LOGINชุนฟางชินเด็กสาวยุคปัจจุบันดันได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายเป็นสตรีโง่งมที่ทนมองยอมให้สามีแต่เมียน้อยเข้ามาในจวน... เอาเถอะ...นั้นเป็นเรื่องของเมื่อก่อน ในวันที่เข้าแต่งสตรีอื่นเข้าจวน...ชุนฟางชินก็พาบุรุษอื่นเข้าจวนร่วมเตียงเช่นกัน
View Moreยามพลบค่ำจวนสกุลเผ่ยจุดตะเกียงสีแดงสว่างไสวสาดส่องไปทั่วทั้งจวนพลันอบอวลไปด้วยบรรยากาศของความเป็นมงคลพร้อมเสียงพูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนานของแขกเหรื่อที่มาร่วมงาม วันนี้นายท่านเผ่ยจัดการแต่งอีกครั้งรักคุณหนูสกุลถิงเข้ามาเป็นภรรยาคนรองแม้เรื่องนี้ผู้เป็นภรรยาจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
“ฮ่า! ฮ่า! ข้านับถือความใจกล้านายท่านเผ่ยจริงๆ” เผ่ยเหยียนซือหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพลางยกจอกน้ำชาชนกับบุรุษตรงหน้า “ฮ่า! นับว่าใจกล้าอันใดเพียงแต่เรื่องนี้นางจะกล้าออกความคืดขัดข้างั้นหรือ” พอได้สิ้นประโยคนั้นเหล่าบุรุษจากหลายสกุลต่างหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ว่ากันตามตรงแล้วการกระทำเช่นนี้นับว่าข้ามหน้าข้ามตาภรรยาเอกไม่น้อย ชุนฟางชินแต่งเข้ามาเมื่อต้นเดือนที่แล้วนี่ผ่านพ้นไปยังไม่ทันไรเผ่ยเหยียนซือผู้เป็นสามีก็เอ่ยปากว่าจะรับสตรีอื่นเข้ามาเป็นภรรยาอีกคนแล้ว แน่นอนว่าชุนฟางชินย่อมรู้สึกไม่พอใจโกรธเคืองอีกฝ่ายถึงขั้นประชดประชันเอ่ยปากว่าหากเขารับภรรยา นางจะตัดใจปลิดชีพตนเองทันทีแต่ทว่ามีหรือบุรุษเฉกเช่นจะเผ่ยเหยียนซือจะใส่ใจ ยามนี้เขากำลังลุ่มหลงสตรีอื่นไม่น้อย มิหนำซ้ำยังคิดว่ากระทำของนางเป็นการเรียกร้องความสนใจ ความจริงแล้วชุนฟางชินหาได้เรียกร้องความสนใจ นางตัด สินใจปลิดชีพจนเองจริงๆ และแม้แต่ตอนที่กลายเป็นร่างไร้ลมหายใจแล้วนั้นผู้เป็นสามียังเอาแต่คลุกตัวอยู่กับสตรีอื่น นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเพ่งมองบุรุษตรงหน้าในชุดสีแดงมงคลด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หึ! อยู่กับข้าแต่สนใจบุรุษงั้นหรือ” จู่ๆ ในขณะเดียวกันนั้นน้ำเสียงทุ้มพลันเอ่นขึ้นแผ่วเบาอยู่ข้างหูจนนางได้ยินแล้วพลันขนลุกซู่ปรายสายตมหันกลับมอง นางระบายยิ้มจางๆ “บุรุษอื่นที่ท่านกล่าวถึงคิดสามีของข้า” พอได้ยินประโยคนี้ไป๋เฟิ่งอี้เลิกคิ้วสูงคล้ายไม่เชื่อ “เช่นนั้นข้ากำลังเป็นชู้ของแม่นางอยู่งั้นหรือ” ชู้งั้นรึ!?? “เขาต่างหากที่มีเมียน้อยก่อน” ชุนฟางชินสบถออกมาก่อนจะยกมือคล้องประกบจูบบุรุษตรงหน้าอย่างดูดดื่ม น้ำเสียงหวานครวญคาางในลำคออย่างสุขสม จ๊วบบ..จ๊วบบบ “อื้ออ!” ไป๋เฟิ่งอี้ยังไม่ทันตัวทว่าพอถูกจู่โจมเช่นนี้เขาก็หาได้ปฏิเสธ ลิ้นหนากอดเกี่ยวสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่ายพลันไล่ต้อนหยอกเย้าอยู่นานจนเกิดเสียงจูบพลันน้ำลายไหลย้อยออกมาตามมุมปาก “อื้มม..อืม” ช่างหอมหวานยิ่งนัก! “อือออ…อื้อ!” ชุนฟางชินคล้ายจะขาดลมหายใจ ครู่ต่อมาจึงผละออกอย่างอ้อยอิ่ง นัยน์ตาเมล็ดซิ่งหวานเยิ้มสบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบ ลมหายใจของไป๋เฟิ่งอี้เริ่มติดขัด ดวงตาคมกริบเพ่งมองสตรีตรงหน้าด้วยความหื่นกระหาย มุมปากหนายกยิ้ม “แน่ใจหรือว่าจะไม่เสียใจ” “หึ! มีอันใดต้องเสียใจกัน” สามีของเจ้าของนางมีเมียน้อยได้! แล้วไฉนนางจะมีไม่ได้กัน! น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแน่วแน่ มิหนำซ้ำบุรุษตรงหน้านางผู้นี้มองดูแล้วหล่อเหล่าคมคายไม่น้อยอีกทั้งรูปร่างกำยำที่ยู่ใต้อาภรณ์นั้นอีก…ชุนฟางชินพลันขนลุกซู่ “เข้าไปในห้องกันเถอะ..ข้ารอไม่ไหวแล้ว” อ่า..ดูเหมือนว่านางกำลังยั่วยวนเขา “ดูเหมือนว่าแม่นางจะร่านไม่น้อย” “ข้าร่านและเร้าร้อนไม่น้อย” ชุนฟางชินพูด ยามนี้คือช่วงเวลาที่เผ่ยเหยียนซือตั้งตารอคอย บานประตูเรือนถูกปิดลงอย่างเบามือ สายตาของเขาจับจ้องมองสตรีในอารมณ์สีแดงบนเตียงจากนั้นมุมปากหนาค่อย ๆ โค้งยกยิ้มขึ้น “หึ! รอนานหรือไม่ถิงเฟย” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างแหบพร่า เผ่ยเหยียนซือเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะใช้ก้านไม้เลิกผ้าคลุมหน้าออกเผยให้เป็นใบหน้าคนงามจิ้มลิ้ม “คุณชายเผย” ถิงเฟยระบายจิ้มจางๆ แสดงท่าทางออกมาด้วยความเคอะเขินจากนั้นก่อนจะลุกขึ้น “สามี” “…..” “เรียกข้าว่าสามี” เผ่ยเหยียนซือก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆ ไล่ต้อนอีกฝ่ายให้จนมุมจนกระทั่งสตรีตรงหน้าสะดุดล้มนอนราบไปกับเตียง ถิงเฟยมองตาปริบๆ “จะ..จะทำอันใดหรือเจ้าค่ะ” นี่เป็นคืนเข้าและจะทำอันใดไปได้อีกเล่า ในความคิดของนางแล้วนั้นบุรุษผู้นี้ชอบสตรีใสซื่อแต่ทว่ากับดูไม่น่าเบื่อหน่ายและถิงเฟยก็เป็นเช่นนั้น หาไม่แล้วเขาจะกล้าแต่งนางเข้าจวนโดยไม่สนหัวของภรรยาเอกงั้นหรือ เผ่ยเหยียนซือได้ยินแล้วเราะอย่างเจ้าเล่ห์พลางถอนเสื้อคลุมปลดอาภรณ์ออกอย่างเชื่องช้า “สามีภรรยากลมเกลียวกลายเป็นหนึ่งเดียวอย่างไร” “…..” ถิงเฟยนอนนิ่งๆ ได้แต่มองการกระทำของอีกฝ่าย ทว่าแท้จริงแล้วภายในใจของนางเต้นกระหนำรัวด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย ส่วนใจกายบุรุษที่นูนออกมาให้เห็นนั้นทำเอานางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่อยากจะนึกว่าหสกปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วจะใหญ่เพียงใดกัน “เป็นอันใดกัน..กลัวข้างั้นหรือ” ถิงเฟยส่ายหน้า “ข้าเพียงแค่เขินอายเท่านั้นเจ้าค่ะ” “เหอะ! เขินอายอันใดกันถอนเสื้อผ้าออกเถิด” ปั่กก! ปั่กกกๆๆๆ “อ๊าา..อร๊างงง! ข้าเสียว” “อืมม!..เจ้ารัดข้าแน่นเกินไปแล้ว!” ปั่กกกๆๆๆ !!!! พอได้ยินเสียงกระทบกระทั้งและเสียงครวญครางของชายหญิงเช่นนี้ทั้งเขาและนางจะชะงักหันขวับมองตามต้นทางด้วยความงุนงงไม่น้อย “เสียงอันใดหรือเจ้าค่ะ” เผ่ยเหยียนซือส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าได้ยินมาจากที่ใดเกรงว่าคงหูฝาดไปเองกระมัง “คงเป็นเสียงของแขกในงานที่ยังไม่กลับกระมัง” ภายในห้องยามนี้ต่างร้อนระอุไปด้วยบทรักสวาทของคนทั้งคู่ด้วยความเร่าร้อน ชุนฟางชือนอนเปลือยกายแผ่อยู่ใต้เรือนร่างกำยำ นางหอบหายใจถี่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าคนงามพลันบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเสียวซ่าน “อา…เหตุใดถึงใหญ่นี้” นัยน์ตาเล็ดซิ่งหลุมต่ำมองลำเอ็นอวบที่ถูกรู้สึกกลืนกินไปทั้งลำ ยามนี้นางรู้สึกทั้งจุกคับแน่นและเสียวซ่านไปพร้อมๆ กัน “หึ!” มุมปากหนาเหยียดยิ้มร้าย ไป๋เฟิ่งอี้รู้สึกภูมิใจกับลำแก่นขนาดใหญ่โตไม่น้อย น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแหบพร่า “แล้วเหตุใดแม่นางเสร็จสมไปหลายถึงยังเอาแต่ขมิบบีบรัดข้าจนปวดหนึบเช่นนี้” บทรักสวาทของเขาและนางบรรเลงเข้าจังหวะราวหนึ่งก้านธูปได้ ในขณะที่สตรีร่างผู้นี้เอาแต่หดเกร็งบีบรัดกระตุกเสร็จสมครั้งแล้วครั้งเล่าพลันแก่นกายของเขาที่คาอยูาภายในสั่นระริกด้วยความทรมาน อาา…นางไม่เห็นขายให้มีขนาดเอ็นอวบใหญ่เพียงนี้มาก่อน ชุนฟางชินสูดลมหายใจเข้าออกมาพลางผ่อนคลายอารมณ์หื่นกระหาย “เพราะข้ารู้สึกดีอย่างไร” นางช้อนตาขึ่นเงยสบตากับบุรุษตรงหน้า ใบหน้าคนงามระบายยิ้มจางๆ อย่างเย้ายวน เขาเองก็รู้สึกดีไม่น้อยเช่นกัน นางเป็นสตรีคนแรกที่ทำให้หมดความอดทนได้อย่างง่ายดายมิหนำซ้ำเรื่องร่างนี้ยังงดงามเย้ายวนไม่น้อย “…..” ไป๋เฟิ่งอี้จ้องมองนิ่งๆ รอฟังอย่างตั้งใจว่าสตรีใต้ร่างผู้นี้จะเอ่ยอันใดออกมา สองขาเรียวของนางสั่นระริก หัวใจดวงน้อยเต้นกระหนำ “เช่นนั้นช่วยปรนเปรอให้ข้าสุขสมมากกว่านี้ได้หรือไม่” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นหวานเยิ้ม เกรงว่าเข้าของร่างเดิมคงตายไปแล้ว จู่ๆ ชุนฟางชินก็โผล่เข้ามาในร่างที่ไร้วิญญาณแต่คาดว่าตอนที่นางจากมากจากโลกปัจจุบันนั้นก็คงตายไปแล้วเช่นกัน ก่อนจะพบว่านางดันทะลุมิติเข้ามาในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่านอยู่….สรุปแล้ว ชุนฟางชินจะไม่ทำตัวงี่เง่าโง่มเหมือนในนิยายที่คอยตาแต่ขัดขวางสามีเลวและเมียน้อยแน่! หากเขามีเมียน้อยได้! นางก็มีผัวใหม่ได้เช่นกันตอนพิเศษ หัวปี…ท้ายปี หลายเดือนถัดมา หลังงานมงคลใหญ่ผ่านไป จวนสกุลไป๋กลับเต็มไปด้วยเสียงเด็กร้องไห้แผ่วเบาดังขึ้นภายในเรือนใหญ่ ยามนั้นแสงแดดอุ่นของฤดูร้อนสาดส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ร่างสูงใหญ่ในชุดเรียบง่ายกำลังอุ้มทารกน้อยในห่อเอาไว้แนบอกอย่างเก้ๆ กังๆ ใบหน้าคมคายฉายแววเคร่งเครียดราวกับกำลังรับศึกหนักที่สุดในชีวิต “เจ้าเด็กนี่…หยุดร้องสักทีได้หรือไม่” ไป๋เฟิ่งอี้เอ่ยเสียงทุ้ม ทว่ามือใหญ่กลับประคองแผ่วเบาอย่างยิ่งยวด ราวกับกลัวว่ารุนแรงจนทำร้ายทารกน้อย ชุนฟางชินที่เพิ่งตื่นจากการพักผ่อน ลืมตาขึ้นมาเห็นภาพตรงหน้าแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก ใบหย้าครงามระบายยิ้มกว้าง กล่าวหยอกล้อสามี “ไป๋เฟิ่งอี้ เหตุใดกลับทำหน้าเหมือนกำลังเจอศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดเพียงเพราะอุ้มลูกของตนเองกันเล่า” เขาพลางหันมามองภรรยา ใบหน้าคมปรากฏร่องรอยเขินอายที่หาได้เห็นบ่อยนัก น้ำเสียงทุ้มกล่าว “หึ! ข้าเพียงไม่ชำนาญ…ตัวเล็กเพียงนี้ย่อมไม่คุ้นชินมือ” นางยังคงหัวเราะคิกคักอย่า
ฝ่ามือหนาประคองใบหน้าคนงาม สายตาคมกริบพลันสบเข้ากันนัยน์ตาเมล็ดซิ่งหวานเยิ้มก่อนจะนางหลับตาพริ้มรอรับจุมพิตจากเขา มุมปากหนายกยิ้มอย่างพึงพอใจ “เหอะ! คิดว่าข้าจะรังแกตอนที่เจ้าไม่ได้สติหรืออย่างไร”ชุนฟางชินพลางยกมือคล้องโอบคออีกฝ่ายเอาไว้ ใบหน้าคนงามซบบนอกแกร่งท่าทางออดอ้อน“ทว่าข้าต้องการท่าน..เฟิ่งอี้”เห็นได้ชัดว่านางจงใจยั่งยวนเขา!ไป๋เฟิ่งอี้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “รีบนอนเถอะก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนแล้วไม่ได้นอนชุนฟางชิน”“งั้นหรือ” ชุนฟางชินหัวเราะคิกคัก แม้สติของนางจะเหลือน้อยนิดแล้วอย่างไรทว่านางนั้นรู้ตัวว่ากำลังทำอันใดอยู่ นางผละออกจากเขาเล็กน้อยก่อนที่จะกระตุกผ้าคาดอกออกและค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกอย่างเชื่องช้า เรือนร่างอรชรผอมผายปรากฏต่อหน้าของไป๋เฟิ่งอี้“เช่นนี้แล้วท่านยังจะมีความอดทนอยู่อีกหรือไม่”เฟิ่งอี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วไฉนเขาจะยังอดอยู่เล่า“หึ! สตรีร่าน” เขากัดฟันกรอดก่อนจะสอดมือเข้าเรือนผมงามรั้งท้ายทอยอีกฝ่าเข้าใกล้ประกบจูบอย่างดูดดื่มทันที“อื้อ…อือ” นางพลันเงยหน้ารับจูบลิ้มหนาสอดแทรกเข้าไปในโพลงปากพลางกวาดตวัดไล่เลียความหวาน น้ำเสียงทุ้มคาางออกมาอย่างพึงพอ
เรื่องต้องเป็นตามแผนการที่นางเอาไว้ ถิงเฟยถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหน้าอึ้ง ใบหน้าคนงามเสแสร้งแสดงความเห็นใจออกมาไม่มิด “ท่านพี่ใจเย็นๆ ก่อนเถอะเจ้าค่ะ หากมีเรื่องอันใดก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา”เผ่ยเหยียนซือแค่นเสียงฮึดฮัดสบถออกมา “เหอะ!”เขายังต้องมีอันใดผู้กับนางสตรีร่านผู้นี้อีก ดั่งคำที่เคยกล่าวไว้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆเกรงว่าหากเขาไม่ได้ยินน้ำเสียงร้องครวญครางกระเส่าของคนทั้งรู้เล็ดลอดออกมาหรือถิงเฟยจงใจคิดจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่บอกเขา….เผ่ยเหยียนซือคงไม่ยอมหย่าง่ายๆ แน่เขาม้วนกระดาษวางลงบนโต๊อย่างลง“เหลือเพียงแค่เจ้าลงนามเท่านั้นชุนฟางชิน” น้ำเสียงทุ้มของเผ่ยเหยียนซือกล่าวออกมาอย่างแข็งก้าวฉายแววความโกรธออกมาอย่างชัดเจนใบหน้าคนงามระบายยิ้มจางๆ “เหตุใดถึงได้ทำตัวราวกับว่าเป็นผู้ถูกกระทำและข้าเป็นคนผิดกันเล่าเผ่ยเหยียนซือ”ชุนฟางชินเกลียดคนเช่นนี้ยิ่งนักไป๋เฟิ่งอี้นั่งอยู่ข้างกายชุนฟางชิน สายตาคมกริบปรายมองสตรีข้างอยู่บ่อยครั้งทว่ากับมองไม่เห็นความเสียใจเลยแม้แต่น้อย “มิใช่เป็นคุณชายหรอกหรือที่แต่งสตรีอื่นเข้ามาก่อน” น้ำเสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นหากนางหย่าสามีก็ด
ยามค่ำคืนที่เงียบสงบและมืดสนิทมีเพียงแสงจันทราที่สาดส่องลงมาเท่านั้นไร้แสงระยิบระยับจากดวงดาวให้ความสว่างไป๋เฟิ่งอี้สวมใส่ชุดอาภรณ์สีดำสนิทปกปิดเรือนร่างและใบหน้าจนมองแทบไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ดวงตาคมกริบสอดส่องมองไปทั่วทั้งจวนก่อนที่จะปืดกระโดดผ่านทางหน้าต่างเข้าไปในเรือนตุบบ..บ!จู่ๆ ตอนที่เขาหวนกลับมายังจวนหลังนี้ก็คราก็พลันพบว่าหน้าประตูจวนเต็มไปด้วยเวรยามจนหาทางเข้าไปไม่ได้ภายในห้องเกือบสงบมีเพียงแค่เสียงลมหายใจเข้าออกของเจ้าของร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเท่านั้น ไป๋เฟิ่งอี้ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้อย่างแผ่วเบาเกรงว่าจะรบกรวนจนปลุกนางให้ตื่น“…..” ใบหน้าคนงามนอนหลับพริ้ม ดวงตาคู่งามปิดสนทิท มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายยิ้มแต่ไม่ถึงกับยิ้มเกรงว่านางคงกำลังนอนหลับฝันดีไม่น้อย“หึ” ไป๋เฟิ่งอี้มองเห็นแล้วจึงระบายยิ้มออกมาจางๆ อย่างไม่รู้ตัว ยามที่สายตาคมกริบเพ่งมองสตนีตรงหน้าล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างปิดไม่มิด“หลับลึกถึงเพียงนี้เลยหรือไร” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาคาดว่าหากเป็นโจรปล้นสวาทปานนี้นางคงหนีไม่พ้นแน่“อื้อออ…อือ” น้ำเสียงหวานส่งเสียงร้องงัวเงียออกมาด้วยความรำคาญ ชุนฟ











