ผู้ว่าการอำเภอหลี่เรียกหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อหารือเรื่องต่าง ๆ กับเขาจากการพูดคุยกันในช่วงสั้น ๆ ผู้ว่าการอำเภอหลี่ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่า หัวหน้าหมู่บ้านเฉียนคนนี้เป็นคนที่ไว้ใจได้การมอบหมายเรื่องของหมู่บ้านซิงซิงให้เขาจัดการนั้น ไม่มีปัญหาแต่ถึงกระนั้น เขาก็จะไม่เชื่อใจหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนทั้งหมดอย่างแน่นอน ยังคงต้องใช้เวลาสังเกตการณ์อีกระยะหนึ่งระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน กู้หว่านเยว่ก็นั่งจิบชาอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร เพียงแต่ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งทั้งสองคนคุยกันเสร็จ นางจึงลุกขึ้นและจากไปพร้อมกับผู้ว่าการอำเภอหลี่“สตรีที่อยู่ข้างกายผู้ว่าการอำเภอหลี่เป็นใครกัน อายุน้อยถึงเพียงนั้น จะว่าเป็นลูกสาวก็ไม่น่าใช่” นางชิวเซียงพึมพำกับตัวเองหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนเป็นคนสายตาเฉียบแหลม เขาพ่นควันจากกล้องยาสูบแล้วเอ่ยขึ้น “อย่าพูดจาเหลวไหล สตรีผู้นั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ ยิ่งไปกว่านั้น ชาติตระกูลของนางอาจจะสูงส่งกว่าผู้ว่าการอำเภอหลี่เสียอีก”“สูงกว่าท่านผู้ว่าการอำเภออีกหรือ ให้ตายเถอะ นั่นต้องเป็นขุนนางตำแหน่งไหนกัน
“ล้วนเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น ข้าก็ยังเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ในเมื่อพวกเขามาขอร้องถึงหน้าประตู ข้าจะทำเป็นมองไม่เห็นได้อย่างไร”“ท่านเป็นคนดีมีคุณธรรม พอมีคนมาหาท่านก็ช่วย แล้วท่านเคยคิดถึงข้ากับต้าหนิวบ้างหรือไม่? ภรรยาของต้าหนิวกำลังจะคลอดแล้ว หากเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมา ท่านจะให้ครอบครัวทำอย่างไร?”ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้นผู้ว่าการอำเภอหลี่ยืนฟังอยู่นาน มือที่ยกค้างอยู่นั้น จะเคาะต่อก็ไม่ได้ จะไม่เคาะก็ไม่ดีเขากระแอมเสียงดัง เพื่อขัดจังหวะการโต้เถียงข้างใน แล้วส่งสายตาให้นักการในศาลาว่าการที่อยู่ข้าง ๆ นักการในศาลาว่าการจึงตะโกนเสียงดัง “หัวหน้าหมู่บ้านเฉียน ท่านผู้ว่าการอำเภอมาเยือน เหตุใดยังไม่รีบเปิดประตูอีก!”ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านและหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ถึงกับตกตะลึง ทั้งสองคนยังตั้งตัวไม่ทัน“หา ผู้ว่าการอำเภอมา?” ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านยืนตกตะลึงหัวหน้าหมู่บ้านเฉียนก็งุนงงเช่นกัน ต้าหนิวที่กำลังให้อาหารไก่อยู่ข้าง ๆ เงยหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ท่านย่า ตอนเช้าข้าไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ ได้ยินมาว่าท่านผู้ว่าการอำเภอมา แล้วนาย
ผู้ว่าการอำเภอหลี่กลับไม่ค่อยมีความอยากอาหารเท่าไรนัก การได้ร่วมโต๊ะกับองค์หญิง ทำให้เขาไม่กล้าคีบกับข้าวอย่างนั้น ไม่กล้าคีบกับข้าวอย่างนี้ สรุปแล้วก็เลยกินไปได้ไม่มากหลังจากกินข้าวเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็พาผู้ว่าการอำเภอหลี่ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านซิงซิงระหว่างมื้ออาหาร กู้หว่านเยว่ได้ทราบมาว่า หมู่บ้านซิงซิงมีหัวหน้าหมู่บ้านอยู่คนหนึ่งได้รับการแต่งตั้งจากเบื้องบนเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ก็อายุสี่สิบกว่าปีแล้วแม้ว่านายท่านเหยาจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ในหมู่บ้าน แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ยังอาศัยความสามารถของตนเอง คอยปกป้องผู้คนไว้ได้ไม่น้อยเพียงแต่ว่า เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านไปมีเรื่องขัดใจกับนายท่านเหยาเพราะเรื่องที่นา ก็ถูกคนเอาถุงคลุมหัวแล้วรุมทุบตี ช่วงนี้จึงได้แต่พักฟื้นอยู่ที่บ้านหลังจากกู้หว่านเยว่ฟังจบ ก็ตัดสินใจว่าจะไปพบหัวหน้าหมู่บ้านคนนี้ดูหากเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาคนอื่นอีกทว่า เมื่อกู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ เดินไปถึงหน้าประตูเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน ก็เห็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านที่เมื่อครู่ยังนั่งปอกหน่อไม้อยู่หน้าประตู รีบคว
กู้หว่านเยว่ลูบศีรษะของนางอย่างให้กำลังใจ “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเติบโตให้ดีนะ”หลินเจากำหมัดแน่น “ข้าจะตั้งใจ ข้าจะรีบเติบโตให้เร็วที่สุด!”ผู้ว่าการอำเภอหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม “ในเมื่อองค์หญิงอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นให้ข้าน้อยรายงานเรื่องการบุกเบิกเส้นทางเลยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หลินอิงใช้ข้ออ้างว่าในครัวต้องการคนช่วย รีบดึงตัวหลินเจาถอยออกไป แล้วปิดประตูลง“นายท่านเหยาทำเรื่องชั่วช้าไว้มากมายนัก คุกนี่ เขาคงไม่มีวันได้ออกมาอีกแล้ว” “ภูมิประเทศของหมู่บ้านซิงซิงแห่งนี้ เหมาะที่จะบุกเบิกเส้นทางเส้นหนึ่งผ่านใจกลางเพื่อเป็นจุดเริ่มต้น แล้วลากยาวเข้าไปจนถึงป่าซิงโต้ว”“แต่ว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องมีผู้ที่มีคุณธรรมและเป็นที่เคารพนับถือในหมู่บ้านซิงซิงมาคอยประสานงาน”พวกเขาคงไม่สามารถคอยจับตาดูหน้างานได้ตลอดเวลาเรื่องนี้ จำเป็นต้องหาคนที่สามารถสั่งการชาวบ้านในหมู่บ้านซิงซิงได้มารับหน้าที่เดิมที สกุลเหยานั่นคือคนที่เหมาะสมที่สุด เขาเป็นคหบดีใหญ่ประจำท้องถิ่น มีประสบการณ์ในการจัดการคนอยู่แล้วแต่ตอนนี้คงต้องหาคนใหม่มาแทนคนหนึ่งแล้วเมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ไม่ได้พ
องค์หญิง ข้าน้อยอะไรกัน เขาฟังไม่เข้าใจเลยสักนิดแต่เขาก็พอจะฟังออกว่า สามีภรรยาคู่นี้กับผู้ว่าการอำเภอหลี่เป็นคนรู้จักเก่ากัน และดูเหมือนว่าผู้ว่าการอำเภอหลี่จะเกรงกลัวพวกเขามากสถานการณ์ไม่เป็นใจต่อเขาแล้ว เขาต้องรีบหนี ไม่อย่างนั้นต้องเดือดร้อนแน่จ้าวซื่อค่อย ๆ ก้าวถอยหลัง คิดจะหลบหนีไป“ผู้ว่าการอำเภอหลี่ ท่านมาได้จังหวะพอดี เรื่องนี้มอบให้ท่านจัดการก็แล้วกัน”กู้หว่านเยว่คิดในใจว่า หากผู้ว่าการอำเภอที่มาเป็นคนพึ่งพาไม่ได้ นางก็อาจจะต้องจัดการทั้งผู้ว่าการอำเภอและนายท่านเหยาไปพร้อมกันโชคดีที่คนที่มาคือหลี่ซานกุ้ย คุณธรรมของหลี่ซานกุ้ยนั้น นางสามารถเชื่อใจได้เมื่อมอบเรื่องนี้ให้หลี่ซานกุ้ยจัดการ นายท่านเหยาไม่มีทางจบสวยแน่ดังนั้น กู้หว่านเยว่จึงเล่าความผิดของนายท่านเหยาให้ฟังรอบหนึ่ง“นี่คือคนสกุลหลิน พวกเขาคือผู้เสียหาย ท่านต้องปลอบใจพวกเขาให้ดี”กู้หว่านเยว่ไม่ลืมที่จะชี้ไปยังคนสกุลหลินที่อยู่ตรงมุม ผู้ว่าการอำเภอหลี่ก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง มิฉะนั้นคงไม่ได้รับความสนใจจากกู้หว่านเยว่เขารีบกล่าวว่า “องค์หญิงโปรดวางใจ ข้าน้อยจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย โชคดีที่องค์หญิงอ
คนในหมู่บ้านที่กล้าต่อต้านนายท่านเหยา ล้วนถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นที่เหลืออยู่ นอกจากคนที่ไม่กล้าปริปากแล้ว ก็คือพวกที่สมคบคิดกับนายท่านเหยาเมื่อหลินโหย่วซานอาการดีขึ้นแล้ว ก็มองไปยังทั้งสองคน “ขอบคุณทั้งสองท่านที่ช่วยลูกสาวของข้าออกมา ทั้งยังช่วยพวกเราระบายความโกรธแค้นนี้อีกด้วย แต่ว่า พวกท่านรีบหนีไปเถอะ”คนสกุลหลินล้วนเป็นคนจิตใจดี ไม่อยากให้พวกเขาต้องมาเดือดร้อนไปด้วยนางฟางประคองหลินโหย่วซานที่บาดเจ็บอยู่ ส่วนหลินเจาก็อุ้มหลินอิงไว้บนใบหน้าของทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราไม่ไป”ในเมื่อช่วยแล้ว นางก็ไม่คิดจะจากไปนางซ้อมนายท่านเหยาไปหนึ่งยก หากจากไปตอนนี้ พวกเขาคงจะระบายความโกรธทั้งหมดลงที่ครอบครัวสกุลหลินเป็นแน่หลินเจาร้อนใจ “พี่หญิง พวกท่านรีบไปเถอะ”“ไม่มีใครหนีไปไหนทั้งนั้น!” ด้านนอกมีเสียงทรงพลังตะโกนเข้ามาลานบ้านถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมไว้ ชายชราหนวดเคราขาวหลายคนกำลังห้อมล้อมชายผู้หนึ่งที่สวมชุดขุนนางเข้ามาในกลุ่มชาวบ้านพลันเกิดเสียงซุบซิบขึ้นมาทันที“นั่นไม่ใช่ผู้ว่าการอำเภอคนใหม่หรอกหรือ?”“แม้แต่ผู้ว่าการอำเภอก็ยังตื่นตกใจเลยหรือ?”