สายตาของกู้หว่านเยว่กวาดมองไปยังด้านบนของหนังสือหย่าร้างในมือของนาง แล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ“ยินดีกับเจ้าด้วย แม่นางเมิ่ง”“อื้อ”เมิ่งเหยียนดีใจมาก ออกแรงคว้ามือของกู้หว่านเยว่มากุมไว้ เป็นการบ่งบอกว่ากู้หว่านเยว่คือผู้ให้ชีวิตใหม่แก่นางหากไม่ใช่เพราะการผ่าตัดในครั้งนี้ บางทีนางคงจะติดอยู่ในบ่วงของการเป็นพระชายาไปตลอดชีวิต ไม่สามารถไล่ตามความรักที่แท้จริงของตัวเองได้“ไว้รอให้เจ้าหายดีก่อน ข้าค่อยไปหาพี่ชายของเจ้า”เมิ่งเหยียนกล่าวด้วยความตื่นเต้น สายตายังคงจับจ้องที่หนานหหยางอ๋อง“ท่านพี่ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าตอนนี้พี่ชายอยู่ที่ไหน?”นับตั้งแต่ที่พวกเขาแยกทางกัน นางก็ไม่เคยตกหลุมรักใครอีก และไม่รู้ว่าคนที่นางรักยู่แห่งหนไหนหนานหยางอ๋องรีบกล่าว “ก่อนที่เจ้าจะเข้ารับการผ่าตัดข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว รอให้เจ้าหายจากการผ่าตัด ค่อยออกตามหาความสุขของตัวเอง บัดนี้เจ้าอยู่ในหมู่บ้านโซว่หวางทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รอให้เจ้าหายดี ข้าจะส่งคนติดตามเจ้าไปตามหาเขา”หมู่บ้านโซว่หว่าง?นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่ที่นั่งอยู่ถัดไปเริ่มหวั่นไหว ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ในตอนที่น
“เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จุดหัวเราะ* บนตัวของกงซุนจ่างเย่ นางยังไม่ได้แก้ให้เขาเลยไม่ได้เจอกันนาน นางเกือบลืมเจ้าเด็กนี่ไปแล้วแต่เจ้าเด็กนี่ เหตุใดถึงไม่มาที่เจดีย์หนิงกู่เพื่อให้นางแก้จุดหัวเราะให้ล่ะ?“ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี” ซูจื่อชิงรีบร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก ราวกับเห็นภาพที่น่ากลัวสุดขีด“พี่สะใภ้ ท่านออกไปดูกับข้าหน่อย”พูดจบ ก็รีบคว้ามือของกู้หว่านเยว่ไปเจ้าเด็กนี่!ซูจิ่งสิงขมับเต้นตุบ ๆ ผลักเขาออกไปอย่างแนบเนียน จากนั้นพากู้หว่านเยว่เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วนอกเรือน หิมะปกคลุมพื้นดินเลือดไหลจากประตูทางเข้าเรือนลากยาวไปจนถึงขั้นบันไดหมิงจูสวมชุดสีขาว ใบหน้าซีดเผือดแบกกงซุนจ่างเย่ที่กำลังจะตายอยู่บนหลัง ในวินาทีที่เห็นกู้หว่านเยว่ ก็ล้มลงกับพื้นทันที“คุณหนูหมิงจู?”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปประคองนาง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย“พวกเจ้ากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”“อืม ท่านผู้มีพระคุณ...” หมิงจูจับมือของนางไว้ ลมหายใจรวยริน“ช่วย ช่วยกงซุน”พูดจบ ก็หลับตา แล้วล้มลงในอ้อมกอดของกู้หว่านเยว่โดยตรงกู้หว่านเยว่ตกใจจนรีบจับชีพจรของนาง
“ขอบคุณมาก”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปในห้องของกงซุนจ่างเย่ ตรวจดูบาดแผลของเขา“กระดูกมือ กระดูกเท้า ถูกหักทั้งหมดดวงตาทั้งสองข้างถูกทำลายบนร่างกายมีรอยแผลเป็นจากการถูกนาบด้วยเหล็กร้อน แสดงว่าเคยถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยม”ขณะที่ตรวจดูอาการ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกใจสั่นหวาดกลัวความแค้นอะไรกัน? ถึงต้องลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้“เรียกลั่วยางเข้ามาช่วยข้าหน่อย” เมื่อคิดถึงลูกในท้อง กู้หว่านเยว่จึงตัดสินใจมอบหมายงานง่าย ๆ ให้กับลั่วยางลั่วยางเพิ่งป้อนยาให้หมิงจูเสร็จ พอได้ยินก็รีบเข้ามาทันที“บาดแผลบนร่างกาย รวมถึงกระดูกมือและกระดูกเท้า ข้าสามารถต่อได้”ถึงอย่างไรก็เป็นศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์ ก็ยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง“แต่ดวงตาของเขา ข้าทำอะไรไม่ได้”ลั่วยางสารภาพตามตรงหนานหยางอ๋องถอนหายใจด้วยความเศร้าสลด “หลานกงซุนอายุแค่สิบกว่าปีเอง ดวงตาทั้งสองข้างถูกทำลายตั้งแต่อายุยังน้อย ต่อไปจะกลายเป็นคนตาบอด เขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร”หากหมู่บ้านโซว่หวางเกิดเรื่องจริง ๆ กงซุนจ่างเย่ก็คือความหวังสุดท้ายแต่ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาถูกทำลาย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการตัดความหวังสุดท้ายขอ
ใช่ ท่านพี่ต้องไม่เป็นอะไรแน่เมิ่งเหยียนรีบนอนลง จากนั้นหลับตา แล้วเริ่มสวดมนต์ภาวนาต่อหน้าพระพุทธรูปด้วยความศรัทธาหนานหยางอ๋องและเมี่ยชิงหว่านสบตากัน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา“ปล่อยนางไปเถอะ”หนานหยางอ๋องรู้สึกสงสาร “อย่างน้อยนี่ก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง”เมี่ยชิงหว่านพยักหน้า “ข้าจะไปทำอาหารให้ทุกคน”อีกเดี๋ยวกู้หว่านเยว่และลั่วยางก็จะผ่าตัดเสร็จ คงจะต้องทานข้าวแน่ ๆ ยังมีหมิงจูที่หมดสติไปเพราะร่างกายอ่อนแออีก พอฟื้นขึ้นมาก็ต้องกินอะไรสักหน่อยห้องข้าง ๆ ลั่วยางวางมีดผ่าตัดลง แล้วคลายข้อมือที่ปวดเมื่อย“พี่หว่านเยว่ ท่านเก่งมากจริง ๆ ” ลั่วยางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าชื่นชม“ภายใต้การแนะนำของท่าน การผ่าตัดต่อกระดูกครั้งนี้ สบายกว่าที่ข้าเคยทำมาก่อนจริง ๆ ”และยังจัดการได้ดีกว่าด้วย“เจ้ามีพรสวรรค์มาก ต่อไปอย่าปล่อยให้ความรักครอบงำจนขาดสติล่ะ” สายตาของกู้หว่านเยว่ฉายแววชื่นชมไม่แปลกใจเลยที่ปรมาจารย์แพทย์เลือกเด็กคนนี้เป็นศิษย์ ก็เพราะมีความสามารถ และเรียนรู้อะไรได้เร็วมาก“อืม ๆ หลังจากเรื่องของมู่หรงอวี้ ข้าก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว”ลั่วยางถอนหายใจ“หลู่ซื่อตายเพร
“อืม”ซูจิ่งสิงรับกุญแจมา มองไปยังประตูที่ปิดสนิท สายตาของเขาก็ฉายแววเจ็บปวด“ที่นี่ให้เป็นหน้าที่ข้า เจ้าออกไปก่อนเถอะ”เขาจะอยู่เฝ้าภรรยาที่นี่“ได้ งั้นข้าจะไปดูว่าชิงหว่านต้องการให้ช่วยอะไรหรือไม่”ซูจื่อชิงวิ่งไปที่ห้องครัวซูจิ่งสิงนั่งลงเงียบ ๆ อยู่หน้าประตู จนกระทั่งฟ้ามืดสนิทแล้ว เสียงของกู้หว่านเยว่จึงดังขึ้นมาจากด้านใน“เปิดประตูเถอะ”“ได้ รอเดี๋ยวนะ”ซูจิ่งสิงรีบลุกขึ้นยืน แล้วหยิบกุญแจมาไขประตู ในขณะที่สายตาฉายแววกังวลกู้หว่านเยว่อยู่ข้างในทั้งวัน เขาเป็นห่วงว่าภรรยาจะเป็นอะไรไปเมื่อเปิดประตู กู้หว่านเยว่อก็เดินออกมาจากข้างในด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า“น้องหญิง หน้าเจ้าซีดมาก”ซูจิ่งสิงรีบประคองกู้หว่านเยว่ รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่งกู้หว่านเยว่โบกมือ “ล็อกประตูเถอะ สองวันนี้ ห้ามใครเข้าไปนอกจากข้า”ในความเป็นจริง กงซุนจ่างเย่ไม่ได้อยู่ข้างในห้องอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก หลังผ่าตัดเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ส่งเขาเข้าไปในห้องไอซียูของหอแห่งโอสถทันทีคอยสังเกตการณ์ตลอดเวลาถ้าพบอะไรผิดปกติ ก็สามารถเข้าไปช่วยได้ในทันทีขณะเดียวกัน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ต้องการ
กู้หว่านเยว่ต้องการถามเรื่องนี้จากนางพอดีเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ตั้งใจฟังทันที“หนึ่งเดือนก่อน กงซุนจ่างเย่พาข้าไปส่งที่เมืองเหยียนสุ่ยอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็ได้รับข่าวลับจากหมู่บ้านโซว่หวางขอให้เขารีบกลับไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง”หมิงจูจมดิ่งสู่ห้วงความทรงจำ“เพราะตอนที่ล้อมปราบสกุลฮั่ว เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจึงตัดสินใจเดินทางไปยังเขตซีเป่ยกับเขา กงซุนรีบร้อนมาก จึงเร่งเดินทางมาถึงเขตซีเป่ย”อาจเป็นเพราะรู้ว่าหมู่บ้านโซว่หวางเกิดเรื่อง กงซุนจ่างเย่จึงไม่ได้พาหมิงจูเข้าไปในเขตซีเป่ยพร้อมกับเขาแต่ให้หมิงจูรออยู่ที่เมืองชายแดนเล็ก ๆ ในเขตซีเป่ย ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยตามปกติ เขาก็จะมารับนางแล้วออกไปถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ก็จะส่งจดหมายทางนกพิราบ ให้นางรีบจากไปทันที“ข้ารออยู่ที่เมืองเล็ก ๆ นั่นเป็นเวลาห้าวัน ก็ไม่ได้รับข่าวอะไรเลย” หมิงจูกล่าวต่อ“ข้าเดาว่ากงซุนน่าจะเจอเรื่องใหญ่ จึงปลอมตัวแล้วแอบเข้าไปในเขตซีเป่ย” พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ สีหน้าของนางก็กลายเป็นดูเจ็บปวดอย่างมากน้ำตาคลอ “อาจเป็นเพราะสวรรค์คุ้มครอง ข้าบังเอิญเจอกงซุนที่บาดเจ็บสาหัส เขาเกือ
“ต้องไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ทำแบบนี้อีกต่อไป”หนานหยางอ๋องดูตื่นเต้นเล็กน้อย“แบบนี้ จะทำให้โชคชะตาของแคว้นต้าฉีเสียหาย ประชาชนต้องเดือดร้อน”พูดจบ เขาก็รีบเงยหน้ามองซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของหนานหยางอ๋องทันที“หว่านเยว่ พวกเราไปที่หมู่บ้านโซว่หวางกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดคำนวณ เวลานี้การก่อสร้างในเจดีย์หนิงกู่เกือบจะเข้าที่เข้าทางแล้ว น้ำมันก๊าดก็ถูกขนส่งมาถึงแล้วถึงพวกเขาจะจากไป เจดีย์หนิงกู่ก็จะไม่ได้รับความเสียหายในเร็ว ๆ นี้หนานหยางอ๋องรีบเอ่ยขึ้น “ข้ามีลูกน้องเก่าจำนวนมาก พวกเขากำลังทยอยเดินทางมาที่นี่รอให้พวกเขามาถึง เจดีย์หนิงกู่ก็จะกลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง พวกเขาทุกคนจะปกป้องเจดีย์หนิงกู่”กู้หว่านเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ วางใจได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว“ขอบพระทัยหนานหยางอ๋อง”หนานหยางอ๋องรู้สึกตื้นตันใจ รีบกล่าวขึ้น “พวกเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือนายของข้ายิ่งไปกว่านั้น การไปที่หมู่บ้านโซว่หวางครั้งนี้ ข้าก็จะสนับสนุนพวกเจ้า”หนานหยางอ๋องปรารถนาเพียงสิ่งเดียวคือ แคว้นต้าฉีเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข“รอให้กงซุนจ่างเย่ฟ
ความคิดนี้อยู่ในใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น ในเมื่อกู้หว่านเยว่แต่งงานมีสามีแล้ว ต่อให้อวิ๋นมู่ปรารถนาในใจมากแค่ไหน เขาก็จะยับยั้งชั่งใจเอาไว้“เฮ้อ เจ้านี่นะ ข้าควรจะหาภรรยาให้เจ้าตั้งแต่เนิ่น ๆ ”นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมองทะลุความในใจของอวิ๋นมู่ จากนั้นส่ายหัวอย่างจนปัญญาเจ้าเด็กไม่เอาไหนนี่ เหตุใดถึงไม่รู้จักควบคุมหัวใจตัวเอง?“ลูกไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้นางปลอดภัยราบรื่น มีความสุข สุขภาพแข็งแรง”อวิ๋นมู่ดูสดใส รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุขนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นสีหน้าหม่นหมอง หากนายหญิงกู้ยังไม่แต่งงานหรือหย่าร้างแล้ว เขาคงจะสนับสนุนเต็มที่แต่เห็นได้ชัดว่านางและซูจิ่งสิงรักกันมาก“แย่แล้ว ๆ สายเลือดสกุลอวิ๋นของข้าคงไม่ได้สิ้นสุดตรงนี้หรอกนะ?” นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นคิดวางแผนในใจ ต้องหาภรรยาดี ๆ ให้กับอวิ๋นมู่ให้ได้ภายในห้อง กู้หว่านเยว่เปลี่ยนใจ “ท่านพี่ ข้าว่าจะให้คนสร้างถังเหล็กขึ้นมา เพื่อใส่น้ำมันก๊าด”เดิมทีนางคิดจะซื้อถังเหล็กจำนวนมาก แล้วโยนไปให้พวกชาวหู บอกทุกคนว่าซื้อถังเหล็กพวกนั้นมาจากชาวหูแต่พอคิดดูดี ๆ แบบนี้เหมือนปล่อยให้ชาวหูได้ประโยชน์มากเกินไปการสร้างเครื่องมือเหล็กไม่
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป