LOGINจากคุณหนูลูกนายตำรวจใหญ่ตายแล้วทะลุมิติมาเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวบ้านนอกที่ดันมีสามีร่ำรวยก็คิดว่าจะใช้ชีวิตฉ่ำๆ แต่อุปสรรคใหญ่ดันเป็นพ่อสามีที่ชิงชังสะใภ้บ้านนอกแสนจนเสียได้ แต่ใครแคร์เธอมันตัวแม่!!
View Moreบทนำ
เปรี้ยง!
เฮือก!
เรือนกายอรชรของหญิงสาวคนหนึ่ง พลันสะดุ้งเฮือก ก่อนที่เธอจะผวาดีดตัวขึ้นจากเตียงนอนขนาดเล็ก ในกลางดึกด้วยสภาพเหงื่อกาฬท่วมกายเต็มไปหมด เธอคนนี้หอบหายใจจนร่างกายไหวสะท้านต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเธอคนนี้จึงควบคุมสติของตนเองได้ แล้วเลยยื่นมือออกไปเปิดโคมไฟข้างเตียงขณะที่ร่างกายของเธอยังคงมีอาการเหนื่อยหอบอยู่เล็กน้อยให้เห็น
แป๊ะ!
เหมียว!
พอแสงไฟสว่างขึ้นเท่านั้นเสียงเกรี้ยวกราดของแมวเหมียวอายุราว6เดือนสีส้มแซมขาวเล็กน้อยก็ดังขึ้นตามมาทันที หญิงสาวคนดังกล่าวจึงเหลียวไปมองที่ฝั่งซ้ายมือของตนเองก่อนจะคว่ำปากของตนเองลงพร้อมกับมองบนเล็กน้อยไปด้วย ก็ดูเอาเถอะไม่รู้ว่าห้องนี้และเตียงนี้เป็นของเธอหรือของเจ้าเหมียวกันแน่เพราะแค่เธอเปิดไฟหัวเตียงเจ้าแมวสีส้มตัวกลมนั้นกลับดูโกรธที่ถูกรบกวนการนอนเสียอย่างนั้น
"ขอโทษค่ะเจ้านาย! ฉันผิดเอง ปิดแล้ว ปิดไฟเดี๋ยวนี้แหละให้ตายสิ!…ไม่รู้ว่านี่ห้องฉันหรือห้องของนายกันแน่นับวันฉันยิ่งเหมือนคนอาศัยขึ้นมาทุกวันแล้วสิ"
'เหรินซิน'คือนามของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของเรือนกายขนาดประหยัด ด้วยความสูงแบบพอเพียง156ซม.ไม่ขาดและไม่เกิน บ่นไปพลางรีบเอื้อมมือไปปิดโคมไฟข้างเตียงไปพลาง จากนั้นเธอจึงหย่อนเท้าเรียวลงไปบนพื้นที่เย็นเฉียบจากอากาศภายนอกที่สายฝนกำลังตกกระหน่ำพร้อมกับเสียงลม และเสียงของฟ้าคะนองดังกึกก้องอยู่เป็นระยะ จนหญิงสาวต้องรีบชักเท้ากลับอย่างว่องไว หนึ่งเพราะตกใจกับเสียงด้านนอกกับสองนั้นคือพื้นเย็นจัด
"มาอยู่ที่นี่หกเดือนแล้วยังไม่ชินสักทีสิน่ากับอากาศแบบนี้เฮ้อ!"
เรียวปากเล็กขยับพึมพำขณะที่ซุกตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้งแต่เธอไม่ได้นอนลงเช่นก่อนหน้าเพราะนอนไม่หลับแล้วแต่ก็ไม่ได้สะดุ้งผวาเนื่องจากด้านนอกฟ้าไม่ค่อยคะนองทั้งร้องและผ่าลงมาแล้ว จะมีก็แค่เม็ดฝนเท่านั้นที่ยังตกไม่ขาดสาย ร่างเล็กไซส์ประหยัดขยับขึ้นไปพิงหัวเตียงแล้วกอดตนเองทอดสายตามองฝ่าความมืดในยามค่ำคืนออกไปยังนอกหน้าต่างแต่ก็ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนอกจากความมืดนานครั้งจะมีแสงสว่างวาบเป็นสายจากฟ้าคะนองเท่านั้นซึ่งพอเห็นดังนั้นหญิงสาวก็รีบยกมือขึ้นปิดหูอย่างว่องไว
นานเข้าหญิงสาวจึงขยับกายลงมานอนขดตัวแล้วเอาหูนั้นขยับเข้าไปใกล้เจ้าแมวส้มจนได้ยินเสียงกรนของเจ้านายอวบอ้วนเกินวัยหวังจะให้มันกลบเสียงสายฝนด้านนอกให้ได้มากที่สุดเพราะอาการหวาดกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่านี้เธอเป็นมายาวนานถึงหกเดือนแล้ว นอนไปนอนมาหญิงสาวก็นึกย้อนไปถึงต้นสายปลายเหตุที่ตนต้องมาป่วยด้วยอาการเช่นนี้…
เมื่อราวหกเดือนก่อนเธอนั้นยังคงเป็นนางสาว'มนต์จันทรา รุ่งเรืองลักษณ์'หญิงสาววัย21ปีที่เดินทางไปพักผ่อนช่วงวันหยุดปีใหม่กับครอบครัวซึ่งมีด้วยกัน5ชีวิต คือตนเอง พ่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ ที่จังหวัดกาญจนบุรีด้วยกันเป็นเวลา5คืน6วันแต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อขากลับนั้นครอบครัวของเธอจะถูกมือปืนขับรถประกบยิงจนรถครอบครัวของพวกเธอตกลงไปในเขาสูงชัน ภาพในวันนั้นยังแจ่มชัดทุกครั้งที่หญิงสาวหลับตาลง
เสียงหวีดร้องของ มารดา และพี่สะใภ้ด้วยความตื่นตกใจยังดังก้องอยู่ภายในหูทั้งสองข้าง พร้อมกับเสียงปืนที่ดังรัวเป็นชุดนั้นล้วนกระชากขวัญของเธอให้ตื่นเตลิด ภาพพี่ชายถูกคมกระสุนเจาะที่ขมับแล้วฟุบหน้าลงไปกับพวงมาลัยรถยังตราตรึงไม่จางหาย ตลอดมาหญิงสาวย่อมรู้ว่าตลอดชีวิตราชการของบิดานั้นขัดแข้งขัดขาคนใหญ่คนโตมาไม่น้อยเนื่องจากเป็นตำรวจตงฉินไม่รับสินบนใดๆ
แต่ไม่เคยคิดว่าครอบครัวของตนเองจะมีจุดจบเช่นนั้น เธออาจเป็นคนสุดท้ายที่สิ้นใจดังนั้นภาพจดจำจึงมากล้นทุกบททุกตอนถึงรถจะตกเขาแต่มือปืนกลุ่มนั้นกลับไม่ย่อท้อติดตามลงมายิงซ้ำทุกคนเรียงตัว บิดา มารดา พี่สะใภ้ แม้แต่พี่ชายที่น่าจะสิ้นใจตั้งแต่กระสุนชุดแรกไม่มีละเว้นเลยสักคน ดังนั้นทุกครั้งที่ฝนฟ้าคะนองเธอจึงยากจะหลับตาลงได้ ต่อให้หลับไปแล้วก็สะดุ้งตื่น อาการนี้หากเป็นยุคสมัยปี2024ที่เธอตายจากมาคงเรียกว่าอาการ แพนิค กระมังเพราะหวาดกลัวเสียงดังที่คล้ายเสียงปืนในวันนั้นไม่เคยจางหาย รสชาติของความตายนั้นไม่ดีนักหรอกกลิ่นคาวเลือดยังลอยคละคลุ้งทุกครั้งที่คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นคราใด
แต่ก็ไม่อาจทราบได้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้งกลับมาโผล่ในร่างของหญิงสาวนามว่า'เหรินซิน'ที่บัดนี้กำพร้าอยู่ตัวคนเดียวมาราว8เดือน ในโลกคู่ขนานที่คล้ายโลกเดิมที่ตายจากมาอยู่มาก เพียงแต่ที่แห่งนี้นั้นเหมือนจะเป็นปี1987ไม่ใช่ปี2024กับประเทศที่เธอมาโผล่นี้ก็คล้ายประเทศจีนไม่ใช่ประเทศไทยแต่อย่างใด น่าแปลกแต่ก็เป็นไปแล้วเธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเหรินซิน ผู้หญิงกำพร้าที่อายุ21ปีและเกิดวันเดียวเดือนเดียวกันกับมนต์จันทราไม่มีผิด!
ฝนตกหนักอยู่อีกราว1ชั่วโมงก็หยุด ไม่นานท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างมองออกไปเห็นแสงอาทิตย์สีทองกระจ่างจับขอบฟ้า บอกว่าวันใหม่ได้มาเยือนเมืองหางโจวแห่งนี้อีกครั้งหนึ่งแล้ว เสียงไก่ขัน และเสียงสุนัขของเพื่อนบ้านดังแว่วมาให้ได้ยินช่างเป็นบรรยากาศที่ดีไม่น้อย ร่างเล็กจึงบิดกายไล่ความปวดเมื่อยลุกขึ้นจากเตียงไปทำธุระส่วนตัว อดีตก็คืออดีต คิดถึงได้ แต่เธอเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าห้ามจมดิ่งอยู่กับมันเด็ดขาด เพราะขณะนี้เธอคือเหรินซินหญิงสาวชาวเยี่ยนจิ้งที่เป็นโลกคู่ขนานที่คล้ายประเทศจีนถึง90% มีชีวิตใหม่แล้วก็ต้องอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น!
"นอกจากใช้สายตากดดันของอาหารและสวบเก่งไม่พักแล้วนายยังทำอะไรเป็นอีกบ้างหรือฟาโรห์?"
อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนให้ได้บริหารปาก ไม่ต้องอมลิ้นตนเองจนน้ำลายบูดไปทั้งวันก็แล้วกัน มาอยู่ในร่างของเหรินซินที่มีบ้านตั้งอยู่ที่เมืองหางโจว ซึ่งบ้านของเธอขณะนี้เป็นบ้านหลังเล็กพร้อมกับที่ดินเอาไว้ปลูกผักอยู่ไม่มากแต่เธอก็ชอบมันจริงๆ เพราะทั้งบ้านและที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ขาดของเธอคนเดียว ก่อนจะย้อนคิดไปถึงความทรงจำที่ร่างนี้ทิ้งเอาไว้ให้ เมื่อราว8เดือนก่อนเหรินซินที่กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้ายนั้นยังมีคุณย่าญาติสนิทเพียงคนเดียวที่เมืองหางโจวแห่งนี้ค่อยอยู่เป็นเพื่อนไม่เดียวดายนักหลังจากพี่ชายตายตามพ่อกับแม่ไปเมื่อ3ปีก่อน แต่เพราะอายุมากสุดท้ายจึงจากไปด้วยโรคชราในวัย85ปี
นับตั้งแต่นั้นมาเหรินซินนักศึกษาปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยชื่อดังของหางโจวก็เหลือตัวคนเดียวบนโลกนี้อย่างแท้จริง โลกที่คล้ายกับโลกเก่าที่มนต์จันทราตายจากมามากอาจเกินเจ็ดในสิบส่วน แต่เพราะเหตุใดก็สุดจะรู้โลกใบนี้กับโลกเก่าจึงไม่ใช่สถานที่เดียวกันถึงจะมีหลายสิ่งคล้ายกันมากแต่กลับไม่ใช่กลายเป็นโลกคู่ขนาดเสียมากกว่าจนเธอแปลกใจจริงๆ
แต่ก็เพราะหางโจวนี้แท้จริงไม่ใช่บ้านเกิดของเหรินซินผู้เป็นเจ้าของร่างนี้ หากแต่บ้านเกิดของเหรินซินกับคนสกุลเหรินนั้นอาศัยอยู่เมืองชิงเฉิงที่ชื่อก็เหมือนเมืองหลวงของประเทศจีนในโลกใบเก่าที่'มนต์จันทรา'ตายจากมาเหลือเกินทว่าก็ไม่ใช่อยู่ดีแต่เพราะพี่ชายของเหรินซินที่รับราชการทหารนั้นอยากมีบ้านและที่ดินเป็นของตนเองและเบื่อหน่ายญาติที่ชอบเอารัดเอาเปรียบของบิดาพอเขามีเงินจึงได้อพยพทั้งเธอและคุณย่ามาอยู่หางโจวตั้งแต่เมื่อ5ปีก่อนแทน
ซึ่งขณะนั้นเหรินซินยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6พอดีแต่ก็ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใดที่ต้องย้ายมาเรียนต่อที่นี่ ทว่าช่างน่าเศร้าใจนักที่เมื่อราว3ปีก่อนพี่ชายของเหรินซินนามว่าเหรินเซียวก็ถึงแก่ความตายขณะไปปฏิบัติภารกิจหนึ่งที่เป็นความลับสุดยอดของทางการทิ้งเอาไว้เพียงเงินประกันชีวิตและเงินช่วยเหลือจากทางการเอาไว้ให้น้องสาวคนเดียวหนึ่งก้อนไม่มากมายแต่ก็พอให้เหรินซินเรียนต่อจนจบระดับมหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องดิ้นรน
เรียกว่าชะตาของเหรินซินนั้นอาภัพญาติพี่น้องอย่างแท้จริงคนที่ดีและจริงใจก็จากเธอไปหมดส่วนที่มีอยู่ปักกิ่งก็กระหายแต่ทรัพย์สินของเธอเท่านั้นคิดมาถึงตรงนี้เรียวปากจิ้มลิ้มก็กดรอยยิ้มเล็กน้อยคล้ายขบขันเมื่อความทรงจำพร้อมเอกสารของเหรินซินนั้นปรากฏว่าอีกฝ่ายแต่งงานอย่างถูกต้องกับผู้ชายคนหนึ่งมาได้3ปีแล้วเช่นกัน เสียพี่ชายแต่กลับได้สามีมาแทน1คน
…เช่นนี้ไม่เรียกว่าญาติแต่ก็นับได้ว่าเป็นคนในครอบครัวหรือเปล่านะ?…
ช่างน่าตลกสิ้นดีเพราะตลอดหกเดือนที่เธอมาอยู่ในร่างนี้ยังไม่เคยพบหน้าผู้ชายคนนั้นเลยสักครั้งนอกจากมีเงินจำนวนหนึ่งโอนเข้าบัญชีธนาคารของเหรินซินทุกเดือนเท่านั้นดีจริงมีสามีที่เลี้ยงดูภรรยาด้วยเงิน หากแต่ความทรงจำเดิมก็บอกแก่เธอว่าเหรินซินคนเก่าฝากความหวังเอาไว้กับชายหนุ่มผู้เป็นสามีคนนั้นมากพอดูต่างจากผู้ชายคนนั้นที่กลับไม่เคยโผล่หน้ามาพบเด็กสาวอีกเลยนับจากวันจดทะเบียนสมรสและยกน้ำชากับท่านย่าเมื่อสามปีก่อน
แต่ก็คงไม่แปลกอะไรเนื่องจากผู้ชายคนนั้นแต่งงานกับเหรินซินก็คงเพราะเหตุผลแค่เขาคิดจะตอบแทนบุญคุณที่พี่ชายของหญิงสาวนั้นเอาร่างของตนเองรับลูกปืนแทนอีกฝ่ายจนถึงแก่ความตายเท่านั้นหากแต่เหรินซินคนเก่าน่าจะไม่ได้คิดเช่นนั้น ผู้ชายคนนั้นชื่ออะไรนะ? อ้อ เหมือนจะแซ่จ้าว'จ้าวลู่เฉิน'สินะและน่าจะอายุเหมือนจะ29ปีนอกจากนั้นในความทรงจำของเหรินซินก็ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเขาอีกเลยถึงจะพอจดจำหน้าตาได้แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจ้าวลู่เฉินคนนั้นเขามีนิสัยใจคอแบบไหนและยิ่งไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ที่ไหนทำงานอะไร แต่เธอที่มาแทนที่เหรินซินคนเดิมเองก็ไม่คิดจะสนใจสามีตีทะเบียนคนนั้นอยู่แล้ว
ถ้วยกาแฟราคาปานกลางไม่หรูหราแต่น่ารักสำหรับเธอที่มีกาแฟร้อนบรรจุอยู่ภายในส่งกลิ่นหอมชื่นใจหายง่วง ถูกหญิงสาวยกขึ้นดื่มช้าๆ พร้อมกับสายตาทอดทองไปยังแปลงผักที่ตนเองเพาะปลูกมันขึ้นมากับมือมาตลอด2เดือนที่ว่างการกลับมาอยู่บ้านเฉยๆ ด้วยว่าถึงฐานะของเหรินซินถึงไม่ได้ยากจนแต่ก็ไม่นับว่าร่ำรวยมีเงินเก็บและเงินจากการเสียชีวิตของพี่ชายนั้นไม่ได้มากมายอะไรถึงจะมีเงินของสามีตามกฎหมายเช่นจ้าวลู่เฉินคนนั้นคอยส่งมาให้ทุกเดือนไม่ได้ขาดก็ตามเพราะชีวิตคนเรามันมีค่า ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร คนไหนยังจะอาหารแมว หากไม่มีเงินจะอยู่ได้อย่างไร
ไหนจะเพราะเหรินซินนั้นสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังของหางโจวด้วยค่าใช้จ่ายตลอด4ปีที่ผ่านมาย่อมหมดไปไม่น้อยเลยไม่เหลือเงินเอาไว้เก็บมากนักบวกกับช่วง2ปีหลังมานี้ร่างกายของคุณย่านั้นไม่แข็งแรงเจ็บป่วยจึงต้องใช้เงินไปไม่น้อย ดังนั้นพอเธอมาแทนที่เหรินซินคนเก่าจึงต้องใช้อย่างระมัดระวังยิ่งอนาคตไม่รู้ว่าสามีตามกฎหมายคนนั้นจะส่งเสียเลี้ยงดูเธอไปอีกนานเท่าไหร่เธอยิ่งต้องใช้เงินอย่างมีสติที่สุดก่อนที่ผลงานเขียนของตนเองจะขายได้ก่อนจะประสบความสำเร็จเธอคงต้องมีเงินเอาไว้สำรองอีกมาก
ถึงบัดนี้เธอในฐานะเหรินซินจะเรียนจบมาได้2เดือนเศษไม่ต้องมีรายจ่ายหนักทางการศึกษาเหมือนช่วงยังเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทว่าเธอก็ยังว่างงาน เพราะเหรินซินในอดีตนั้นเธอได้วางแผนชีวิตว่าหากตนเองเรียนจบแล้วจะย้ายไปทำงานกับสามีตามกฎหมายที่เมืองหนานจิ้งเลย เธอจึงไม่ได้คิดหาสมัครงานในหางโจวเอาไว้เลยสักที่ต่อให้อีกฝ่ายฝึกงานมาตั้งแต่ปี2 แล้วเมื่อพอเธอมาแทนที่เหรินซินคนเก่าเมื่อหกเดือนก่อนถึงไม่ได้คิดจะไปอยู่หนานจิ้งกับสามีตามทะเบียนสมรสตามความตั้งใจเดิมของร่างนี้แต่เธอก็มีความฝันเป็นของตนเองเช่นกันเลยไม่คิดจะหางานประจำทำเพราะเธอนั้นไม่ชอบการแข่งขันและเข้าสังคมปั้นหน้า
เธอมีความฝันอยากเป็นนักเขียนอาชีพมาตั้งแต่สมัยยังเป็นมนต์จันทรา ถึงแม้ว่าที่แห่งนี้จะล้าสมัยกว่าโลกที่เธอตายจากมาอยู่20ปีเต็มแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหากใจของคนเรานั้นมันรักในสายอาชีพนี้ ดังนั้นเธอมาอยู่ที่นี่หกเดือนหลังจากปรับตัวกับชีวิตใหม่และค้นพบว่าโลกนี้ต่างจากโลกใบเก่าและตนเองไม่สามารถกลับไปตามหาครอบครัวของตนเองที่อาจจะยังไม่ตายเนื่องจากเธอย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่เป็นเวลา20ปีได้แล้วหญิงสาวจึงเริ่มลงมือสานความฝันทันทีจนอาทิตย์ก่อนนิยายเรื่องแรกของเธอแต่งจบแล้ว และเพิ่งส่งไปให้สำนักพิมพ์พิจารณาเมื่อวานนี้นี่เองถึงจะย้อนมาในยุคอดีตแต่เธอจะไม่จมอยู่กับอดีตเธอต้องคิดก้าวไปข้างหน้าให้เร็วจะได้ไม่เสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ เช่นสมัยยังเป็นมนต์จันทราอีกเธออยากเป็นนักเขียนก็ต้องลงมือเขียนทันที
เหมียว…
เสียงของเจ้าแมวอ้วนนาม'ฟาโรห์'ที่เธอตั้งตามความชอบในพระเอกนิยายที่ตนเองเคยอ่านเธอพบมันเป็นลูกแมววัยราวเดือนเศษกำพร้าแม่ที่กำลังเปียกฝนระหว่างทางกลับบ้านเมื่อสามเดือนก่อนจึงเก็บมาเลี้ยงเอาไว้ตรงเข้ามาพันแข้งพันขาของเธออย่างตั้งใจอ้อนขออาหารหลังจากเธอปล่อยให้มันนอนสบายอยู่บนเตียงต่อเมื่อครู่ใหญ่ เหรินซินก้มลงมองมันก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการเทอาหารให้เจ้าแมวอ้วนสีส้มแซมสีขาวหน้าเหวี่ยงดูไม่ค่อยพอใจชาวโลกอยู่ตลอดเวลาเห็นแล้วใจมันก็นึกถึงแต่พระเอกนิยายร้ายๆ ทุกครั้งไป
"ที่ตื่นนี่คือหิวสินะ มากินมื้อเช้าด้วยกันมาฟาโรห์"
"เหมียว"
เจ้าเหมียวอ้วนร้องรับคล้ายคนพูดตอบโต้ได้ เหรินซินนั้นหมั่นไส้แต่ก็คลายเหงาได้มากก็เพราะมีมันนี่แหละ หกเดือนนอกจากที่มหาวิทยาลัยเธอก็แทบไม่ค่อยได้คุยกับใครเพื่อนบ้านก็อยู่ห่างออกไปเลยมีแค่เจ้าแมวส้มตัวนี้นี่แหละที่คอยเป็นเพื่อนแท้ถึงในอดีตเก็บมาเลี้ยงมันจะเป็นแมวกำพร้าเช่นเดียวกับตนเองแต่เดี๋ยวนี้กินอิ่มนอนหลับสุขสบายดีก็กลายเป็นแมวกำแหงไปเสียแล้ว
"นอกจากกินกับนอน ฉันคิดว่านายควรออกกำลังกายเสียบ้างนะฟาโรห์ เช่นออกไปเดินที่สนามหน้าบ้านอะไรแบบนี้"
ขวับ!
เจ้าแมวกำแหงหันขวับมามองนางทาสด้วยใบหน้าเหวี่ยงคอแทบเคล็ด เหรินซินเลยหัวเราะเพราะเจ้าฟาโรห์จนน้ำตาไหล แมวกำแหงของตนเองแปลกที่สุดก็คือไม่ชอบออกไปส่องนกเช่นแมวทั่วไป ชอบแต่จะนอนอาบแดดราวกับเป็นพืชรอสังเคราะห์แสงมากกว่าจะเป็นแมว
"ตามใจเถอะ หากน้ำหนักเกินจนสาวไม่มองจะมาคิดโทษว่าฉันไม่แนะนำนายไม่ได้นะฟาโรห์"
กล่าวจบหญิงสาวก็หันไปเก็บถ้วยกาแฟไปล้างเช็ดทำความสะอาดภายในครัวอีกครู่หนึ่งจึงค่อยออกไปดูแลผักที่ตนเองปลูกเอาไว้ทำผลัดโรลกับก๋วยเตี๋ยวลุยสวนขายในช่วงเย็นเป็นรายได้หลักช่วงที่ตนเองยังไม่มีรายได้จากงานเขียนที่เพิ่งเริ่มลงมือเขียนเมื่อหลายเดือนก่อน
ในหนึ่งวันของชีวิตเหรินซินหลังจากเรียนจบได้เป็นบัณฑิตใหม่เช่นเดียวกับชาติที่ตนเองเป็นมนต์จันทรานั้นไม่มีอะไรมาก เธอทำซาลาเปาหรือเสี่ยวหลงเปากับสลัดโรล ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน และพวกขนมลูกชุบบ้างในบางวันหากขายที่หน้าบ้านซึ่งสมัยของคุณย่านั้นยังอยู่ก็ขายเป็นอาชีพ แต่หยุดไปนับตั้งแต่ท่านจากไป พอเธอเรียนจบจึงกลับมาสานต่อจึงยังมีลูกค้ามาอุดหนุนทุกวัน
ก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวกับรายได้ตรงนี้ ยิ่งเธอทำมันด้วยความสุข ไม่ว่าจะเป็นปลูกผักอินทรีย์ตามความรู้ที่ตนเองเลือกเรียนสมัยเมื่อเป็นมนต์จันทรากับการทำของว่างและขนมที่ตนเองก็เรียนรู้มาจากมารดาในภพชาติเก่า ไหนจะยังมีความรู้จากร่างเดิมในสูตรซาลาเปาอีกด้วย แล้วหน้าบ้านแห่งนี้ก็เคยเป็นร้านของคุณย่ามาก่อนย่อมมีฐานลูกค้าเดิมจึงขายหมดทุกวันกำไรก็งาม
เมื่อเสร็จจากงานขายปิดร้านหน้าบ้านแล้ว ทำความสะอาดทุกสิ่งแล้วทีนี้ก็เป็นเวลาพักผ่อนกับเตรียมหาข้อมูลเตรียมตัวเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ เรียกว่าเธออาจชะตาอาภัพต้องไร้ญาติขาดมิตร แต่กลับโชคดีที่ค้นพบตนเองเร็ว ได้ทำอาชีพที่รัก มีบ้าน ที่ดินพอสมควร กับรถจักรยานหนึ่งคันและแมวหนึ่งตัว ชีวิตนี้เหรินซินในวัย21ปีรู้สึกว่าตนเองมีความสุขมากจริง ทว่าชีวิตที่หญิงสาวคิดว่าสงบสุขกลับสั้นกุดยิ่งนัก
เพราะกลางดึกคืนนั้นนั่นเอง กลับมีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาลักพาตัวเธอกับเจ้าแมวอ้วนออกจากบ้านไปอย่างที่เหรินซินไม่ทราบจริงๆ ว่าคนพวกนั้นมันเป็นใคร ต้องการอะไร ในเมื่อเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยมากพอจะให้ใครจับตัวไปเรียกค่าไถ่สักนิด!
ตอนพิเศษหลังจากค่ำคืนเร่าร้อนผ่านไป ใครจะเชื่อว่าสุดท้ายเหรินซินก็คิดได้ว่าตัวเองจะเขียนออกมาแนวไหน เธอมันพวกถนัดซ่อนปมและหักมุม จะให้เปลี่ยนไปเขียนแนวอิโรติก อย่างไรก็ไม่ใช่แนวของเธอ ในเมื่อถนัดแนวไหนหญิงสาวก็จะไปให้สุดและให้ดี พล็อตนิยายเรื่องใหม่ของเธอคราวนี้จึงไม่ใช่แนวสืบสวนฆาตกรรม แต่เป็นแนวเกิดใหม่มาแก้แค้น ซึ่งในยุคนี้ยังไม่มีนักเขียนแนวนี้ออกมามากนัก พอวางพล็อตและเขียนรายนามตัวละครกับชื่อเมือง เพราะเป็นแนวพีเรียดย้อนยุค สงครามวังหลัง แก้แค้นซ่อนปมและแย่งชิง เรื่องวางผังตัวละครกับผังเมืองจึงสำคัญมาก การมีคู่ชีวิตที่คอยซัปพอร์ตกันนี่มันโคตรจะดีจริง ๆช่วงนี้ข่าวของจ้าวป๋อจิ้งก็มาเข้าหูว่าศาลตัดสินโทษออกมาแล้วว่าอีกฝ่ายต้องจำคุก15ปี โทษของคดีแบบที่จ้าวป๋อจิ้งโดนนี้ตัดสิน15ปีก็ต้องติดจริง15ปีไม่มีลดหย่อน ซึ่งเหรินซินค่อนข้างชอบกฎหมายนี้มาก ๆ ค้ายาเสพติด ค้าชีวิตมนุษย์ จะทำดีลดโทษได้อย่างไรส่วนทางด้านหม่าเจินจูกับจ้าวลู่คังนั้นก็ทำการซื้อคฤหาสน์สกุลจ้าวที่ถูกทางการยึดเป็นของรัฐบาลกลับมาเป็นทรัพย์สินของสกุลหม่าได้แล้ว นับว่าจ้าวลู่คังนั้นไม่ผิดต่อบรรพบุรุษของสกุลจ้าวแล้วทั้งที่คว
ตอนจบเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านไปแล้ว แต่ไม่ใช่ง่าย เพราะการจับคุมขบวนการค้ายาเสพติดและค้ามนุษย์กับอวัยวะคราวนี้เกี่ยวพันถึงหลายสกุลใหญ่ในหนานจิ้ง ไม่ว่าจะเป็นท่านนายพลจ้าว กับภรรยาคนที่สามของเขา กับนายท่านสกุลซู ยังมีท่านนายพลเจียง เรียกว่าครั้งนี้แทบจะล้างบางผู้มีอำนาจในหนานจิ้งและเยี่ยนจิ่งเลยก็ไม่ผิดสกุลจ้าว สกุลเจียง และสกุลซู ถูกทลายอำนาจจนไม่เหลือ แน่นอนว่า งานนี้ย่อมส่งผลถึงสกุลหม่า และหม่าฉางกรุ๊ป รวมถึงกลุ่มกิจการ หงส์เพลิงกรุ๊ปของคุณชายรองจ้าว แต่เพราะทั้งจ้าวลู่คังกับจ้าวลู่เฉินนั้นเตรียมรับมือกับแรงกระแทกมาสักพักหนึ่งแล้วจึงพอจะรับมือได้ ไหนจะยังมีหม่าเจินจูอยู่เป็นหลักให้กับลูกชายแท้และลูกเลี้ยง จึงไม่ทำให้เกิดเรื่องมากนักทุกคนที่ได้รับผลประทบจากเหตุการณ์คราวนี้ล้วนต้องปรับตัวและใช้เวลา แม้แต่จ้าวลู่เฉินเองก็ต้องยอมรับความจริงว่าบิดาของตนเองทำชั่วทำเลว เมื่อสุดท้ายถูกสอบสวนจากสาเหตุว่าเขาคือลูกชายแท้ ๆ ของท่านนายพลจ้าว สามีของเธอนั้นกลับรับมือได้โดยไม่หวั่นไหว สกุลซู สกุลเจียงถูกยึดทรัพย์ไม่เหลือ สกุลจ้าวเองก็เช่นกัน โชคยังดีที่ช่วง3ปีมานี้จ้าวลู่เฉินนั้นสร้างทรัพย์สินมาด้ว
บทที่ 27ผ่านไปอีก2วัน หม่าเจินจูกับจ้าวลู่คังก็แวะมากินข้าวที่บ้านหลังเล็กของจ้าวลู่เฉินกับเหรินซิน แน่นอนว่าไม่มีใครสงสัยเพราะช่วงหลังมานี้คุณนายใหญ่กับคุณชายใหญ่นั้นมักแวะมากินข้าวกับสองสามีภรรยาคู่นี้ประจำ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ท่านนายพลจ้าว กับซูเมิ่งจีและคุณนายสามหลินม่านเถียนกลับยิ่งเพิ่มความไม่พอใจแผนการของซูเมิ่งจีที่เสนอผ่านไปทางจ้าวป๋อจิ้งถึงท่านนายพลจ้าวจึงน่าสนใจนัก ท่านนายพลจ้าวตกลงใจให้บุตรชายลงมือได้เลย พร้อมกับชื่นชมและขอบใจจ้าวป๋อจิ้งที่ช่วยคิดแทนเขากำจัดผู้หญิงไม่คู่ควรออกไปให้พ้นหูพ้นตา จ้าวป๋อจิ้งได้ทั้งหน้าได้ทั้งเงินไม่พอคุณนายสามหลินนั้นยิ่งได้ผลพวงในความดีความชอบไปด้วย เรียกว่าแค่กำจัดผู้หญิงตัวคนเดียวเพียงหนึ่งทุกคนต่างได้ผลประโยชน์จะไม่ทำได้อย่างไรและเพราะหากยังคงอยู่ที่บ้านสกุลจ้าวต่อไปคงเป็นที่สงสัย พร้อมกับฝ่ายตรงข้ามคงยากจะลงมือดังนั้นในอีก1อาทิตย์ต่อมาจ้าวลู่เฉินก็พาเหรินซินย้ายออกจากไปอยู่คฤหาสน์ส่วนตัวของพวกเขาตามกำหนดเดิมไม่เปลี่ยนการย้ายกลับไปอยู่คฤหาสน์ส่วนตัวที่นอกเมืองคราวนี้ไม่ใช่เชิญชวนให้จ้าวป๋อจิ้งลงมือเพียงเท่านั้น แต่เป็นการง่ายหากคุณนายใหญ่ห
บทที่ 26สองสามีภรรยานอนคุยกันจนหลับ ไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ ในขณะที่คู่บาปคู่กรรมเช่นซูเมิ่งจีกับจ้าวป๋อจิ้งนั้นเพิ่งจะสาสมใจในบทรักเร่าร้อนและรุนแรง“ฉันอยากกำจัดนังเหรินซิน นายเองก็เกลียดมันเหมือนกันใช่ไหม?”ขณะกำลังสวมเสื้อผ้า ซูเมิ่งจีก็เอ่ยความต้องการของตนเองขึ้นมา เพราะสำหรับเธอนั้นทราบดีทีเดียวว่าจ้าวป๋อจิ้งคนนี้ไม่ใช่คนดิบดีอะไร ออกจะขี้อิจฉา พี่ชายทั้ง2คนมากเสียด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะมาเล่นสนุกแบบไม่ผูกพันกับเธอได้อย่างไร“ทำไม คนแบบเธอยังต้องการความร่วมมือจากฉันด้วยหรือ?”จ้าวป๋อจิ้งกำลังสูบบุหรี่พ่นควันลอยคละคลุ้ง จนซูเมิ่งจียังสำลัก ทั้งที่ปกติเธอก็สูบเช่นกัน หญิงสาวถึงกับทำหน้าไม่พอใจ จ้าวป๋อจิ้งหัวเราะก่อนจะส่งบุหรี่มวนที่เขาสูบไปเล็กน้อยให้กับซูเมิ่งจีอย่างเอาอกเอาใจ เพราะสำหรับเขาแล้วหลับนอนกับใครก็ยังไม่เคยถึงอกถึงใจเท่ากับซูเมิ่งจีเลยสักคน“นายไม่สนใจจะเอาหน้าจากคุณพ่อหรือไร หากกำจัดนังนั่นไปเสียได้คุณพ่อจะต้องพอใจผลงานนี้ของนายมากแน่นอน”หลังจากสูบเอาควันเข้าปอดแล้วปล่อยออกมาจนสุด ซูเมิ่งจีจึงเริ่มยุยงส่งเสริมคิดจะยืมมือของจ้าวป๋อจิ้งมากำจัดเหรินซิน เพราะหากนั
บทที่ 25ผ่านไปอีกหลายวันจ้าวลู่เฉินก็ยังคงไม่กลับมา แต่ยังดีว่าเขายังมีข่าวผ่านกงเหยียนมาแจ้งให้เธอรู้ว่าตอนนี้เขายังปลอดภัย แต่ความห่วงใยนั้นกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย ช่วงนี้จิตใจของเหรินซินจึงไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการชอบใครสักคนพอเขาไม่อยู่จะทั้งคิดถึงและเป็นห่วงเป็นใยได้มากขนาดนี้ยังดีว่าหลังจากวันนั้นซูเมิ่งจีนั้นไม่ได้มาก่อกวนเธออีก รวมไปทั้งท่านนายพลจ้าว หากแต่เหรินซินเองก็ไม่ได้วางใจพ่อสามี เพราะคนแบบท่านนายพลจ้าว เขาเป็นคนมียศมีศักดิ์คงไม่ยอมเลิกราที่จะขัดขวางเธอกับจ้าวลู่เฉินเป็นแน่ หญิงสาวจึงคอยระวังตัวอยู่เสมอ"เอ...เจ้าอ้วนหายไปไหนเนี่ย?"หลังจากปั่นนิยายจนสายตาอ่อนล้า หญิงสาวจึงคิดจะลุกไปจกพุงเจ้าแมวอ้วนของตนเอง หากแต่กลับหาอีกฝ่ายไม่พบพอมองดูเวลานี่ก็ตี1แล้ว จึงไม่เรียกหาเหอหลิวมี่ให้ออกไปตามหาแมวอ้วนเป็นเพื่อน เหรินซินเปิดประตูหลังบ้าน ก็เห็นปลายหางสีส้ม วิ่งหายไปทางด้านหลังที่เป็นเรือนร้างไม่มีคนพักอาศัย อากาศเดือน12นี้หนาวไม่ธรรมดาคิดว่าอีกไม่นานหิมะคงจะตก เจ้าแมวอ้วนของเธอยังจะแอบหนีไปวิ่งเล่นกลางดึกอีก ไม่เรียวในมือของเหรินซินเริ่มจะสั่นแล้วขณะนี้
บทที่ 24หลังจากที่ตกลงกันแล้วว่าจะย้ายไปอยู่บ้านส่วนตัวของจ้าวลู่เฉิน แต่เพราะช่วงนี้ จ้าวลู่เฉินต้องไปทำงานที่ต่างเมืองกำหนดย้ายจึงยังไม่แน่นอน ดังนั้นช่วงนี้เหรินซินก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของสกุลจ้าวต่อไป จนกว่าจ้าวลู่เฉินนั้นจะเสร็จสิ้นงานในมือของเขาจึงค่อยมาจัดการย้ายที่อยู่ใหม่วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เหรินซินตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าผ่องใสหลังจากทำธุระส่วนตัวแล้วเธอจึงเดินไปที่แปลงผักข้างบ้าน เพราะไม่ได้แวะมาดูเสียหลายวัน นับตั้งแต่กลับมาจากโรงงานที่นอกเมืองคราวนั้นเลยก็ว่าได้ น่าจะเกือบ10วันแล้วกระมัง จึงคิดจะไปดูสักหน่อย"ผักสวยต้นอวบมากเลยนะคะเนี่ย อาซ้อรอง"เหอหลิวมี่เอ่ยขึ้นมาอย่างชื่นชม อาซ้องรองของเธอคนนี้เป็นคนมือเย็นจริง ๆ ปลูกผักอะไรก็งอกงามไปหมด นี่ขนาดอีกฝ่ายเพิ่งมีโอกาสปลูกและดูแลจริงจังหลังจากขาของเหรินซินนั้นหายแท้ ๆ กลับเจริญงอกงามเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอกับพรรคพวกช่วยกันปลูกและดูแลเสียอีก"ผักต้นกำลังกินอย่างนั้นวันนี้พวกเราทำของว่างกันดีกว่า"ไม่ได้กินสาคูไส้หมูมานานมากแล้ว พอเห็นผักกาดหอมกับผักสลัดต้นอวบน่ากินเหรินซินจึงคิดอยากจะกินขึ้นมา พอดีกับภายในใจนั้นกังว






Comments