“ข้าเข้าไปดูหน่อย”เฉินจิ่งเส้าได้ยินว่ากงซุนฉิงไม่เป็นไร รีบเข้าไปตรวจบาดแผลของนางภายในห้องกู้หว่านเยว่กลับเหลือบมองฉินทงบนพื้น ให้ซูจิ่งสิงพาคนไปห้องด้านข้างยามปฏิบัติต่อฉินทงที่หมดสติไป นางไม่มีเมตตาแม้แต่น้อยถือน้ำเย็นถังใหญ่ออกจากมิติโดยตรง สาดใส่ตัวฉินทงฉินทงมีไหวพริบ ได้สติกลับมาแล้วมองสภาพแวดล้อมรอบกายอย่างชัดเจน เขาตกตะลึงหน้าถอดสี รีบคุกเข่าโขกศีรษะให้ทั้งคู่“ท่านจอมยุทธ์ ปล่อยข้าไปเถอะ พวกท่านอยากรู้เรื่องใด ข้าจะบอกพวกท่านทั้งหมด ขอเพียงพวกท่านไม่ฆ่าข้าก็พอ”ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่กลับไม่เชื่อคำพูดทั้งหมดของฉินทงอย่างไรเสียเมื่อครู่คนผู้นี้ก็ปิดบังเบาะแสของกงซุนฉิง หากมิใช่ซูจิ่งสิงลงทัณฑ์ทรมานก็คงพลาดไปแล้วแต่ปัญหาที่ต้องถามก็ยังต้องถามให้เรียบร้อย“เหตุใดเจ้าจึงทรยศหมู่บ้านโซ่วหวาง เพื่อพิสูจน์ความจริงใจต่อฮ่องเต้กระนั้น?”“ขอเตือนเจ้า จงตอบตามสัตย์จริง หาไม่แล้วเจ้าได้ทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก”ฉินทงพยักหน้าทั้งน้ำตา แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่กล้าพูดปด“ข้าพูด...ข้าพูด”ฉินทงหายใจเข้าลึกๆ“แท้จริงแล้วข้าเองก็ไม่อยากทรยศหมู่บ้านโซ่วหวาง เรื่องนี้พูดแล้วก
มาถึงตรงนี้ กู้หว่านเยว่เข้าใจต้นสายปลายเหตุเกือบทั้งหมดแล้วฉินทงถูกสตรีลึกลับขู่ ตีขนาบทั้งด้านในและด้านนอกกับอีกฝ่ายคนสกุลกงซุนทั้งหมดล้วนถูกวางยา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความสามารถต่อต้านถูกจัดการทั้งหมดในคราวเดียว“ตอนนี้สตรีลึกลับคนนั้นอยู่ที่ใด?”“ข้าไม่รู้ นางมาไร้เงาไปอย่างไร้ร่องรอย”ฉินทงส่ายหน้า เห็นซูจิ่งสิงจะลงมืออีกครั้ง รีบพูดว่า“ใช่แล้ว ข้านึกออกแล้ว นางติดต่อกับใต้เท้าสองท่านที่มาจากเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นนางหาของที่ต้องการไม่พบ ดังนั้นนางอาจยังอยู่ที่เขตซีเป่ย ไม่แน่ว่าตอนนี้ก็อยู่ภายในหมู่บ้านโซ่วหวางขอรับ”กู้หว่านเยว่พบจุดบอดแล้ว “ในเมื่อสตรีลึกลับคนนั้นต้องการคนสกุลกงซุน เหตุใดกงซุนฉิงจึงอยู่ในมือเจ้า เจ้ากลับไม่มอบให้นาง?”“เอ่อ...”ใบหน้าฉินทงเผยแววรู้สึกผิด คิดว่าอย่างไรเสียตนเองก็พูดความลับมากเพียงนี้แล้ว ไม่ขาดเรื่องนี้ไป“เพราะข้าเองก็อยากเรียนเคล็ดลับควบคุมสัตว์ร้าย...ดังนั้นข้าจึงเก็บกงซุนฉิงไว้ศึกษา...”น่าเสียดายปากของกงซุนฉิงปิดสนิท ไม่ว่าเขาทรมานเยี่ยงไรปากนั้นของนางกัดแน่นไม่ยอมเปิดออกต่อให้ตายก็ไม่แย้มพรายแม้คำเดียวภายใต้ความเอือม
ดวงตาซูจิ่งสิงทอประกาย ของสิ่งนี้มีประโยชน์ดังคาดอาศัยช่วงนักรบหมาป่าเดินห่างไปไกล ทั้งสองสบโอกาสเหินลงบนหญ้า จากนั้นเหินขึ้นกำแพงเมืองซูจิ่งสิงมาที่ตำแหน่งใจกลางกำแพงเมือง แขวนศีรษะฉินทงไว้บนกำแพงเมืองโดยตรงจากนั้นเหินบินจากไปก่อนถูกทหารพบเห็นเชื่อว่าหลังฟ้าสว่างในวันพรุ่งนี้ ทหารลาดตระเวนเหล่านั้นมองเห็นศีรษะของฉินทงแล้ว จะต้องเกิดคลื่นลูกใหญ่อย่างแน่นอน“คาดหวังขึ้นมาบ้างแล้ว”กู้หว่านเยว่ลูบคาง ยิ้มอย่างมีเจตนาร้ายทั้งสองคนกลับเข้าเรือนขณะเดียวกัน เฉินจิ่งเส้าคอยอยู่ภายในนานมากแล้ว เห็นทั้งคู่กลับมา ถลันขึ้นมาเร็วรี่“พวกท่านนับว่ากลับมาแล้ว กงซุนฉิงฟื้นแล้ว”“พาข้าไปดูหน่อย”ได้ยินว่ากงซุนฉิงฟื้นแล้ว กู้หว่านเยว่รีบเข้าเรือนบัดนี้กงซุนฉิงกำลังนั่งพิงหัวเตียง เหลือบเห็นว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเข้ามาแล้ว รีบเอ่ยปากขอบคุณทั้งคู่กู้หว่านเยว่หยั่งเดา เป็นเฉินจิ่งเส้าเล่าต้นสายปลายเหตุให้นางฟัง“น้องเจ็ดของข้ายังดีอยู่หรือไม่?”“ไม่ดี” กู้หว่านเยว่ตอบตามสัตย์จริง “ถูกควักดวงตาสองข้าง กระดูกมือและขาหัก ตายเสียดีกว่าอยู่”“แควก!”ผ้าปูเตียงในมือกงซุนฉิงขาดเป็
“วิชาแมวสามขา [1] เท่านั้น น่าเกลียดเกินไป”สีหน้าเฉินจิ่งเส้าเปี่ยมความเก้อกระดาก วรยุทธ์เพียงแค่นั้นของเขายามอยู่ต่อหน้าซูจิ่งสิง ไม่พอให้ชายตาแล “แต่พวกเราพาไปคนหนึ่ง ใช้วิชาตัวเบาเชื่องช้าเกินไป มิสู้ใช้สัตว์ของข้า”พูดจบ เขาผิวปากเสือเงินสีขาวดุจหิมะทั่วทั้งสรรพางค์กายตัวหนึ่งกระโจนออกจากความมืดมิดยามราตรีจากนั้นหมอบหลงต่อหน้าเฉินจิ่งเส้า ลดหลังลงต่ำแม้แต่คนพบเห็นมามากอย่างกู้หว่านเยว่ยังตกตะลึงเหม่อลอย“เสือเงินนี้ถึงขั้นฟังคำสั่งท่าน นี่คือสัตว์เลี้ยงหรือ?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามอย่างตกตะลึงพรึงเพริดพวกเขาสองสามีภรรยานับตั้งแต่ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ ก็คล้ายปรมาจารย์ลึกลับสองท่านอยู่ตลอดครั้นเผยสีหน้าตกตะลึง นับว่าน่ารักใสซื่อมากเฉินจิ่งเส้าหัวเราะฮาๆ พูดอย่างไม่ปกปิด“แท้จริงแล้ววมิได้ลึกลับเหมือนข่าวลือ พวกเราใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เหล่านี้ตั้งแต่เด็ก ย่อมเกิดความผูกพัน เสือเงินตัวนี้เป็นของขวัญที่ท่านพ่อมอบให้ข้าตอนอายุครบสิบขวบ”สายตาเฉินจิ่งเส้าสะท้อนความภาคภูมิใจ“หลังเลี้ยงดูแล้ว มันก็นับข้าเป็นเจ้านาย เชื่อฟังคำสั่งของข้า ไม่ทำร้ายคนรอบกายข้าตามใจ แต่ข้านี่คือวิ
มองไข่มุกเรืองแสงราตรีฝังเรียงรายทั้งสองฝั่ง กู้หว่านเยว่เอ่ยชื่นชม“ไข่มุกเรืองแสงราตรีใหญ่ยิ่งนัก”เฉินจิ่งเส้ากำหมัดกระแอม “ไข่มุกเรืองแสงราตรีเหล่านี้ใช้ส่องสว่าง”อย่าคิดว่าเขามองไม่เห็นสีหน้าหวั่นไหวของกู้หว่านเยว่ เขากังวลอีกฝ่ายเก็บไข่มุกเรืองแสงราตรีไปจริงๆกู้หว่านเยว่เองก็คิดๆ ดู สุภาพชนล้วนชอบความร่ำรวย กระนั้นต้องได้มาอย่างถูกต้องไม่มีวันทำตัวเลวทรามเพียงนั้นขบวนคนเดินๆ หยุดๆ ระหว่างทางผ่านกลไกห้าถึงหกแห่ง“แม้ทางใต้ดินนี้ลึก ข้างล่างกลับไม่ชื้น”กู้หว่านเยว่พูดไป ก็มองเห็นแนวสายตาขยายกว้างมากขึ้นทางด้านหน้าจากนั้นกระท่อมไม้ก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา“แสงจันทร์ถึงขั้นส่องเข้ามาได้!”กู้หว่านเยว่แหงนหน้าอย่างตกตะลึงมองโดมด้านบน เชื่อว่าฝนน้ำค้างแสงแดดก็ล้วนสามารถลอดผ่านรอยแยกเข้ามาได้เฉินจิ่งเส้าพูดอย่างภาคภูมิใจ “ทางใต้ดินนี้เป็นข้าพบโดยบังเอิญ”“หลังข้าเข้ามาแล้ว พบว่าพื้นที่ข้างใต้กว้างมาก ทิวทัศน์เองก็งดงาม สั่งให้คนปลูกดอกไม้แปลกหญ้าประหลาดไว้มากมายเขาชี้ไปที่ธารน้ำห่างออกไปไม่ไกล“ธารน้ำนั้นเป็นข้าสั่งให้คนเปิดทางเข้ามา”“พวกท่านวางใจได้ ที่แห่งนี้ลึก
อาการบาดเจ็บของกงซุนฉิงพูดว่าหนักกลับไม่หนัก พูดว่าไม่หนัก กลับต้องมีคนดูแล“เรื่องดูแลนางก็รบกวนคุณหนูสามแล้ว”กงซุนเสว่ปาดน้ำตา รีบเอ่ยตอบ “แน่นอนอยู่แล้ว น้องหญิงสี่ได้รับบาดเจ็บ พี่สาวอย่างข้าต้องดูแลนางดีๆ ฮูหยินมีอะไร โปรดสั่งมาก็พอ”จากนั้นกู้หว่านเยว่สำทับเรื่องที่ต้องระวังบางส่วน“บัดนี้สถานการณ์ภายนอกอันตรายมาก พวกท่านอย่าออกไปเลย ข้าสองสามีภรรยาจะไปสืบข่าว ช่วยตามหาคนสกุลกงซุนแทนพวกท่าน”กู้หว่านเยว่เอ่ยสำทับ นางไม่อยากให้คนที่ตนเองช่วยมาได้ต้องไปติดกับ“เสว่เอ๋อร์ ฟังพวกเขาเถอะ”เฉินจิ่งเส้าพยักหน้าลงอย่างอดไม่ได้ สองคนนี้วรยุทธ์สูง ฟังพวกเขาต้องไม่ผิดพลาดแน่“ได้ ข้าฟังพวกท่าน”กงซุนเสว่ไม่ฉลาดมากพอ แต่ยังเชื่อฟังเห็นสีหน้าทั้งสองคนอ่อนล้า นางรีบพูด“ข้างหลังกระท่อมไม้ยังมีอีกสองห้อง ข้าไปเก็บให้พวกท่านอยู่ พวกท่านพักผ่อนก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างจริงๆ ยืดเอวทีหนึ่ง“นำทางเถอะ”นางไม่พักผ่อน ลูกในท้องนางยังต้องพักผ่อนนอนหลับหนึ่งตื่น พรุ่งนี้ถึงจะมีสมาธิรับมือกับเรื่องมากมาย“ท่านพี่ ท่านว่าสตรีลึกลับคนนั้นเป็นใครกันแน่”กู้หว่านเยว่นอนบ
“ตัวไร้ประโยชน์ ไม่สมควรอยู่บนโลกนี้”ฝ่ายหญิงลงมืออย่างโหดเหี้ยม ฆ่าองครักษ์ทั้งหมดในคราวเดียว สามารถมองเห็นวรยุทธ์เข้าขั้นสูงได้ขณะเดียวกัน สีท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้วแสงอ่อนยามรุ่งอรุณสาดส่องทางทิศบูรพาองครักษ์ภายนอกวิ่งพรวดพราดเข้ามา“แย่แล้ว แย่แล้ว ใต้เท้าฉินเขา...”องครักษ์คุกเข่าต่อหน้าฝ่ายหญิง“นายหญิง หัวของใต้เท้าฉิน หัวของเขาถูกแขวนบนกำแพงเมืองขอรับ”เช้าวันนี้ทหารลาดตระเวนพบน้ำหยดลงบนหน้ายกมือขึ้นเช็ด ถึงขั้นพบว่าคือเลือดแหงนหน้าขึ้น ศีรษะของฉินทงถึงขั้นแขวนอยู่บนกำแพง ทำเสียจนทุกคนตกใจกรีดเสียงร้อง“เมื่อคืนหน่วยลาดตระเวนของพวกเราล้วนอยู่ข้างล่าง ถึงขั้นไม่รู้ว่าหัวของใต้เท้าแขวนอยู่ข้างบน”สีหน้าเทียนอวี๋ไม่สบอารมณ์มากยามเพิ่งพบห้องลับ นางอยากฆ่าฉินทงจริงนั่นล่ะทว่านี่มิได้หมายความว่านางอยากให้ฉินทงตายในมือของผู้อื่น“สามารถแขวนหัวของฉินทงไว้บนกำแพงเมืองได้ วรยุทธ์จะต้องสูงมากแน่”เทียนอวี๋ขมวดคิ้วแน่น ใคร่ครวญภายในใจการรับกลิ่นของนักรบหมาป่าอ่อนไหวมาก เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถผ่านพวกมัน เหินบินขึ้นกำแพงเมืองได้นับประสาอะไรกับแขวนศีรษะเพียงพอให้มอง
“อืม เช่นนั้นข้าไปก่อนแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบมือน้อยของกู้หว่านเยว่ ลุกขึ้นจากไปเขาทักทายปราศรัยเฉินจิ่งเส้าก่อนถึงเริ่มเคลื่อนไหวพวกเฉินจิ่งเส้ารู้ว่ากงซุนจางเย่มาถึงหลินซีโข่วแล้ว แต่ละคนตื่นเต้นมาก“น้องเจ็ดบาดเจ็บสาหัส ยังเดินทางไกลมาอย่างยากลำบาก หวังว่าเขาจะไม่เป็นไร” กงซุนเสว่ถอนหายใจ“เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้ เฮ้อ”“น้องเจ็ดโตแล้ว” สายตากงซุนฉิงกลับทอประกาย “ไม่ใช่เด็กเหมือนในอดีตอีก รู้จักมีความรับผิดชอบแล้ว”เพียงแต่ราคาสำหรับการเติบโตเจ็บปวดอยู่บ้างนึกถึงความตายของบิดาและพี่สาวทั้งสอง สีหน้าทั้งคู่เกร็งเครียด“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราเจ็บปวดไปก็ไร้ประโยชน์”กงซุนฉิงเอ่ยปากเสียงเย็น “บัดนี้สำคัญที่สุดก็คือหาคนที่เหลืออยู่ พี่น้องหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ แย่งซีเป่ยกลับคืนมา ล้างแค้นให้คนในครอบครัว”กงซุนเสว่ไม่มีความเห็นอื่น ได้ยินก็พยักหน้า“น้องหญิงสี่พูดถูก”ทั้งสองเงยหน้าขึ้น มองกู้หว่านเยว่ที่กำลังเตรียมยาสมุนไพรนอกเรือน ครรภ์กลมมาก สีหน้าผ่อนคลายกงซุนฉิงรู้สึกคุ้นตากับภาพนี้อย่างกะทันหัน“น้องหญิงสี่ เจ้ายังจำภาพวาดนั้นในหอบรรพบุรุษของพวกเราได้หรือไม่?”“ท่
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป