ก่อนหน้านั้นแทบจะเป็น...ในเวลาเดียวกันกับที่เกิดเรื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ร่างสูงสง่าของนายแพทย์ซ่งอวิ๋นเซิงในชุดเดินทางที่เรียบง่ายแต่ดูดีกำลังก้าวออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า
เขาเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงจากการไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม แม้จะมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรู้และความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
บี๊บ! บี๊บ! บี๊บ!
เสียงเพจเจอร์ที่เหน็บอยู่ที่เข็มขัดของเขาดังขึ้นอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู...ข้อความบนหน้าจอคือรหัสฉุกเฉินที่ส่งตรงมาจากโรงพยาบาล PUMC!
หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบ! เขาไม่รอช้ารีบตรงไปยังโทรศัพท์สาธารณะที่ใกล้ที
ภาพของชายหนุ่มผู้ทำเก๊กขรึมมาตลอด...ทำให้ทั้งหวงจิงและถังเยว่ฉีถึงกับหลุดขำออกมา ในขณะที่อู๋ถิงก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ กับความขี้เล่นของโจวเทา บรรยากาศที่เคยดูจะตึงเครียดเล็กน้อยจากสงครามประสาทเบา ๆ พลันผ่อนคลายลงทันที เกาซูอวี้มองท่าทีที่ดูเก้อเขินของคู่แข่งอันดับสองของประเทศแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เธอจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ "การได้เป็นเพื่อนกับคนเก่ง ๆ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว" เธอกล่าวกับหยางเทียนโดยตรง "ฉันเองก็รู้สึกเป็นเกียรติเหมือนกันที่จะได้เรียนและแข่งขันไปพร้อม ๆ กับที่สองของประเทศอย่างนาย" คำพูดของเธอที่ไม่ได้ล้อเลียนแต่กลับยอมรับเขาในฐานะ คู่แข่งที่ทัดเทียมอย่างให้เกียรติ ทำให้หยางเทียนรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง ความรู้ส
กลับมายังสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากที่เกาซูอวี้ได้บอกกับพ่อของตนอันเป็นที่เคารพรักทั้งสองคนไปแบบนั้น เด็กสาวก็ทำตามที่เธอพูดถึงทุกประการ....และทุกอย่างของพวกเขาทั้งสองครอบครัวก็ได้กลับมาใช้ชีวิตที่มีความสุขได้อีกครั้งจนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว.... และแล้ววันสอบปลายภาคของชั้นมัธยมปลายระดับปีที่สองก็สิ้นสุดลงพร้อมกับวินาทีนั้นว่า....ช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวและเรียนรู้อย่างเข้มข้นกำลังจะได้เริ่มขึ้นแล้วอย่างจริงจัง...เพราะหลังเปิดเรียนพวกเขารวมถึงเพื่อน ๆ ในชั้นเดียวกันจะเข้าสู่ระดับชั้นมัธยมปลายปีที่สาม แต่ทว่าสำหรับกลุ่มของพี่ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเกาซูอวี้ หวงจิง ถังเยว่ฉี และอู๋ถิง รวมถึงกลุ่มของหลี่หู่ จากระยะเวลาและประสบการณ์หลาย ๆ อย่างที่พวกเขาร่วมประสบพบเจอมาด้วยกันมันได้หล่อหลอมให้หน่วยอาสารุ่นเยาว์และกลุ่มที่เคยถูกเรียกว่าอันธพาลได้เติบโตขึ้นทั้งในด้านสติปัญญาและความคิดไปไกลมากเกินกว่า
เช้าวันต่อมา...หลังจากที่ทุกคนได้รับประทานอาหารเช้าที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและรสชาติแบบปักกิ่งแท้ ๆ เรียบร้อยแล้ว การเดินทางที่ทุกคนรอคอยก็ได้เริ่มต้นขึ้น ศาสตราจารย์ซ่งไป๋และคุณนายถังซูหราน เจ้าบ้านทั้งสองได้อาสาทำหน้าที่เป็นไกด์พิเศษพาแขกผู้มาเยือนทั้งหมดเดินทางไปยังสถาบัน Peking Union Medical College หรือ PUMC ด้วยตัวเอง เมื่อรถตู้ของสถาบันแล่นผ่านประตูทางเข้าที่ดูโอ่อ่าเข้าไป...ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็ทำให้เด็ก ๆ ทุกคนถึงกับต้องตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ทั้งนี้เป็นเพราะ...สถาปัตยกรรมของที่นี่แตกต่างจากที่พวกเขาเคยเห็นมาโดยสิ้นเชิง...มันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรูปแบบพระราชวังจีนโบราณกับโครงสร้างแบบตะวันตก หลังคากระเบื้องเคลือบสีเขียวมรกตที่สวยงามตั้ง
หลายวันแห่งการสอบที่แสนยาวนานได้สิ้นสุดลง...ก่อนจะตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่ยาวนานและบีบคั้นหัวใจยิ่งกว่า...เพราะหลังจากที่ทุกคนได้ยื่นใบสมัครเลือกคณะและมหาวิทยาลัยตามคะแนนที่ตัวเองคาดการณ์ไปแล้ว...ในที่สุด วันประกาศผลคะแนนเกาเข่าอย่างเป็นทางการก็มาถึง บรรยากาศที่หน้าโรงเรียนมัธยมสาธิตฯ ในวันนี้คึกคักและตึงเครียดมากกว่าวันไหน ๆ ไม่ว่าจะทั้งตัวนักเรียนหรือผู้ปกครอง เพราะตอนนี้ทุกคนต่างมายืนออกันอยู่ที่หน้าบอร์ดประกาศผลขนาดใหญ่ ทีมพี่ใหญ่ทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่นี่เช่นเดียวกัน...พวกเขาเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัวและแล้ว...พวกเขาก็เห็นมัน! เกาซูอวี้...735 คะแนน! อู๋ถิง...705 คะแนน! ถังเยว่ฉี...688 คะแนน! หวงจิง...
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้วนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยอาสารุ่นเยาว์และทีมแพทย์อาสาจาก PUMC ก็ได้เปลี่ยนไป ซ่งอวิ๋นเซิงและเฉียนฮ่าวหรานไม่ได้มองเกาซูอวี้และเพื่อน ๆ ของเธอเป็นแค่เด็กมัธยมปลายอีกต่อไป แต่พวกเขาได้มองว่าเด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสี่คนเป็นเหมือนรุ่นน้องและเพื่อนร่วมทีมที่มีความสามารถและจิตใจที่น่าชื่นชม ดังนั้นในช่วงเวลาว่างเว้นจากการดูแลผู้ป่วยที่แม้จะมีเพียงน้อยนิด พวกเขาก็มักจะมานั่งรวมกลุ่มกันที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาลสนาม จนกลายเป็นภาพชวนแปลกตาสำหรับคนอื่น ๆ "สถานการณ์ของผู้พันเกาตอนนี้..." จู่ ๆ เฉียนฮ่าวหรานก็เป็นฝ่ายกล่าวขึ้นก่อน....หลังจากที่พวกเขามารวมตัวกัน "ทำให้ฉันนึกถึงเคสที่ PUMC อยู่เคสนึง...ใช่ไหมอาเซิง"
ก่อนหน้านั้นแทบจะเป็น...ในเวลาเดียวกันกับที่เกิดเรื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ร่างสูงสง่าของนายแพทย์ซ่งอวิ๋นเซิงในชุดเดินทางที่เรียบง่ายแต่ดูดีกำลังก้าวออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า เขาเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงจากการไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม แม้จะมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรู้และความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น บี๊บ! บี๊บ! บี๊บ! เสียงเพจเจอร์ที่เหน็บอยู่ที่เข็มขัดของเขาดังขึ้นอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู...ข้อความบนหน้าจอคือรหัสฉุกเฉินที่ส่งตรงมาจากโรงพยาบาล PUMC! หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบ! เขาไม่รอช้ารีบตรงไปยังโทรศัพท์สาธารณะที่ใกล้ที