียดตอนนี้ ก็มั่นใจว่าสามารถหาคนเจอ แต่เขากลัวว่าในช่วงเวลาที่เสียไป เพียนอวิ๋นจะได้รับบาดเจ็บ รีบตามหาคนให้เจอโดยเร็ว ความเสี่ยงก็จะน้อยเลยเขารู้ความสามารถของกู้หว่านเยว่ แม้ไม่เคยถามอย่างละเอียด แต่เขารู้ว่าน้องเล็กจะต้องหาคนเจอแน่นอน“หากน้องเล็กรู้สึกลำบากใจ”“ระหว่างข้ากับพี่ใหญ่จะมีอะไรลำบากใจไม่ลำบากใจล่ะ เห็นข้าเป็นคนนอกหรือ ไปกันเถอะ พวกเราไปหาตอนนี้เลย”แม้นางไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าสามารถหาคนเจอแน่นอน แต่อย่างไรก็ต้องไปลองดูก่อนทั้งสองออกจากวังด้วยกัน กู้หว่านเยว่ให้ระบบหาตำแหน่งของเฟิงเพียนอวิ๋นทันทีโชคดีที่ระบบพึ่งพาได้ สามารถระบุทิศทางได้ในทันที“นายหญิง คนที่ท่านต้องการหาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ขณะนี้อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง”ทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นย่านคนยากจน คน
ตำหนักข้างฝั่งตะวันตก“อี๋เหนียง พวกเราจะถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตจริงหรือ?” จงเถียนมองดูทหารยามที่เดินไปเดินมาข้างนอก บนใบหน้าใช้แววไม่เต็มใจนักลี่อี๋เหนียงกล่าวอย่างกังวล “เถียนเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป เสด็จพ่อของเจ้าต้องหาทางออกได้แน่นอน คนที่เขารักที่สุดก็คือเจ้า ไม่ปล่อยให้เจ้าติดอยู่ที่นี่ทั้งชีวิตแน่นอน”แม้กล่าวเช่นนี้ แต่เมื่อจงเถียนเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของจงฉง ในใจกลับไม่ได้คาดหวังหากเสด็จพ่อมีความสามารถจริง ก็คงไม่ถูกโจรป่ากลุ่มนั้นตีจนหนีกระเจิงและยังถึงขั้นจะพาพวกเขากลับมาอย่างหน้าด้าน ชีวิตขึ้นอยู่กับสีหน้าผู้อื่นนางกล่าวเสียงแผ่ว “ท่านกับเสด็จพ่อของเจ้าอายุมากแล้ว ทุกครั้งอยู่ที่นี่ทั้งชีวิตก็ไม่เป็นอะไร แต่ข้ายังสาวยังแส้ ยังไม่ได้ออกเรือนเลย ข้าจะถูกขังอยู่ที่นี่ทั้งชีวิตไม่ได้ข้าต้องคิดหาวิธี!”อย่างมาก นางก็บอกความลับของเสด็จพ่อให้พวกเขารู้ ไม่แน่อาจสามารถแลกมาซึ่งโอกาสรอดจงเถียนวางแผนไว้ในใจ แต่คนรอบข้างกลับไม่รู้เลยสักนิดว่า กำลังจะถูกนางหักหลังแล้วจงหลี่ออกจากวัง ตามมาถึงโรงเตี๊ยมที่เฟิงเพียนอวิ๋นหายตัวไป หลังจากตรวจสอบในโรงเตี๊ยมหนึ่งรอบ ก็ไม