แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“ทำไมเจ้ายังไม่นอน?” “เหตุใดท่านยังไม่นอน?”

ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน

กู้หว่านเยว่เขย่างานเย็บปักในมือ “ข้าเอาผ้าขี้ริ้วมาเย็บเป็นถุงหอมเล็กๆ สักสองสามถุง แล้วจะใส่สมุนไพรป้องกันแมลงลงไปเจ้าค่ะ”

ระหว่างทางเนรเทศ ผู้คนกินนอนในที่โล่ง งูเงี้ยวเขี้ยวขอมีให้ได้เห็นอยู่เรื่อยๆ

แมงป่องพิษวันนี้มันด้วยมิใช่หรือ?

พกถุงหอมป้องกันแมลงไว้สักหน่อย จะได้ไม่โดนแมลงพิษกัดเอา

พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็ก้มหน้าเย็บถุงหอมต่อ

ทว่าฝีมือการเรือนของนางไม่ค่อยดีนัก นางพลางเย็บพลางมุ่ยหน้า ราวกับว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ไร้ทางแก้

ซูจิ่งสิงมองแล้วก็อยากจะช่วยขึ้นมา

“ข้าช่วยเจ้าเย็บดีกว่า”

กู้หว่านเยว่ถามเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านไม่กลัวอับอายหรือ?”

นางคิดว่าหากเขากล้าแสดงสีหน้ารังเกียจ นางจะหันหลังจากไปแน่นอน

“สิ่งนี้มีอะไรน่าอับอายกัน?” ซูจิ่งสิงพูดอย่างเถรตรง “ข้าได้แต่นอนอยู่บนรถเข็น ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ หากเรื่องเย็บปักเล็กน้อยเช่นนี้ยังรังเกียจ เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย”

อื้ม เป็นคำตอบที่สุภาพบุรุษมาก!

เจอปัญหาไม่คิดกลัว กลัวเพียงยามบุรุษเจอปัญหาแล้วยังนอนอยู่บนเตียงทำตัวเป็นนายท่าน รังเกียจนั่น รังเกียจนี่ นี่ต่างหากที่น่ากลัว

กู้หว่านเยว่ยื่นเข็มกับด้ายให้เขาอย่างยินดี

ซูจิ่งสิงก้มศีรษะ ร้อยด้ายเข้ากับเข็มอย่างระมัดระวัง มือใหญ่ของเขาจับเครื่องปักอย่างงุ่มง่าม แต่สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง

แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของเขา ก่อเกิดรัศมีเปล่งประกายบนรูปโฉมอันหล่อเหลา

กู้หว่านเยว่เบิกตากว้างและนิ่งไป

ถอนใจอย่างจริงจัง “สามี ท่านรูปงามมากจริงๆ เจ้าค่ะ!”

หูของซูจิ่งสิงแดงขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาอยากจะหลบหนีจากสายตาของอิสตรี

ทันใดนั้น ดวงตาของกู้หว่านเยว่ก็หรี่ลง สายตาเกี้ยวพาหายไปทันที แทนที่ด้วยความตื่นตัว

จากสายตาของนาง ราตรีสงัดเช่นนี้ มีร่างร่างหนึ่งลอบเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ

“เป็นซูหัวหลิน”

ซูจิ่งสิงพูดอย่างเย็นชา

ก่อนจะแยกกันพักผ่อน กู้หว่านเยว่คิดว่ากลิ่นของซาลาเปาเนื้อแรงเกินไป จึงใส่ห่อซาลาเปาเนื้อที่เหลือนั้นเอาไว้ในกระเป๋าของนางหยาง

ร่างวับๆ แวมๆ ของซูหัวหลิน เห็นได้ชัดว่ามาที่นี่เพื่อขโมยบางสิ่งบางอย่าง!

ดวงตาของซูจิ่งสิงทอประกายเย็นเยียบ เขาหยิบหินก้อนเล็กๆ ขึ้นมาแล้วกำลังจะลงมือ

“ประเดี๋ยวก่อน”

กู้หว่านเยว่รีบหยุดเขา จากนั้นจึงส่งสายตาว่าท่านวางใจไปให้เขา

ความหมายความว่าอย่างไร?

หรือว่านางรู้อยู่แล้วว่าซูหัวหลินจะมาขโมยของ?

ซูจิ่งสิงกลั้นหายใจ ทันทีนั้นก็นึกสงสัยว่ากู้หว่านเยว่จะใช้วิธีใดมาขัดขวางแผนการของซูหัวหลิน

มองเห็นซูหัวหลินเดินขึ้นไปหยุดอยู่ใกล้ๆ นางหยาง แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความไม่สบายใจ

ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ ยกเว้นเพียงเสียงกรนที่จะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว

เขาหายใจด้วยความโล่งอก เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของนางหยาง ทันใดนั้น ใบหน้าก็ทอประกายความยินดี

นางเฉียนที่อยู่ไม่ไกลก็พยายามส่งสัญญาณให้เขาสุดชีวิต โดยบอกว่าหากได้ซาลาเปาเนื้อแล้วก็ให้รีบกลับมา

แต่ซูหัวหลินกลับก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดออกมากะทันหัน

“อ๊าก... เจ็บจะตายแล้ว มือข้า!”

ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เสียงกรีดร้องนี้ก็เป็นดั่งเสียงฟ้าร้อง ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

เหล่านักการที่พักผ่อนกันก็พลันเร่งรุดมารวมตัว

มองเห็นว่ามือของซูหัวหลินถูกกับดักหมูป่าหนีบเอาไว้!

ซี่เหล็กแหลมคมแทงลึกเข้าไปในเนื้อของเขา เลือดสีแดงสดไหลพะเนิน ในมือยังคงจับซาลาเปาเนื้อที่จางเอ้อมอบให้กู้หว่านเยว่วันนี้อยู่

“นี่คือมาขโมยของ แต่โดนกับดักหมูป่าหนีบเข้าสิท่า?”

“ไร้ยางอายนัก ฉวยโอกาสตอนคนอื่นกำลังหลับมาขโมยของ”

หลังจากได้สติกลับมา ทุกคนก็เริ่มปรามาสดุด่า มีบางคนถึงกับตรวจสอบกระเป๋าของตน ด้วยกลัวว่าจะถูกโจรขโมยไปแล้ว

ทุกคนในตระกูลซูเองก็รีบวิ่งมาเช่นกัน

เมื่อเห็นมือของซูหัวหลินเต็มไปด้วยเลือด นางเฉียนก็เกือบจะเป็นลมล้มพับไป ซูหัวหลินร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด

“ยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบมาช่วยข้าสิ รีบช่วยข้า นิ้วข้าจะถูกตัดแล้ว!”

คนจากบ้านสองร้อนรนจนหัวหมุน แต่พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ดีตีนแดง ไหนเลยจะรู้วิธีจัดการกับกับดักหมูป่ากัน?

ไม่ทันได้ระวัง มือของนางเฉียนก็ไปบาดกับตะขอซี่หนึ่ง

นางรีบดึงมือกลับทันที ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยอีกแล้ว

“นังแพศยา วาจาเอ่ยหนึ่งราตรีสามีภรรยาร้อยวันเมตตา[footnoteRef:1] ข้าว่าเป็นยามภัยมาเยือนเอาตัวรอด[footnoteRef:2]เสียมากกว่า!” [1: เมื่อความสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกลึกซึ้งก็จะพัฒนา] [2: เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็หนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว]

ซูหัวหลินหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด หัวใจหนาวสะท้าน

นางเฉียนทำได้เพียงให้มาด่ากู้หว่านเยว่แทน “กู้หว่านเยว่ เจ้าใจเหี้ยมเหลือเกินแล้ว นี่คือลุงใหญ่ของเจ้านะ เจ้ากลับกล้าใช้กับดักหมูป่ามาทำร้ายเขา!”

กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะ โต้กลับไปอย่างไม่อนาทร “กับดักหมูป่าของข้าวางไว้กันขโมย ถ้าซูหัวหลินไม่ใช่ขโมย ก็ไม่ถูกหนีบเข้าหรอก”

“นางสารเลว...” นางเฉียนโกรธจนปวดอก นางพับแขนเสื้อขึ้นแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที

กู้หว่านเยว่คว้าผมของนางไว้เต็มมือ แล้วโยนนางลงไปที่พื้นอย่างแรง

“ถ้าเจ้ากล้ารังแกท่านพ่อท่านแม่ข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ซูอวี่แห่งบ้านสองเผยสายตาดุร้าย หยิบหินขึ้นมาจากบนพื้นแล้วฟาดหัวกู้หว่านเยว่

กู้หว่านเยว่รีบก้าวหลบทันควัน แล้วคว้าแขนของเขาเอาไว้ บิดหักอย่างแรง

“อ๊าๆ อ๊าก เจ็บมาก ช่วยด้วย ท่านย่า ช่วยข้าด้วย...”

ซูอวี้ร้องไห้โฮไร้ยางอาย ฮูหยินผู้เฒ่ารักหลานชายคนนี้มากที่สุด จึงพูดออกมาด้วยความโกรธ ใบหน้าเข้มครึ้ม

“กู้หว่านเยว่ เจ้าคนไม่มีใครสั่งสอน ปล่อยอวี่เอ๋อมาเดี๋ยวนี้นะ!”

กู้หว่านเยว่หักข้อมือของซูอวี่จนได้ยินเสียงแกร๊ก แล้วพูดประชดว่า

“พูดถึงเรื่องไม่มีใครสั่งสอน ไม่มีใครเทียบเท่าเหล่าลูกชายของท่านที่มีมารดาให้กำเนิดแต่ไร้มารดาคอยเลี้ยงดูแล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ดาวไม้กวาดคนนี้ ด่าคนได้รุนแรงนัก!

นางมองซูจิ่งสิงด้วยใบหน้ามืดมน

“ซูจิ่งสิง ภรรยาเจ้าปีนหัวผู้ใหญ่ ไม่เคารพผู้อาวุโส หรือเจ้าไม่คิดจะปรามนางหน่อยหรือ?”

ซูจิ่งสิงเหลือบมองกู้หว่านเยว่หนึ่งครั้ง แล้วพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด “พวกเราสองบ้านตัดสัมพันธ์กันไปแล้ว พวกท่านไม่นับว่าเป็นผู้อาวุโส

ส่วนที่ภรรยาข้าทำลงไปก็ถูกต้องแล้ว เหตุใดข้าต้องเข้าไปปราม?”

“เจ้า... ดียิ่ง ประเสริฐนักแล้ว เพื่อนางดาวไม้กวาดคนนี้ เจ้าถึงขั้นไม่สนใจย่าเจ้าแล้ว!”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าซูจิ่งสิงยามนี้พึ่งไม่ได้แล้ว จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่กู้หว่านเยว่แล้วพูดว่า

“ขอเพียงเจ้าแกะกับดักหมูป่าที่หนีบเจ้ารองออก เรื่องในวันนี้ จะไม่รื้อย้อนขึ้นมาอีก”

ไม่รื้อย้อนขึ้นมาอีก?

กู้หว่านเยว่กลอกตา ยายแก่คนนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์ใช่หรือเปล่า?

คิดว่าพวกเยอะก็ไร้ศัตรูจริงหรือไร?

“ข้าย้ำอีกครั้ง กับดักหมูป่านี้ข้าวางไว้ป้องกันขโมย ข้าไม่แกะ”

พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็เดินไปหยิบซาลาเปาจากมือของซูหัวหลิน แล้วพานางหยางไปเข้านอน

บ้านสองตระกูลซูอยากหยุดนาง แต่จางเอ้อที่ยืนดูละครอยู่ก็เดินขึ้นมาเตือนความ

“จะทำอะไร? พวกเจ้าจะสร้างเรื่องกันหรือไร?”

พวกเขายังไม่กล้าปะทะกับนักการตรงๆ ทำได้เพียงมองดูกู้หว่านเยว่จากไปอย่างไม่เต็มใจ

ฮูหยินผู้เฒ่าคว้าซูจิ่นเอ๋อที่ยังยืนลังเล ใบหน้าชรายกยิ้มบางเบา

“จิ่นเอ๋อ ลุงรองดีต่อเจ้ามาตลอดใช่หรือไม่? ตอนนี้มือของลุงรองของถูกกับดักหมูป่าหนีบเข้า เจ้าไปบอกให้กู้หว่านเยว่แกะกับดักหมูป่านี้ออกหน่อยสิ”

ซูจิ่นเอ๋อลังเล พูดออกมาว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ นางไม่ฟังข้าหรอกเจ้าค่ะ”

นางเฉียนเข้ามาสมทบว่า “นางหนูอย่างเจ้าเหตุใดถึงได้หัวช้าเช่นนี้? ถ้านางไม่ฟังเจ้า เจ้าก็ทะเลาะกับนางเสียสิ เจ้าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของบ้านสามนะ นางที่เป็นสตรีแต่งเข้าจะทำอะไรเจ้าได้?”

ซูจิ่นเอ๋อมองท่านย่าและป้าสะใภ้รองที่ใบหน้ายิ้มแย้มใจดี ตนมักรู้สึกว่ารอยยิ้มของพวกนางมองอย่างไรก็ดูเสแสร้งพิลึก
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเองนะ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สมน้ำหน้ส ทำชั่วต้องไดรับกรรม สมควร
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณค่ะสนุกมากขึ้น
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1984

    แต่จี้เยว่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของสกุลซุน ไม่ได้รับความสำคัญมากเพียงพอ อีกทั้งยังไม่สามารถตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงได้นางหยางกวาดตามอง “ดูเด็กคนนี้น่ารักมากเพียงใด ข้าอายุปูนนี้แล้ว ว่างงานยิ่งนัก ชอบให้เด็กรายล้อมรอบกาย หากไม่สะดวกเลี้ยงดูในวัง ก็สามารถส่งมาที่จวนข้าได้”“เด็กคนนี้งดงามดุจหยก ขาวๆ นุ่มๆ มองดูแล้วเป็นคนมีวาสนาคนหนึ่ง กินอิ่มแล้วก็นอน นิสัยเองก็ดี ภายภาคหน้าจ้านจ้านโตแล้ว ก็ช่วยคลายเหงาให้จ้านจ้านได้”ซูจิ่งสิงไม่รับสนม วังหลังคล้ายไม่มีอยู่จริง กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มีลูกในตอนนี้ภายในวังมีเพียงจ้านจ้านเป็นเด็กคนเดียว เหงาอยู่บ้างจริงๆมีเด็กคนอื่นอยู่เป็นเพื่อน ก็เป็นเรื่องดีสองสามคนปรึกษากันและตัดสิน ให้จี้เยว่อยู่ภายในวังก่อนอย่างน้อยทางฝั่งสกุลซุนนั้น ซูจิ่งสิงย่อมส่งคนไปแจ้งข่าว คาดว่าสกุลซุนเองก็ไม่มีวันคัดค้านขณะเดียวกันดรุณีน้อยนอนหลับฝันหวานภายในอ้อมกอดของชิงเหลียนยังไม่รู้เลยว่าบัดนี้ชะตาชีวิตของตนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นี้ไป จะผูกติดกับองค์ชายน้อยที่มอบขนมให้ตนเองกินสองสามคนพูดคุยกันขณะรอ กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่ได้พบเห็นในที่ราบแห่งความโกลาหล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1983

    ห้องเครื่องของวังหลวงทำอาหารเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เหล่าญาติฝ่ายหญิงที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงภายในวังหลวงล้วนถูกกระจายออกไปแล้วชิงเหลียนมองกู้หว่านเยว่ที่ไม่ได้พบหน้านานมาก ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล“ฮูหยิน นับว่ารอจนท่านกลับมาแล้ว”นางปาดน้ำตา พูดยิ้มๆ อย่างเก้อกระดาก “หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ภายในวัง วันหน้าบ่าวจะพานางเข้ามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง“เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้วหรือนี่”นางนึกถึงก่อนหน้านี้เตรียมสินเดิมให้เหล่าสาวใช้ รอได้พบหงซิ่ง จะต้องมอบสินเดิมให้นางชิงเหลียนพยักหน้ายิ้มๆ “พวกเขาสองสามีภรรยาเปิดร้านขายผ้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง การค้านับว่าไม่เลว ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”กู้หว่านเยว่นึกดีใจแทนพวกเขาภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ใช่แล้ว นี่เป็นลูกของใคร เหตุใดไปอยู่ในตำหนักบรรทมของจ้านจ้านได้?”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่หลบใต้โต๊ะของจ้านจ้านขึ้นมาได้ ดวงตากลมโตดุจหยก กลับเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งชิงเหลียนรีบเล่าฐานะของเด็กหญิงให้กู้หว่านเยว่ฟัง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงชะงักไป เงียบ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1982

    “ร้องไห้ทำไม? โตเพียงนี้แล้วยังเสียน้ำตาอีก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว สั่งสอนอย่างเข้มงวดภายในสายตานางหยางเจือประกายน้ำตา สบมองกู้หว่านเยว่ ทั้งยังหันมองซูจิ่งสิง“ตอนเจ้าไม่อยู่ จื่อชิงเด็กคนนี้สุขุมมากนัก”“มีเพียงได้เห็นพวกเจ้า เขาถึงตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้”ซูจื่อชิงไม่ตื่นเต้นได้หรือ เขาทำงานหนักเพื่อพี่ใหญ่พี่สะใภ้ทุกวัน ดูแลบ้านเมืองงานยิ่งใหญ่นี้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นอนดึกยิ่งกว่าสุนัข ตื่นเช้ายิ่งกว่าไก่ เหนื่อยแทบตาย“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ฮือฮือๆ...” ซูจื่อชิงกอดขาทั้งคู่ ร้องไห้โฮ“รีบปล่อยเร็วเข้า อย่าทำให้ข้าขายหน้า”ซูจิ่งสิงสบถด่าเสียงเยียบเย็นทั้งคู่ทำความเคารพนางหยางพร้อมกัน “ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว ช่วงนี้ทำให้พวกท่านกังวลแล้ว”จ้านจ้านขาวขาวเนียนเนียน สุขภาพแข็งแรงร่าเริง นางหยางย่าคนนี้ใส่ใจไม่น้อย กู้หว่านเยว่รู้สึกซาบซึ้งอยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน พูดจาห่างเหินเพียงนี้ทำอันใด”นางหยางปาดน้ำตาที่หางตา มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอย่างชื่นชม“ขอเพียงพวกเจ้าสองคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่ก็วางใจแล้ว”“ใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1981

    ในสายตาเจ้าเด็กบ้ามีเพียงมารดา ไม่มีบิดา!ซูจิ่งสิงอยากตีก้นเจ้าเด็กคนนี้สักที แต่เห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเขา ยังตัดสินใจปล่อยไปก่อนจ้านจ้านเงยหน้า เหลือบมองบิดาของเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด “เสด็จพ่อ ท่านไม่ใช่พูดว่าจะพาเสด็จแม่กลับมาในสองเดือนหรือ?”เขากำหมัดแน่นถูกบิดาหลอกแล้ว!ตอนบิดาจากไปยังพูดว่าสองเดือนก็กลับมา เขาถึงดีใจพูดว่าอยากได้น้องสาวสักคน ขอให้พาน้องสาวกลับมาพร้อมกันใครรู้เล่าว่าบิดาไปครั้งนี้นานถึงหนึ่งปี!“เกิดความเปลี่ยนแปลง กลับมาช้าไปแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมของลูกชาย “แต่ครั้งนี้ข้าและแม่เจ้าได้รับมาไม่น้อย รอภายภาคหน้าค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ฟังออก ซูจิ่งสิงนี่คือต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของจ้านจ้านนางพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ใช่แล้วจ้านจ้าน พวกเราผ่านป่าซิงโตวมาด้วย นั่นคือสถานที่กว้างใหญ่เท่าต้าฉีสองแห่งเลยทีเดียว”จ้านจ้านกระพริบตา เขาอ่านหนังสือมาไม่น้อย นึกถึงระยะห่างภายในสมองภายในหนังสือพูดว่าอาณาเขตเหนือใต้ของต้าฉีมีระยะห่างราวหนึ่งพันห้าร้อยลี้ ต้าฉีสองแห่ง นั่นไกลมากเหลือเกิน“ภายใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1980

    “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เขารู้จักจี้เยว่ สายตามองไปที่หน้าอกของนาง ก็เห็นคราบน้ำลายเต็มไปหมดจริง ๆ นางยังหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขา ที่มุมปากก็ยังมีเศษขนมติดอยู่พอมองขึ้นไปบนโต๊ะ ขนมที่วางไว้เมื่อเช้าก็หายไปแล้วจริง ๆ เจ้าเด็กโง่คนนี้หลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขาเพื่อแอบกินขนม! มุมปากของจ้านจ้านกระตุกจี้เยว่ดูสีหน้าคนไม่ออก ยังไม่รู้ตัวว่าทำให้องค์ชายน้อยโกรธแล้ว ยังคงจ้องมองดวงตาแดง ๆ ของเขาอย่างสงสัย“ท่านพี่ ท่านร้องไห้ทำไมหรือ? กินขนมสักคำก็จะไม่ร้องไห้แล้วนะ ขนมที่นี่อร่อยมาก เยว่เอ๋อร์ไม่เคยกินขนมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”เจ้าแมวน้อยตะกละกินจนท้องกลม ก็พูดเยอะขึ้นแล้ว “ข้าไม่ได้ร้องไห้”จ้านจ้านกล่าวอย่างดุดัน“ถ้ากล้าพูดว่าข้าร้องไห้อีก ข้าจะต่อยเจ้า!”จี้เยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองไปที่กำปั้นของจ้านจ้าน แล้วก็เบะปาก ดวงตาที่ดูโตเป็นพิเศษคู่นั้นก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาในทันที“ฮือ ๆ ๆ ...” นางถูกขู่จนร้องไห้จ้านจ้านตกตะลึง เขากลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด จึงรีบเอามือปิดปากของจี้เยว่ แก้มของเด็กหญิงทั้งกลมทั้งนุ่ม แถมยังเด้งอีกด้วยเขาก็เผลอใช้แรงหยิกไปทีหนึ่งโดยไม่รู้ตั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1979

    ก็ไม่แปลกที่กู้หว่านเยว่จะลังเลตอนที่นางจากไปครั้งแรก ได้ให้สัญญากับซูจิ่งสิงไว้ว่าจะกลับมาภายในหนึ่งปีแต่ตอนนี้ ผ่านมาสองปีเต็มแล้วตอนนั้นจ้านจ้านยังเดินเตาะแตะ พูดได้แค่คำสองคำง่าย ๆ แต่ตอนนี้กลับขยับขาสั้น ๆ ของตนวิ่งได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วหากไม่เอ่ยปากก็แล้วไป แต่หากเอ่ยปากพูดเมื่อใดก็สามารถทำให้คนโกรธจนแทบกระอักเลือดได้ดังนั้น ตอนแรกที่กู้หว่านเยว่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งมา นางก็เพียงแค่รู้สึกตามสัญชาตญาณว่านั่นคือจ้านจ้านจนกระทั่งเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด นางถึงกล้าตัดสินจากท่าทางของเด็กคนนั้นได้ว่า นั่นคือจ้านจ้านลูกชายสุดที่รักของนาง!“เป็นลูกชายจริง ๆ ด้วย!” กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้าตื่นเต้นนางเร่งฝีเท้า เดินตรงไปยังทิศทางของจ้านจ้านซูจิ่งสิงเองก็จ้องมองเด็กคนนั้นไม่วางตา เขาจากไปช้ากว่ากู้หว่านเยว่เล็กน้อย ตอนนั้นจ้านจ้านก็สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว“จ้านจ้าน!”ทั้งสองคนร้องเรียกออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตั้งใจจะเข้าไปกอดลูกชายจ้านจ้านที่วิ่งมาได้ครึ่งทางพลันหยุดนิ่ง เขามองทั้งสองคน ก่อนจะเช็ดที่หางตาของตนเองอย่างแรงจากนั้น ก็หันหลังกลับแล้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status