“ท่านพ่อทำงานหนักมาตลอด ไม่เคยพูดจาโอ้อวด แต่ตอนนี้กลับต้องมาพบจุดจบแบบนี้”“ฮ่องเต้บอกจะฆ่าพวกเราก็ฆ่า” กงซุนหงก็เกลียดมากเช่นกัน“แม้แต่เหตุผลที่เหมาะสมก็ไม่มี กลับลงมือต่อหมู่บ้านโซว่หวางอย่างกะทันหัน”ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนางพี่น้องโชคดีมีบุญวาสนา ตอนนี้แต่ละคนก็คงถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว นางยังถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดอีก!“เขาไร้เมตตา พวกเราก็ไม่ต้องมีคุณธรรม ต่อให้เราไม่ก่อกบฏ คาดว่าฮ่องเต้ก็คงไม่ปล่อยเราไปแน่ สู้ลองเสี่ยงตายสักตั้ง เพื่อหาทางรอดให้ทุกคนดีกว่าทุกคนในสกุลกงซุน เวลานี้ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน“ดี ข้าสบายใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่อทุกคนมีความคิดที่จะต่อต้านฮ่องเต้ชั่ว เช่นนั้นนางก็ไม่รังเกียจที่จะรับคนเหล่านี้ไว้ใต้บังคับบัญชา“พี่สาวว่าอย่างไร ก็เป็นเช่นนั้น ข้าฟังพี่สาว”กงซุนซวงไม่มีความคิดเห็นอะไร“สามวันหลังจากนี้เริ่มลงมือ”กู้หว่านเยว่ได้วางแผนเบื้องต้นไว้แล้วอาศัยช่วงสามวันนี้ นางจะได้ฝึกฝนการควบคุมสัตว์ให้ดี ๆ สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ เวลานี้ มีอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาในเขตซีเป่ยแล้ว“การลงมือของเสด็จพี่ ช่างรวดเร็วจริง ๆ ”มู่หรงอวี้จ้องมองนักร
“ข้าถามท่าน ข้างกายซูจิ่งสิงมีสตรีที่เก่งกาจคนหนึ่งอยู่ด้วยใช่หรือไม่?”เทียนอวี๋ยังคงติดค้างในใจนางแค่คิดว่านกหงส์เพลิงที่ตัวเองตามหามานาน กลับถูกหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่รู้จักชื่อแย่งไป หัวใจของนางก็เจ็บปวดเหลือเกิน“ท่านรู้ได้อย่างไร?”เมื่อพูดถึงกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็รู้สึกเกลียดจนแทบคลั่ง“ท่านรู้จักหรือ?”“ไม่ใช่แค่รู้จัก ข้าอยากจะดื่มเลือด กินเนื้อ ถลกหนัง และกระชากเส้นเอ็นของนางเสีย!”มู่หรงอวี้สั่นไปทั้งตัว“แขนข้างนี้ของข้า ก็เป็นนางสารเลวนั่นที่ตัด!”“แม่นางคงไม่ทราบกระมัง นางสารเลวนั่นคือภรรยาของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่”มู่หรงอวี้แทบจะกัดฟันกรอดเมื่อพูดชื่อของกู้หว่านเยว่ เพราะเขาพลาดท่าให้กับกู้หว่านเยว่มากเกินไปแล้วจริง ๆ “กู้หว่านเยว่?”เทียนอวี๋แทบไม่อยากจะเชื่อ“นางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง”เรื่องนี้ คงจะยุ่งยากแล้ว“ใช่แล้ว เดิมทีข้ายังคิดว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้ควรชักชวนมาเข้าพวก แต่ในเมื่อนางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง ก็ไม่มีทางที่จะมายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราได้”เมื่อพูดถึงฐานะของกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้เขาหวังอย่างยิ่งว่ากู้หว่านเยว่
“น้องหญิง ข้าอยากนอนกับเจ้า”หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวลใจเล็กน้อยกลัวว่าจะเห็นสีหน้าปฏิเสธของนางกู้หว่านเยว่หน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า “ได้ เรามาพักผ่อนด้วยกัน”ทั้งสองนอนด้วยกัน แม้จะเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้ลมหายใจรดรินกันและกัน หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลูกในท้อง คงจะเกิดเรื่องเลยเถิดกันไปแล้ว“นอนเถอะ”ซูจิ่งสิงจูบนางเบา ๆ แล้วอดทนไว้วันรุ่งขึ้น ก็ถึงวันที่นัดหมายในการลงมือกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงพาองครักษ์จันทราออกไปก่อน“พวกเจ้าที่บาดเจ็บก็พักฟื้นอยู่ในถ้ำเถอะ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”กู้หว่านเยว่เอ่ยกำชับ“ส่วนคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ พอได้ยินสัญญาณก็ออกมาช่วยได้”นางโบกดอกไม้ไฟสีฟ้าในมือไปมา นี่คือสัญญาณการติดต่อของพวกเขาเมื่อนางจุดดอกไม้ไฟสีฟ้า ก็หมายความว่านางยึดหลินซีโข่วได้แล้ว“ได้ พวกข้าเข้าใจแล้ว”ทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง ประหนึ่งว่าพวกเขายอมรับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเป็นนายแล้ว“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”สามีภรรยาออกจากถ้ำ หลังจากออกมาแล้ว ก็ส่งองครักษ์จันทราออกไป“ไปที่หลินซีโข่ว”หลังจากที่พวกเขาบุก
“สุนัขหมาป่าที่อยู่ในกำมือ ควบคุมไม่ได้แล้ว!”สุนัขหมาป่าที่ถูกผูกเชือกไว้ เมื่อได้ยินเพลงควบคุมสัตว์ร้าย ต่างก็ส่งเสียงคำรามต่ำ พร้อมกับใช้สองขาตะกุยพื้น“สกุลกงซุนเชี่ยวชาญการฝึกสัตว์ร้าย สุนัขหมาป่าเหล่านี้ถูกพวกเขาฝึกฝนมาตั้งแต่เล็กจนโต เชื่อฟังคำสั่งเป็นที่สุด เหตุใดจู่ ๆ จึงคลุ้มคลั่งขึ้นมา?”เหล่าทหารต่างก็ตื่นตระหนก“เป็นเสียงขลุ่ยจากหอสังเกตการณ์!”ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ในที่สุดก็พบความผิดปกติเสียงขลุ่ยที่ทรงพลังเข้าแทรกซึม ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนไปถึงจุดสูงสุด“อาว ๆ อาว ๆ อู...”สุนัขหมาป่าก็กระชากเชือกอย่างกะทันหัน พุ่งเข้ากัดทหารของฮ่องเต้ชั่ว“อ๊าก ช่วยด้วย!”สิ่งที่มีมากที่สุดในเขตซีเป่ยคืออะไร คือสรรพสัตว์อย่างไรเล่า!คนของฮ่องเต้ชั่วคิดไปเองว่าเมื่อขับไล่สกุลกงซุนออกไปได้ แล้วเข้ายึดครองหมู่บ้านโซว่หวาง ก็จะสามารถครอบครองสรรพสัตว์ที่พวกเขาฝึกฝนมาหลายปีได้ใช้สุนัขหมาป่าของสกุลกงซุนมาลาดตระเวน ใช้เหยี่ยวออกตามหาคนของสกุลกงซุนแต่ตอนนี้ ในที่สุดก็ได้เวลาเอาคืนแล้ว!สุนัขหมาป่าและม้าศึกในเมืองได้ยินเพลงควบคุมสัตว์ร้ายแล้ว ก็เริ่มคลั่ง ต่อต้าน เหวี่ยงทหารตกจากหลังม
“ท่านประมุขเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อย ข้าน้อยไม่ได้คิดจะหลบหนี”เขาร้องไห้พลางพูดโกหก“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เจ้าเฝ้าอยู่ที่ประตู”เทียนอวี๋มองเขาด้วยสายตาตักเตือน ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในหมู่บ้านโซว่หวางนางพุ่งตัวเข้าไปในหอบรรพบุรุษ ตั้งใจจะเอาของที่อยู่ข้างในออกมาน่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้เข้าไปในหอบรรพบุรุษ ก็ได้ยินเสียงพังประตูดังมาจากข้างนอก“อ๊าก ช่วยด้วย...” ตามมาด้วยเสียงร้องโวยวายของใต้เท้าเหลย“ให้ตายเถอะ!”เทียนอวี๋เอียงหูฟัง ได้ยินเสียงฝูงสัตว์ที่กำลังใกล้เข้ามาถ้าตอนนี้ยังไม่ออกไป เกรงว่าคงยากที่จะออกไปแล้วแต่นางยังมีของสำคัญที่หล่นอยู่ในหอบรรพบุรุษในขณะที่เทียนอวี๋ลังเลใจอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ขี่นกหงส์เพลิงบินเข้ามาจากด้านนอกเมื่อเห็นเงาของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง เทียนอวี๋ก็ตัดสินใจทันที เปลี่ยนทิศทางจากเดิมที่จะไปยังหอบรรพบุรุษ แล้ววิ่งหนีออกไปทางข้างนอกแทน“ท่านพี่ ใต้เท้าเกาตายแล้ว”กู้หว่านเยว่จับชีพจรของใต้เท้าเกา พบว่าอีกฝ่ายถูกธนูแทงทะลุหัวใจ ตายสนิทแล้วส่วนใต้เท้าเหลย ถูกสัตว์ร้ายที่บุกเข้ามาในหมู่บ้านโซว่หวางเหยียบไปหลายครั้ง ตอนนี้นอนกระอักเลือดอยู
“อย่ารอช้า พวกเราตามไปดูกันเดี๋ยวนี้เลย”ทั้งสองขี่นกหงส์เพลิง แล้วบินไปทางต้นอู๋ถงบนท้องฟ้า มองเห็นเงาร่างสีขาวที่ว่องไว กำลังปีนข้ามกำแพง แล้ววิ่งหนีออกไปข้างนอก“เป็นหญิงสาวลึกลับคนนั้น”กู้หว่านเยว่ดวงตาเป็นประกาย รีบสั่งให้นกหงส์เพลิงไล่ตามไป“วิชาตัวเบาของหญิงผู้นี้ ช่างยอดเยี่ยมนัก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว ถึงแม้จะไม่รู้จักใบหน้าที่แท้จริงของหญิงสาวลึกลับคนนี้ แต่ดูจากวรยุทธ์แล้ว น่าจะเป็นหญิงสาวที่มีวิชาตัวเบาแข็งแกร่งหญิงสาวแบบนี้ หากมองไปทั่วทั้งแผ่นดิน ก็นับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวทั้งสองไม่กล้ารอช้า หลังจากออกจากกำแพงแล้ว ก็รีบลงจากนกหงส์เพลิง แล้วไล่ตามหญิงสาวลึกลับคนนั้นไปเห็นหญิงสาวลึกลับคนนั้นพุ่งเข้าไปในหมอกพิษ“ท่านพี่ ใส่ไว้”กู้หว่านเยว่รีบหยิบหน้ากากป้องกันแก๊สพิษสองอันออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงใส่หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอันตรายแล้ว จึงเข้าไปในป่าหมอกพิษน่าเสียดายที่ภายในป่าหมอกพิษมีแต่ควันปกคลุมไปทั่วหญิงสาวลึกลับคนนั้น พอเข้าไปแล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยสองสามีภรรยาตามหาในป่าหมอกพิษอยู่นาน จึงจะพบทางเดินใต้ดินซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่“ดูเหมือนว่า
กงซุนหงเผยรอยยิ้มที่ขมขื่น พร้อมกับรำลึกความหลัง“ผลสุดท้าย ทุกคนต่างถูกสั่งสอน หลังจากนั้นพวกเราถึงได้รู้ว่าท่านพ่อพูดถูก”กงซุนเสว่รีบเอ่ยขึ้น “พี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้ายังจำศิลาจารึกที่อยู่ใต้ล่างหอบรรพบุรุษของสกุลกงซุนของพวกเราได้หรือไม่ บนศิลาจารึกมีภาพวาดอยู่ น้องสี่ ครั้งที่แล้วข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้ารู้สึกว่าคนในภาพวาดนั้นเหมือนแม่นางกู้”“ไม่ใช่แค่เหมือน แต่เป็นนาง!”นอกจากนางแล้ว ยังมีใครที่จะสามารถทำให้หงส์เพลิงยอมรับเป็นนายได้อย่างเต็มใจล่ะ?“ไป พวกเราไปช่วยกัน”พี่น้องทุกคนต่างพากันหยิบนกหวีดออกมาจากอก ฝูงสัตว์ก็สงบลงแล้วฝูงสัตว์ร้ายกลับสู่สภาพเดิม ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น พวกมันที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ก็พากันวิ่งกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเองกู้หว่านเยว่มองดูทั้งหมดนี้ สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือจับหญิงสาวลึกลับคนนั้นไม่ได้“นายหญิง แย่แล้ว”เวลานี้ ชิงเหลียนก็รีบเข้ามา“พวกเราพบร่องรอยของมู่หรงอวี้”“มู่หรงอวี้?!”กู้หว่านเยว่ดวงตาเป็นประกาย จากนั้นยิ้มออกมาทันทีจับหญิงสาวลึกลับคนนั้นไม่ได้ แต่ฆ่ามู่หรงอวี้ได้ก็ไม่เลว“มู่หรงอวี้ดูเหมือนจะค้นพบถ้ำแล้ว ตอนนี้กำ
เมื่อได้ยินเสียงนั้น มู่หรงอวี้ก็เห็นท่าไม่ดีเมื่อหันหน้าไป เผชิญกับกู้หว่านเยว่ที่มีรอยยิ้มอันคลุมเครือ ก็ยิ่งเหงื่อตกอย่างฉับพลันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปยังซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่เห็นจะมีสภาพบาดเจ็บตรงไหน“เจ้าโง่ รีบหนีไป!”คนรับใช้จับผิดข้อความอย่างเห็นได้ชัดมู่หรงอวี้ขี่ม้าหนีไปโดยไม่ลังเลเคยมีประสบการณ์ทำหลุดจากมือไปแล้วในคราวก่อน เวลานี้ไม่ว่ากู้หว่านเยว่จะพูดอะไร ก็จะไม่ปล่อยให้มู่หรงอวี้หนีรอดไปได้“ท่านพี่ ไล่ตามไป”กู้หว่านเยว่นำอุปกรณ์ติดตามออกมาจากมิติ ซูจิ่งสิงโอบตัวนางไว้ ก่อนจะเหาะเหินขึ้นไปตามไล่ล่า“พวกเจ้าเข้าไปในถ้ำเพื่อปกป้องคนอื่น ๆ”เล็งอุปกรณ์ติดตามไปที่หลังของมู่หรงอวี้ แล้วปล่อยมันออกไปไม่ว่าเขาจะหนีไปที่ใด กู้หว่านเยว่ก็สามารถไล่ตามเขาได้“ซวยแล้ว”มู่หรงอวี้กำลังรีบรุดอยู่ข้างหน้า เขาพอจะรู้สึกได้ว่า ครั้งนี้มันอันตรายมากคิดว่าในเมื่อกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสามารถปรากฏตัวที่นี่ได้ แสดงว่าฝ่ายหญิงลึกลับนั้นพ่ายแพ้ไปแล้วเขาวิ่งไปที่หลินซีโข่วโดยไม่ลังเลใด ๆ วางแผนที่จะหลบหนีออกจากเขตซีเป่ยโดยทันทีกู้หว่านเยว่อ่านเจตนาของเขาออก ไล่
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้