“เจ้าลูกคนนี้”หนานหยางอ๋องมองเพียงว่าเมี่ยชิงหว่านกำลังเขินอาย จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่กลับไม่รู้ว่าเมี่ยชิงหว่านนั้นปรารถนาจะสังหารเผยเสวียนเหลือเกิน“ท่านพ่อตา ชิงหว่านอาจจะได้ยินเรื่องการแต่งงาน จึงเขินอายไปหน่อย”เผยเสวียนยิ้มออกมาเหมือนสุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรมหนานหยางอ๋องจะไปเข้าใจความคิดของลูกสาวได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเมี่ยชิงหว่านที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากเขามาตั้งแต่เด็ก เผยเสวียนพูดเช่นนี้ เขาก็เชื่อแล้ว“ท่านพ่อตา ใช้ชาแทนเหล้า เขยขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก”“ดี ๆ ๆ เอามาจอกหนึ่ง”ทางด้านนี้หนานหยางอ๋องและเผยเสวียน “ชนแก้วแลกจอก” ดื่มด่ำสำราญร่วมกัน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งกู้หว่านเยว่ก็แอบเตะซูจิ่งสิงใต้โต๊ะทั้งสองหาข้ออ้างเดินออกมาระหว่างงานเลี้ยง แต่แล้วก็พบเมี่ยชิงหว่านยืนสองจิตสองใจอยู่นอกห้องของซูจื่อชิง“ชิงหว่าน?”กำลังลังเลใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ แต่ซูจื่อชิงก็เห็นนางก่อนแล้วมือทั้งสองถูกพันแผลจนเหมือนบ๊ะจ่างลูกใหญ่ ฉู่เฟิงกำลังป้อนอาหารเขาอยู่“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง รีบเข้ามาสิ มัวยืนอยู่หน้าประตูทำไม?”ซูจื่อชิงเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาทั้งคู่ส่อ
“เผยเสวียนรังแกเจ้าหรือ?!”“เปล่า”เมี่ยชิงหว่านส่ายหัว ทว่าสายตาที่หลบเลี่ยงกลับทำให้ซูจื่อชิงรู้สึกได้ว่ามีอะไร“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะไปถามเขาเดี๋ยวนี้”หากเผยเสวียนสามารถมอบความสุขให้นางได้จริง ๆ และนางเต็มใจ เขาก็ทำได้แค่อวยพรเท่านั้น แต่หากเผยเสวียนยังคงรังแกนางอยู่เสมอ ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจซูจื่อชิงลุกขึ้นและกำลังจะออกไป แต่เมี่ยชิงหว่านกลับรีบขวางเขาไว้เหมือนตกใจกลัว“ท่านอย่าไป อย่าไปถามเขา?”นางดูควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ ซูจื่อชิงยิ่งงุนงงมากกว่าเดิม“เป็นอะไรกันแน่?”“เอาเป็นว่าท่านไม่ต้องไปถามเขา ถ้าท่านไปถามเขาล่ะก็ ข้าจะไม่ให้อภัยท่าน”พูดจบ เมี่ยชิงหว่านก็วางถ้วยกับตะเกียบลง แล้ววิ่งออกไปข้างนอก“ชิงหว่าน?”“อย่าตามข้ามานะ ขอร้องล่ะ!”เมี่ยชิงหว่านวิ่งตรงกลับไปที่ห้องของตัวเอง ในขณะที่ซูจื่อชิงกลับยืนนิ่งอยู่กับที่ คิ้วขมวดแน่น ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง“ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่า เผยเสวียนต้องทำอะไรกับชิงหว่านแน่”กู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงมา ดอดออกจากห้องที่ซูจื่อชิงอยู่ มาพูดคุยกันตรงที่ที่ไม่มีใครต้องบอกว่าตอนแรกนางแค่รู้สึกสงสัย แต่เมื่อเห็นท่าทางของ
เมื่อเห็นเผยเสวียนกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ ก็ปล่อยอีกหมัดหนึ่งกระแทกปากของเขา“เจ้าบังอาจมารังแกชิงหว่าน กล้าดียังไง?!”ซูจื่อชิงปรารถนาจะสังหารเผยเสวียนใจจะขาด หญิงสาวที่เขาคอยประคองอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ กำลังถูกเผยเสวียนหยามเกียรติและย่ำยีเช่นนี้“ปล่อย ปล่อยนะ!”ทักษะการต่อสู้งู ๆ ปลา ๆ ของซูจื่อชิงอาจกล่าวได้ว่าพอ ๆ กันกับเผยเสวียน แต่ด้วยไฟโทสะเต็มอก จึงใจร้อนซัดอีกฝ่ายจนหมอบราบคาบทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไปกว่าเมี่ยชิงหว่านจะตั้งสติได้ ใบหน้าของเผยเสวียนก็บวมปูดเป็นหัวหมูแล้ว“จื่อชิง เจ้าไปอยู่ข้างนอกตั้งแต่เมื่อไหร่?”เมื่อครู่คำพูดเหล่านั้น เขาได้ยินมากน้อยแค่ไหนกันนะ?ใบหน้าของเมี่ยชิงหว่านเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอับอายเคียดแค้น แต่ซูจื่อชิงกลับเหลือเพียงความปวดร้าวเท่านั้น“ข้าได้ยินแล้ว ข้าได้ยินทั้งหมด ข้าได้ยินเขาข่มขู่เจ้า”เขาจับมือของเมี่ยชิงหว่านไว้“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?”เมี่ยชิงหว่านทั้งอับอายและเคียดแค้นเจียนตาย อยากจะโขกหัวให้ตายไปเสีย สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือเรื่องนี้จะมีคนรู้ ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่มีคนรู้จร
“พูดมา!”ซูจื่อชิงแทบคลั่งแล้ว“ข้าไม่พูดหรอก เก่งจริงเจ้าก็ฆ่าข้าเสียเลยสิ แต่ข้าต้องบอกเจ้าว่า หากเจ้าฆ่าข้าจริง ๆ ภาพวาดเหมือนของชิงหว่านก็จะกระจายไปทั่วถนนและตรอกซอกซอย”ซูจื่อชิงเหมือนถูกฟ้าผ่าแสกหน้า “ภาพวาดเหมือนอะไรกัน?”“ฮ่าฮ่า เจ้าว่าไงล่ะ”เผยเสวียนยิ้มกริ่มพลางชี้มือชี้ไม้ “ภาพนั้นข้าเป็นคนวาดเองกับมือ เจ้าไม่รู้หรอก ที่บั้นเอวของนางยังมีปานแดงเล็ก ๆ อยู่ด้วย”เหมือนเสียงระเบิดดังลั่นในใจซูจื่อชิง เขาเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเผยเสวียนจะชั่วร้ายได้ถึงเพียงนี้ทุกคำและทุกประโยค ราวกับมีมีดกรีดหัวใจของเขามิน่าเล่าเมี่ยชิงหว่านถึงผอมซูบไปมากขนาดนั้น ไม่แปลกใจเลยที่นางร้องไห้อยู่เรื่อย ๆ นางโดนข่มเหงรังแกจนเป็นเช่นนี้นี่เอง!เจตนาสังหารอันท่วมท้นเอ่อล้นขึ้นในดวงตาของซูจื่อชิง แทบอยากจะชำแหละคนที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นชิ้น ๆ เขาพยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่ จึงไม่ได้สังหารเผยเสวียนโดยตรงทันที“ภาพวาดพวกนั้น เจ้าเอาไปไว้ที่ไหน?”“ฮ่าฮ่า เจ้าอยากรู้ ยังไงข้าก็ไม่บอกเจ้าหรอก รอจนถึงวันแต่งงานของข้ากับชิงหว่าน บางทีข้าอาจจะยกภาพหนึ่งให้เจ้า ให้เจ้าเก็บไว
เมี่ยชิงหว่านก้มหน้าลง ไม่กล้ามองเขา“ข้า ข้าสกปรกมาก...ข้า...”“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ”ซูจื่อชิงรู้สึกสงสารเป็นที่สุด กอดนางไว้ในอก “เจ้าฟังข้านะชิงหว่าน เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าไม่เคยทำอะไรผิด เจ้าเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์และสะอาดที่สุดในโลกนี้ ทั้งในอดีตและในอนาคตถ้าเจ้าจะโทษก็โทษข้า อย่าตำหนิตัวเอง ข้าเองที่ไม่ได้ปกป้องเจ้าให้ดี ข้าเองที่พูดคำประชดประชันพวกนั้น ทำร้ายจิตใจของเจ้า ชิงหว่าน เจ้าอย่าเศร้าไปเลย ข้าจะอยู่กับเจ้าเสมอ จากนี้ไปข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าอีกข้าเองก็จะไม่มีทางรังแกเจ้าหรือทำให้เจ้าร้องไห้เหมือนเมื่อก่อนตกลงไหม”ขนตาของเมี่ยชิงหว่านสั่นระริก น้ำตาไหลพรากดั่งสายฝนซูจื่อชิงรู้ว่านางไม่อยากพูดอะไร จึงไม่ฝืนใจนาง ปล่อยให้นางซบอยู่ในอ้อมอกให้เขาพูดก็พอแล้ว เขามาเพื่อเยียวยาหัวใจที่แตกสลายของนาง“เจ้ารู้ไหมชิงหว่าน เมื่อคืนตอนที่ข้าฟุบอยู่หน้าเตียงของเจ้า จู่ ๆ ก็ฝันไป”ซูจื่อชิงกอดนางไว้ ไม่เคยรู้สึกจิตใจสงบเหมือนในช่วงเวลานี้เลย“ข้าฝันว่าพี่ใหญ่ตาย ข้าทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อล้างแค้นให้เขา เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน...ในความฝันข้าเกือบจะไม่รอดแล
“พรุ่งนี้ เราจะออกเดินทางช้าหน่อย”ใบหน้าของซูจิ่งสิงเต็มไปด้วยความสงสาร พลางลูบหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบาภรรยาของเขามักจะเป็นห่วงเรื่องของคนอื่นอยู่เสมอ เมื่อไหร่จะเป็นห่วงสุขภาพของตัวเองบ้างล่ะ?“กลับถึงจวนแล้ว เจ้าก็นอนให้เต็มอิ่ม หากมีเรื่องอะไร ก็ปล่อยให้คนเป็นสามีจัดการ”หลังจากคลอดจ้านจ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่นางอยู่นอกจวนทั้งคืน พอพูดถึงเรื่องกลับจวน ก็อดคิดถึงลูกชายขึ้นมาไม่ได้“ไม่รู้ว่าคืนนี้ลูกชายไม่ได้เจอเรา จะร้องไห้งอแงไหมนะ”ซูจิ่งสิงตวัดปลายจมูกของนาง “พรุ่งนี้กลับไปก็รู้แล้ว ร้องก็ร้องไปสิ ร้องไห้ครั้งเดียวไม่เป็นไรหรอก”“ท่านนี่เป็นพ่อแท้ ๆ ตัวจริง”กู้หว่านเยว่หัวเราะคิกคัก อดซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มไม่ได้เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นหอมอันเย็นเยียบจากกายเขา ความง่วงก็เข้าครอบงำ หลังจากนั้นไม่นานก็ผล็อยหลับสบายไปซูจิ่งสิงโอบกอดนางไว้ด้วยสองมือ ก่อนจูบหน้าผากอันเกลี้ยงเกลาของนางอย่างอ่อนโยนทั้งสองหลับไปพร้อมกันเดิมทีคิดว่าเรื่องราวทุกอย่างสิ้นสุดความวุ่นวายลงแล้ว คืนนี้จะสามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุขแต่ปรากฏว่าราว ๆ ยามสี่ จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากข
เดิมทีก็เศร้าเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เขาคิดไม่ตกจึงถือคบไฟมาที่ยุ้งฉาง“ชีวิตเอ้อร์โก่วคือชีวิต แล้วชีวิตลูกชายทั้งสองของข้าไม่ใช่ชีวิตหรือ?”อารมณ์ของลุงเนี่ยค่อนข้างคุกรุ่น ทำให้ทุกคนรู้สึกเกรงกลัวไปชั่วขณะหนึ่งกู้หว่านเยว่รีบเอ่ยขึ้น “หากท่านเผายุ้งฉางจริง ๆ ท่านจะไม่สามารถทวงคืนความยุติธรรมให้กับเสือใหญ่และเสือน้อยได้อีก”ลุงเนี่ยชะงักงันไปในทันทีประโยคนี้ของกู้หว่านเยว่ พูดกระทบส่วนลึกในจิตใจของเขาที่เขาก่อเหตุนี้ขึ้นมา ต้องการเผายุ้งฉางเพื่อระบายความโกรธจริงหรือ?ไม่ใช่ เขาแค่ต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้กับลูกชายเท่านั้น“ท่านอ๋อง ชายาท่านอ๋อง”ลุงเนี่ยน้ำตาอาบแก้ม“เสือใหญ่และเสือน้อย เมียของข้าแลกมาด้วยชีวิตเพื่อคลอดพวกเขา เมียของข้าต้องตายระหว่างคลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้ากลัวการแต่งงานใหม่กับคนอื่น แล้วคนผู้นั้นจะทำไม่ดีกับลูกทั้งสองในอนาคตข้าเป็นทั้งพ่อและแม่ เลี้ยงดูพวกเขาจนเติบใหญ่ เพื่อวันหนึ่งในอนาคต เมื่อข้าลงไปพบเมียของข้าในยมโลก จะได้บอกนางว่า: เจ้าเห็นไหมว่าข้าดูแลลูกสองคนดีแค่ไหน?”ลุงเนี่ยสะอึกสะอื้นขึ้นมาโดยพลัน ร้องไห้โฮอย่างเจ็บปวด “ลูกชาย
“วีรบุรุษให้กำเนิดคนขี้ขลาดไร้ความสามารถ เมื่อทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ”กู้หว่านเยว่ไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง จะถูกหรือผิด ค่อยไปว่ากันในศาล“ไปพักผ่อนเถอะ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า”เมื่อเห็นเอ้อร์โก่วเอะอะโวยวาย ซูจิ่งสิงก็ขมวดคิ้วบาง ๆ ไม่อยากให้คนแบบนี้มาแปดเปื้อนสายตาของภรรยา“ยังเหลืออีกหนึ่งถึงสองชั่วยามก่อนรุ่งสาง”“ก็ดีเหมือนกัน”พรุ่งนี้กู้หว่านเยว่ยังมีงานอื่นต้องทำอีก จึงไม่ฝืนอยู่ที่นี่ต่อ รีบกลับไปพักผ่อนลุงเนี่ยคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณท่านอ๋อง ขอบคุณชายาท่านอ๋อง ที่ทวงคืนความยุติธรรมให้กับลูกชายทั้งสองของข้า”ซูจิ่งสิงเอ่ยเสียงขรึม “วันนี้เจ้าต้องการจุดไฟเผายุ้งฉาง ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายด้วย เจ้าจะยอมรับหรือไม่?”ลุงเนี่ยคุกเข่าไม่ยอมลุก “เรื่องนี้ข้าน้อยทำผิดไปแล้ว ข้าน้อยยินดีรับโทษทุกอย่าง ขอเพียงลูกชายทั้งสองไม่ตายเปล่า”“อืม”ซูจิ่งสิงโบกมือให้คนมาช่วยจับเขาและเอ้อร์โก่วขึ้นมา กุมตัวไปส่งทางการในวันพรุ่งนี้“หัวหน้าหมู่บ้าน พรุ่งนี้เจ้าพาต้าหนิวไปส่งทางการพร้อมกันเลย”หัวหน้าหมู่บ้านสั่นสะท้านจากสายตาเย็นยะเยือกของซูจิ่งสิง “ขอรับ”เขากลัวว
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้