“ขายหน้า ขายหน้าเกินไปแล้ว!”กู้หว่านเยว่มองอย่างแปลกใจ “ท่านร่วมเดินทางกับปรมาจารย์แพทย์ ถึงขั้นไม่รู้ว่าเมือกของหญ้าทารกกำสรวลมีพิษหรือ?”“เขาหลอกข้า!”พริบตาต่อมาหมอเทวดาหวงเบิกตากว้างอย่างโมโห “เขาจงใจให้ข้าแตะหญ้าทารกกำสรวลก่อน ทำให้ข้าโดนพิษ!”แต่เขาไม่ยอมก็ใช้ได้แล้ว ครั้นรู้สึกไม่ชอบมาพากลก็แตะเมือกลงบนตัวปรมาจารย์แพทย์ใครรู้ปรมาจารย์แพทย์รู้เพียงว่าเมือกของหญ้าทารกกำสรวลมีพิษ กลับไม่มียาถอนพิษดังนั้นทั้งสองคนจึงเสียสติไปพร้อมกัน...“พวกท่านทั้งสองยอมตายไปพร้อมกันนี่เอง” มุมปากกู้หว่านเยว่กระตุกริกใครคาดคิดเล่าว่าผู้เฒ่าทั้งสองเอาแต่ใจเหมือนเด็กเพียงนี้หากนางและซูจิ่งสิงไม่มา พวกเขาทั้งสองก็ต้องแข็งตายทั้งเป็นที่ใต้หน้าผานี้แล้ว“ใช่แล้ว หญ้าทารกกำสรวลเล่า?” หมอเทวดาหวงมองพื้นหิมะสีขาวว่างเปล่า“อยู่กับข้าที่นี่ ผู้อาวุโสต้องการหรือ?” โชคดีเด็ดมามากอีกหนึ่งต้น“ข้าต้องการๆ!” ดวงตาหมอเทวดาหวงทอประกาย เจตนาร้ายสายหนึ่งกลับสะท้อนภายในก้นบึ้งของสายตากู้หว่านเยว่คิดว่าตนเองมองผิดไปแล้ว หยิบหญ้าทารกกำสรวลออกมามองเห็นปรมาจารย์แพทย์ไม่อยู่นิ่งเป็นศพอีก ผุดลุกขึ้นมาอ
ปรมาจารย์แพทย์เบ้ปากกลับไม่พูดอะไร เขาและยัยเด็กตัวเหม็นคนนี้มีความแค้นต่อกัน ผลแพ้ชนะในวันนี้ถูกกำหนดไว้แล้วกู้หว่านเยว่เองก็ปวดหัวมาก นางต้องเก็บหญ้าทารกกำสรวลไว้หนึ่งต้น ส่วนที่เหลือยกให้ใครกลับยังตัดสินใจไม่ได้“มิสู้ผู้อาวุโสทั้งสองท่านแข่งขันกันเพื่อความยุติธรรมดีหรือไม่?ใครสามารถแย่งหญ้าทารกกำสรวลไปจากมือข้าได้ก่อน ก็เป็นของคนนั้น”ดวงตาปรมาจารย์แพทย์ทอประกาย ยื่นมือออกไปแล้วระหว่างกำลังประชันขันแข่งกันอยู่นั้น หวงเหล่าช้าไปหนึ่งก้าว กล่องหยกตกอยู่ในมือปรมาจารย์แพทย์หวงแล้ว“วะฮ่าๆ ข้าชนะแล้วๆ!” ปรมาจารย์แพทย์ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นหวงเหล่าส่ายหน้าอย่างนึกเสียดาย ภายในก้นบึ้งของสายตาสะท้อนอารมณ์ตามใจวูบหนึ่ง“โกงแล้วๆ เจ้าลงมือเร็วกว่าข้า”“ฮึ แพ้ก็คือแพ้ รีบเรียกข้าว่าท่านพ่อสามครั้งเร็วเข้า”“ไม่เรียกๆ” “นี่ เหตุใดพูดไม่เป็นคำพูดเล่า?”ทั้งสองคนอยู่บนพื้นหิมะนานราวสองวันแล้ว มือเท้าล้วนถูกความเย็นกัด ปรึกษากันดีแล้วก็ตัดสินใจไปขอความอบอุ่นที่บ้านกู้หว่านเยว่พวกเขาเพิ่งลงเขา กู้หว่านเยว่ก็ได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลฝีเท้าช้าลง หันหน้าส่งสายตากล่าวเตือนซูจิ่งสิง
หนึ่งในชายร่างกำยำน่าจะเป็นหัวหน้าโจร ถ่มน้ำลายทีหนึ่ง มองพวกเขาสายตาโหดเหี้ยมนายท่านเซิ่งเข้าไปเตะเขาในทันใด “เป็นโจรยังมีหลักการอีกนะ”“คุณชายซู ส่งพวกเขาให้ทางการเถอะ”ดวงตาโจรทอประกายระยับ จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็พูดขึ้น “หากโจรต้องการปล้นบ้าน ก็สมควรเลือกบ้านผู้ดี เหตุใดมาปล้นบ้านทรุดโทรมสองสามหลังเช่นนี้เล่า?”พวกเขาแต่ละคนถือดาบ เห็นได้ชัดว่าต้องการมาฆ่าคนคนเหล่านั้นใจสั่นขึ้นมาในทันใด นายท่านหลี่เตะพวกเขาอีกสองทีอย่างอารมณ์ไม่ดี“รีบพูด ใครส่งพวกเจ้ามา!”บัดซบ มาถึงเจดีย์หนิงกู่แล้วยังถูกคนลอบฆ่า ชีวิตนี้ช่างหาความสงบสุขไม่ได้โดยแท้“ไม่รู้พวกเจ้ากำลังพูดอะไร พวกข้าสองสามคนเป็นหมาป่าหิวโหย มาเพียงเพื่อแย่งเสบียงอาหารก็เท่านั้น”“ใช่แล้ว มีความสามารถก็ส่งพวกเราให้ทางการเถอะ”โจรยังไม่ยอมสารภาพ ปรมาจารย์แพทย์ตัวแข็งทื่อขึ้นมาแล้ว“พูดไร้สาระกับพวกเขามากเพียงนี้ทำอะไร วางยาทั้งหมดให้ตายไปเสียเลย ข้ายังต้องรีบไปผิงไฟอยู่นะ!”กู้หว่านเยว่เอ่ยปากอย่างสุขุม “ฆ่าพวกเขาตายยังมิใช่ปล่อยให้พวกเขาเอาเปรียบอีกหรือ มิสู้เก็บไว้ทรมานเล่นดีกว่า”“ข้าได้ยินมาว่ามีวิธีทรมานอย่างหนึ่ง ใ
ปรมาจารย์แพทย์ได้ยินคนเรียกเขาว่าคนแก่ใจร้ายก็ผรุสวาท รีบออกมาจากอ้อมแขนคนสุดท้ายที่กล้าด่าเขา ถูกวางยาพิษตายไปนานแล้ว!ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่รู้ว่าอันตรายกำลังจะเกิดขึ้น แต่โชคดีที่กู้หว่านเยว่ตาเร็วมือเร็ว คว้าผงพิษออกไปก่อนปรมาจารย์แพทย์เบิกตากว้าง นางเด็กบ้านี่รู้ได้อย่างไรว่าเขาจะวางยาพิษนาง?วินาทีต่อมา จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า บริเวณคอของตนมีบางอย่างผิดปกติ“นางเด็กสมควรตาย... อาปาๆๆๆ...”นางหนูนั่น วางผงพิษใส่เขาเสียแล้ว!ปรมาจารย์แพทย์ตกใจมาก ลนลานเทกระจาดขวดยาที่อยู่ในแขนเสื้อออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งเขาจะถูกพิษของตัวเองเล่นงานเอาได้ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ายาถอนพิษอยู่ในขวดไหนกังวลเสียจนหลั่งเหงื่อท่วมกาย“อาปาๆๆๆ...”กู้หว่านเยว่เกือบหัวเราะตาย หรือว่าปรมาจารย์แพทย์คนนี้จะไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก?“ปรมาจารย์แพทย์ผู้เฒ่า ท่านหายาแก้พิษไม่ได้หรือ?”“อาปา อาปา!” ปรมาจารย์แพทย์โกรธขนลุก นางเด็กบ้าคนนี้เป็นได้เพียงศัตรูของเขาเท่านั้นแล้ว!ผู้เฒ่าหวงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “แม่นางน้อย เจ้ามียาแก้พิษหรือไม่เล่า?”“ไม่มีเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่ส่ายหัว “แต่ข้าแก้ปัญหาตรง
“ข้าจะไปชำระแค้นกับเขาตอนนี้เลย”ปรมาจารย์แพทย์มีนิสัยโผงผาง อารมณ์ไม่แน่นอน ถูกด่าสักหน่อยก็เกือบลงมือฆ่าคน ไหนเลยจะทนให้คนอื่นมาวางแผนกับตนได้?ผู้เฒ่าหวงเป็นคนที่ห้ามเขาเอาไว้ก้อน “ช้าก่อนๆ ดึกๆ ดื่นๆ ไปชำระแค้นอะไรเล่า?”ปรมาจารย์แพทย์ได้แต่นั่งเกาหัวด้วยความเขินอาย“ขอโทษนะนางหนู ที่ก่อนหน้านี้เข้าใจผิด คิดวางยาพิษเจ้า”กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงมองหน้ากันยิ้มๆ พวกเขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับปรมาจารย์แพทย์ตอนนี้ ความเกลียดชังแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องยึดติดกับมันอีกต่อไป“ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องเสียใจไปหรอกเจ้าค่ะ ท่านเองก็เป็นไปเพราะถูกหลอก”“ไม่ได้ๆ” ปรมาจารย์แพทย์ทึ้งผมอย่างฉุนเฉียว “ข้าปรมาจารย์แพทย์ แต่ไหนแต่ไรก็แบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน ในเมื่อข้าเข้าใจเจ้าผิด ย่อมต้องขอโทษเจ้า”ยิ่งไปกว่านั้น กู้หว่านเยว่ยังเคยช่วยพวกเขาตอนอยู่ในหุบเขาด้วย“นางหนู เจ้ารีบพูดมา เจ้าต้องการอะไร?”“เอ่อ นี่…” กู้หว่านเยว่เกาหัว ตอนนี้นางคิดอะไรไม่ออกจริงๆ“ช่างเถอะๆ เช่นนั้นเจ้าค่อยๆ คิดไปแล้วกัน ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”ปรมาจารย์แพทย์พูด ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะคิดสิ่งที่ต้องการออก เขาก็จะอาศัย
ที่แท้เพราะนายพรานหวังตื่นไปล่าสัตว์ตั้งแต่เช้า เห็นร่องรอยโจรที่ตีนเขาจึงรีบไปบอกชาวบ้านตอนนี้กู้หว่านเยว่เป็นความหวังของทั้งหมู่บ้านชาวประมง ชาวบ้านย่อมไม่ต้องการให้อะไรเกิดขึ้นกับนาง ทุกครัวเรือนล้วนแต่เข้ามาช่วยเหลือกู้หว่านเยว่รู้สึกขอบคุณทุกคนมาก “วางใจเถอะ พวกเราไม่เป็นอะไรแล้ว”โจรที่บุกเข้ามาเมื่อวานถูกจัดการหมดแล้ว”พูดจบก็โบกมือหนึ่งครั้ง ผู้เฒ่าเซิ่งและผู้เฒ่าหลี่ก็โยนโจรทั้งหมดที่ถูกมัดไว้ออกไปทันทีเหล่าชาวบ้านหวาดกลัวพวกโจรมา พากันถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันใดนั้น หวังต้าโก่วก็ชี้ไปที่กลุ่มโจรและตะโกนว่า“เถี่ยจู้ เจ้าคือเถี่ยจู้?”เสียงของเขาดึงดูดความสนใจของทุกคน“พวกเจ้ารู้จักกันหรือ?”กู้หว่านเยว่ดูประหลาดใจ คนที่ชื่อเถี่ยจู้คือคนที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่เมื่อคืนนี้“ไม่ ไม่รู้จัก...” ชายคนนั้นก้มศีรษะลง หดตัวเข้าหากันหวังต้าโก่วรีบวิ่งออกไป ดึงชายคนนั้นออกมาจากกลุ่มโจร ตรึงเขาไว้กับพื้น จ้องมองใบหน้าของเขาอย่างพินิจพิเคราะห์“เจ้าคือน้องรองของข้า ต่อให้เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านข้าก็จำได้!”“ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นโจรไปได้? เจ้าไม่ได้ไปทำงานในเมืองหรอกหรือ?”หวังต้า
กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนว่า “ข้าพวกเจ้าสารภาพออกมาตอนนี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องลำบากมากนัก”“พวกเราสารภาพๆ หัวหน้าหมู่บ้านเฉินสั่งให้พวกเราลงมือเมื่อคืนนี้”“หัวหน้าหมู่บ้านเฉินและใต้เท้าสวีสมรู้ร่วมคิดกัน”“พวกเราเองก็เคยจัดการกับคนที่ไม่เชื่อฟังในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ด้วย”“สวรรค์เอ๋ย ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้าที่ฆ่าลูกชายของข้า!”หญิงชราคนหนึ่งกระโดดออกมา จับโจรไปทุบตีอย่างแรง กัดทึ้งเขาไม่ปล่อยในอดีต ลูกชายของนางไม่ชอบท่าทางของหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน มักจะต่อต้านเขาอยู่เสมอต่อมา ครอบครัวนี้ก็ถูกโจรโจมตีอย่างไร้เหตุผล ลูกชายของนางที่ยังไม่ถึงยี่สิบหนาวถูกทำร้ายจนเสียชีวิตหญิงชราคิดเสมอว่านี่เป็นฟ้าดินลงโทษ ที่ไหนได้ เป็นฝีมือมนุษย์นางร้องไห้หัวใจแตกสลาย ดวงตาแดงก่ำด้วยความเกลียดชัง“ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน ต้องให้เขาอธิบายให้พวกเราฟัง!”ทุกคนจับกลุ่มกัน มัดสมาชิกตระกูลเฉินทุกคนที่ต้องการหลบหนี ล้อมรอบทั้งตระกูลเฉินด้วยท่าทางดุดันหัวหน้าหมู่บ้านเฉินเพิ่งได้ยินข่าว กำลังเตรียมตัวหนีชาวบ้านจึงบุกเข้ามาตรึงเขาไว้กับพื้น“ปล่อยข้า ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนะ!”“ถ้าพวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้ ระว
นางเถียนรีบหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาและพูดว่า “รายงานใต้เท้า ความผิดที่หัวหน้าหมู่บ้านเฉินก่อขึ้นทั้งหมดอยู่ในสมุดบัญชีเล่มนี้ ขอใต้เท้าตรวจสอบ!”“ไม่ได้ รีบคืนสมุดบัญชีมาให้ข้าเสีย!”ดวงตาของหัวหน้าหมู่บ้านเฉินตื่นตระหนก พลางรีบวิ่งไปข้างหน้า คว้ามันกลับไปไม่มีใครคาดคิดว่านางเถียนจะเป็นทรยศเขาแม้แต่กู้หว่านเยว่ก็ตกใจ แต่เช่นนี้ก็ดี การลงโทษหัวหน้าหมู่บ้านเฉินจะได้ง่ายขึ้นนางเถียนหลบหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน แล้วรีบส่งสมุดบัญชีให้กับผู้พิพากษาหลิว“เฉินฉือ การลงโทษของเจ้า ใกล้จะมาถึงแล้ว”“เจ้าหญิงแพศยา หญิงสารเลว เหตุใดเจ้าต้องการทำร้ายข้าด้วย?”ขาของหัวหน้าหมู่บ้านเฉินอ่อนแรง เมื่อเห็นว่าผู้พิพากษาหลิวเปิดสมุดบัญชีแล้ว เขาก็ค่อยๆ คุกเข่าลงบนพื้น“ใต้เท้า……”“หุบปาก!”ผู้พิพากษาหลิวยิ่งอ่านยิ่งตกใจ ก่อนจะยื่นสมุดบัญชีให้กับฟู่หลานเหิง“ใต้เท้า ท่านก็ลองอ่านดูเถอะ”ฟู่หลานเหิงรู้เกี่ยวกับความผิดที่หัวหน้าหมู่บ้านเฉินอยู่แล้ว แต่เมื่อได้เปิดดูสมุดบัญชีก็ยังอดตกใจไม่ได้ในนี้มีบันทึกโดยละเอียดว่า หัวหน้าหมู่บ้านเฉินสังหารครอบครัวใดไปเมื่อใดและที่ไหน และใช้เงินไปเท่าไรบางที หัวหน้า
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้