หลินเจารีบปลดตะกร้า “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นอะไร ข้าไปเก็บสมุนไพรให้ท่านพ่อมา ท่านดูสิ ข้าเก็บสมุนไพรได้เยอะมาก”นางฟางพลันรู้สึกแสบจมูก แต่ปากกลับตำหนิ “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าเข้าป่าคนเดียว? ปีที่แล้วนายพรานหลี่เจอหมูป่าฝูงหนึ่งที่ข้างใน ถูกกัดจนขาเกือบขาดเลยนะ เจ้าลืมแล้วหรือ?ต่อไปห้ามไปอีกนะ หากข้าจับได้ว่าเจ้ากล้าเข้าไปในป่าอีก ข้าตีขาเจ้าหักแน่”หลินเจารู้ว่ามารดาหวังดีกับนาง จึงไม่ได้โกรธ แต่พยักหน้าพร้อมกับหัวเราะแฮ่ๆ แทนจากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจัง“สมุนไพรพวกนี้พอให้ท่านพ่อใช้ได้อีกสักพักแล้ว ไม่ต้องห่วง ช่วงนี้ข้าไม่ไปอีกแล้วเจ้าค่ะ”นางฟางโมโหจนหัวเราะ “ใช้หมดแล้วก็ห้ามไป! ใช่แล้ว สองคนนี้คือ?”หลังจากสั่งสอนลูกเสร็จ นางฟางสังเกตเห็นกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงที่ยืนอยู่ข้างๆนางเคยไปเปิดหูเปิดตาในเมืองมาแล้ว สองคนนี้ดูมีฐานะกว่าพวกนายท่านในเมืองเสียอีก เสี่ยวเจาไปรู้จักคนเช่นนี้จากที่ไหน?กู้หว่านเยว่กำลังจะเอ่ยปาก แต่หลินเจาชิงกล่าวอย่างร้อนตัวก่อน “ท่านแม่ ข้าเจอพวกเขาระหว่างทางกลับ พี่ชายกับพี่สาวเป็นคนต่างถิ่น อยากหาที่พักเจ้าค่ะ!”นางมองไปทางกู้หว่านเยว่ด้
“แต่ว่ามือของท่านพ่อข้าบาดเจ็บ ตอนนี้เขาเลยทำงานช่างไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” หลินเจาเช็ดน้ำตากู้หว่านเยว่เหลือบมองเข้าไปในตะกร้าสานที่นางสะพายหลังอยู่ “ดังนั้นเจ้าถึงได้วิ่งเข้ามาเก็บสมุนไพรในป่าเล็ก ๆ แห่งนี้ แล้วไปยั่วโมโหหมูป่าเข้า?”หลินเจาพยักหน้า แล้วชี้ไปที่ตะกร้าสานอย่างดีใจ “พี่หญิง นี่คือหวงเฟิ่งเซียน สามารถรักษาอาการฟกช้ำเคล็ดขัดยอกได้เจ้าค่ะ มีสมุนไพรพวกนี้แล้ว ท่านพ่อก็จะหายดี!”กู้หว่านเยว่หยิกแก้มของนางเบา ๆ อย่างอ่อนโยน “เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”หลินเจากะพริบตาปริบ ๆ เมื่อถูกพี่สาวที่งดงามราวกับเทพธิดาชมเชย ใบหูของนางก็แดงขึ้นมา“ท่านหมอในเมืองบอกข้ามาเจ้าค่ะ บ้านเราไม่มีเงินซื้อสมุนไพร เขาบอกว่าสามารถเข้าไปในป่าเพื่อขุดหวงเฟิ่งเซียนพวกนี้ นำมาตำให้ละเอียดแล้วพอกให้พ่อ”หลินเจาหวงแหนสมุนไพรเหล่านี้มาก ถึงขนาดถูกหมูป่าทำร้าย ก็ยังไม่ยอมทิ้งตะกร้าสานลงกู้หว่านเยว่มองดูสีของท้องฟ้า อีกไม่นานก็จะมืดแล้ว นางต้องรีบหาสถานที่พักผ่อนโดยเร็วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเด็กหญิงคนนี้มาจากหมู่บ้านซิงซิง ก็คิดว่าน่าจะลองคุยกับนาง ให้นางพาพวกเขาเข้าไปในหมู่บ้าน จะได้หาที่พักสักแห่งเมื่
“โฮก โฮก!”อินทรีสิงโตดีใจอย่างยิ่ง หรี่ตาลงอย่างมีความสุขผลไม้สีแดงลูกนี้ก็คือผลมังกรไฟที่กู้หว่านเยว่เคยช่วยกลุ่มทหารรับจ้างตามหาในตอนนั้น คราวนั้น นางเก็บผลไม้มาสองลูก ลูกหนึ่งมอบให้กลุ่มทหารรับจ้าง อีกลูกหนึ่งย้ายไปปลูกไว้ในมิติเวลาผ่านไปไม่นาน ต้นกล้าของผลมังกรไฟในมิติก็ได้เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้เล็ก ๆ ที่ออกผลดกเต็มต้นอาหารโปรดที่สุดของอินทรีสิงโตก็คือผลมังกรไฟ ทุกครั้งมันจึงมักจะมาขออาหารจากกู้หว่านเยว่เสมอซูจิ่งสิงส่ายหน้าแล้วหัวเราะอยู่ข้าง ๆ “หากพวกคุณหนูที่ตามหาผลมังกรไฟรู้ว่าเจ้านำผลมังกรไฟล้ำค่าเช่นนี้ มาเลี้ยงอินทรีสิงโตตัวหนึ่ง เกรงว่าคงจะโมโหจนกระทืบเท้าเป็นแน่”“เจ้าอินทรีสิงโตน้อยเป็นลูกน้องของข้านะ ก็ต้องดีกับมันเป็นธรรมดา” กู้หว่านเยว่ตบหัวของอินทรีสิงโตเบา ๆ ด้วยสีหน้าเอ็นดู “พวกเรามาถึงแล้ว เจ้าไปก่อนเถอะ รอให้ถึงเวลาที่ต้องการข้าจะเรียกเจ้ากลับมาเอง”อินทรีสิงโตตัวนี้ฉลาดขึ้นทุกวันมันกระพือปีกแล้วบินจากไปในขณะนั้น ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากข้าง ๆ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีใครอยู่หรือไม่ ช่วยพวกเราด้วย!”กู้หว่านเยว่ถูกดึงความสนใจไป “มีคนกำลังร้องขอความช่วยเหล
อีกด้านหนึ่ง จงหลี่ให้คนรับใช้เตรียมรถม้าชิงเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “องค์ชายจะส่งคนไปจริง ๆ หรือ?”ครั้งก่อนองค์ชายก็ส่งแม่นางเฟิงไปแล้ว แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไรเล่า สุดท้ายก็ยังปล่อยวางเรื่องความปลอดภัยของนางไม่ได้อยู่ดี“มิสู้องค์ชายจัดให้แม่นางเฟิงพักอยู่ในวังเสียเลย อย่างไรเสียนางก็สูญเสียความทรงจำแล้ว คงจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้อีก ในวังย่อมปลอดภัยกว่านอกวัง”จงหลี่ส่ายหน้า “ทำตามที่ข้าบอก ส่งนางไปเถอะ”เขาได้จัดเตรียมสถานที่ที่ดีแห่งหนึ่งไว้ให้เฟิงเพียนอวิ๋นแล้วในตำหนักนอกวังของเขา ที่นั่นตัดขาดจากโลกภายนอก เป็นสถานที่พักฟื้นชั้นเลิศ อีกทั้งยังมีคนคอยดูแลโดยเฉพาะ อยู่ข้างในนั้นปลอดภัยอย่างยิ่งรอจนถึงวันที่นางฟื้นความทรงจำขึ้นมา ก็สามารถจากไปได้ทันทีการฉวยโอกาสตอนที่ผู้อื่นกำลังลำบาก เขาทำไม่ลง“องค์ชาย แย่แล้วเพคะ” ทันใดนั้นนางกำนัลคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาจากนอกประตู“เกิดอะไรขึ้น?”นางกำนัลผู้นี้คือคนที่คอยดูแลเฟิงเพียนอวิ๋น นางรู้ท่าทีขององค์ชายดี ดังนั้นหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นั่นก็ไม่กล้าปิดบัง รีบวิ่งมารายงานในทันที“แม่นางเฟิงรู้ว่านางจะ
“ข้าตั้งใจจะสร้างถนนสายหนึ่ง ตัดผ่านป่าซิงโต้ว”กู้หว่านเยว่กล่าวถึงความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่ของนาง “เช่นนี้แล้ว ต้าฉีกับที่ราบแห่งความโกลาหลก็จะสามารถไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนกันได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วขัดขวางความคิดของนาง“ป่าซิงโต้วมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เกรงว่าสามปีห้าปีก็ยังไม่สามารถสร้างถนนสายหนึ่งออกมาได้”“สามปีห้าปีไม่ได้ เช่นนั้นก็ใช้เวลาแปดปีสิบปีท หากยังไม่ได้อีก ก็สร้างมันยี่สิบปีไปเลย”กู้หว่านเยว่ไม่ใช่คนที่พอเจอความยากลำบากแล้วจะถอดใจ“ผู้เฒ่าโง่ย้ายภูเขา จิงเว่ยถมทะเล หว่านเยว่บุกเบิกเส้นทาง ก็คงจะเป็นเรื่องเล่าที่ดีงามเช่นกัน”ซูจิ่งสิงหัวเราะเบา ๆ พลางใช้นิ้วจิ้มจมูกของนางอย่างเอ็นดูทำเอากู้หว่านเยว่หน้าแดงระเรื่อ“หว่านเยว่บุกเบิกเส้นทางอะไรกัน ท่านพี่ ท่านก็เอาแต่ล้อข้า!”ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกันตลอดทางที่กลับตำหนักบรรทมวันรุ่งขึ้น กู้หว่านเยว่นำเรื่องที่จะบุกเบิกเส้นทางไปบอกจงหลี่เรื่องนี้ได้ปรึกษากับจงหลี่มานานแล้ว แม้ว่าตอนนี้จงหลี่จะยังคงดำรงตำแหน่งหลี่อ๋องอยู่ แต่อำนาจทางการเมืองส่วนใหญ่ก็ได้ถูกส่งมอบให้กู้หว่านเยว่แล้ว“น้องหญิง หากเ
เป็นจังหวะพอดีกับที่จงเอ้ากำลังสืบสวนอยู่ว่าเหตุใดท่านอาถึงได้กลับมา กู้หว่านเยว่จึงรีบนำเรื่องที่จงเถียนเล่าไปบอกเขาทันที“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าจงเถียนไม่น่าจะโกหกนะเพคะ”กู้หว่านเยว่กล่าวการวิเคราะห์ของตนเองออกไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเสด็จพ่อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก“ยังดีที่เขาเป็นแค่คนขี้ขลาดกลัวตาย ยังไม่ถึงกับเลวร้ายจนสิ้นสติ”มองออกได้ว่า จงเอ้าเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องราวต้องดำเนินไปจนถึงขั้นฆ่าล้างบางเช่นกันหากหากฉงอ๋องกลับมาพร้อมกับแผนการร้ายใด ๆ ก็คงยากที่จะรอดพ้นจากความตาย แต่ตอนนี้ เขาเพียงแค่หนีเอาชีวิตรอดกลับมาจริง ๆ บางทีอาจจะพอไว้ชีวิตเขาสักครั้งได้หลังจากที่จงเอ้าถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองกู้หว่านเยว่พลางยิ้ม “เยว่เอ๋อร์ เจ้ารู้สึกว่าพ่ออ่อนแอเกินไปหรือไม่?”เขาจูงมือกู้หว่านเยว่ไปนั่งลงข้าง ๆ “ตอนนั้น ตอนที่แม่ของเจ้าเพิ่งคลอดเจ้าออกมา พี่ใหญ่ของเจ้าอุ้มเจ้าไปขอให้พวกเขาช่วยรับเลี้ยง แต่เขากลับใจร้ายไม่สนใจไยดี”กู้หว่านเยว่มองริ้วรอยที่หางตาของจงเอ้าแล้วส่ายหน้า “ลูกไม่เคยรู้สึกว่าเสด็จพ่ออ่อนแอเลยแม้แต่น้อย”เรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องที่ตัดสินได้