ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ

ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ

last updateLast Updated : 2025-12-01
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
10
1 rating. 1 review
45Chapters
1.4Kviews
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ทำงานอยู่ดีๆ ตื่นมาอีกทีทำไมถึงมาอยู่ในที่โบราณอย่างนี้เนี่ย ไม่รู้จักใครสักคน แล้วมิติเนี่ยให้มาทั้งทีมีแต่สมุนไพร เราก็ไม่ใช่หมอเสียด้วย แล้วบุรุษผู้นี้ทำไมต้องมาตามถามหาความรับผิดชอบด้วย ข้ามายุคปัจจุบันไม่ถือสาหรอกนะ "เจ้าจะไม่รับผิดชอบข้าใช่หรือไม่ ถึงข้าจะเป็นบุรุษก็เสียหายนะ" "ห๊ะ อะไรเนี่ย คำพูดนี้ต้องเป็นข้ารึเปล่า"

View More

Chapter 1

บทที่1 ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว

          แสงตะวันยามเช้าทอประกายสีทองอ่อน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แผ่กระจายทั่วหมู่บ้าน ‘ธาราใส’

          ผู้คนเริ่มตื่นนอนเพื่อเริ่มวิถีชีวิตและการทำงาน บางครอบครัวแบกจอบแบกเสียมเข้าไปทำไร่ตามวิสัยปกติ บางครอบครัวพากันลุกขึ้นมาทำอาหาร ควันจากการทำอาหารลอยอบอวลส่งกลิ่นหอมจากปล่องควัน ล่องลอยไปตามลมเชิญชวนทุกผู้คนให้น้ำลายสอ เสียงจากวิถีชีวิตอันเริ่มดำเนินไปเป็นเหตุให้ความสงบถูกความวุ่นวายเริ่มแสดงตัว

          ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งห่างไกลจากบ้านชาวบ้าน...

          ตัวบ้านค่อนข้างทรุดโทรมเนื่องจากไร้ซึ่งคนเข้ามาอยู่อาศัยนานหลายปี ภายในบ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ ภายในกระท่อมมีกลิ่นอับชื้นโชยมาเป็นเหตุให้ร่างบางซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ค่อย ๆ รู้สึกตัว นางมีอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ พลันรู้สึกประหลาดกับบรรยากาศไม่คุ้นเคย สิ่งแรกที่มองเห็นเป็นหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีรอยแตกร้าว อีกทั้งยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาราวกับประกาศศักดาความผุพังของมัน ยามกวาดสายตาไปรอบ ๆ นางเห็นผนังของตัวบ้านแสนเก่าคร่ำครึ แม้แต่อิฐยังมีรอยแตกร้าว หยากไย่พาดไขว้ไปมาทุกหนแห่งอันเป็นมุมอับ โดยรวมแล้วสถานที่ที่นางมานอนมึนงงอยู่นั้นช่างมีบรรยากาศน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน

          นางยังรู้สึกงุนงงกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ในความทรงจำได้ความว่ากำลังนั่งทำงานที่ได้รับมา มันเป็นงานแปลเอกสารและพึ่งทำสำเร็จไปเพียงสองงานเท่านั้น ด้วยว่าร่างกายมาถึงขีดสุดแล้วนางจึงฟุบหลับตรงโต๊ะทำงานเสีย หวังว่าให้มีแรงจะได้ทำงานต่อ...

          ทว่าพอตื่นขึ้นมาทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป มือเรียวงามดังไม้เหลาเสยผมท่าทางมึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกนัก

          ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า?

          ‘เซียวอันหนิง’ หญิงสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด (ช่วง ค.ศ. 2001 - 2100) เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยและเพื่อเลี้ยงปากท้องจึงมีทำอาชีพเสริมรับงานแปลภาษา หากเป็นช่วงปิดเทอมก็จะไปรับสอนพิเศษให้กับเด็ก ๆ ด้วยความเป็นคนงามตามธรรมชาติ มีผมยาวสลวยสีนิลยาวถึงกลางหลังตัดกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้มีเสน่ห์มากขึ้นอย่างยิ่งยวด ยิ่งประกอบกับจมูกโด่งเป็นธรรมชาติ ปากเป็นกระจับ ทุกสิ่งล้วนแต่ออกมางามทั้งสิ้น ตอนแรกว่างามล้ำพอรวมกันยิ่งงามจับตา มีคนมาเกี้ยวพาเสียหลายคน ทว่าชีวิตมักทำแต่งานเลยทำให้ไม่เคยสานสัมพันธ์กับใครสักคนอย่างจริงจังแม้แต่คนเดียว

          “ที่นี่ที่ไหน...?”

          ริมฝีปากกระจับซีดพึมพำออกมา น้ำเสียงหวานเสนาะสื่อชัดว่างุนงง นางพยายามลุกขึ้นจากเตียงไม้ที่นอนอยู่ก่อนก้าวเดินไปเปิดประตู ซึ่งเจ้าประตูนี่ก็แสนรันทดเพราะทั้งเก่าทั้งทรุดโทรมจนคิดว่าหากจับแรงเกินไปมันจะหลุดหล่นออกมาหรือไม่ เมื่อเดินออกมาถึงหน้าบ้านมองไปรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่าที่ที่ตัวเองยืนอยู่ตอนนี้เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ มองลงไปข้างล่างเห็นบ้านเรือนเรียงราย บ้างกระจาย บ้างกระจุก ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก อีกทั้งชาวบ้านยังแต่งตัวแปลก ๆ เป็นแบบจีนสมัยโบราณ หากแต่จะเป็นยุคสมัยไหนนั้นไม่ระบุได้เช่นกัน

          ประหลาดไปหมดตั้งแต่ตำแหน่งที่ตั้งไปจนถึงเสื้อผ้า ไม่อยากนึกเลยว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหน

          เซียวอันหนิงกำลังคิดถึงความเป็นไปได้อันแสนไร้สาระ แต่เมื่อประกอบกับหลาย ๆ อย่างตรงหน้าพลันอดคิดไม่ได้

‘หรือเราจะทะลุมิติมาในยุคโบราณ เหมือนที่เคยอ่านในนิยาย’

          นางสะดุ้ง เพราะหากเป็นจริงก็ชัดเจนแล้วว่าคงอยู่แบบนี้ไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง ทว่าดูจากสภาพตัวนางในตอนนี้แล้วช่างน่าหนักใจเนื่องจากเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ซึ่งไม่ได้กลมกลืนไปกับคนที่นี่ จากที่นางมองว่าพวกเขาแปลกคงได้สลับขั้วกันเป็นแน่...

          เซียวอันหนิงถอนหายใจ อย่างไรก็ต้องหาทางก่อน อย่างแรกเริ่มจากหาชุดที่คนยุคสมัยนี้ใส่กัน หากแต่จะหาจากไหนนั้นยังสุดจะรู้ ‘เฮ้อ เอาเถอะ เดินไปเดี๋ยวคงได้เจอ’

          ร่างบางเริ่มเดินลัดเลาะเพื่อลงไปหมู่บ้าน หลังสอดส่องท่าทางดูน่าสงสัยจึงเห็นว่ามีชาวบ้านตากเสื้อผ้าเอาไว้ แม้ปกตินางเป็นผู้มีคุณธรรมแต่ตอนนี้จำต้องโยนศีลธรรมทิ้งไปก่อน เซียวอันหนิงค่อย ๆ แอบย่องไปเอาเสื้อผ้าของชาวบ้านผู้ถูกเลือก หลังเฟ้นเอาชุดที่แห้งที่สุดจึงรีบวิ่งไปตามทางเพื่อไม่ให้โดนจับได้ หลังลัดเลาะมาตามทางจนกลับมาที่บ้านผุพังน่าเวทนา นางก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แม้ใส่ผิด ๆ ถูก ๆ เก้ ๆ กัง ๆ ไปสักหน่อยแต่เมื่อจัดให้ดีก็ออกมางามได้ อาจเพราะมีหน้าตาเช่นนี้ช่วยด้วยกระมัง

          เซียวอันหนิงยกมือพนมขึ้น ขอโทษเจ้าของเสื้อผ้า รู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นของมีราคาค่างวดสำหรับขาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ หากแต่นางเดินเริงร่าออกไปด้วยเสื้อผ้าแบบเดิม เกรงว่านอกจากจะถูกนินทาว่าร้ายแล้วอาจได้ข้าวของลอยมาปะทะเพราะมองว่าแปลกตาอย่างแน่นอน

          "เทพเซียน ทั้งสวรรค์ที่คาดว่าจะมีอยู่จริง? เอ่อ.. ช่วยทำให้ข้าน้อยมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างดีด้วยเถอะ ขอเงินทองเยอะ ๆ บุรุษไม่ต้องก็ได้หากท่านให้ข้าน้อยเลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้าน้อยขอเป็นทรัพย์สินเงินทองนะเจ้าคะ"

          เซียวอันหนึงต้องระบุชัดเจน หากท่านเทพเกิดฟังไม่ได้สรรพ อาจจะส่งมาแต่บุรุษแต่ไม่ดลบัลดาลทรัพย์สินให้มาก็ได้ 

          ร่างบางจึงเริ่มสำรวจความแตกต่างของยุคสมัย สิ่งที่ง่ายที่สุดในการเริ่มสังเกตคือเครื่องแต่งกาย ชุดที่นางใส่มีลักษณะทับกันหลายชั้น มีชั้นในหนึ่งชั้น มีทับชั้นที่สองคาดด้วยผ้าซึ่งก็ไม่ทราบว่าจริง ๆ ต้องมัดอย่างไรขอแค่ไม่หลุดออกมาก็พอ ส่วนชั้นที่สามเป็นชั้นสุดท้าย ลักษณะคล้ายเสื้อคลุมหากแต่ดูไม่หนาเท่า อาจเพราะนี่เป็นเสื้อผ้าของชาวบ้านจึงไม่หรูหรานุ่มนวลชวนให้อบอุ่นนักก็เป็นได้ ความโชคดีอีกอย่างหนึ่งคืออากาศในยุคโบราณยังไม่เสียไป มีอากาศสดชื่น ถึงร้อนก็ยังร้อนไม่มาก ทว่าพอมาคิดมุมกลับ แปลว่าในช่วงฤดูหนาวก็อาจเป็นเหตุให้คนล้มตายได้มากมายเช่นกัน ยิ่งในยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้าไม่ถึงแบบนี้ โอกาสตายมีมากกว่ารอดเสียอีก

          ตามความรู้ซึ่งเคยหาดูในตอนทำงาน หากจำไม่ผิดในยุคนี้เริ่มมีการเผาถ่านกันบ้างแล้วทว่ายังไม่แพร่หลายนัก มีใช้กันเฉพาะคนมีฐานะดี ส่วนชาวบ้านทั่วไปต้องเก็บฟืนเตรียมไว้ใช้ในฤดูหนาว

          เซียวอันหนิงลูบใบหน้าท่าทางครุ่นคิด ตอนนี้คิดไปเรื่อยมีแต่เปล่าประโยชน์สู้ลงไปถามเลยให้มันรู้เรื่องยังดีเสียกว่า จึงสาวเท้าก้าวลงไปด้านล่างอีกครั้ง บอกลาข้าวของอันตามติดตัวมาด้วยความอาลัย อย่างไรเสียทุกอย่างก็ต้องเป็นไป การตัดใจเริ่มต้นใหม่ได้ไวย่อมเป็นข้อดี พลางคิดอย่างปลง ๆ ชีวิตนางนี่ไม่เคยได่โชคหล่นทับเลยสักครั้ง

อย่างน้อยหากสอบถามแล้วได้ความ นางก็ยังทราบว่าต้องอย่างไรต่อไป ควรใช้ชีวิตยังไงต่อ ไม่รู้เหนือรู้ใต้เลยแบบนี้มีแววได้ตายก่อนรอด ไม่ดีเท่าไหร่

          เซียวอันหนิงเดินกลับทางเดิม ตัดสินใจละทิ้งชีวิตเก่าเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ จริงอยู่ว่าชีวิตเก่านั้นสุขสบายกว่ามาก ทว่าในเมื่อไม่สามารถกลับคืนสู่ถิ่นเดิมได้ก็ต้องอยู่กับถิ่นใหม่นี้ให้ดี หลังผ่านไปไม่นานนางจึงเดินลงถึงข้างล่าง ไม่ห่างกันนักมีชาวบ้านที่ไม่ได้ออกไปทำงานกำลังจับกลุ่มสนทนา นางมองวิถีชนบทซึ่งไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยนักเนื่องจากวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบันกับที่ตั้งของเมืองไม่ค่อยมีคนสุงสิงกันมากนัก การมาเจอชาวบ้านอยู่รวมกันเพื่อจับกลุ่มพูดคุยสารพัดจึงทำให้นางเก้อกระดากทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ

          "เจ้าดูสิ แม่นางน้อยผู้นั้นดูงดงามเสียจริงแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนหมู่บ้านเรานะ"

          "ไหน ๆ นั่นสิดูงดงามน่าจะเป็นคนที่อื่น หมู่บ้านเรามีหน้าตางดงามถึงเพียงนี้ที่ไหนกัน"

          "เดินทางผู้เดียวอย่างนี้ อันตรายมากเลยนะ ยิ่งบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านนี่อันตพานมากหากได้เจอละก็คงจะเป็นอันตรายได้เลยนะ"

          บางคนหันมามองและวิพากย์วิจารณ์เนื่องจากมีความรู้สึกแปลกหน้าทว่าหญิงสาวพยายามไม่สนใจรีบเดินออกไป ร่างบางเดินมาเรื่อย ๆ จนเจอทางแยกซึ่งมีทั้งทางตรงเดินไปได้กับอีกทางคือเลี้ยวขวา สองขาหยุดก้าวต่อ กำลังชั่งใจว่าควรไปต่อโดยการอาศัยสัญชาติญาณหรืออ้าปากถามเจ้าถิ่น หลังไตร่ตรองอยู่สักพักก็ได้มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินผ่านนางไป

          แต่เมื่อมองย้อนกลับมาเห็นสีหน้าของเซียวอันหนิงจึงเดินย้อนกลับมา นางเป็นหญิงชรารูปร่างผอมบาง มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือหนึ่งไขว้ไว้ที่หลัง แผ่นหลังโค้งงอเล็กน้อย สีหน้าท่าทางดูเป็นหญิงชราที่มีจิตใจดี คงจะเข้าถึงง่ายสมกับวิถีชีวิตในชนบทอย่างยิ่ง

          เซียวอันหนิงเห็นแบบนั้นคิดว่าอีกฝ่ายดูสามารถไถ่ถามได้จึงยิ้มให้ก่อนเอ่ยปากก่อนหญิงชรามาถึงตัว

          “ขออภัยนะเจ้าคะ ท่านยาย...ข้าเพิ่งผ่านมาทางนี้ ไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้คือที่ไหน อยู่ในแคว้นใด ท่านยายพอบอกข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?”

          “เจ้าเป็นคนต่างถิ่นหรือ? แต่เอาเถอะ...ที่นี่คือหมู่บ้านธาราใสตั้งอยู่ในแคว้นเหลียว” หญิงชราเว้นวรรคมองซ้ายขวา คิดว่าเซียวอันหนิงคงอยากเดินทางไปที่อื่นจึงถามเพิ่มเติม

          “เจ้าจะไปที่ใดเล่า”

          “ข้ากำลังคิดเดินทางไปเมืองหลวง หากแต่ต้องหาที่พักอยู่ก่อนสักสามสี่คืนเจ้าค่ะ”

          นางว่าไปตามตรง อย่างไรการออกเดินทางไปเลยโดยที่ไม่รู้อะไรไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก การอยู่ร่วมกับชาวบ้านเพื่อเรียนรู้วิธีการวางตัว การพูดคุย รวมไปถึงสกุลเงินกับเรื่องพื้นฐานอื่น ๆ เป็นเรื่องจำเป็น หากไปที่อื่นจะได้ไม่โดนหลอก ยิ่งตอนนี้มาโดยไม่รู้และไม่มีอะไรสักอย่างกระทั่งเสื้อผ้ายังต้องลักลอบแอบเอาของเขามา การให้เวลาตนสักสามสี่วันก่อนเดินทางจึงดูปลอดภัยกว่ามาก

          หญิงชรายิ้มรับก่อนบอกน้ำเสียงใจดี จากคำพูดคำจาและกิริยา นางคงเป็นคนต่างถิ่นจริง ๆ

          “อ๋อ...ถ้าเจ้าหาที่พักก็เลี้ยวขวาแล้วตรงไป พอเจอตลาดเล็ก ๆ ให้เดินไปตรงตรอกเล็ก ๆ ภายในนั้นมีโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ อยู่ ราคาไม่เท่าไหร่คงพอให้พักได้สักสามสี่คืนอย่างไม่มีปัญหา”

          เซียวอันหนิงมองตามที่หญิงชราบอก พบว่าทางไปโรงเตี๊ยมไม่ได้ไปยากเสียเท่าไหร่จึงก้มศีรษะขอบคุณอย่างอ่อนน้อมโดยทันที

          “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

          หญิงชรามองตามเรือนร่างเพรียวบาง ถึงแม้ใส่ชุดเก่าไปเสียหน่อยทว่าดูแล้วมีรูปโฉมสะคราญ เหตุใดจึงเดินทางผู้เดียวแบบนี้ มาคิดให้ดีช่างอันตรายยิ่งนัก

          ทางด้านเซียวอันหนิงเดินไปตามทางที่หญิงชราว่าไว้ ไม่นานจึงเจอตลาดซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน ร้านรวงเปิดแผงลอยเป็นอาหารเสียส่วนมาก ไม่ห่างกันนักมีชาวบ้านนำผักป่ามาขาย ส่วนร้านบะหมี่นั้นกระจายอยู่ทั่วไปหลายร้าน มีลูกค้านั่งกระจายอยู่สองสามโต๊ะ กลิ่นน้ำซุปลอยมาตามลมดึงดูดใจนางยิ่งนัก มองเลยไปพบเด็ก ๆ ในชุดผ้าเนื้อหยาบกำลังต่อแถวซื้อถังหูลู่ซึ่งเป็นผลไม้เคลือบน้ำตาลแต่อาจไม่ได้ดูฉูดฉาดเท่ายุคสมัยของนางเท่านั้น

          นางมองดูสภาพแวดล้อมรอบตัวแล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก...พลางนึกโกรธเคืองในสวรรค์ไม่ให้ไปสวมร่างใครก็ได้ที่ร่ำรวย เน้นนะว่า ต้องร๋ำรวยจะได้ไม่ต้องมาเร่ร่อนอย่างเช่นตอนนี้

          ดวงตางดงามเพ่งมองไปทั่ว กำลังมองหาลู่ทางเพื่อทำเงิน นางย้อนกลับมาในยุคสมัยที่ตัวเองไม่รู้จัก เรียนรู้วิถีใหม่ทุกอย่างตั้งแต่แรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้กลับโลกเดิมไหม ที่ที่จากมายังถือว่านางมีตัวตนอยู่หรือไม่ ทว่าก็ดูซับซ้อนมากขึ้นไปอีกเมื่อนางมาที่นี่ด้วยร่างกายตัวเองหาใช่จู่ ๆ ไปตื่นในร่างผู้ใดก็ไม่ทราบ ตามหลักต้องบอกว่าเป็นบุคคลสาบสูญน่าจะถูกต้องกว่า ไหน ๆ แล้วก็คงต้องสู้กันสักตั้งมาก็มาแล้ว จะทำอันใดได้อีก

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

reviews

AiGame Aigame
AiGame Aigame
มีทั้งหมดกี่ตอน
2025-12-11 19:39:15
0
0
45 Chapters
บทที่1 ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว
แสงตะวันยามเช้าทอประกายสีทองอ่อน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แผ่กระจายทั่วหมู่บ้าน ‘ธาราใส’ ผู้คนเริ่มตื่นนอนเพื่อเริ่มวิถีชีวิตและการทำงาน บางครอบครัวแบกจอบแบกเสียมเข้าไปทำไร่ตามวิสัยปกติ บางครอบครัวพากันลุกขึ้นมาทำอาหาร ควันจากการทำอาหารลอยอบอวลส่งกลิ่นหอมจากปล่องควัน ล่องลอยไปตามลมเชิญชวนทุกผู้คนให้น้ำลายสอ เสียงจากวิถีชีวิตอันเริ่มดำเนินไปเป็นเหตุให้ความสงบถูกความวุ่นวายเริ่มแสดงตัว ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งห่างไกลจากบ้านชาวบ้าน... ตัวบ้านค่อนข้างทรุดโทรมเนื่องจากไร้ซึ่งคนเข้ามาอยู่อาศัยนานหลายปี ภายในบ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ ภายในกระท่อมมีกลิ่นอับชื้นโชยมาเป็นเหตุให้ร่างบางซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ค่อย ๆ รู้สึกตัว นางมีอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ พลันรู้สึกประหลาดกับบรรยากาศไม่คุ้นเคย สิ่งแรกที่มองเห็นเป็นหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีรอยแตกร้าว อีกทั้งยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาราวกับประกาศศักดาความผุพังของมัน ยามกวาดสายตาไปรอบ ๆ นางเห็นผนังของตัวบ้านแสนเก่าคร่ำครึ แม้แต่อิฐยังมีรอยแตกร้าว หยากไย่พาดไขว้ไปมาทุกหนแห่งอันเป็นมุมอับ
last updateLast Updated : 2025-10-20
Read more
บทที่2 ข้ามมิติมาแบบไม่รู้ตัว(ตอนปลาย)
เดินลัดเลาะจนมาถึงตรอกที่หญิงชรากล่าวถึง ตรงบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก เซียวอันหนิงมองตรงไปเห็นร้านเครื่องประดับตั้งแผงขายอยู่ ลูกค้าไม่ค่อยมีนักหากแต่ผู้ขายกลับดูขัดตากันเล็กน้อย ผู้ขายเป็นบุรุษ ส่วนสูงปานกลาง ลักษณะทางกายไม่อ้วนผอมชัดเจน ใบหน้ามีลักษณะสื่อว่าเป็นคนใจซื่อ แววตาไม่เจ้าเล่ห์แสนกล ผิวพรรณออกเข้ม เมื่อคนลักษณะเช่นนี้มาขายเครื่องประดับจึงดูแปลกไปเสียหน่อย หญิงสาวมองไปก่อนคิดได้ว่าหากนางสามารถขายเครื่องประดับพวกนี้ได้สักชิ้นคงมีส่วนแบ่งพอให้ใช้ชีวิตไปหลายวัน เนื่องจากเครื่องประดับงดงามหากแต่ผู้ค้าทำให้ดูขัดตาจึงมีลูกค้าน้อยตามไปด้วย เถ้าแก่ซ่งนั่งมองเครื่องประดับตนเองซึ่งขายไม่ออกเท่าที่ควร พวกมันงดงามทว่าไม่มีผู้ใดอยากครอบครองพวกมันเลย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้ปิดร้านแทนเป็นแน่แท้ เขาขาดทุนมาหลายเดือนแล้ว สถานะทางการเงินเปลี่ยนไปพอสมควร จากมีลูกจ้างก็ต้องมานั่งขายเอง จนตอนนี้ผ่านมาเป็นเดือนยังขายไม่ได้สักชิ้นเดียว ห่วงก็แต่บุตรสาวผู้มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยกระเสาะกระแส ถ้าเขาไม่สามารถฟื้นฟูกิจการอันเป็นมรดกตกทอดนี้ได้ ภายภาคหน้าถ้าบุตรสาวออกเร
last updateLast Updated : 2025-10-20
Read more
บทที่3 ค้นพบมิติวิเศษ
หลังจากแยกย้ายกับจากเถ้าแก่ซ่ง สิ่งหนึ่งที่นางพบคือไม่ว่าเดินไปที่ใดก็มักเป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น ด้วยรูปร่างสะโอดสะองสมส่วนไปเสียหมดล้วนแต่ดึงดูดสายตาจากทั่วสารทิศให้มองมาหากแต่นางมิได้สนใจนัก คนงามรีบเดินไปหาโรงเตี๊ยมซึ่งถามจากหญิงชรา เนื่องจากตอนนี้ทั้งหิวและอยากพักผ่อนมากเหลือเกิน ขณะกำลังเดินไปตามทาง ในหัวคิดวิเคราะห์จากประสบการณ์การอ่านนิยายว่าค่าเงินในยุคนี้มีค่าเท่าใด จำนวนอัฐที่ได้มาจะสามารถอยู่ได้หลายวันหรือเปล่า เถ้าแก่ซ่งได้ไปสิบเหรียญทองกับอีกห้าเหรียญเงิน เขาดูดีใจมากเพียงนั้นกัลยอดเงินที่ได้แบ่งออกไป เป็นไปได้ว่าจำนวนเงินคงไม่ใช่น้อยเป็นแน่ เมื่อลองเปรียบเทียบค่าเงินที่พอจะจำได้ พลันรู้สึกได้ว่าเงินนั้นคงเยอะพอสมควรเลยทีเดียว กลิ่นน้ำซุปที่ลอยมาตามลมดึงความสนใจจากเซียวอันหนิงแทบทันที ตอนนี้ร่างกายทั้งหิวโหยอ่อนล้า เพียงกลิ่นน้ำซุปหอมที่ลอยมาตามลมมันก็แทบทำให้น้ำลายสอเสียแล้ว จึงเริ่มมองหาที่มาของกลิ่นน้ำซุปว่าอยู่ตรงที่ใด อย่างน้อยก่อนไปโรงเตี๊ยมได้กินบะหมี่ผักสักชามก็ยังดี นางไม่อยากเสี่ยงไปโรงเตี๊ยมแล้วไม่มีอะไรกินต้องนอนทนหิวไปทั้งอย่าง
last updateLast Updated : 2025-10-20
Read more
บทที่4 ค้นพบมิติวิเศษ (ตอนปลาย)
เมื่อตัดสินใจจะต้องขึ้นเขาและได้ถามชาวบ้านว่าภูเขาด้านหลังหมู่บ้านหากขึ้นไปหาของป่าจะอันตรายหรือไม่ก็ได้คำตอบกลับมา ภูเขาหลังหมู่บ้านมีชื่อว่า ซีอัน มีความหมายว่ามีต้นไม้ใหญ่คอยคุ้มครอง ถ้าไปทางทิศเหนือจะเป็นป่าโปร่งมักมีชาวบ้านเข้าไปเก็บของป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอเป็นประจำอยู่แล้ว หากไปทางทิศใต้จะมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยชุกชุมกว่าทางเหนือ หมีดำ หมูป่า พยัคฆ์ร้าย และอีกมากมายนานาประการ สัตว์พวกนี้เรียกได้ว่าพบเห็นง่ายมากเสียจนแม้แต่ชาวบ้านซึ่งชำนาญเส้นทางยังขยาดไม่อยากเฉียดใกล้ นางยึดเอาตามคำชาวบ้าน เดินลัดเลาะขึ้นไปบนเขาซีอันทางทิศเหนือ แม้ไม่ค่อยมั่นใจนัดว่าจะได้เจอเจ้าเห็ดหลินจือราคาแสนแพงนั่นหรือไม่แต่อย่างน้อยลองขึ้นไปก่อนเผื่อมีโอกาสเจอย่อมดีกว่านั่งรอวาสนาจนเสียเวลาไปเปล่าๆ ทีนางเอกนิยายยังเก็บกันมาได้เป็นกระบุงเลย ภูเขาลูกใหญ่กว้างไกลไพศาลเพียงนี้จะไม่มีหลุดมาให้เจอสักดอกเลยหรืออย่างไร เซียวอันหนิงมองพื้นที่ซึ่งเป็นป่าโปร่งเบื้องหน้าพลางกำหมัดแน่น ได้เวลาใช้เรี่ยวแรงเสียที! นางก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ราวหนึ่งก้านธูป (หนึ่งชั่วโมง) ทว่าก็ยังไม่เจอเจ้าเห็ดหล
last updateLast Updated : 2025-11-02
Read more
บทที่ 5 เจอหมอเท้าเปล่า
เมื่อตัดสินใจจะต้องขึ้นเขาและได้ถามชาวบ้านว่าภูเขาด้านหลังหมู่บ้านหากขึ้นไปหาของป่าจะอันตรายหรือไม่ก็ได้คำตอบกลับมา ภูเขาหลังหมู่บ้านมีชื่อว่า ซีอัน มีความหมายว่ามีต้นไม้ใหญ่คอยคุ้มครอง ถ้าไปทางทิศเหนือจะเป็นป่าโปร่งมักมีชาวบ้านเข้าไปเก็บของป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอเป็นประจำอยู่แล้ว หากไปทางทิศใต้จะมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยชุกชุมกว่าทางเหนือ หมีดำ หมูป่า พยัคฆ์ร้าย และอีกมากมายนานาประการ สัตว์พวกนี้เรียกได้ว่าพบเห็นง่ายมากเสียจนแม้แต่ชาวบ้านซึ่งชำนาญเส้นทางยังขยาดไม่อยากเบฉียดใกล้ นางยึดเอาตามคำชาวบ้าน เดินลัดเลาะขึ้นไปบนเขาซีอันทางทิศเหนือ แม้ไม่ค่อยมั่นใจนัดว่าจะได้เจอเจ้าเห็ดหลินจือราคาแสนแพงนั่นหรือไม่แต่อย่างน้อยลองขึ้นไปก่อนเผื่อมีโอกาสเจอย่อมดีกว่านั่งรอวาสนาจนเสียเวลาไปเปล่าๆและเรื่องรอวาสนาอย่างได้หวังเลย ทีนางเอกนิยายยังเก็บกันมาได้เป็นกระบุงเลย ภูเขาลูกใหญ่กว้างไกลไพศาลเพียงนี้จะไม่มีหลุดมาให้เจอสักดอกเลยหรืออย่างไร เซียวอันหนิงมองพื้นที่ซึ่งเป็นป่าโปร่งเบื้องหน้าพลางกำหมัดแน่น ได้เวลาใช้เรี่ยวแรงเสียที! ร่างบางก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ราวหนึ่งก้า
last updateLast Updated : 2025-11-02
Read more
บทที่6 เจอหมอเท้าเปล่า (ช่วงปลาย)
ศิษย์อาจารย์ค่อย ๆ เดินออกมาจากพุ่มไม้จนถึงตัวบุรุษชุดดำผู้นอนหายใจรวยริน เซียวเหวินก้มลงคุกเข่าข้างคนเจ็บ ใช้มือตรวจเส้นชีพจรจึงรู้ว่าร่างกายยังพอไปไหว คงไม่ตายเร็ว ๆ นี้ เมื่อแน่ใจว่ายังมีหนทางรักษาจึงหันไปบอกลูกศิษย์สาว“เจ้ารีบมาช่วยพยุง เขายังรักษาได้”เซียวอันหนิงรีบเข้ามาช่วยพยุง บุรุษผู้นี้มีรูปร่างสูงโปร่งดูสูงเพรียวมากทว่าร่างกายกลับหนักอึ้งประหนึ่งแบกหิน หญิงสาวกัดฟันทนพยุงเขาจนพาไปพิงกับต้นไม้ใหญ่ได้ก็รีบหลีกให้เซียวเหวินเริ่มการรักษา เขาเริ่มจากการห้ามเลือด ปลดเสื้อผ้าตัวนอกออกเพื่อให้หายใจได้สะดวก ไม่กดทับร่างกายมากเกินไป ทว่าก็ยังรักษาความลับให้โดยการละเว้นผ้าปิดบังใบหน้าไว้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาค่อนชีวิต หากผู้ใดปิดหน้าคาดตาแปลได้อย่างเดียวคือห้ามสอดรู้ ดังนั้นเพื่อให้ได้รับผลดีมากกว่าร้าย ละเว้นไว้แล้วรักษาตามสมควรจึงเป็นเรื่องฉลาดกว่าเซียวเหวินค้นย่ามเก่าหยาบของตัวเอง หยิบเอายาต้มห่อหนึ่งส่งให้เซียวอันหนิงก่อนบอก “เจ้าไปต้มยาสำหรับแก้ไข้เสีย ในคืนนี้เขาจะต้องเป็นไข้อย่างแน่นอน”หญิงสาวรับห่อยามาก่อนหัวเราะแห้ง ๆ “แฮะ แฮะ เอ่อ...อาจารย์เจ้าคะ ข้ามิเคยก่อไฟมาก่อนเจ้าค
last updateLast Updated : 2025-11-06
Read more
บทที่ 7 เดินทางถึงเมืองหลวง
หลังจากเดินทางมาแรมเดือน ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงประตูเมืองจนได้ เซียวอันหนิงมองกำแพงสูงใหญ่ปิดกั้นสายตาจากด้านนอก มันสูงมากเสียจนต่อให้ยืนบนต้นไม้ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถมองเห็นด้านในได้เสียด้วยซ้ำ ประตูเมืองทำด้วยไม้แผ่นใหญ่สองบานปิดเข้าหากัน ด้านหน้ามีทหารยามเฝ้า คอยดูแลคนเข้าออกในแต่ละวันอย่างเคร่งครัด ได้อ่านคำว่าเมืองหลวงมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งผ่านหนังสือ ครั้นมาเห็นกับตากลับรู้สึกมิธรรมดา ดูยิ่งใหญ่อลังการ คนโบราณช่างเก่งกาจเสียจริงที่สร้าง สถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ออกมาได้โดยใช้เพียงกำลังคนเพียงอย่างเดียว ทั้งสองรีบเดินเข้าไปเพื่อทำเรื่องขอเข้าเมือง ใช้เวลาพักใหญ่จึงเรียบร้อย เมื่อได้ตราประทับรับรองมายืนอยู่พร้อมกับคนอื่น ๆ ซึ่งรอเข้าเมืองเช่นกัน ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงคล้ายกับไม้ขนาดใหญ่เสียดสีกันอย่างเชื่องช้า ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ อ้าออกจากกันจนเห็นพื้นที่ด้านหลังประตู ภาพที่ทั้งสองเห็นคือผู้คนซึ่งคึกคักอย่างมาก มีผู้คนพลุกถล่านรวมไปถึงร้านค้ามากมาย ด้านนอกดูทุรกันดารพอสมควรหากแต่ภายในกลับไม่ใช่เลย เห็นได้ชัดว่านอกประตูเมืองกับในประตูเมืองมันช่างต่างกันเสียมากมาย มันปิดซ่อนสีสัน
last updateLast Updated : 2025-11-06
Read more
บทที่8 เดินทางเข้าเมืองหลวง (ช่วงปลาย)
อีกด้านหนึ่ง “อาจารย์ ข้าว่าพักโรงเตี๊ยมนี้ดีกว่า” เซียวอันหนิงพูดขึ้นเมื่อเห็นที่เหมาะ ๆ อีกทั้งตอนนี้นางเมื่อยเต็มที อาจารย์พานางเดินไปทั่วเสียจนตอนนี้ขาจะหลุดออกมาอยู่แล้ว โชคดีที่เซียวเหวินเองก็เมื่อย ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงได้เกิดการถกเถียงจริง ๆ เมื่อตกลงกันได้จึงพากันเข้าไปในโรงเตี๊ยม โรงเตี๊ยมแห่งนี้ถูกสร้างเป็นแบบสองชั้น มีห้องพักอยู่หลายรูปแบบ พักห้องละสองคน หรือพักด้วยกันห้องละสี่ถึงห้าคน แล้วยังมีห้องพักแบบคนเดียวเพื่อความเป็นส่วนตัวอีกด้วย ทั้งสองพากันมองซ้ายขวา ไม่นานจึงเห็นเถ้าแก่คนหนึ่งกำลังขีดเขียนลงกระดาษจึงได้เอ่ยออกไป เซียวอันหนิงร้องบอกเขา “เถ้าแก่ ข้าต้องการที่พักสองห้อง” “เอาห้องแบบไหนเล่าแม่นาง” เถ้าแก่ถามขึ้นขณะวางกระดาษในมือแล้วเดินมารับรองลูกค้าท่าทางสุภาพ เซียวอันหนิงตอบไปแทบทันที “เอาห้องพักแบบเดี่ยวสองห้อง” เถ้าแก่พยักหน้า คิดเงินเรียบร้อยจึงรีบเดินขึ้นไปเตรียมที่พักให้ทันที โชคดีว่าไม่ต้องรอนานนัก ทั้งคู่พากันเดินไปยังห้องพักส่วนตัวแล้วแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตนเองทันที นางเข้ามาในห้อง ค
last updateLast Updated : 2025-11-06
Read more
บทที่ 9 เกิดโรคระบาด
หลังจากเริ่มมีชาวบ้านเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดโรงหมอก็ไม่สามารถรับคนไข้ได้อีก ชาวบ้านที่เจ็บป่วยล้นออกมา เพราะเตียงไม่พอ หยูกยาพร่องไม่เว้นวันทำเอาศิษย์อาจารย์หัวหมุนกันตลอด “ท่านอาจารย์ ข้าว่าข้าเคยเห็นอาการเช่นนี้” เซียวอันหนิงนึกย้อนไปถึงโลกเดิมที่จากมา ผู้มีอาการท้องเสียรุนแรงบางรายอาจมีอาเจียนร่วมด้วย เวลากลางคืนจะมีไข้ขึ้นสูง มันคืออาการของโรค อหิวาซึ่งแพร่ระบาดเร็วมาก แล้วยิ่งยุคนี้ผู้คนยังไม่เข้าใจเรื่องสุขอนามัยมากนักก็จะยิ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หมอเซียวได้ยินเช่นนั้นพลันสนใจ เขาเดินมาหานางก่อนถามเสียงเครียด “เจ้าว่าเคยเห็นเช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะท่านอาจารย์ โรคนี้แพร่ระบาดรวดเร็วเป็นอันมาก ข้ามียารักษาซึ่งช่วยระงับอาการได้รวดเร็วมากกว่ายาต้มเจ้าค่ะ หากแต่ผู้คนอาจมิคุ้นชิน เกรงว่าจะทำให้พวกเขาไม่เชื่อถือจนอาจปฏิเสธได้” ว่าแล้วเซียงอันหนิงก็รีบเอายาของโลกปัจจุบันให้เดู ประสิทธิภาพมากมายกว่ายาต้มสมัยนี้มากนักหากแต่ต้องหว่านล้อมอย่างไรให้ชาวบ้านและผู้ป่วยเข้าใจได้ว่ามันไม่อันตราย แม้จะเชื่อศิษย์หญิงทุกอย่างยัง
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
บทที่ 10เข้าวังหลวง
หลังจากจัดการเรื่องโรคระบาดเรียบร้อย หลี่จิ้งหานได้เข้าเฝ้ากราบทูลฮ่องเต้ถึงความจริงว่าที่สามารถควบคุมจัดการโรคได้เร็วถึงเพียงนี้ก็เพราะหมอเซียว ที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปาก หากไม่ได้เขาก็คงไม่สามารถควบคุมโรคระบาดได้ว่องไวเช่นนี้ ซึ่งฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นมีหรือจะมิพอพระทัย พระองค์พอพระทัยอย่างยิ่งทั้งยังประทานรางวัลเป็นพื้นที่หนึ่งร้อยหมู่สมุนไพรหลากชนิดหนึ่งคันรถและเงินอีกหนึ่งร้อยตำลึงทอง ซึ่งจะมีการมอบให้เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ทันได้สนทนาพาทีในเรื่องอื่น ขันทีน้อยประจำตำหนักฮองเฮาก็ได้เข้ามากราบทูล สีหน้าไม่สู้ดีอีกทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาทรงประชวรพ่ะย่ะค่ะ อาการปวดพระเศียรได้กำเริบครานี้เป็นหนักกว่าครั้งอื่นพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮามักมีอาการปวดพระเศียรเป็นพัก ๆ และมักจบลงที่หมอหลวงจัดยาให้ทว่าก็ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ทางฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นพลันลุกพรวดด้วยความตกใจ “เจ้าว่าอย่างไรนะ! ฮองเฮาประชวรเช่นนี้ได้ไปตามหมอหลวงแล้วหรือไม่!” “ท่านหมอหลวงไปที่ตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่าฮองเฮาให้กระหม่อมมาแจ้งข่าวแก่ฝ่
last updateLast Updated : 2025-11-13
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status