Share

บทที่ 8

Auteur: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“นั่นน่ะสิ หัวหน้าใกล้จะหมดลมแล้ว นางยังพิรี้พิไรอยู่อีก”

“รู้วิชาแพทย์อันใดกัน? ข้าว่านางเสแสร้งเสียมากกว่า” ชายคางแหลมคนหนึ่งกะพริบตาเล็กน้อย หยิบแส้ออกมา ตั้งใจฟาดไปที่กู้หว่านเยว่

ทว่าจางเอ้อคว้าแส้ไว้ได้อย่างรวดเร็ว

“เหล่าหลี ให้นางดูก่อนเถิด”

เขารู้สึกว่ากู้หว่านเยว่ทำได้

“นางยังเยาว์ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นอิสตรี จะรู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร?” เหล่าหลี่ยังคงไม่ปล่อยมือ

กู้หว่านเยว่เลือกเซรุ่มที่ต้องการมาจากหอแห่งโอสถแล้ว เมื่อได้ยินคำเมื่อครู่ จึงมองไปหาและแดกดันว่า

“เจ้ารีบห้ามข้าเช่นนี้ หรือว่าไม่อยากให้ข้ารักษาหัวหน้าของพวกเจ้าให้หายหรือ?”

“เจ้า เจ้าเหลวไหล ข้าเปล่าเสียหน่อย!”

เหล่าหลี่ที่ถูกคำพูดแทงก็โกรธมาก

เขาอายุมากกว่าซุนอู่ มีคุณสมบัติสูงกว่าซุนอู่ การคุ้มกันครั้งนี้ควรเป็นเขาที่เป็นหัวหน้า แต่เบื้องบนกลับมอบหมายงานนี้ไปให้ซุนอู่แทน...

กู้หว่านเยว่มองเขาอย่างหยอกล้อ ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับเขา ก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุเซรุ่มออกมาจากกระเป๋าสะพายหลัง

แล้วปักลงไปที่แขนของซุนอู่โดยไม่ลังเล

การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เป็นวิธีล้างพิษที่มีประสิทธิภาพที่สุด

จางเอ้อไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน มองดูเข็มฉีดยาอย่างสงสัย “นี่คือสิ่งใด? ใช้เจ้าสิ่งนี้แทงหัวหน้าก็สามารถล้างพิษได้แล้วหรือ?”

กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไร เพ่งสมาธิไปที่การสังเกตอาการของซุนอู่

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที การฉีดเซรั่มล้างพิษก็เสร็จสิ้น

กู้หว่านเยว่โยนเข็มฉีดยาลงในกระเป๋าสะพายหลังแล้วพูดยืนยันว่า “อีกครึ่งชั่วยามเขาก็จะตื่นแล้ว”

ส่วนเข็มฉีดยาเข็มนั้น นางไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม อย่างไรเสีย พวกเขาก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย

ขอเพียงแค่แก้พิษได้ก็เป็นพอ

พอดีกับที่ซุนอู่พึมพำออกมา เหล่านักการพุ่งมาล้อมตัวเขาไว้อย่างรวดเร็ว และกว่าที่เขาจะตื่นก็ใช้เวลาอีกพอควร ทั้งหลายจึงพักอยู่กับที่ รอให้ซุนอู่ตื่นแล้วค่อยออกเดินทางต่อ

กู้หว่านเยว่เดินกลับไปหาซูจิ่งสิง

ทุกคนในตระกูลซูมองนางอย่างสงสัย ทว่าเพราะตัดสัมพันธ์แล้วจะไม่สะดวกใจจะเอ่ยถาม

ซูจิ่นเอ๋ออดไม่ได้ จึงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ดาวไม้กวาด เจ้ารู้วิชาแพทย์จริงๆ หรือ? ทำไมข้าไม่รู้ว่าก่อนเลยเล่า?”

กู้หว่านเยว่พูดอย่างใจเย็น “สมองเจ้าไม่ดี ย่อมไม่รู้อยู่แล้ว”

“เจ้า!” ซูจิ่นเอ๋อพองแก้มด้วยความโกรธ แต่พอนึกถึงสิ่งที่ต้องการจากคำตอบก็กลืนความโกรธลงท้อง และถามว่า “ในเมื่อเจ้ารู้วิชาแพทย์ เช่นนั้นก็สามารถรักษาบาดแผลให้พี่ใหญ่ได้ใช่หรือไม่?”

นางยังคงกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่

หากกู้หว่านเยว่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของพี่ชายนางได้จริงๆ เช่นนั้นจากนี้นางก็จะลับฝีปากกับนางให้น้อยลงหน่อย

หลี่ซือซือที่นั่งอยู่ข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่าจงใจพูดขึ้นมาว่า “ไม่เคยได้ยินว่าตระกูลโหว[footnoteRef:1]สกุลใดส่งบุตรีไปร่ำเรียนวิชาแพทย์ คงไม่ใช่ว่าอ่านหนังสือการแพทย์ไปไม่กี่เล่มแล้วลำพองตน บอกว่ารู้วิธีการรักษากระมัง?” [1: ตำแหน่งขุนนางลำดับที่สอง]

ทุกคนในตระกูลซูเดิมทีกำลังดูเรื่องตลก แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น ก็พลันนั่งไม่ติดที่

“กู่หว่านเยว่ เจ้าก็ช่างสร้างเรื่องเก่งเหลือเกินแล้ว หากนักการคนนั้นเป็นอะไรไป เช่นนั้นไม่ใช่ว่าพวกเราต้องพลอยโดนหางเลขไปกับเจ้าหรือ?”

ซูหัวหลินรีบพูดว่า “ตัดสัมพันธ์กันไปแล้ว บ้านสามของพวกเจ้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอีก หากจะโชคร้ายพวกเจ้าก็ไปโชคร้ายกันเองเสีย”

เฉียนซื่อยังกล่าวอีกว่า “ใช้แล้ว อย่ามาลากพวกเราลงน้ำไปด้วย!”

เดิมทีบรรดาฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งใกล้กู้หว่านเยว่อยู่หน่อยก็รีบหลบหลีก ทำท่าราวกับว่าซ่อนตัวจากเทพโรคระบาด ขยับห่างจากนางด้วยความรังเกียจ กลัวว่าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย

ซูจิ่นเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เข้าร่วมดุด่ากู้หว่านเยว่กับพวกเขา นางยอมเชื่อว่ากู่หว่านเยว่รู้วิชาแพทย์ หวังว่าพี่ใหญ่ของนางจะมีวิธีช่วย

กู้หว่านเยว่ไม่มีเวลาสนใจพวกเขา

ถือเวลาที่ยังว่างนี้ ก้มหัวลงเก็บหญ้าสมุนไพรสองข้างทาง

หยางซื่อและซูจื่อชิงไม่มีอะไรทำ ดังนั้นจึงมาช่วยนางเก็บอีกแรง

ครึ่งชั่วยามต่อมา จางเอ้อก็เดินเข้ามา

ค่ำคืนมืดมิด ใบหน้าของอีกฝ่ายมองอย่างไรก็เลือนราง

คนตระกูลซูคิดไปก่อนแล้วว่าจางเอ้อมาเพื่อกล่าวโทษ หลิวซื่อพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ว่า “บางคนนะ รีบเข้าไปเอาใจเหล่านักการพวกนั้นจนตัวสั่น ใครจะรู้ว่าพาตัวเองเข้าคุกไปเสียแล้ว ข้าจะรอดูว่านางจะได้รับโชคร้ายอย่างไรไป”

“พี่สะใภ้ใหญ่…” ซูจื่อชิงจับมือกู่หว่านเยว่โดยไม่รู้ตัว

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจกู้หว่านเยว่ แต่จางเอ้อโหดร้ายเลวทราม ดูแล้วก็เหมือนว่ากำลังมาสร้างปัญหาอยู่จริงๆ

ซูจิ่งสิงที่นอนอยู่บนรถเข็นเองก็ขมวดคิ้ว ในใจไม่มั่นคง

แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาจะปกป้องกู้หว่านเยว่อย่างแน่นอน

ภายใต้การจ้องมองของสายตาหลายคู่ที่แตกต่างกันไป จางเอ้อก็ก้าวเข้ามาหากู้หว่านเยว่ และทันใดนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะแสนตื่นเต้นออกมา

“แม่นางน้อยกู้ ท่านประเสริฐเหลือเกิน! หัวหน้าของเรารู้สึกตัวแล้ว พูดได้แล้วด้วย”

ทุกคนในตระกูลซูต่างตกตะลึง

คนคนนั้นถูกกู้หว่านเยว่ช่วยกลับมาได้แล้วจริงๆ หรือ?

จากนั้น ดวงตาของพวกเขาก็ฉายความอิจฉาออกมามากขึ้น มองเห็นจางเอ้อหยิบห่อซาลาเปาเนื้อที่เปรอะน้ำมันมันเยิ้มมาจากด้านหลัง

“พวกเราไม่มีอะไรจะขอบคุณ เช่นนั้นก็ขอมอบซาลาเปานี้ให้แทน ท่านอย่าได้รังเกียจเลย”

พวกเขาซื้อซาลาเปาเนื้อห่อนี้มาจากเมืองหลวงในราคาไม่กี่หยวน ราคาไม่สูงนัก แต่สำหรับนักโทษที่อยู่ระหว่างการเนรเทศกลับมีค่ายิ่ง

กู้หว่านเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ปฏิเสธ แผ่นแป้งไส้เนื้อเมื่อช่วงกลางวันนางกินไปไม่เยอะ อาหารปรุงสุกในมิติก็ไม่สะดวกจะเอาออกมา ท้องจึงหิวอยู่ไม่หยอก

“ขอบคุณมาก เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้แล้ว”

“สมควรแล้ว ท่านรีบพักผ่อนเถอะ ข้าต้องกลับไปดูแลหัวหน้าต่อแล้ว”

จางเอ้อแจ้งให้ทุกคนทราบว่า คืนนี้พวกเขาจะพักผ่อนกันที่นี่

เมื่อจางเอ้อจากไป ทุกคนในตระกูลซูก็จ้องไปที่ซาลาเปาเนื้อในมือของกู่หว่านเยว่ตาเป็นมัน แทบรอไม่ไหว อยากกระโจนไปตะครุบ

“กู่หว่านเยว่ ได้รับซาลาเปาเนื้อมามากเช่นนั้น ควรให้พวกเราผู้อาวุโสได้ลิ้มลองก่อน”

เฉียนซื่อกล่าวอย่างไร้ยางอาย

ฮูหยินผู้เฒ่ากลืนน้ำลาย เดินมาทั้งวัน นางก็กินไปแค่ซาลาเปาเนื้อเพียงลูกเดียว หิวจนหน้ามืดตาลายอยู่นานแล้ว

นางรอให้กู้หว่านเยว่มาส่งซาลาเปามาให้อย่างเชื่อฟัง

กู้หว่านเยว่หัวเราะเย็น พูดอย่างไร้ความปรานี “ตัดสัมพันธ์กันไปแล้ว เจ้านับเป็นผู้อาวุโสของตระกูลใดกัน?”

“ซาลาเปาก้อนนี้ต่อให้ต้องกลายเป็นอาหารสุนัข ก็จะไม่แบ่งให้พวกคนใจเหี้ยมใจสามานย์อย่างพวกเจ้า”

“เจ้า……”

เฉียนซื่อโกรธจนเริ่มพับแขนเสื้อขึ้น ซูหัวหลินรีบเข้ามาหยุดนางไว้ ความสามารถในการต่อสู้ของกู้หว่านเยว่เป็นที่รู้กันดี หากเข้าไปประมือมีแต่พวกเขาที่จะโชคร้าย

เขาขยิบตาให้เฉียนซื่อ เป็นนัยว่ารอให้หลับกันไปก่อนแล้วค่อยลงมือ

“ท่านแม่ จื่อชิง ซาลาเปาของพวกท่าน”

กู้หว่านเยว่เปิดห่อกระดาษเยิ้มน้ำมัน หยิบซาลาเปาเนื้อสองชิ้นออกมาแล้วแบ่งให้หยางซื่อกับซูจื่อชิง

ทั้งสองแสนจะสุขใจ

กู้หว่านเยว่หยิบออกมาอีกลูกหนึ่งแล้วยื่นให้ซูจิ่งสิง

“สามี ของท่านเจ้าค่ะ”

หลังจากที่เห็นซูจิ่งสิงหยิบซาลาเปาเนื้อไป นางก็หยิบอีกลูกออกมายัดเข้าปาก จากนั้นก็ห่อกระดาษเยิ้มน้ำมันนั้นใหม่ แล้วเก็บใส่กระเป๋าเล็กๆ ของตน

ซูจิ่นเอ๋อมองดูเคลื่อนไหวทั้งหมดของนางที่คล้ายว่าลืมตนเองไปจนสิ้น รีบพูดอย่างกังวลใจว่า

“ดาวไม้กวาด ยังมีข้านะ!”

กู้หว่านเยว่เหลือบมองไปที่นาง “เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”

ใบหน้าของซูจิ่นเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่นางตะกละในซาลาเปาเนื้อ จึงไม่ลังเลใจที่จะเปลี่ยนสรรพนาม

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ยังมีข้าเจ้าค่ะ ขอร้องท่านแบ่งซาลาเปาเนื้อให้ข้าสักลูกเถอะ”

เด็กน้อย ยังจะรักษาเจ้าไม่ได้หรืออย่างไร?

กู้หว่านเยว่หยิบซาลาเปาเนื้ออีกชิ้นออกมาจากห่อกระดาษน้ำมัน แต่แบ่งให้ซูจิ่นเอ๋อเพียงครึ่งลูก เหตุผลก็เพราะเมื่อกลางวันนางแอบไปกินซาลาเปาเนื้อลับหลังทุกคน พฤติกรรมน่าละอาย

ใบหน้าของซูจินเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดง นางก้มศีรษะลง กัดเอาซาลาเปาครึ่งลูกนั้นเข้าปากไปแต่โดยดี

ค่ำคืนลึกล้ำ

นักโทษที่เดินทางมาทั้งวันต่างก็ล้มลงกับพื้น เหนื่อยล้าจนหลับสนิท

กู้หว่านเยว่เอนหลังพิงรถเข็น แล้วหยิบเข็มกับด้ายออกมาเย็บปะบางอย่าง

ซูจิ่งสิงเองก็ไม่ได้หลับไป หันข้างไปมองนาง ดวงตาของทั้งสองคนบังเอญหันมาสบกัน...
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Commentaires (3)
goodnovel comment avatar
วริศรา กัณหาสร้อย
ดีมากสนุกมากหวังว่าจะจบแบบแฮพปี้เอนดิ้งนะคะ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สนุกค่ะ หวังว่าน้องพระเอก จะปรับนิสัยได้ จะได้ร่วมเสพสุขด้วยกัน
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ยิ่งอ่านยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยเรื่อยค่ะ
VOIR TOUS LES COMMENTAIRES

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1984

    แต่จี้เยว่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของสกุลซุน ไม่ได้รับความสำคัญมากเพียงพอ อีกทั้งยังไม่สามารถตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงได้นางหยางกวาดตามอง “ดูเด็กคนนี้น่ารักมากเพียงใด ข้าอายุปูนนี้แล้ว ว่างงานยิ่งนัก ชอบให้เด็กรายล้อมรอบกาย หากไม่สะดวกเลี้ยงดูในวัง ก็สามารถส่งมาที่จวนข้าได้”“เด็กคนนี้งดงามดุจหยก ขาวๆ นุ่มๆ มองดูแล้วเป็นคนมีวาสนาคนหนึ่ง กินอิ่มแล้วก็นอน นิสัยเองก็ดี ภายภาคหน้าจ้านจ้านโตแล้ว ก็ช่วยคลายเหงาให้จ้านจ้านได้”ซูจิ่งสิงไม่รับสนม วังหลังคล้ายไม่มีอยู่จริง กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มีลูกในตอนนี้ภายในวังมีเพียงจ้านจ้านเป็นเด็กคนเดียว เหงาอยู่บ้างจริงๆมีเด็กคนอื่นอยู่เป็นเพื่อน ก็เป็นเรื่องดีสองสามคนปรึกษากันและตัดสิน ให้จี้เยว่อยู่ภายในวังก่อนอย่างน้อยทางฝั่งสกุลซุนนั้น ซูจิ่งสิงย่อมส่งคนไปแจ้งข่าว คาดว่าสกุลซุนเองก็ไม่มีวันคัดค้านขณะเดียวกันดรุณีน้อยนอนหลับฝันหวานภายในอ้อมกอดของชิงเหลียนยังไม่รู้เลยว่าบัดนี้ชะตาชีวิตของตนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นี้ไป จะผูกติดกับองค์ชายน้อยที่มอบขนมให้ตนเองกินสองสามคนพูดคุยกันขณะรอ กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่ได้พบเห็นในที่ราบแห่งความโกลาหล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1983

    ห้องเครื่องของวังหลวงทำอาหารเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เหล่าญาติฝ่ายหญิงที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงภายในวังหลวงล้วนถูกกระจายออกไปแล้วชิงเหลียนมองกู้หว่านเยว่ที่ไม่ได้พบหน้านานมาก ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล“ฮูหยิน นับว่ารอจนท่านกลับมาแล้ว”นางปาดน้ำตา พูดยิ้มๆ อย่างเก้อกระดาก “หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ภายในวัง วันหน้าบ่าวจะพานางเข้ามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง“เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้วหรือนี่”นางนึกถึงก่อนหน้านี้เตรียมสินเดิมให้เหล่าสาวใช้ รอได้พบหงซิ่ง จะต้องมอบสินเดิมให้นางชิงเหลียนพยักหน้ายิ้มๆ “พวกเขาสองสามีภรรยาเปิดร้านขายผ้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง การค้านับว่าไม่เลว ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”กู้หว่านเยว่นึกดีใจแทนพวกเขาภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ใช่แล้ว นี่เป็นลูกของใคร เหตุใดไปอยู่ในตำหนักบรรทมของจ้านจ้านได้?”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่หลบใต้โต๊ะของจ้านจ้านขึ้นมาได้ ดวงตากลมโตดุจหยก กลับเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งชิงเหลียนรีบเล่าฐานะของเด็กหญิงให้กู้หว่านเยว่ฟัง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงชะงักไป เงียบ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1982

    “ร้องไห้ทำไม? โตเพียงนี้แล้วยังเสียน้ำตาอีก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว สั่งสอนอย่างเข้มงวดภายในสายตานางหยางเจือประกายน้ำตา สบมองกู้หว่านเยว่ ทั้งยังหันมองซูจิ่งสิง“ตอนเจ้าไม่อยู่ จื่อชิงเด็กคนนี้สุขุมมากนัก”“มีเพียงได้เห็นพวกเจ้า เขาถึงตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้”ซูจื่อชิงไม่ตื่นเต้นได้หรือ เขาทำงานหนักเพื่อพี่ใหญ่พี่สะใภ้ทุกวัน ดูแลบ้านเมืองงานยิ่งใหญ่นี้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นอนดึกยิ่งกว่าสุนัข ตื่นเช้ายิ่งกว่าไก่ เหนื่อยแทบตาย“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ฮือฮือๆ...” ซูจื่อชิงกอดขาทั้งคู่ ร้องไห้โฮ“รีบปล่อยเร็วเข้า อย่าทำให้ข้าขายหน้า”ซูจิ่งสิงสบถด่าเสียงเยียบเย็นทั้งคู่ทำความเคารพนางหยางพร้อมกัน “ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว ช่วงนี้ทำให้พวกท่านกังวลแล้ว”จ้านจ้านขาวขาวเนียนเนียน สุขภาพแข็งแรงร่าเริง นางหยางย่าคนนี้ใส่ใจไม่น้อย กู้หว่านเยว่รู้สึกซาบซึ้งอยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน พูดจาห่างเหินเพียงนี้ทำอันใด”นางหยางปาดน้ำตาที่หางตา มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอย่างชื่นชม“ขอเพียงพวกเจ้าสองคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่ก็วางใจแล้ว”“ใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1981

    ในสายตาเจ้าเด็กบ้ามีเพียงมารดา ไม่มีบิดา!ซูจิ่งสิงอยากตีก้นเจ้าเด็กคนนี้สักที แต่เห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเขา ยังตัดสินใจปล่อยไปก่อนจ้านจ้านเงยหน้า เหลือบมองบิดาของเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด “เสด็จพ่อ ท่านไม่ใช่พูดว่าจะพาเสด็จแม่กลับมาในสองเดือนหรือ?”เขากำหมัดแน่นถูกบิดาหลอกแล้ว!ตอนบิดาจากไปยังพูดว่าสองเดือนก็กลับมา เขาถึงดีใจพูดว่าอยากได้น้องสาวสักคน ขอให้พาน้องสาวกลับมาพร้อมกันใครรู้เล่าว่าบิดาไปครั้งนี้นานถึงหนึ่งปี!“เกิดความเปลี่ยนแปลง กลับมาช้าไปแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมของลูกชาย “แต่ครั้งนี้ข้าและแม่เจ้าได้รับมาไม่น้อย รอภายภาคหน้าค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ฟังออก ซูจิ่งสิงนี่คือต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของจ้านจ้านนางพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ใช่แล้วจ้านจ้าน พวกเราผ่านป่าซิงโตวมาด้วย นั่นคือสถานที่กว้างใหญ่เท่าต้าฉีสองแห่งเลยทีเดียว”จ้านจ้านกระพริบตา เขาอ่านหนังสือมาไม่น้อย นึกถึงระยะห่างภายในสมองภายในหนังสือพูดว่าอาณาเขตเหนือใต้ของต้าฉีมีระยะห่างราวหนึ่งพันห้าร้อยลี้ ต้าฉีสองแห่ง นั่นไกลมากเหลือเกิน“ภายใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1980

    “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เขารู้จักจี้เยว่ สายตามองไปที่หน้าอกของนาง ก็เห็นคราบน้ำลายเต็มไปหมดจริง ๆ นางยังหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขา ที่มุมปากก็ยังมีเศษขนมติดอยู่พอมองขึ้นไปบนโต๊ะ ขนมที่วางไว้เมื่อเช้าก็หายไปแล้วจริง ๆ เจ้าเด็กโง่คนนี้หลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขาเพื่อแอบกินขนม! มุมปากของจ้านจ้านกระตุกจี้เยว่ดูสีหน้าคนไม่ออก ยังไม่รู้ตัวว่าทำให้องค์ชายน้อยโกรธแล้ว ยังคงจ้องมองดวงตาแดง ๆ ของเขาอย่างสงสัย“ท่านพี่ ท่านร้องไห้ทำไมหรือ? กินขนมสักคำก็จะไม่ร้องไห้แล้วนะ ขนมที่นี่อร่อยมาก เยว่เอ๋อร์ไม่เคยกินขนมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”เจ้าแมวน้อยตะกละกินจนท้องกลม ก็พูดเยอะขึ้นแล้ว “ข้าไม่ได้ร้องไห้”จ้านจ้านกล่าวอย่างดุดัน“ถ้ากล้าพูดว่าข้าร้องไห้อีก ข้าจะต่อยเจ้า!”จี้เยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองไปที่กำปั้นของจ้านจ้าน แล้วก็เบะปาก ดวงตาที่ดูโตเป็นพิเศษคู่นั้นก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาในทันที“ฮือ ๆ ๆ ...” นางถูกขู่จนร้องไห้จ้านจ้านตกตะลึง เขากลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด จึงรีบเอามือปิดปากของจี้เยว่ แก้มของเด็กหญิงทั้งกลมทั้งนุ่ม แถมยังเด้งอีกด้วยเขาก็เผลอใช้แรงหยิกไปทีหนึ่งโดยไม่รู้ตั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1979

    ก็ไม่แปลกที่กู้หว่านเยว่จะลังเลตอนที่นางจากไปครั้งแรก ได้ให้สัญญากับซูจิ่งสิงไว้ว่าจะกลับมาภายในหนึ่งปีแต่ตอนนี้ ผ่านมาสองปีเต็มแล้วตอนนั้นจ้านจ้านยังเดินเตาะแตะ พูดได้แค่คำสองคำง่าย ๆ แต่ตอนนี้กลับขยับขาสั้น ๆ ของตนวิ่งได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วหากไม่เอ่ยปากก็แล้วไป แต่หากเอ่ยปากพูดเมื่อใดก็สามารถทำให้คนโกรธจนแทบกระอักเลือดได้ดังนั้น ตอนแรกที่กู้หว่านเยว่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งมา นางก็เพียงแค่รู้สึกตามสัญชาตญาณว่านั่นคือจ้านจ้านจนกระทั่งเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด นางถึงกล้าตัดสินจากท่าทางของเด็กคนนั้นได้ว่า นั่นคือจ้านจ้านลูกชายสุดที่รักของนาง!“เป็นลูกชายจริง ๆ ด้วย!” กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้าตื่นเต้นนางเร่งฝีเท้า เดินตรงไปยังทิศทางของจ้านจ้านซูจิ่งสิงเองก็จ้องมองเด็กคนนั้นไม่วางตา เขาจากไปช้ากว่ากู้หว่านเยว่เล็กน้อย ตอนนั้นจ้านจ้านก็สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว“จ้านจ้าน!”ทั้งสองคนร้องเรียกออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตั้งใจจะเข้าไปกอดลูกชายจ้านจ้านที่วิ่งมาได้ครึ่งทางพลันหยุดนิ่ง เขามองทั้งสองคน ก่อนจะเช็ดที่หางตาของตนเองอย่างแรงจากนั้น ก็หันหลังกลับแล้

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status