กู้หว่านเยว่มองตามสายตานางไป โจวเซ่อและนานนานเข้ากันได้ดีจริงๆ“พี่หญิงทำเช่นนี้ ภายภาคหน้าจะไม่เสียใจหรือ หากภายภาคหน้าได้พบคนที่ชอบจะทำเยี่ยงไร?”กู้หว่านเยว่มักคิดว่าทำเช่นนี้ไม่ดีนัก“ข้าอายุขนาดนี้แล้ว ลูกก็คลอดแล้ว ยังจะสามารถมีอะไรได้อีก? มีคนที่ชอบ หาคนที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ได้ก็พอ ส่วนความคิดอย่างอื่นก็ไม่คิดแล้ว”ซ่งเสวี่ยถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่อยากให้พ่อสามีและแม่สามีกังวล ล้วนอายุมากแล้ว ระยะก่อนใส่ใจเรื่องของข้าอยู่ตลอด ข้าเองก็พูดเอาชนะพวกเขาไม่ได้”กู้หว่านเยว่ทำได้เพียงถอนหายใจ “โจวเหล่าและโจวฮูหยินดีต่อท่านด้วยใจจริง”“แน่นอนพวกเขาเห็นข้าเป็นลูกสาวแท้ๆ ชนิดที่ว่าก่อนหน้านี้ยังอยากให้ข้าเปลี่ยนเป็นสกุลโจว เข้าลำดับวงศ์ตระกูล เป็นลูกสาวของพวกเขาโดยตรงเพียงแต่ถูกข้าปฏิเสธไปแล้ว ข้าอยากอยู่เฝ้าสามีผู้ล่วงลับ อย่างไรเสียข้าและเขาก็เป็นคู่รักในวัยเยาว์ที่รักกันมาก...”ซ่งเสวี่ยพูดไปน้ำตาก็เอ่อคลอ หลายปีมานี้ไม่มีเรื่องใดสามารถสะเทือนอารมณ์ของนางได้ เว้นเสียแต่เอ่ยถึงสามีผู้ล่วงลับ อารมณ์ของนางถึงเปลี่ยนไปนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ยามคุณชายโจวยังอยู่ เดิมทีพวกเขาสอ
ในสายตาของผู้เฒ่ามีเพียงเสี่ยวจ้านจ้าน กู้หว่านเยว่กลับดีใจมาก มีคนเอ็นดูลูกเพิ่มขึ้นอีกคนนับเป็นเรื่องดียิ่งไปกว่านั้นลูกศิษย์ของโจวเหล่ากระจัดกระจายอยู่ทุกหนแห่ง คนมากมายขอร้องให้เขาสอนแต่กลับไม่สมปรารถนา“นี่คือวาสนาของจ้านจ้านเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่อุ้มจ้านจ้านไว้แล้วโค้งคำนับโจวเหล่า นับว่ายอมรับอาจารย์ท่านนี้แล้ว“ดี ดี ข้าจะนำความรู้ที่มีทั้งหมด ถ่ายทอดออกไป”โจวเหล่าซับน้ำตา เมื่อแรกเขาเองก็พูดกับอดีตองค์รัชทายาทเช่นนี้ หวังให้อดีตองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ สามารถนำพาต้าฉีสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอดีตองค์รัชทายาทจะด่วนจากไป สิ้นพระชนม์อย่างคลุมเครือเขามองจ้านจ้าน น้ำตาเอ่อคลอหวังว่าเด็กคนนี้ จะสามารถทำให้ความหวังของปู่เขาในปีนั้นสำเร็จ“อา...”จ้านจ้านยกมือขึ้น เช็ดน้ำตาให้โจวเหล่าเบาๆเหตุใดผู้เฒ่าร้องไห้แล้วเล่า?โจวเหล่าเหน็ดเหนื่อย เดินทางมาไกล กู้หว่านเยว่สั่งให้ห้องครัวเล็กเตรียมงานเลี้ยงไว้อย่างดีตั้งนานแล้ว จะได้เลี้ยงต้อนรับพวกเขาอย่างเต็มที่ก่อนรับประทานอาหาร คนอีกสองกลุ่มก็เดินทางมา“เจ้าเด็กตัวเหม็น มีของกินกลับไม่เรียกผู้เฒ่าข้า ไ
เฉินจื่อวั่งยิ้มขมปร่า “เรื่องนี้ ยากจะพูดให้จบได้ภายในคำเดียว”เขาย่อมไม่สามารถพูดว่า เพราะหน้าละอ่อนนี้ของเขา ไม่เพียงทำให้เสียตำแหน่งทั่นฮวาหลาง ยังถูกจับขังคุก เกือบถูกบั่นคอหรอกกระมัง?“บัดนี้ศิษย์เป็นผู้อำนวยการสำนักศึกษาของสำนักศึกษาถงซันขอรับ”เฉินจื่อวั่งพูดยิ้มๆ “ภายภาคหน้าสามารถพบท่านอาจารย์ได้บ่อยๆ แล้ว”“อืม” โจวเหล่าลูบเคราเงียบๆ ภายภาคหน้ามีคนลำบากลงแรงโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้วคล้ายเรื่องคัดลอกหนังสือทำนองนี้ ก็สมควรให้คนหนุ่มมาทำ“ข้าว่าพวกเจ้ายืนอยู่ทำไม? รีบกินข้าวเถอะ ข้าวใกล้จะเย็นแล้ว พวกเจ้าไม่รู้สึกอยากอาหารรึ?”ปรมาจารย์แพทย์นั่งลงอย่างรอแทบไม่ไหว ทำเสียจนโจวเหล่าถลึงตาใส่เขาอีกหนึ่งปราดทุกคนต่างพากันนั่งที่ กู้หว่านเยว่ให้ห้องครัวเล็กเตรียมอาหารเลิศรส เพียงครู่เดียว ระหว่างงานเลี้ยงก็ผลัดกันยกจอกสุรา บรรยากาศครึกครื้นกู้หว่านเยว่ยังตกตะลึงกับหนี้ก้อนใหญ่ที่ปรมาจารย์แพทย์ติดค้างไว้ แปลกใจมาก “ผู้อาวุโส ตกลงท่านทำอะไร เหตุใดติดเงินมากเพียงนั้นเล่า?”“พวกเราสองคนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก เขาติดหนี้ข้า ติดหนี้ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่รู้ตัวก็สั่งส
“โจวเหล่าเห็นซ่งเซวี่ยเป็นลูกสาวแท้ๆ เคยตรวจสอบโจวเซ่อมาก่อน ครอบครัวไร้มลทิน”ซูจิ่งสิงมิได้มีความประทับใจต่อโจวเซ่อ แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายค่อนข้างซื่อสัตย์ ตอนที่อยู่ที่งานเลี้ยงเมื่อครู่ก็ไม่ได้ทำตัววุ่นวายอะไร“อาจเป็นสัมผัสที่หกของผู้หญิง อย่างไรเสียข้าก็คิดว่าโจวเซ่อไม่ใช่คนดีอะไร”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก แต่หวังว่าสัมผัสที่หกของนางจะผิดพลาดไปอย่างไรเสียนางก็ยังหวังให้พี่หญิงซ่งมีความสุข“ข้าส่งคนไปจับตาดูมากหน่อย”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดแล้วจึงพูด เขาเองก็ไม่หวังให้สกุลโจวชักนำภัยเข้าบ้านตอนนี้เองอวิ๋นมู่เดินเข้ามาใบหน้าบึ้งตึง สีหน้าอ่อนล้าเล็กน้อย “หว่านเยว่ เกิดเรื่องแล้ว”“เกิดอะไรขึ้น?”หลายวันนี้กู้หว่านเยว่ให้อวิ๋นมู่ช่วยไปซื้อของใช้จำเป็นอย่างเช่นหนังสือ กระดาษให้แก่สำนักศึกษาถงซัน กลับกันไม่ได้พบหน้าเขามาระยะหนึ่งแล้ว“ราชสำนัก ไม่อนุญาตสำนักศึกษาทุกแห่งให้พวกเรายืมหนังสือมาคัดลอก อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้ทางการขายกระดาษให้พวกเรา”เปิดสำนักศึกษาจะขาดกระดาษหมึกพู่กันแท่นฝนหมึกไปไม่ได้ รวมถึงหนังสือด้วยหากไม่มีสิ่งเหล่านี้ สำนักศึกษาจะเปิดได้อย่างไร ศิษย์ไม่มีกระดาษเขียนแม้แ
กู้หว่านเยว่ยิ้มน้อยๆ“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลวิธีทำกระดาษถูกราชสำนักผูกขาด ในมือข้านี้มีวิธีทำกระดาษ”“ท่านมีวิธีทำกระดาษ?”ครู่ต่อมาอวิ๋นมู่ตกตะลึงเหม่อไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าภายในมือกู้หว่านเยว่ถึงขั้นมีวิธีทำกระดาษ ตกลงนี่คือสตรีเช่นไรกันแน่ ถึงขั้นมีของล้ำค่ามหัศจรรย์มากมายเพียงนี้ได้?เจ้าดูนางไม่เพียงรู้วิชาแพทย์ ยังสร้างดินปืน ถังดินปืน ไปจนถึงสร้างกระจก สร้างถนนคอนกรีต บัดนี้ถึงขั้นรู้วิธีทำกระดาษ“ข้าก็แค่มีสูตรอยู่ในมือเท่านั้น ส่วนทำออกมาเยี่ยงไร ยังต้องให้คนทดลองซ้ำไปมา”มิใช่พูดว่าเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำกระดาษสำเร็จ จะต้องให้คนทดลองซ้ำไปมาอวิ๋นมู่รีบพูด “เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ”เขาซื้อกระดาษกลับมาไม่ได้ อยากทำความดีชดเชยความผิด“ข้าจะพาคนไม่สร้างโรงงานผลิตกระดาษแห่งหนึ่งเดี๋ยวนี้เลย พาคนงานไปทำกระดาษ”“ได้”กู้หว่านเยว่คิ้วกระตุกเบาๆ “เจ้าไปห้องหนังสือรับวิธีทำกระดาษกับข้า”นางยังต้องเข้ามิติไปซื้อจากจากแพลตฟอร์มการซื้อขาย ไปห้องหนังสือเพียงแค่ตบตาเท่านั้นวิธีทำกระดาษของเล่นนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่สิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ของบ้านเมืองข้า นางได้ยินจนคุ้นหูแ
“หลังเสวียนเอ๋อร์จากไปพร้อมพวกเจ้า เขาก็หายตัวไปแล้ว ไม่กลับมาอีก ตกลงเจ้าพาเขาไปอยู่ที่ใด?”เผยฮูหยินถลึงตาใส่เมี่ยชิงหว่านอย่างโกรธแค้น มือออกแรงบีบจนเกิดรอยมือสีแดง“เขาตายแล้ว”เมี่ยชิงหว่านผลักเผยฮูหยินออก ลูบข้อมือของตนอย่างรังเกียจ“เจ้าพูดอะไร? ลูกชายข้าชอบเจ้าถึงเพียงนั้น เจ้าถึงขั้นฆ่าเขา”เผยฮูหยินเห็นเผยเสวียนหายตัวไปหลายวัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดเรื่องในจวนอย่างต่อเนื่อง เตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้วครั้นได้ยินจากปากเมี่ยชิงหว่าน ยังรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริด“เขาเป็นคู่หมั้นของเจ้า เหตุใดเจ้าใจร้ายถึงเพียงนี้ เจ้าคืนลูกชายข้ามานะ”เผยฮูหยินโมโหถลันเข้าหาเมี่ยชิงหว่าน ถูกซูจื่อชิงใช้ขาเตะออกไป“ลูกชายท่านทำเรื่องอะไรไว้ ท่านรู้ดีอยู่แก่ใจมิใช่หรือ?”ดวงตาซูจื่อชิงทอประกายเย็นชา ทำให้เผยฮูหยินร้อนตัว “ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ไม่ควรฆ่าเขา”เมี่ยชิงหว่านถลึงตาใส่เผยฮูหยิน หากพูดว่าคนแรกที่นางเกลียดคือเผยเสวียน คนที่สองที่นางเกลียดก็คือเผยฮูหยิน“เผยเสวียนบอกข้า ความคิดเรื่องภาพม้วน เป็นฝีมือท่าน”สายตานางทอประกายเย็นชา “ท่านพูด ผู้หญิงรู้จักผู้หญิงดีที่สุดยังต้องกลัวอะไ
ทั้งสองคนเหินบินเข้าจวนเผย ไม่ต้องพูดเชียว สกุลเผยสมเป็นตระกูลชนชั้นสูงนับร้อยปีของเจดีย์หนิงกู่ ตกแต่งได้อย่างหรูหรางดงามกู้หว่านเยว่เดินเข้าไป เก็บเครื่องเรือนไม้หวงฮวา ฉากกั้น ภาพอักษรงดงามบางส่วนตามใจ ลงท้ายถึงขั้นพบอย่างแปลกใจ ภายในห้องหนังสือของสกุลเผยมีหนังสือไม่น้อย มากเสียจนเต็มผนังห้องหนึ่งด้าน“สกุลเผยสมเป็นตระกูลเก่าแก่นับร้อยปี มีมรดกทางปัญญาติดตัวอยู่บ้าง มีหนังสือเหล่านี้กลับไม่ใช่เรื่องแปลก”ซูจิ่งสิงพูดยิ้มๆ“สำนักศึกษาถงซันของเจ้าต้องการหนังสือมิใช่หรือ เก็บหนังสือเหล่านี้ไปทั้งหมดเลยเถอะ”“ขอบคุณท่านพี่”กู้หว่านเยว่ต้องการหนังสือเหล่านี้จริง นี่ก็ไม่เกรงใจเขาแล้ว โบกมือเก็บหนังสือทั้งหมดเข้ามิติทั้งคู่ค้นหาทั้งภายในภายนอกห้องหนังสือหนึ่งรอบน่าเสียดายเหลือเกิน หาจดหมายลับหรือเบาะแสอะไรไม่พบ“แม้แต่เผยเสวียนเองก็ไม่รู้ คนบงการอยู่เบื้องหลังเขาเป็นใคร รู้เพียงเป็นคนในเชื้อพระวงศ์ ต้องการหาตัวออกมา น่ากลัวว่ายากเสียยิ่งกว่ายาก”ความหวังสุดท้าย ก็อยู่บนตัวคนสกุลเผยเหล่านั้นทั้งสองคนย้อนกลับมาที่เรือนส่วนหน้าอีกครั้งขณะเดียวกัน ฉู่เฟิงเพิ่งสอบสวนมาหนึ่ง
ไม่ตัดรากถอนโคน ก็อาจเกิดหายนะอีกครั้ง“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ท่านแม่ข้าเองก็ด้วย”เผยเสียรีบพูดต่อ “หลายปีมานี้พวกเราสองคนอยู่อย่างลำบากที่สกุลเผย ท่านแม่ข้าถูกเดรัจฉานคนนั้นทำร้ายพรากความบริสุทธิ์ไป ก็ไม่มีใครสนใจความเป็นตายของนางอีก ชนิดที่ว่าเผยฮูหยินยังทิ้งท่านแม่ข้าไว้ภายในเรือน ไม่ใส่ใจไยดีท่านแม่ข้าคลอดข้าออกมาเพียงลำพัง อีกทั้งยังเลี้ยงข้าจนเติบโตอย่างยากลำบากเพียงคนเดียว หลายปีมานี้สกุลเผยไม่เคยปกป้องคุ้มครองพวกเรา คุณชายคุณหนูของสกุลเผยเหล่านั้นก็ด่าว่าทุบตีพวกเรา”เผยเสียยิ้มเย็น “พูดอย่างไม่เกรงใจหนึ่งประโยค ข้าไม่แก้แค้นพวกเขาก็นับว่าดีแล้ว ไฉนเลยจะช่วยล้างแค้นแทนพวกเขา”แววตานางเฉยเมย ภายในก้นบึ้งของสายตายังมีความแค้นอี๋เหนียงทางด้านหลังหดเกร็งตัว รูปร่างผอมบาง สติก็ไม่ค่อยดีกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หากเจ้าไม่ได้ทำเรื่องชั่วกับสกุลเผย ข้าสามารถรับปากเงื่อนไขของเจ้าได้”เผยเสียรีบพูด “ข้าสาบาน ข้าและท่านแม่สำรวมตนมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำเรื่องชั่ว”“ดี เจ้าพูดเถอะ”กู้หว่านเยว่มองคนเหล่านี้แวบหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงคนปากมาก เรียกเผยเสียไปพูดที่ฝั่ง
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป