ขุนพลหวัง ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าถึงดูแย่เช่นนี้?”หวังปี้ยิ้มตอบว่า “ไม่มีอะไร แค่ทนเห็นท่าทางคุณหนูรองนั่นไม่ได้”เขาแค่ไม่เข้าใจ ยังนึกว่าคุณหนูรองโตแล้วไม่ใช่คนที่เหมือนเทพธิดา แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่กับคนเมื่อครู่นี้ เขาไม่คุ้นชินจริง ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทางที่ฟู่ชิงยิ้มให้หนานหยางอ๋อง มันไม่บริสุทธิ์ใสซื่อเลยสักนิด ในสายตาเต็มไปด้วยการคิดคำนวณน่าเสียดายที่ท่านอ๋องหลงใหลได้ปลื้ม คิดแต่ว่านางดี“ยังไงข้าก็รู้สึกว่า หญิงผู้นี้ไม่ใช่คุณหนูรองตัวจริง”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบสายตากันแวบหนึ่ง“คนที่สามารถทำให้ขุนพลหวังเกลียดชังได้มีไม่มากนัก เอาล่ะ พวกข้าได้ทิ้งยาถอนพิษไว้ให้แล้ว ก็ต้องกลับแล้วล่ะ หากมีเรื่องอะไร ท่านค่อยมาหาพวกข้าใหม่”“อืม”หวังปี้พยักหน้าทั้งสองเดินกลับไปตามทาง เมื่อซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของกู้หว่านเยว่ ก็อดถามไม่ได้“ฟู่ชิงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“อืม”กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างมั่นใจ“ปานบนมือของฟู่ชิงเป็นของปลอม สักขึ้นมาทีหลัง”นอกจากเรื่องนี้ นางยังถอนเส้นผมของทั้งสอง วางไว้ในหอแห่งโอสถเพื่อทำการวิเคราะห์แล้วอีกสั
“ไม่มีความเป็นไปได้ที่หนานหยางอ๋องจะเป็นบิดาในทางชีววิทยาของฟู่ชิง?หว่านเยว่ นี่มันหมายความว่ายังไง?”“ความหมายก็คือระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมต่อกัน”“ฟู่ชิงไม่ใช่คุณหนูรองตัวจริง”กู้หว่านเยว่อธิบายการคาดเดาของนางถูกต้อง “คุณหนูรอง” คนนั้นเป็นตัวปลอมดังคาดแต่กู้หว่านเยว่ก็ยังมีข้อสงสัย “ถึงจะมีหลักฐานที่แน่ชัดแล้ว แต่หนานหยางอ๋องก็กำลังดื่มด่ำอยู่กับความยินดีที่หาตัวธิดาพบถ้าตอนนี้พวกเราไปเปิดโปง ไม่ใช่แค่จะถูกเกลียดชังเท่านั้นแต่การพาเมี่ยชิงหว่านไปพบครอบครัวด้วย อาจถูกมองว่ามีเจตนาแอบแฝงก็ได้”ซูจิ่งสิงก็คิดเช่นเดียวกัน “ควรเลื่อนเรื่องการพบครอบครัวออกไปก่อนดีกว่า”อันที่จริงเขาก็อยู่ที่นั่นไม่ไปไหนอยู่แล้วแม้ว่าหนานหยางอ๋องจะได้ยาถอนพิษแล้ว แต่ก็จะไปไหนสักพัก ต้องให้กู้หว่านเยว่ตรวจวินิจฉัยอีกสองครั้งว่ามีพิษตกค้างหรือไม่กล่าวคือก่อนหน้านั้น พวกเขายังมีโอกาสเปิดโปง “คุณหนูรอง” อยู่หลังจากหารือกันแล้ว กู้หว่านเยว่ก็โยนผลรายงานเข้าไปในมิติ แล้วเร่งการเดินทางต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากเดินไปได้สักพัก ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ชี้ไปที่ป่าโกร
“แผล แผลฝีดาษ?”หลี่เฉินอันอยากส่องกระจกขึ้นมาทันใด...อีกด้านหนึ่ง สวีหลานเพิ่งพบว่าลูกน้องสองคนถูกฆ่าตายแล้ว“เจ้าเด็กหนุ่มหลี่เฉินอันนั่น อยู่กับแม่ที่มีภูมิหลังต่ำต้อย ไม่มีความสามารถเช่นนี้แน่นอนยอดฝีมือสูงส่งผู้ใดกันที่คอยช่วยเขาอยู่?”สวีหลานอัดอั้นไปด้วยความสงสัยแม่นมอู๋ที่อยู่ทางด้านหนึ่งก็อยากรู้เช่นกัน “ข้างกายคุณชายมีเพียงเด็กรับใช้คนเดียว ไม่มียอดฝีมือแม่ของเขาก็ตายไปแล้ว เหลือเพียงลุงเกิ่งกวง แต่เกิ่งกวงก็อยู่ไกลถึงเจดีย์หนิงกู่ ตอนนี้ไม่สามารถรับข่าวสารใด ๆ แน่นอน”สวีหลานกุมหน้าผาก“จะปล่อยให้เขามีชีวิตรอดกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ไม่ได้ ส่งคนออกไปตามหาเขาอีกครั้ง ต้องหาเขาให้พบ แล้วฆ่าเขาซะ”ระหว่างการสนทนา จู่ ๆ ก็มีเสียง “หยุดรถ!” ดังมาจากภายนอกรถม้าจากนั้นหญิงอ้วนก็ปีนเข้ามาจากภายนอกคนที่เข้ามาก็คือหลี่อวิ๋นอวิ๋น ลูกสาวคนเดียวของสวีหลานทันทีที่นางเข้ามาก็โผเข้าหาอ้อมกอดของสวีหลาน จนเกือบจะชนแม่ของนางสลบไป“ท่านแม่ เมื่อกี้พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”สวีหลานผลักนางออกไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว อีกหน่อยก็ถึงเวลาหารือเรื่อ
กู้หว่านเยว่เปิดระบบ เริ่มค้นหาว่าในระยะใกล้เคียงนี้มีที่ซ่อนหรือไม่ทางฝั่งนั้นซูจิ่งสิงเห็นนางตกอยู่ในอาการเหม่อลอย ก็รู้ว่านางกำลังเข้าไปอยู่ในมิติ รีบถอดเสื้อคลุมกำบังศีรษะของนางไว้ ป้องกันมิให้หิมะกัดได้รับบาดเจ็บครั้งนี้กู้หว่านเยว่ใช้เวลาค้นหานานไปบ้าง ยังดีหลังผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง นางก็ลืมตาขึ้น“ท่านพี่ ห้าร้อยหมี่ด้านหน้ามีถ้ำแห่งหนึ่ง พวกเรารีบไปเร็วเข้า!”“ได้”ดวงตาซูจิ่งสิงทอประกาย จับเชือกลาเทียมเกวียน มุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งนั้นพวกนักการแห่งศาลาว่าการที่กำลังมองรอบข้างอย่างตกตะลึงและนักโทษถูกเนรเทศทางด้านหลังเองก็รีบตามมาหลังผ่านภัยพิบัติมาหลายครั้ง พวกเขาก็พลอยคล้อยตามกู้หว่านเยว่อย่างไม่คิดโต้แย้ง“สหายซู แม่นางกู้ พวกเจ้าเดินทางช้าหน่อย!”ซุนอู่ตะโกนเสียงดังพื้นหิมะลื่นมาก ต้องการเร่งความเร็วทำได้ยากยิ่งกู้หว่านเยว่เห็นลูบเห็บยิ่งมายิ่งใหญ่ ศีรษะภายใต้เสื้อคลุมรู้สึกปวดอยู่บ้าง รีบหันกลับไปร้องตะโกน “พี่ใหญ่ซุน ให้ทุกคนเร่งฝีเท้า ข้างหน้ามีถ้ำ”“อะไรนะ? มีถ้ำ!”สีหน้าซุนอู่ดีใจมาก เขาก็รู้กู้หว่านเยว่ต้องมีหนทาง รีบออกแรงตามไปพวกนักโทษถูกเนรเทศเหล่าน
เซิ่งฮูหยินยิ่งไม่ต้องพูดมาก ก่อนนี้นางก็เริ่มลอบยัดเงินให้กู้หว่านเยว่แล้วกู้หว่านเยว่หัวเราะ สอนทุกคนทำเสื้อบุนวมหาเงิน ก็ต้องการผลลัพธ์เช่นนี้นี่ล่ะย่อมไม่สามารถอุปถัมภ์พวกเขาชั่วชีวิตได้ ต่อให้ภายในมิติของนางมีเสบียงอาหารมากเพียงนั้น นั่นก็ไม่สมจริงเท่าใดนักทุกคนมิได้ทำให้นางผิดหวัง แต่ละคนรู้จักตอบแทนบุญคุณ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น“ได้ เช่นนั้นก็ทำอย่างที่พวกท่านพูด มอบเงินให้ก็แล้วกันไก่ป่านี้จับมาได้ เห็ดข้าเก็บมาจากข้างทาง มิได้ใช้เงินมากมายอันใด พวกท่านหนึ่งครอบครัวให้ข้าสิบอีแปะก็พอจิ่นเอ๋อร์ เจ้าไปเก็บเงินเถอะ”“...ได้!”ไก่ตุ๋นเห็ดสิบอีแปะ สำหรับการเดินทางเนรเทศนี้นับว่าถูกมากจริงๆทุกคนรำลึกถึงความดีของกู้หว่านเยว่ ต่างพากันมอบเงินให้ซูจิ่นเอ๋อร์ซูจิ่นเอ๋อร์หยิบถุงใส่เงินใบหนึ่งออกมา ใส่เงินของทุกคนอย่างดี จากนั้นเก็บไว้ติดตัวต่อมาหยิบกระบวย ตักน้ำแกงและเนื้อไก่ให้ทุกคน“ให้เด็กมากหน่อย”กู้หว่านเยว่กระซิบเสียงเบา ตอนต้มไก่ นางตั้งใจจับไก่ป่าออกมาสองตัวและใส่เข้าไปพร้อมกันดังนั้นเนื้อไก่ในหม้อนี้จึงมีมากซูจิ่นเอ๋อร์แปลกใจมาก “ตอนฆ่าไก่ป่าสองตัวไม่คิดว่า
“เกิดอะไรขึ้น? พาข้าไปดู” กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิงทีหนึ่ง ทั้งสองรีบตามจางเอ้อร์มาที่ปากถ้ำกลับพบว่าที่ปากถ้ำมีคนกลุ่มหนึ่งขวางไว้อย่างแน่นหนาส่วนคนกลุ่มนั้น ก็คือนักโทษถูกเนรเทศอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้พบก่อนหน้านี้มองพวกเขาตะโกนใส่ซุนอู่ไม่หยุด“พวกเจ้ากล้าขวางพวกเรา!”“ใช่แล้ว ถ้ำนี้มิได้เขียนชื่อพวกเจ้าเสียหน่อย ถือสิทธิ์อะไรไม่ให้พวกเราเข้าไป?”ที่แท้ตอนพวกเขาเดินทางมาถึงที่นี่ ก็มองเห็นถ้ำและต้องการเข้ามาหลบภายในแต่พวกซุนอู่เห็นพวกเขาแต่ละคนคล้ายคนโฉดชั่วก็มิปาน กลัวเกิดความวุ่นวาย สั่งให้พวกนักการขวางพวกเขาไว้ที่หน้าประตู ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาปรากฏว่าพวกเขาจับคนไว้และฝืนบุกเข้ามาระหว่างเกิดความขัดแย้งกัน ยังทำให้ศีรษะซุนอู่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วยหินก้อนเท่ากำปั้น ทำให้ซุนอู่ล้มลงไปแล้วยามกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึง ซุนอู่นอนบนพื้น เลือดไหลไม่หยุด“แม่นางกู้ เจ้ารีบเข้าไปเถอะ”คนกลุ่มนี้มิใช่คนดี ดุร้ายยิ่งกว่าโจร“ข้าเข้าไปแล้วจะทำเยี่ยงไร? อย่าเพิ่งพูดเลย”กู้หว่านเยว่ไม่เก็บสถานการณ์เล็กๆ นี้มาใส่ใจ รีบนำผ้าพันแผลไปปิดบาดแผลบนศีรษะของซุนอู่ ห้ามเลือดให
เถาเอ๋อร์คนนี้นับว่างามมาก แต่บัดนี้นักการหวงกลับไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงาม“ไสหัวไปที่ด้านข้าง!”“ท่านนักการอย่าหงุดหงิดไปเลย เถาเอ๋อร์มีความคิดอย่างหนึ่ง สามารถทำให้พวกเขาตายอยู่ภายในถ้ำทั้งหมดเลยได้ ก็ไม่รู้ว่าท่านนักการจะยินดีฟังหรือไม่”นักการหวงสนใจขึ้นมาแล้ว “เจ้าพูด”“ท่านนักการเอียงหูมาเถอะ ข้าจะบอกท่าน” ดวงตาเถาเอ๋อร์ทอประกายวาววับ นางยังไม่ลืมว่าบิดามารดาตายเยี่ยงไรลูกเห็บบนท้องฟ้ายังไม่หยุด แม้ว่าน้อยกว่าช่วงกลางวันมาก ไม่ถึงกับหล่นใส่คนตายได้ แต่ตกใส่ตัวก็ยังเจ็บอยู่เพื่อป้องกันลูกเห็บตกหนักระหว่างเดินทาง ไม่มีที่ให้พักผ่อน กอปรกับซุนอู่เองก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเร่งเดินทางได้สุดท้ายทุกคนก็ตัดสินใจพักผ่อนภายในถ้ำหนึ่งคืนช่วงกลางคืน ทุกคนล้วนนอนหลับ กู้หว่านเยว่ลืมตา รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างดังคาด เพียงครู่เดียวซูจิ่งสิงที่ออกไปลาดตระเวนก็กลับมา สีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าเดาได้ไม่ผิด นักการหวงลงมือดังคาด”พูดจบ จูงมือกู้หว่านเยว่ พานางออกจากถ้ำเงียบๆ มาที่ถนนสายเล็กภายนอกหิมะยามราตรีเงียบสงบ แสงจันทร์ดุจสายน้ำกู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเย็น เพียงแวบเดียวก็มองเห็
พูดถึงหลู่ซื่อ นับตั้งแต่เขาลอบช่วยลั่วยาง ก็เริ่มไม่ใส่ใจทำงานให้มู่หรงอวี้แล้วซูจิ่งสิงรู้ภาพรวมว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว “ได้ยินว่าลั่วยางสูญเสียความทรงจำ”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด แต่คิดได้อย่างว่องไว ลั่วยางคนคลั่งรักนี้สมองน่าจะถูกกระตุ้นหนักเกินไปจนสูญเสียความทรงจำ“เพราะเหตุนี้จึงปล่อยให้คนขโมยระเบิดได้ ลั่วยางสูญเสียความทรงจำ หลู่ซื่อมองเห็นความหวังแล้ว ย่อมมอบกายใจเข้าไปอยู่ข้างกายนาง ไม่สนใจการงานอีก”ด้านซุบซิบนินทาของภรรยาตัวน้อยนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ซูจิ่งสิงถูกนางชักนำให้พูดเหน็บแนมไปด้วยกัน“หลู่ซื่อใช้เงินทั้งหมดที่มีเช่าเรือนเล็กหนึ่งหลัง ไม่เพียงให้คนพักอาศัยอยู่ภายใน ยังซื้อสาวใช้สองคนเพื่อดูแลปรนนิบัตินางกินดื่ม กระนั้นก็ยังมิได้รับสีหน้าที่ดีจากลั่วยางแม้แต่น้อย”“หา? หลู่ซื่อคนนี้เป็นพวกประจบเอาใจกระนั้นรึ?”“อืม ก็คือพวกคุกเข่าเลียแข้งเลียขาได้อย่างไร้ศักดิ์ศรี”“เช่นนั้นเขาก็เป็นพวกประจบเอาใจคนหนึ่งจริง”สองสามีภรรยาซุบซิบนินทาต่อหน้านักการหวง กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่ามู่หรงอวี้สมเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย เหมืองน้ำมันก๊าดถูกนางเก็บไว
“ชู่ว์ หลบไปข้าง ๆ”คนที่มาค่อนข้างเยอะ ประมาณห้าหกคนได้ โชคดีที่พวกเขาหลบได้เร็วคนทั้งห้าหกคนนี้ สวมสิ่งที่คล้ายหน้ากากป้องกันแก๊สพิษไว้บนใบหน้า และในมือก็ถือเครื่องมืออยู่ด้วยตอนนี้กู้หว่านเยว่ยังคงอยู่ในสภาวะสับสนกับห้องปรุงพิษ อีกทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไร จึงตัดสินใจแอบตามพวกเขาไปเงียบ ๆ เผื่อว่าจะได้ยินข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรบ้าง“ต้องมาเอาของข้างในตัวงูนี่อีกแล้ว น่าขยะแขยงจริง ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะจบสิ้นสักที”เป็นไปตามคาด ตามไปได้ครู่เดียว พวกเขาก็ได้ยินคนบ่นขึ้นมา“ทน ๆ ไปเถอะน่า ก็อีกไม่เท่าไรแล้ว”“จะทนอย่างไรเล่า สามปีแล้ว สามปีแล้วที่ข้าไม่ได้ออกไปไหนเลย”คนอื่น ๆ ที่เหลือได้ยินดังนั้น ต่างพากันถอนหายใจพวกเขาไม่อยากออกไปหรืออย่างไรเล่าแต่เมื่อเข้ามาที่นี่แล้ว การจะออกไปนั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งแล้ว“พวกเจ้าว่า หากไม่มีงูตัวนี้แล้ว ราชินีจะปล่อยพวกเราออกไปหรือไม่?”“หรือว่า จะฆ่าปิดปาก?”หนึ่งในนั้นทำท่าทางบางอย่าง คนอื่น ๆ ก็หน้าซีดเผือดไปตาม ๆ กัน“เป็นไปไม่ได้หรอก”ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจพวกเขาก็ไม่ม
เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังจะฟื้นคืนสติ กู้หว่านเยว่จึงใช้สันมือฟาดลงไป ทำให้เขาสลบไปอีกครั้ง“เหตุใดถึงทำให้เขาสลบไปล่ะ ยังถามคำถามไม่เสร็จเลย”ชวีเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยทำให้กู้หว่านเยว่มองเขาราวกับมองคนปัญญาอ่อน ก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่เห็นหรือไรว่ายาพูดความจริงกำลังจะหมดฤทธิ์แล้ว?”“อ้อ” เขายังไม่ทันสังเกตเห็นแต่เขาก็รู้จักของสิ่งนี้ เพราะก่อนหน้านี้กู้หว่านเยว่เคยให้เขากับยายแม่มดเฒ่ากินมันมาแล้ว“ของที่น่ากลัวนั่น มันคืออะไรกันแน่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ราง ๆ ว่าห้องปรุงพิษนี้กำลังเตรียมการเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินอยู่“ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว พวกเราเข้าไปดูก็จะรู้เอง”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลงพลางครุ่นคิด“ชุดที่พวกเราใส่อยู่ตอนนี้ ออกไปตรวจสอบไม่ได้แน่ ถอดเสื้อผ้าของคนงานเหมืองนี่ออกมา พวกเราเปลี่ยนใส่แทนเสีย”ชวีเฟิงในตอนนี้ได้ถือว่ากู้หว่านเยว่เป็นแกนนำหลักแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้น จึงรีบถอดเสื้อผ้าของคนงานเหมืองสองคนในกลุ่มนั้นออกทันทีทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้า“แล้วคนพวกนี้จะทำอย่างไร?” แถมยังมีวูเหมิงที่อยู่บนหลังเขาอีก แบกไว้ก็เคลื
“มียาแค่หนึ่งเม็ด กลิ่นหอมจะจางหายไปในอีกไม่นาน พวกเรารีบฉวยโอกาสตอนนี้ เดินอ้อมแมงมุมพิษพวกนี้กันเถอะ”“ได้”ทั้งสองเร่งฝีเท้า หลังจากเดินอ้อมเส้นทางที่ยาวเหยียดสายหนึ่ง ในที่สุดก็ไม่เห็นแมงมุมพิษอีกแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขากลับเป็นแม่น้ำใต้ดินสายหนึ่งลมเย็นที่มีกลิ่นคาวปนพัดพลิ้วมาจากแม่น้ำใต้ดินเป็นระลอก ทำเอาทั้งสองต้องย่นจมูก“พระมเหสี ท่านมั่นใจหรือว่าที่นี่ก็คือห้องปรุงพิษ?”“ใช่”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ระบบได้ส่งแผนที่ที่สมบูรณ์ให้นางแล้ว ไม่มีทางผิดแน่นอน“ตอนนี้พวกเราต้องเข้าไปโดยผ่านแม่น้ำใต้ดินสายนี้”มีแพไม้ไผ่อยู่ที่ข้างๆ น่าจะเป็นพาหนะของห้องปรุงพิษที่ใช้เข้าออกกู้หว่านเยว่กระโดดขึ้นแพไม้ไผ่อย่างไม่เกรงใจชวีเฟิงรีบพาวู่เมิ่งตามนางไปหลังจากวางวูเมิ่งลง หยิบไม้ไผ่ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาพายแพไม้ไผ่เข้าไปข้างในเนื่องจากเรือทวนกระแสน้ำ ชวีเฟิงเหนื่อยจนมีเหงื่อเกาะบนหน้าผากไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดทัศนียภาพเบื้องหน้าก็ค่อยๆ เปิดออก พวกเขาข้ามแม่น้ำใต้ดินมาถึงพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง ทั้งสองกระโดดลงจากแพไม้ไผ่ หลังจากนั้นชวีเฟิงแบกวูเมิ่งขึ้นหลังอี
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลดความเร็วในการค้นหาเส้นทางช้าลงระหว่างทางพวกเขาได้พบกับแมงมุมยักษ์สีแดงสองตัวอย่างที่คิดไว้ข้างหลังของแมงมุมพิษแต่ละตัวจะมีฝูงแมงมุมตัวเล็กๆ เดินตาม มันเยอะจนดูน่ากลัว เห็นแล้วถึงกับหนังศีรษะช้า“นายหญิง ระวังแมงมุมพิษชนิดนี้”ระบบเตือนในมิติ“เมื่อไปรบกวนมัน มันจะระเบิดตัวเอง และพ่นแมงมุมตัวเล็กนับไม่ถ้วนออกมา เมื่อนั้นพวกท่านจะเจอปัญหาแน่นอน”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ฟังดูเป็นปัญหาจริงๆ“รวบรวมของพวกนี้เข้าคลังในมิติ สามารถเพิ่มคะแนนสะสมหรือไม่?”“ได้” ระบบพยักหน้า“คะแนนสะสมที่เพิ่มขึ้นเยอะพอสมควร”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินก็ตาเป็นประกาย เช่นนี้ก็ง่ายอีกแล้วนางฉวยโอกาสโบกมือน้อยตอนที่ชวีเฟิงไม่สังเกต เก็บแมงมุมพิษสองตัวนี้เข้าไปในมิติ“แมงมุมพิษหายไปแล้ว”เนื่องจากฟ้ามืดเกินไป ชวีเฟิงก็มองเห็นไม่ชัดว่าแมงมุมสองตัวนี้ไปไหนแล้ว คิดแค่ว่าพวกมันเข้าไปในพุ่มหญ้าแล้ว จึงรีบมองหาดูรอบๆ“ไม่ต้องหาแล้ว พวกเราอ้อมไปอย่างระมัดระวังดีกว่า”กู้หว่านเยว่กล่าวเร่งเร้าประโยค ก็ไปเดินนำทางที่ข้างหน้าแล้วชวีเฟิงรับเดินตามทั้งสองเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม ในที่ส
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง