จากนักอ่านนิยายตัวยงดันทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายที่กำลังอ่านอยู่ หากเป็นคนอื่นคงพยายามพาตัวเองหนีออกจากเส้นเรื่อง แต่พระเอกงานดีขนาดนี้ขอลองยั่วยวนสักหน่อยจะเป็นไรไป
view moreบทนำ
เว่ยเว่ยเป็นนักอ่านนิยายตัวยง ตามซื้อนิยายขายดีทุกเรื่อง เงินเดือนที่หามาได้ก็มาบำรุงบำเรอความสุขของตัวเองด้วยการอ่านนิยาย
ในระหว่างที่อ่านนิยายเรื่อง ดวงใจแม่ทัพ ก็เผลอหลับไป พอตื่นมาก็พบว่าตัวเองทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายเรื่องที่กำลังอ่านอยู่ หากเป็นคนอื่นที่ทะลุมิติมาคงจะพยามยามให้ตัวเองไม่รักพระเอก และหาหนทางหนีจากเส้นทางของเนื้อของนิยาย แต่ไม่ล่ะ เธอจะไม่ทำแบบนั้น ก็พระเอกงานดีเสียขนาดนั้น พอได้รักกับนางเอกก็รักเดียวใจเดียว ที่สำคัญนักเขียนได้บรรยายภาพอิมเมจของพระเอกเอาไว้ ดวงตาคมเข้มดุจราชสีห์ ผิวสีน้ำตาลแดงราวกับหินเหล็กชิ้นดี และประโยคสุดท้ายที่ทำให้เว่ยเว่ยสะดุดใจก็คือ เมื่อรักสตรีใดเขาจะรักนางเพียงผู้เดียวตราบสิ้นลมหายใจ มวนท้องมากแม่ นี่ล่ะคนที่เว่ยเว่ยต้องการ แล้วผู้งานดีขนาดนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร
ในเมื่อเวลานี้พระเอกกับนางเอกยังไม่ได้รักกัน แล้วนางจะจีบพระเอกก่อนไม่ได้เชียวหรือ ไม่ได้เป็นมือที่สามเสียหน่อย
เมื่อเขายังโสดไม่มีผู้ใดจับจองหัวใจ แล้วนางร้ายมือใหม่อย่างเว่ยเว่ยคนนี้จะไม่มีสิทธิ์ทดลองจีบเลยหรือไร
หากลองแล้วไม่สำเร็จก็ค่อยว่ากัน นางร้ายอย่างเว่ยเว่ยคนนี้ต้องได้รัก
มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนต้องเข้า
ห้าบทพิชิตใจชายหนุ่มให้มาเป็นสามีต้องมา!
บทที่ 1
เว่ยเว่ยเอื้อมมือออกไปคว้านิยายเล่มสุดท้ายบนแผงหนังสือขายดี แต่มันก็ถูกคนข้างหน้าตัดหน้าแล้วเอาไปซะก่อน หญิงสาวกำมือแน่นและหยิบหนังสืออีกเรื่องแทน เธอเดินหน้าบูดบึ้งไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
แต่สุดท้ายก็ต้องมาต่อคิวหญิงสาวอีกคนที่กำลังจ่ายเงินซื้อหนังสือ ดวงใจแม่ทัพ ที่เธออยากอ่านแทบตาย ถ้าเธอออกจากที่ทำงานมาได้เร็วกว่านี้ หนังสือเล่มสุดท้ายนั่นก็ต้องเป็นของเธอแน่ ๆ เว่ยเว่ยคิดอย่างไม่พอใจและแอบบ่นเจ้านายในใจ
อีกฝ่ายไม่ได้ผิดอะไรเลยก็แค่อยากได้เอกสารที่ส่งไปให้แล้วเป็นร้อยรอบ
พระเจ้า เธออยากอ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่สองวันก่อน แต่เพราะเธอเพิ่งทุ่มเงินที่มี ซื้อหนังสือชุดที่เพิ่งออกไปก่อนหน้านี้ เลยต้องรอจนถึงวันที่เงินเดือนออก ถ้ารู้ว่าจะไม่ทันอย่างนี้ เธอเอาเงินเก็บออกมาซื้อไปก่อนก็ดี
“ไม่น่าเชื่อว่าไม่ถึงสองวันก็หมดแล้ว” เว่ยเว่ยบ่นกับตัวเองระหว่างที่จ่ายเงินและมองหญิงสาวที่แกะซีลหนังสืออ่านแทบจะทันทีที่เดินออกจากเคาน์เตอร์
“เรื่องนี้เหรอคะ ยังไม่หมดนี่คะที่ชั้นยังมีอีกเยอะเลย” พนักงานขายที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีบอกกับหญิงสาว
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงเรื่อง ดวงใจแม่ทัพ น่ะค่ะ” เว่ยเว่ยบอกด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ แต่ริมฝีปากของพนักงานขายกลับค่อย ๆ คลี่ออกและยิ้มกว้าง
“ที่จริงฉันเก็บเอาไว้หนึ่งเล่มตั้งใจจะซื้อพรุ่งนี้ รอเงินเดือนออกน่ะค่ะ” หญิงสาวกระซิบแล้วยิ้ม “ถ้าสนใจ...”
“สนใจค่ะ เอา เอาเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ แค่อ่านตัวอย่างก็อยากอ่านแทบแย่แล้ว พระเอกเรื่องนี้หล่อมาก หน้าปกก็หล่อสุด ๆ” พนักงานขายก็ยิ้มไปคิดเงินไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเธอทั้งสองคุยกันเรื่องพวกนี้
แม้จะไม่รู้จักชื่อแต่ก็รู้จักกันดีเพราะหนังสือนิยาย คนหนึ่งรู้จักหนังสือดีเพราะเป็นพนักงานขาย ส่วนอีกคนเป็นนักอ่านนิยายตัวยง เล่นไหนถ้ารีวิวดีเว่ยเว่ยจะต้องเก็บเอาไว้ทุกเล่ม ต่อให้อดกินอาหารหรู ๆ ช่วงสิ้นเดือนเธอก็ยอม เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ๆ ในห้องที่เปิดแอร์เย็น ๆ และอ่านหนังสือไปยันเช้า
เพราะอย่างนี้เธอจึงยอมทำงานให้กับหัวหน้าที่งี่เง่าสั่งอะไรก็ลืม ให้อะไรไปแล้วก็ไม่จำ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพราะเธอต้องการเอาเงินเดือนทั้งหมดมาบำรุงบำเรอความสุขของตัวเธอเอง
หลังจากการทำงานที่ยาวนานทั้งสัปดาห์ เว่ยเว่ยก็เดินเข้ามาในห้องของตัวเอง แม้จะเหนื่อยแต่เธอก็คิดว่าจะต้องไปอาบน้ำและรีบมานอนอ่านหนังสือ ดีไม่ดีวันหยุดนี้เธออาจจะอ่านจบก็ได้
หญิงสาววางของที่เพิ่งซื้อมาบนโต๊ะ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อาหารที่ซื้อมาถูกแกะใส่จาน เว่ยเว่ยถือทุกอย่างไปวางเอาไว้ที่หน้าทีวี เธอเปิดมันส่ง ๆ ไปอย่างนั้นก่อนจะนั่งกินข้าวและแกะซีลหนังสือที่เพิ่งซื้อออกมาอ่าน
แค่หน้าปกก็ทำให้เกิดความตื่นเต้นได้ เพราะใบหน้าของพระเอกที่เป็นถึงแม่ทัพหล่อบาดใจจนหญิงสาวคิดว่า ภาพปกนี่ต้องแพงมากแน่ ๆ มิหนำซ้ำที่คั่นหนังสือที่มีแถมมาอีกสองสามเวอร์ชันก็หล่อทั้งหมดจนเว่ยเว่ยแทบไม่ได้มองอีกฝั่งของมันที่เป็นนางเอกของเรื่อง
เข็มนาฬิกาขยับไปเรื่อย ๆ เว่ยเว่ยกินข้าวหมดแล้ว แต่เธอยังคงนั่งอ่านนิยายเล่มใหม่อยู่อย่างนั้นราวกับจมเข้าไปในหนังสือแล้วด้วยซ้ำ ทุกคำพูดและคำบรรยายมันทำให้เธอรู้สึกราวกับเห็นภาพของแต่ละฉากและแต่ละตอนโดยเฉพาะตัวนำของเรื่องอย่างพระเอกที่ชื่อว่า...
“คุณหนู...คุณหนูเจ้าคะ นอนกลางวันอีกแล้ว ทำอย่างนี้ไม่ดีเลยนะเจ้าคะ” เว่ยเว่ยรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจากใครสักคนใกล้ ๆ และยังแรงเขย่าที่แขนหลายครั้ง สุดท้ายเมื่อทนรำคาญไม่ไหวจึงลืมตาตื่น
แสงที่ผ่านใบไม้ลงมาแยงตาและกลิ่นของดอกไม้ที่ฟุ้งอย่างกับนอนอยู่กลางสวนดอกไม้ทำให้เว่ยเว่ยต้องยกมือขึ้นขยี้ตาตนเองก่อนจะมองทุกอย่างให้ชัดอีกครั้ง แต่ภาพของบรรยากาศรอบ ๆ ก็ทำให้หญิงสาวเริ่มมึนงง
“คุณหนูได้ยินไหมเจ้าคะมานอนอยู่อย่างนี้เดี๋ยวก็เป็นไข้หรอกเจ้าค่ะ” เว่ยเว่ยมองหน้าหญิงสาวที่แต่งตัวเหมือนสาวใช้ในยุคจีนโบราณ “ทำหน้าอย่างกับจำข้าไม่ได้ คุณหนูตื่นหรือยังเจ้าคะ นี่ก็บ่ายคล้อยแล้วเดี๋ยวนายท่านกลับมาเห็นคุณหนูนอนอยู่กลางสวนดอกไม้ก็จะกริ้วเอานะเจ้าคะ”
มือของเว่ยเว่ยถูกยกขึ้นมากุมหัวที่รู้สึกปวดจี๊ด ไม่ใช่เพราะไม่สบายหรืออะไร แต่คำพูดคำจา การแต่งตัวและสถานที่ของที่ที่อยู่ตอนนี้ต่างหากที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกสับสน
และเพราะทุกอย่างตอนนี้มันดูจะไม่จริง จึงทำให้เว่ยเว่ยคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นฝันก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายถามคนตรงหน้าที่กำลังวุ่นวายช่วยเก็บของอยู่แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรเสียงของชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง
“เว่ยเอ๋อร์กำลังทำอะไรอยู่หรือลูก” เว่ยเว่ยหันกลับไปและพบกับชายวัยกลางคนที่แต่งชุดแพรไหมชั้นดี และจากที่ได้อ่านเรื่องจีนโบราณมามากหญิงสาวมั่นใจว่าคนตรงหน้าต้องมีฐานะไม่ธรรมดาแน่ ๆ ว่าแต่...อีกฝ่ายเป็นใครแล้วคำว่าลูกเมื่อสักครู่นี้มันคืออะไรกันแน่
บทที่ 30เวลาผ่านไปอีกหลายเดือนจนท้องของเว่ยเว่ยใหญ่ขึ้นจนเหมือนจะแตกออก อี้หยางเฉิงกำลังนอนหนุนแขนมองดูภรรยาของตนที่เอนกายพิงหมอนสูงอยู่ ท่าทางเช่นนี้เผยให้เห็นท้องที่โตขึ้นของหญิงสาว เขายกมือขึ้นลูบท้องของนางเบา ๆ ความอบอุ่นจากฝ่ามือของชายหนุ่มเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากเว่ยเว่ย"เจ้าว่าลูกเราจะเป็นหญิงหรือชาย" อี้หยางเฉิงเอ่ยถามเสียงเบา ดวงตาคมที่เคยดูน่าเกรงขามในสนามรบยามนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ พลางมองสามีที่ดูจะสนใจเรื่องนี้ไม่ต่างจากบิดาของนาง "ข้าคิดว่าคงเป็นหญิง ดูจากนิสัยของข้าตอนนี้อยากกินแต่ของเปรี้ยว ๆ และขี้โมโหเอาแต่ใจเหมือนหญิงชาวบ้านตอนตั้งครรภ์น่ะ"อี้หยางเฉิงหัวเราะออกมา "หากลูกคนนี้เป็นหญิงจริง เช่นนั้นเจ้าจะต้องมีบุตรชายเพิ่มอีกคนแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นพ่อของเจ้าต้องไม่พอใจแน่ ๆ "เจียงซีเว่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาที่มักมีแววออดอ้อนของนางส่องประกายสดใส "แล้วท่านทำไม่ได้หรือ" อี้หยางเฉิงมองคนที่พูดคำนั้นใส่เขาด้วยท่าทางท้าทาย“หากเจ้าไม่ได้กำลังท้องอยู่นะเว่ยเอ๋อร์” ชายหนุ่มกัดปากอย่างมันเขี้ยวก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของหญิงสาว "อีกไม่กี่เดือนเจ้า
บทที่ 29ผ่านไปไม่กี่เดือนอาการแพ้ท้องของเจียงซีเว่ยก็ค่อย ๆ ทุเลาลง แม้ในช่วงแรกหญิงสาวจะยังไม่กล้ามองหน้าอี้หยางเฉิงอย่างเต็มตา แต่เมื่อเวลาผ่านไปนางก็เริ่มสังเกตว่าการได้อยู่ใกล้เขาไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอีกแล้วขณะที่อี้หยางเฉิงกำลังฝึกฝนเพลงดาบของตนในลานกว้างของจวน เจียงซีเว่ยก็เดินออกมาจากเรือนอย่างเงียบ ๆ หญิงสาวสวมเพียงเสื้อคลุมกันลมบาง ๆ สีชมพูอ่อน ใบหน้าก็กลับมามีเลือดฝาดและดูสดใสเหมือนเดิม มีเพียงแค่ท้องที่เริ่มโตขึ้นทุกวันเมื่ออี้หยางเฉิงหันมาเห็นก็ตั้งใจจะนำผ้ามาปิดหน้า แต่หญิงสาวก็ห้ามเอาไว้ “ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้วท่านพี่ ท่านไม่ต้องปิดหรอก” เว่ยเว่ยบอกกับสามี แต่อี้หยางเฉิงก็ยังไม่มั่นใจ“ข้ากลัวเจ้าจะได้ไข้ไปอีก” เขาเดินเข้ามาพร้อมกับมีผ้าบาง ๆ ปิดบนใบหน้า “ข้าบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร” เว่ยเว่ยดึงผ้านั่นออกและประทับริมฝีปากไปที่ใบหน้าคมที่ยังคงมีเหงื่อน้อย ๆ “อย่า เดี๋ยวเจ้าจะเปื้อน”“ไม่เห็นเป็นอะไร แล้วข้าก็ไม่แพ้ท้องยามเมื่อเห็นหน้าท่านพี่แล้วด้วย” อี้หยางเฉิงยิ้มอย่างยินดี “แสดงว่าลูกของเราเลิกแกล้งข้าแล้วใช่หรือไม่” เว่ยเว่ยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น “ข้าก็ไม่รู้ ห
บทที่ 28หลังจากได้รับตำแหน่งโหว อี้หยางเฉิงก็กลายเป็นที่กล่าวถึง ทุกคนต่างยกย่องเขาเป็นแม่ทัพที่ทรงเกียรติและมีความรักที่ยิ่งใหญ่ให้กับเจียงซีเว่ยบุตรสาวของเจ้ากรมคลังที่ซื่อสัตย์แม้ชีวิตของทั้งคู่จะเป็นเหมือนเรื่องธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับหญิงสาวในเมือง เรื่องราวการเจอกันจนกลายเป็นความรักของทั้งสองกลายเป็นตำนานและแม้ว่าจะมีหญิงสาวมากมายที่อยากได้ชายหนุ่มเช่นนี้มาเป็นสามี แต่กลับมีเพียงแค่เจียงซีเว่ยเท่านั้นที่ได้เป็นที่รักของอี้หยางเฉิง แต่ชีวิตในความเป็นจริงกลับไม่ง่ายดายขนาดนั้น แม้เจียงซีเว่ยจะเคยยิ้มแย้มและมีความสุขกับการใช้ชีวิตร่วมกันกับอี้หยางเฉิงในช่วงปีแรก ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวก็นึกรู้สึกไม่พอใจชายหนุ่มเสียอย่างนั้น“หากข้าทำอะไรผิดเจ้าก็บอกข้ามาสิข้าจะปรับตัว” อี้หยางเฉิงพยายามห้ามภรรยาของตนไม่ให้กลับไปยังจวนเจียง“ข้าก็บอกท่านพี่แล้วว่าข้าเบื่อหน้าท่าน” คำพูดของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกจุก แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่แทบจะลงไปดึงขาของภรรยาตน เขารั้งตัวเจียงซีเว่ยเอาไว้แน่น“เจ้าไม่รักข้าแล้วหรืออย่างไรเว่ยเอ๋อร์” เว่ยเว่ยหันไปมองสามีอย่างหงุดหงิดก่อนจะผลักอีกฝ่ายไปให้พ้นต
บทที่ 27พวกเขาทั้งคู่มีความสุขอยู่ได้ไม่นาน เรื่องร้ายแรงก็เกิดขึ้นในเมืองหลวง เมื่อกลุ่มขุนนางที่ไม่พอใจต่อราชสำนักรวมตัวกันก่อกบฏในยามค่ำคืนหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนไม่มีใครคาดคิดและเตรียมรับมือ แม้แต่เว่ยเว่ยที่เคยรับรู้เรื่องราวมาจากนิยายแล้วก็ลืมเพราะนางมัวแต่เลี้ยงบุตรชายอี้หยางเฉิงถูกตามตัวออกไปอย่างกะทันหันในคืนนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาแทบไม่ได้พัก เพราะหลงเฟยบุตรชายคนแรกของพวกเขาค่อนข้างเลี้ยงยากในเวลากลางคืน สองสามีภรรยาอี้จึงต้องผลัดกันดูแลบุตรชายทั้งคืนแทบไม่ได้หลับได้นอน“ท่านพี่ต้องระวังคนใกล้ตัวนะเจ้าคะ อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ “ เว่ยเว่ยเอ่ยบอกกับสามีระหว่างช่วยอีกฝ่ายใส่เสื้อเกราะ นางอยากจะระบุชื่อหนึ่งในรองแม่ทัพของอี้หยางเฉิงที่แปรพักตร์ด้วยซ้ำ แต่หากทำอย่างนั้นตัวนางเองก็จะถูกสงสัยแม้จะเพิ่งฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าหลังการดูแลบุตรชายและภรรยาแต่อี้หยางเฉิงก็ยังรีบรุดไปยังวังหลวงได้ในทันทีเมื่อได้รับข่าวจากคนของตน แม้เขาจะไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า แต่ด้วยไหวพริบและความเด็ดขาด เขารวบรวมเหล่าทหารที่ภักดีต่อเขาเข้าปราบกบฏได้ภายในคืนเดียวโดยแทบจะไม่เสียเลือดเนื้อ
บทที่ 26หลังพิธีสมรสที่ยิ่งใหญ่ผ่านพ้นไปได้สองสามเดือน เจียงซีเว่ยที่ตอนนี้กลายเป็นฮูหยินของอี้หยางเฉิงอย่างสมบูรณ์ ใช้ชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความสุขและความรัก ทว่าความสุขนั้นกลับเพิ่มขึ้นทวีคูณ เมื่อในเดือนที่สองของชีวิตสมรส นางกลับพบว่าตนเองตั้งครรภ์เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของใต้เท้าเจียงและฮูหยินเจียงทั้งคู่ก็แทบจะติดปีกรีบนั่งรถม้ามาที่จวนอี้ในทันที“ตั้งครรภ์หรือ” ใต้เท้าเจียงอุทานเสียงดังในวันที่เขาได้ข่าว “ไม่ได้การแล้ว ข้าจะต้องไปดูนางเสียหน่อย” หลังจากเดินวนไปมาด้วยความกังวลอยู่สักพักคำนั้นก็หลุดออกมาจากปาก“ท่านพี่จะไปทำไมล่ะเจ้าคะ” ฮูหยินเอ่ยถามผู้เป็นสามี“บุตรสาวข้าเพิ่งแต่งออกไปไม่ถึงปี ไยถึงตั้งครรภ์ไวถึงเพียงนี้ ร่างกายนางจะทนไหวหรือไม่ก็ไม่รู้”“ท่านพี่กังวลเกินไปแล้วกระมัง” ฮูหยินเจียงพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “ข่าวนี้ควรเป็นเรื่องน่ายินดีมิใช่หรือเจ้าคะ”“แต่ว่า...” ใต้เท้าเจียงหันไปมองภรรยาด้วยแววตาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจ “ข้าคิดว่าพวกเราควรจะพาเว่ยเอ๋อร์กลับมาพักที่จวนของพวกเราสักระยะ พวกเราจะได้ดูแลนางได้อย่างใกล้ชิด เจ้าว่าดีหรือไม่”“ไม่คิดว่านี่จะเป็นการก้าวกายลูกแ
บทที่ 25หลังจากพิธีมากมาย เว่ยเว่ยยอมรับเลยว่าตนคิดว่าพิธีแต่งงานของคนโบราณมีเพียงแค่ขึ้นเกี้ยวแล้วเดินเข้าจวนอีกฝ่ายไปเพื่อไหว้ฟ้าดิน เสร็จแล้วก็เข้าไปรอในห้องหอ แต่แท้จริงแล้วรายละเอียดเยอะแยะมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นิยายหลายเรื่องไม่ได้เขียน พวกข้าวของที่ต้องเตรียมก็มีความหมายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม แก้วแหวนเงินทอง หรือแม้กระทั่งของกินที่ต้องมีรวมในขบวนหรือพิธี มาถึงเรือนก็ต้องก้าวข้ามกระถางไฟอีก แต่โชคยังดีที่แม้เว่ยเว่ยจะไม่รู้เรื่องอะไรดีนัก นางก็ไม่ต้องกังวลเพราะทุกขั้นตอนจะมีแม่สื่อคอยอยู่ด้วย หน้าที่ของแม่สื่อจะบอกทุกอย่าง ทำให้นางที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ตลอดไม่ต้องกลัวว่าจะทำอะไรผิดสุดท้ายเมื่อพิธีจบหญิงสาวก็ถูกพาเข้ามารอเจ้าบ่าวอยู่ในเรือนหอ เว่ยเว่ยนั่งอยู่บนเตียงแม้จะอยากเปิดผ้าออกดูแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะทำให้พิธีเสียหาย อย่างไรนางก็อยากให้การแต่งงานครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาใด ๆ หญิงสาวกุมมือของตนเองแน่น อย่างน้อยการทำแบบนี้ก็บรรเทาความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านในใจได้บ้างยิ่งเวลาผ่านไปความคิดก็เริ่มทำให้เว่ยเว่ยจะสติแตกเสียให้ได้ และถึง
Mga Comments