เมื่อความรักในชาติก่อนจบลงด้วยความตาย ทั้งนางและเขากลับได้โอกาสหวนคืนสู่อดีตอีกครา...ความรักครั้งนี้ยังจะถูกพรากอีกหรือจะครองคู่อยู่จนผมขาวโพลน
View Moreหลินซิ่วหรงสะดุ้งขึ้นจากฝัน
นางหอบหายใจถี่จนหน้าอกกะนเพื่อมสั่นไหว ดวงตาคู่งามเพ่งมองเพดานขาวโพลนตรงหน้าด้วยสายตาที่พร่ามัว หัวคิ้วเรียวค่อยๆ ขมวดมุ่นเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งท่ามกลางบรรยากาศที่ครุกขุ่นภายในห้อง เหตุใดที่ไม่ได้ใช่ไม่ใช่กลางป่าหกร้างแตากลับเป็น…เป็นเรือนของนางแทน? หลินซิ่วหรงและมองสายตาขวาเห็นเหล่าสาวใช้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้งยืนและนั่งยืนอยู่เต็มเรือนต่างก็มองนางกลับด้วยสีหน้างุนงงไมาแพ่กัน ไม่ใช่ว่านางตายไปแล้งหรอกหรือ!? ความรู้สึกเจ็บจากลมดาบที่ลำคอก็จะแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง นางยังคงจำได้ไม่ลืม…มือขาวเรียวพลางยกขึ้นรีบกอบกุมลำลอทันที นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกวาดมองเหล่าสาวใช้ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่คสผู้หนึ่ง น้ำเสียงหวานแหบแห้งเอ่ยถาม “ข้า…ยังไม่หรอกหรือ” หลินซิ่วหรงมั่นใจว่า เหตุกานณ์ในตอนนั้นไม่ใช่เพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น…ราวกับว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ ดังนั้น…นางได้หวนกลับมางั้นหรือ!? เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้มีอยู่จริงๆ หรือ!? ทันใดนั้น ความสงสัยและคำถามมากมายแล่นขึ้นกลางอก เช่นนั้นแล้ว วันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่แล้ว นางได้กลับมาตอนไหนกัน ระหว่างก่อนเกิดเรื่องวุ่นวาย หรือตั้งแต่ก่อนที่นางและบุรุษผู้นั้นจะได้มีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน!? อิงหลันสาวใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่ นางลุกขึ้นพรวดพราดก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เตียงยื่นมือไปประคองก่อนจะพูดด้วยน้ำเจือแผ่วเบา น้ำเสียงเจือด้วยความเป็นห่วง “คุณหนูนอนพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ” นางหาได้ขัดขืนไม่ ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย ทว่าสีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความงุนงงเต็มสิบส่วน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกระพริบปริบๆ หลินซิ่วหรงกำบังจะอ้าปากถามออกไปอีกครั้งแต่จู่ๆ กลับได้ยินน้ำเสียงใสแผ่วเบาของอีกคนดังขึ้นเสียก่อน หลินซิ่วอันเดินเข้ามาก่อนจะนั่งลงขอบเตียงที่ว่าง นางยื่นมือออกไปกอบกุมพี่สาว สายตาทอดมองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งด้วยความห่วงใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งด้วยความหนักอึ้ง “ไม่แน่เจ้าค่ะ ยามนี้ท่านพ่อรู้แล้วว่าพี่หญิงกำลังตั้งครรภ์ เกรงว่าคงพ้นถูกลงโทษแน่” สีหน้าของหลินซิ่วอันเต็มไปด้วยหนักอึ้ง ราวกับแบกก้อนหินร้อยชั่งเอาไว้ในอก วันนี้นาง ท่านแม่และท่านพ่อกำลังนั่งรอพี่หญิงออกมาจากเรือนเพื่อรับมื้อเช้าด้วยกัน ทว่าพออีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงกลับมีสีหน้าซีดเซียวและอิดโรยออกมาอย่างชัดเจนคล้ายจะเป็นลมล้มพับไปจนอดเป็นห่วงไม่ได้แต่พี่หญิงกลับมองว่าเพื่อแค่เมื่อคืนนอนดึกพักผ่อนน้อยเท่านั้นหาได้เป็นอันใดหรือไม่ได้รู้สึกสบายอันใดทั้งสิ้น แม้นางและท่านแม่จะเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้รบเร้าและพูดให้มากความ เพราะเกรงว่าพี่หญิงคงกำลังกัลวงเรื่องงานแต่งเชื่อมสัมพันธ์ต่างแคว้นในวันข้างหน้า ที่แม้จะไม่อยากออกเรือนไป ทว่ากลับไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของท่านพ่อได้ และไม่สามารถปฏิเสธได้แม้แต่สักครึ่งคำ บรรยากาศภายในห้องโถงยามเช้าของจวนสกุลหลินเงียบสงบ มีเหล่าสาวใช้คอยปรนบัติตักและยกอาหารให้ไปพลางๆ ทว่า พี่หญิงของนางยังไม่ทันได้กินสักคำแต่กลับกล่าว่ารู้สึกเหม็นพะอืดพะอมจะจวน ในจังหวะที่รู้ขึ้นนั้น เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะหน้ามือจึงโงนเอนเป็นล้มไปต่อหน้าต่อตาของนาง ท่านแม่และท่านพ่อที่มองอยู่ทว่ายังโชคดีที่สาวใช้ที่อยูาเข้าไปประคองไว้ได้ทันก่อนจะล่วงลงพื้น ตั้งแต่หลินซิ่วอันเกิดมาและจำความได้ พี่หญิงของนางสุขภาพแข็งแรงมากหาได้เจ็บป่วยปวดๆ อ้อดๆ แอ้ดๆ ไม่ แต่จูๆ อรกฝ่ายกลับเป็นลมล้มไปต่หน้าทุกคนเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตกใจทั้งสิ้น จวนสกุลหลินที่เคยเงียบสงบกลับวุ่นวายขึ้นทันที เหล่าสาวใช้ต่างวิ่งวุ่นตามหาท่านหมอมาตรวจดูอาการของพี่หญิง จนกระทั่ง แค่พี่หญิงเป็นลมล้มไปต่อหน้าทุกคนไป ท่านหมอชราผู้นั้นตรวจสุขภาพพี่หญิงนานสองนานด้วยสีหน้าเครียดไม่น้อยคล้ายกับกลืนไม่เช้าคล้ายไม่ออกจนกระทั่งถึงได้กล่าวแสดงความยินดีกลับนาง ท่านแม่และท่านพ่อ หลินซิ่วอันเล่าเหตุการณ์หลังจากที่อีกฝ่ายเป็นล้มไปให้พี่สาวฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบากระซิบกระซาบคล้ายหวาดกลัวว่าจะมีคนได้ยิน “ท่านพ่อ…ทั้งโกรธและโมโหมากเจ้าค่ะ” ตอนที่บิดาได้ยินถ้อยคำจากท่านหมอชราตรงหน้าตรงหน้าถึงกละบถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าคล้ายไม่เชื่อถึงขั้นสั่งให้สาวใช้อีกคนไปตามหมอมาตรวจดูอาการอีกทีทว่าตำตอบกลับเช่นเดิม ทั้งที่พี่หญิงยังไม่เคยแต่งงานและกำลังจะแต่งงานออกไปเชื่อมสัมพันธ์ในเร็ววันทว่าจู่ๆ กลับตั้งครรภ์เช่นนี้ นับว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก “เขา ยังอยู่หรือ” น้ำเสียงหวานแหบพร่าเอ่ยถามสั่นเครือ นางยกมือขึ้นลูบหน้าท้องผ่านผ้าอาภรณ์สัมผัส นัยน์ตาเมล็ดซิ่งวูบไหวอดนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น… นางหาได้ตาย…บุรุษผู้นั้นปกป้องนางด้วยชีวิตจนกระทั่งล้มหายใจสุดท้ายเพื่อให้นางและลูกได้มีชีวิตรอดทั้งที่เข่โกรธและเกลียดนางปานนั้น ทว่าทั้งที่เขสละชีวิตให้นางและลูกได้มีลมหายใจต่อแตากละบเป็นนางที่ลงมือปลิดชีวิตลูกและตัวเองเอง หากไร้เขาแล้ว…นางและลูกจะมีชีวิตไปเพื่ออันใดกัน หลินซิ่วอันสังเหตเห็นดวงตาคู่งามของพี่หญิงสั่นไหงและสั่นระริกก็พลันเข้าใจได้ทันที นางถอนหายใจอออกมา มือที่กอบกุมไว้กระชับแน่นไม่ยอมปล่อย “พี่หญิงก็คงรู้นิสัยท่านพ่อดีกระมัง” นางกลัวเหลือเกืนว่าบิดาจะสั่งให้พี่สาวของนางกินยาขับเลือด ฆ่าหลานของตนเองทิ้ง หลิ่วซิ่วหรงเหลือบสายตามองน้องสาว นางพลันรู้สึกจุกในอกพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ในชาติที่แล้ว หากเหตุการณ์ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าบิดาของนางจะโกรธเกรี้ยวโมโหมากเพียงใด ถึงขั้นให้นางไปยืนสำนึกผิดและสารภาพที่หน้าป้ายบรรพชลของบรรพบุรุษสกุลหลินต่อความผิดที่ได้ทำลงไปทว่านางกลับไม่อาจเผยปาอกบอกได้จริงๆ หลินซิ่วหรงยืนอยู่แบบนั้นหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ โดยไม่นั่งพักเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งท่านพ่อยกเลิสั่งลงโทษเพราะเห็นแก่หน้าท่านแม่ที่ถึงขั้นคุกเข่าขอร้องออกวอนว่าให้เก็บเด็กในครรภ์ที่ไม่ได้ทำผิดเอาไว้ อย่างไรครรภ์นี้ยังมองไม่ออก ซ้ำหากไม่มีผู้ใดเอ่ยก็ไม่มีผู้ใดรู้ นางถอนหายใจออกมา ไม่รู้ควรควรจะเริ่มต้นหรือแก้ไขเหตุการณ์ในครั้งนี่ยังไง นางเหลือสายตามองน้องสาว “วางใจเถอะ ซิ่วอัน…เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อ แม้ว่าจะดูเป็นคนเจ้าระเบียบอยู่กฏเกรณ์อย่างไร ทว่าย่อมนึกถึงลูกและภรรยาเหนือกว่าสิ่งใดเสมอ” หัวคิ้วของหลินซิ่วอันขมวดมุ่นรู้สึกย้อนแย้งในใจ “ที่หญิงถูกบังคับให้แต่งงานออกไปเชื่อมสัมผัสก็เป็นเพราะท่านพ่อมิใช่หรอกหรือไร ที่เห็นแก่อำนาจในมือก่อนค่อยคำนึงนึกถึงภรรยาและบุตรที่สาว” น้ำเสียงของนางเจือด้วยความประชดประชันปนไม่พอใจ จู่ๆ วันนั้น ท่านพ่อก็กลับมาตวนพร้อมทั้งบอกว่าจะส่งพี่หญิงขึ้นเกี้ยวไปแต่งงานกับองค์ชายต่างแคว้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยถามความสมัครใจของพี่หญิงสักคำ! หลินซิ่วหรงได้ยินแบ้วกลับอดที่จะหลุดหัวเราะออกมาอย่างขบขัน นางเลิกคิ้วถามกลับ “ยามนี้ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าข้ากำลังท้ง หรือว่าเจ้าจะแต่งออกไปแทนข้าดี” “พี่หญิง!” หลินซิ่วอันถึงกลับร้องตกใจทันที “มิใช่ว่าข้าไม่อยากจะเสียสละเพื่อท่าน ทว่าท่านก็รู้ว่า ข้ามีบุรุษในดวงใจ” พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใบหน้าคนงามพลันขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเคอะเขินทันที นางเข้าใจพี่สาวที่ไม่อยากแต่งออกไป หากนางไม่มีบุรุษมนดวงใจแล้วสถาการณ์กบืนไม่เช้าคล้ายไม่ออกเช่นนี้ หลินซิ่วอีนย่อมสละไปแทนได้ ใบหน้าของหลินซิ่วหรงปรากฏรอยยิ้มจางๆ หาได้ฉายแววน้องใจแต่อย่างใด “ช่างเถอะ เรื่องเช่นนี้ข้าจัดการได้ เจ้าก็ใช้ชีวิตของเจ้าไปเถอะ” จู่ๆ ในขณะนั้น เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังใกล้ขึ้น เดินดุ่มๆ เข้ามาข้างในเรือน ใบหน้าของแม่บ้านวัยชราเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดใสและความเหนื่อยหอบฉายออกมาอย่างชัดเจน นางยอบกายลงเล็กน้อยก่อนจะเหลือบสายตาไปมองคุณหนูใหญ่บนเตียงด้วยความโล่งเมื่อเห็นว่าฟื้นแล้ว ทว่าเพียงชั่วอึดใจกลับถํกแทนที่ด้วยความหนักอึ้งแทน “นายท่านมีคำสั่งว่า หากคุณหนูใหญ่ฟื้นแล้วก็ให้ไปหาที่เรือนเจ้าค่ะ” ยามนี้นายท่านโกรธกระฟัดกระเฟียดไม่น้อยมนางเองก็รู้สึกเป็นกังวลไม่ได้ ไม่รู้ว่าคุณหนูจะถูกลงโทษอย่างไรกัน หลินซิ่วอันได้ยินแล้วบ่นพึมพำออกมาทันที “ท่านพี่หญิงพึ่งจะฟื้นยังไม่ทันหายดี ท่านพ่อใจดำเกินไปแล้วกระมัง” ใบหน้าของหลินซิ่วหรงปรากฏรอยยิ้มจางๆ นางเหลือบไปมองยังแม่บ้านชราก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยราวกับบอกว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นจึงจะสายตาหันปลับไปมองน้องสาวทันที “คำพูดของท่านพ่อต่อต้านได้ที่ไหนกัน เอาเถิด…ข้าเองก็หาได้เป็นอะไรมาก สมคสรจะจัดการเรื่องนี้เสียที” หลินซิ่วหรงรู้แล้วว่านางได้หวนกลับมา แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นไปแล้วทว่าก็ยังไม่สายเกินแก้เรื่องที่คุณหนูใหญ่ตั้งครรภ์ ภายหลังจากนั้นนายท่านหลินมีคำสั่งว่าห้ามผู้ใดพูดถึงและห้ามแพร่งพรายเรื่องเป็นอันขาด หรือหากวันใดวันหนึ่งเรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงถูกนำมานินทาขึ้นมาย่อมมีต้นเหตุมาจากคนในจวน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดล้วนลงโทษไม่ยกเว้น!หลินซิ่วหรงหวนกลับมาได้เพียงแค่สองวันเท่านั้นเช้าวันถัดมาพอนางลืมตาตื่นขึ้น ก็หาได้มีอาการอ่อนเพลียหรือรู้สึกอยากอาเจียนออกมาแต่อย่างไร ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่นางพะอืดพะอมเหม็ทุกสิ่งอย่างจนหน้ามืดเป็นลมล้มไปคือแผนการของลูกในท้องก็ไม่ปานเกรงว่าเด็กผู้นี้คงดื้อรั้นและแสบไม่น้อยถึงได้กลั่นแกล้งนางถึงเพียงนั้นจนถูกจับได้วันนี้หลินซิ่วหรงกินอาหารได้มากกว่าเมื่อวาน ไม่ว่าจะตักสิ่งใดเข้าปากล้วนเอร็ดอร่อยหาได้รู้สึกเหม็นหืดแต่อย่างใด นางกินไม่หยุดจนรู้สึกว่าถูกสายตาของหลินซิ่วอัน มารดาและบิดามองด้วยความแปลกใจนัยน์ตาเมล็ดซิ่งช้อนขึ้นมองคนทั้งสามสลับกันไปมาก่อนจะกล่าวออกมาน้ำเสียงแห้งๆ “วันนี้พ่อครัวทำอร่อยนักเจ้าค่ะ”หลินซิ่วหรงกลบเกลื่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฝีมือของพ่อครัวที่ทำอาหารอร่อยหรือเป็นเพราะว่ายามนี้นางกำลังตักครรภ์กันแน่ถึงได้กินอะไรก็
ชาติก่อนหลินซิ่วหรงปกปิดความลับนี้เอาไว้อย่างไรก็ไม่มีทางคายออกมาหรือหลุดพูดเป็นอันขาด จนกระทั่งในตอนนั้น หากซ่งเจิ้นอี้ไม่ได้พ้นปกป้องนางจนลมหายใจสุดท้าย เกรงว่าความลับนี้ เขาก็คงไม่มีวันล่วงรู้ตลอดไปพอสิ้นคำนั้น ภายในเรือนเงียบสงัดยิ่งกว่าเดิม บรรยากาศเริ่มอึมครึ้มคล้ายกับมีกลุ่มม่านเมฆลอยฝนเหนือหัวอยู่ภายในเรือน ไม่ว่าผู้ใดได้ยินแล้วต่างก็ขมวดคิ้วมุ่นคล้ายไม่เชื่อทั้งสิ้นหลินฮูหยินยืนนิ่งอยู่นาน ใบหน้าเริ่มซีดเซียวลงเรื่อยๆ และลมหายใจเริ่มกระชันถี่ขึ้นจนบุตรสาวทั้งสองสังเกตเห็นจึงเริ่มเข้าไปประคองประกบสองข้างเอาไว้“ท่านแม่!” น้ำเสียงของหลินซิ่วอันร้องออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าที่เจื่อนลงไปแล้วยิ่งเจื่อนลงไปอีก“ท่านแม่นั่งพักก่อนเถอะเข้าค่ะ” หลินซิ่วหรงพูดพาค่อยๆ ประคองมารดาไปนั่งอยู่มุมหนึ่งภายในห้องบรรพชล นางเหลือบสายตาไปมองอิงหลันก่อนจะออกคำสั่ง “หาน้ำชาสักจอกมาให้ท่านแม่ดื่มผ่อนคลายเสียหน่อยและไปตามท่านหมอมาเสีย”“เจ้าค่ะ!” อิงหลันตอบเหล่าสาวใช้พอได้ยินเช่นนั้นแล้ว พลางเร่งรีบเบ่งหน้าที่กันอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครเกี่ยงกันไปมาหลินฮูหยินกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้อง…แม่หาได้
เช้าวันถัดมาหลินซิ่วหรงยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษสกุลหลินตั้งแต่เมื่อพลบค่ำวันก่อนจนกระทั่งสายวันถัดมาภายในเรือนเต็มไปด้วยเหล่าสาวใช้ในจวนที่พลัดเปลี่ยนมาเฝ้าคุณหนูใหญ่ด้วยเห็นใจและสงสารเต็มอก ทั้งที่นายท่านก็รู้ว่าในยามนี้นั้นคุณหนูกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ แม้ว่าจะไม่เอ่ยปากสั่งให้ดื่มยาขับเลือดทว่าการที่เอาแต่ยืนเช่นนี้ย่อมไม่ต่างกันอย่างไรก็ไม่มีทางใดดีต่อคุณหนูใหญ่ทั้งสิ้นถึงแม้ว่าความผิดของคุณหนูใหญ่จะเป็นเรื่องใหญ่โตมากก็จริงแต่ทว่าที่ผ่านมาคุณหนูย่อมไม่เคยทำผิดมาก่อน ไม่ว่านายท่านและฮูหยินอบรมสั่งสอนสิ่งใดย่อมเชื่อฟัง พวกนางล้วนไม่เคยได้ยินคุณหนูเถียงกลับแม้แต่สักครึ่งคำด้วยซ้ำไฉนจะนำมาหักล้างความผิดในครั้งนี้ไม่ได้กัน อีกทั้งไม่ว่าจะฮูหยินหรือคุณหนูเล็กล้วนมาคุกเข้าอ้อนวอนก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี มิหนำซ้ำยังถูกนายท่านข่มขู่ว่าจะลงโทษคนทั้งคู่ไปด้วยอีกพวกนางเป็นสาวใช้พอเห็นเหตุการณ์นี้ ย่อมรู้สึกสะเทือนใจอยู่มากทว่ากลับไม่สามารถเอ่ยปากพูดอันใดได้นัยน์ตาเมล็ดซิ่วจับจ้องมองแผ่นป้ายวิญญาณตรงหน้าทว่าหาได้รู้สึกผิด เสียใจหรือน้อยใจบิดาแต่อย่างใด นางกำลังพยายามนึกถึ
ดูแล้วนี่คงไม่ใช่เพียงฝันร้ายตื่นหนึ่งแต่เป็นเขาได้ย้อนกลับมากลับมาจริงๆภาพใบหน้าของนางที่สะอื้อร้อนไห้ออกมาปานใจจะขาดซ้ำยังบอกเรื่องสำคัญให้เขารู้ก่อนที่จะตายไปยังคงดังสะท้อนอยู่ในหู ในตอนนั้น แม้ตายไปแล้วเขาก็ไม่นึกเสียดาย ทั้งได้ปกป้องนางและลูกในท้องให้ปลอดภัยได้ก็รับว่าพอแล้วไม่ใช่ว่าเขาที่ตายไปแล้วสมควรจะลงปรโลกเพื่อไปดื่มน้ำแกงลืมเลือนของยายเมิ่งมิใช่หรอกหรือ แต่เหตุใดถึงได้มานั่งหายใจอยู่ที่ได้ ทว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นเขาไม่รู้จริงๆไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาจะปกป้องนางเอาไว้ได้จริงๆ หรือไม่?ซ่งเจิ้งอี้เงยหน้าละจากจอกน้ำชาตรงหน้าเพ่งมองกู้เหยียนสหายวัยเยาว์ที่โตมาด้วยกัน ดวงตาคมกริบฉายแววจริงจัง น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างแน่วแน่ “คุณหนูใหญ่สกุลหลินจะขึ้นเกี้ยวแต่งออกไปเมื่อใดกัน”หากเป็นเช่นนั้นแล้ว หากเขาได้ย้อนกลับมาจริงๆ เกรงว่ายามนี้คงยังไม่สายเกินไปที่จะรั้งนางและปกป้องลูกในท้องเข้าไว้ได้หวนคืนกลับมาครานี้เขาจะไม่ยอมเสียสิ่งใดไปทั้งสิ้น!หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเล็กน้อยก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่เจือด้วยความหนักใหญ่เขาเป็นสหายของบุรุษตรงหน้ามาตั้งแต่วัยเยาว์จนกระทั่งต
หลินซิ่วหรงสะดุ้งขึ้นจากฝันนางหอบหายใจถี่จนหน้าอกกะนเพื่อมสั่นไหว ดวงตาคู่งามเพ่งมองเพดานขาวโพลนตรงหน้าด้วยสายตาที่พร่ามัว หัวคิ้วเรียวค่อยๆ ขมวดมุ่นเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งท่ามกลางบรรยากาศที่ครุกขุ่นภายในห้องเหตุใดที่ไม่ได้ใช่ไม่ใช่กลางป่าหกร้างแตากลับเป็น…เป็นเรือนของนางแทน?หลินซิ่วหรงและมองสายตาขวาเห็นเหล่าสาวใช้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้งยืนและนั่งยืนอยู่เต็มเรือนต่างก็มองนางกลับด้วยสีหน้างุนงงไมาแพ่กันไม่ใช่ว่านางตายไปแล้งหรอกหรือ!?ความรู้สึกเจ็บจากลมดาบที่ลำคอก็จะแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง นางยังคงจำได้ไม่ลืม…มือขาวเรียวพลางยกขึ้นรีบกอบกุมลำลอทันที นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกวาดมองเหล่าสาวใช้ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่คสผู้หนึ่ง น้ำเสียงหวานแหบแห้งเอ่ยถาม “ข้า…ยังไม่หรอกหรือ”หลินซิ่วหรงมั่นใจว่า เหตุกานณ์ในตอนนั้นไม่ใช่เพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น…ราวกับว่ามันเกิดขึ้นจริงๆดังนั้น…นางได้หวนกลับมางั้นหรือ!?เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้มีอยู่จริงๆ หรือ!?ทันใดนั้น ความสงสัยและคำถามมากมายแล่นขึ้นกลางอก เช่นนั้นแล้ว วันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่แล้ว นางได้กลับมาตอนไหนกัน ระหว่างก่อนเกิดเรื่องวุ่นว
Comments