แชร์

ตอนที่9 พี่ใหญ่!! (2)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-21 19:30:49

"หานซูอวี้... อ๋อ! เธอคือลูกสาวของน้าหลิวซินที่แม่ฉันเล่าให้ฟังนี่เอง!" หวงจิงยิ้มกว้าง

            "ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะชู้ตบาสเก่งขนาดนี้! มาเล่นด้วยกันสิ!"

            คำชวนอย่างเป็นมิตรของหวงจิงทำให้เด็กคนอื่นส่งเสียงเชียร์สนับสนุน หานซูอวี้มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและ      แววตาท้าทายอย่างเป็นมิตรของพวกเขา มุมปากของเธอพลันยกขึ้นสูงก่อนจะพยักหน้าตอบรับ

            "ก็ได้"

            เกมเริ่มต้นอีกครั้ง แต่คราวนี้บรรยากาศในสนามเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เด็กชายทุกคนต่างจับจ้องมาที่สมาชิกใหม่ของทีมอย่างหานซูอวี้ และเธอก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง

            แม้จะอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุสิบสามปีที่ดูภายนอกผอมบาง แต่ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเธอกลับคล่องแคล่วและว่องไวอย่างน่าเหลือเชื่อ

            การเลี้ยงลูกบาสของเธอติดหนึบกับมือราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย การส่งลูกที่แม่นยำราวกับจับวาง และการป้องกันที่อ่านเกมได้อย่างเฉียบขาด

            ทั้งหมดนี้คือทักษะที่มาจากประสบการณ์และสมองของหญิงสาววัยสามสิบสองปี ผนวกเข้ากับพละกำลังและความเร็วที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายนี้โดยที่เธอเองก็ยังไม่รู้ตัว

            "เฮ้! พวกทางนี้!" หวงจิงร้องเรียก

            หานซูอวี้เหลือบมองเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะส่งลูกบาส กระดอนพื้นลอดหว่างขาของผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไปให้หวงจิงได้ อย่างพอเหมาะพอเจาะจนเขาสามารถทำแต้มไปได้อย่างง่ายดาย

            "สุดยอดไปเลย!" หวงจิงตะโกนลั่นอย่างดีใจ

            ไม่เพียงแต่เล่นเก่งเท่านั้น หานซูอวี้ยังคอยให้คำแนะนำเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย "นายลองย่อตัวลงอีกนิดตอนตั้งรับ จะทรงตัวได้ดีกว่า" เธอหันไปบอกเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังหอบแฮ่ก "แล้วนาย...ลองส่งไปทางนั้นดู มีช่องว่างอยู่"

            ในเวลานี้เด็ก ๆ ทุกคนในสนามต่างทึ่งในความสามารถและสายตาที่เฉียบคมของเธอ จากตอนแรกที่แค่อยากจะลองดีกับเด็กใหม่ ตอนนี้กลับกลายเป็นความยอมรับอย่างเต็มใจ

            ในจังหวะหนึ่งที่ทีมกำลังจะบุกขึ้นไปทำแต้ม เด็กหนุ่มคนหนึ่งส่งลูกมาให้เธอพร้อมตะโกนขึ้นว่า

            "พี่ใหญ่! ชู้ตเลย!"

            คำว่า "พี่ใหญ่" ซึ่งเป็นคำที่ปกติแล้วจะใช้เรียกผู้นำกลุ่มที่เป็นผู้ชายทำให้ทุกคนในสนามชะงักไปชั่วขณะ แต่เมื่อเห็นท่าทีที่เป็นธรรมชาติและฝีมือที่น่าทึ่งของหานซูอวี้แล้ว ทุกคนต่างก็พยักหน้ายอมรับอย่างพร้อมเพรียงกัน และนับจากวินาทีนั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็พร้อมใจกันเรียกเธอว่า "พี่ใหญ่" อย่างเต็มปากเต็มคำ

            ที่สำคัญคือเมื่อมองไปยังเด็กหญิงผมสั้นในชุดลำลองที่ดูคล่องตัวคนนี้ ไม่มีใครในสนามรู้สึกว่าเธอดูบอบบางหรือเป็นเด็กผู้หญิงนุ่มนิ่มที่ต้องคอยออมแรงให้แม้แต่น้อย ในสายตาของพวกเขา เธอคือ "พี่ใหญ่" ผู้นำทีมที่น่าเกรงขามและพึ่งพาได้คนหนึ่ง

            พวกเขาเล่นกันจนเหงื่อท่วมตัวและพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง เมื่อทุกคนต่างหมดแรงและตัดสินใจแยกย้าย หวงจิงก็เดินเข้ามาหาเธอ

            "วันนี้สนุกมากเลยพี่ใหญ่! พรุ่งนี้มาเล่นด้วยกันอีกนะ" เขายิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร "ไปพี่ใหญ่ พวกเรากลับบ้านกัน"

            "อืม" หานซูอวี้พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินนำหวงจิงกลับไปยังบ้านพักของครอบครัวหวง บรรยากาศระหว่างทางเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานของหวงจิงที่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในหมู่บ้านทหารให้เธอฟัง ทำให้หานซูอวี้รู้สึกว่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่หนานจิงแห่งนี้...อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เธอเคยหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   ตอนที่9 พี่ใหญ่!! (2)

    "หานซูอวี้... อ๋อ! เธอคือลูกสาวของน้าหลิวซินที่แม่ฉันเล่าให้ฟังนี่เอง!" หวงจิงยิ้มกว้าง "ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะชู้ตบาสเก่งขนาดนี้! มาเล่นด้วยกันสิ!" คำชวนอย่างเป็นมิตรของหวงจิงทำให้เด็กคนอื่นส่งเสียงเชียร์สนับสนุน หานซูอวี้มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและ แววตาท้าทายอย่างเป็นมิตรของพวกเขา มุมปากของเธอพลันยกขึ้นสูงก่อนจะพยักหน้าตอบรับ "ก็ได้" เกมเริ่มต้นอีกครั้ง แต่คราวนี้บรรยากาศในสนามเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เด็กชายทุกคนต่างจับจ้องมาที่สมาชิกใหม่ของทีมอย่างหานซูอวี้ และเธอก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง แม้จะอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุสิบสามปีที่ดูภายนอกผอมบาง แต่ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเธอกลับคล่องแคล่ว

  • ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   ตอนที่8 พี่ใหญ่!! (1)

    ยังไม่ทันที่พวกเธอจะก้าวลงจากรถดีประตูบ้านหลังนั้นก็เปิดออกอีกครั้ง ชายร่างสูงในชุดลำลองแต่ยังคงท่วงท่าสง่างามแบบทหารเดินออกมายิ้มต้อนรับ "ซินซิน ในที่สุดเธอก็มาถึงเสียทีนะ!" เฉินลี่ฮวารีบเข้ามาสวมกอดเพื่อนรักของเธอด้วยความดีใจ "ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะ ต่อไปนี้ที่นี่คือบ้านของเธอ" จากนั้นเธอก็หันมาแนะนำครอบครัว "นี่คุณเจิ้งหรง สามีของฉัน ส่วนนี่ก็หวงเหม่ย ลูกสาวคนเล็กจ้ะ ฉันยังมีลูกชายอีกคนหนึ่งตอนนี้เขาออกไปเล่นกับเพื่อนอายุน่าจะพอ ๆ กับซูอวี้นี่แหละ หากแม่บุญธรรมจำไม่ผิดหนูน่าจะเกิดเดือนสี่ใช่ไหม จิงจิงของแม่เกิดเดือนหก ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นน้องของหนูสองเดือน" ความเป็นกันเองของแม่บุญธรรมที่หานซูอวี้จำได้เลือนรางเมื่อครั้งยังเด็กทำให้เธอผ่อนคลายลง "สวัสดีค่ะแม่บุญธรรม พ่อบุญธรรม" หานซูอวี้โค้งคำนับให้คนทั้งคู่อย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปทักทายเด็กหญิงตัวน้อยอายุรา

  • ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   ตอนที่7 อิสระภาพ พร้อมกลิ่นเงินอันหอมหวาน (2)

    ณ สำนักงานกิจการพลเรือน (หน่วยงานทะเบียนราษฎร) บรรยากาศภายในสำนักงานราชการในตอนบ่ายค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงพัดลมเพดานที่หมุนดังเอื่อย ๆ กับเสียงเจ้าหน้าที่พลิกกระดาษเป็นครั้งคราว หลิวซินนั่งกุมมือลูกสาวอยู่บนม้านั่งไม้ยาว สายตาของเธอจ้องมองพื้นอย่างใช้ความคิด ในขณะที่หานซูอวี้คอยบีบมือให้กำลังใจอยู่เงียบ ๆ ไม่นานนักร่างสูงโปร่งแต่ค่อนซูบของหานจินก็เดินเข้ามาในสำนักงานด้วยท่าทีหงุดหงิด เขาเหลือบมองสองแม่ลูกด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าหน้าที่โดยไม่พูดอะไรสักคำ กระบวนการหย่าร้างในยุคนี้ไม่ได้ซับซ้อนนัก โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันมาแล้ว เจ้าหน้าที่เพียงสอบถามยืนยันความสมัครใจของคนทั้งคู่สองสามประโยคก่อนจะยื่นเอกสารให้ลงนาม

  • ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   ตอนที่6 อิสระภาพ พร้อมกลิ่นเงินอันหอมหวาน (1)

    เสียงปิดประตูดังปัง! สะท้อนถึงอารมณ์เดือดดาลของหานจินที่เพิ่งผลุนผลันออกไปจากบ้าน ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่หนักอึ้งและบรรยากาศอึดอัดที่ยังคงอบอวลอยู่ภายในบ้านพักคนงานแสนซอมซ่อ หลิวซินยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยจากความตึงเครียดที่เพิ่งผ่านพ้นไป แต่แววตาของเธอกลับไม่ได้มีแต่ความหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว มันฉายประกายแห่งความเด็ดเดี่ยวและความหวังที่เพิ่งจะถูกจุดขึ้นมา หานซูอวี้เดินเข้ามาจับมือมารดาอย่างแผ่วเบา "แม่คะ..." หลิวซินหันมามองหน้าลูกสาว ก่อนจะพยักหน้าให้เธอ "เรา...ไปกันเถอะลูก" ไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ อีก สองแม่ลูกต่างก็รู้ดีว่าพวกเธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว ทั้งคู่ต่างเริ่มเก็บข้าวของที่เป็นของตนเองอย่างรวดเร็ว&n

  • ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   ตอนที่5 หย่าขาดและตัดสัมพันธ์ (2)

    "ถ้าคุณยังปากแข็งไม่ยอมหย่ากับฉันดี ๆ และไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยหนึ่งพันหยวนให้เราสองแม่ลูกภายในวันนี้ล่ะก็..." หลิวซินเว้นจังหวะเล็กน้อยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ตื่นตระหนกของหานจิน "หลักฐานทั้งหมดนี้จะถูกส่งไปถึงหัวหน้าหน่วยงานของคุณ และกระจายออกไปให้ชาวบ้านรับรู้กันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน! ถึงตอนนั้นคุณก็ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกันว่าชีวิตของคุณจะเป็นยังไง!" คำขู่สุดท้ายของหลิวซินเด็ดขาดและทรงพลังจนหานจินถึงกับชาวาบไปทั้งตัว เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นตามไรผม การถูกเปิดโปงเรื่องชู้สาวในยุคสมัยที่ศีลธรรมยังคงเข้มข้นเช่นนี้มันหมายถึงหายนะอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่เขาจะถูกประณามจากเพื่อนบ้านและคนรู้จัก แต่อาจจะถูกลงโทษจากหน่วยงานที่ทำงานจนถึงขั้นตกงานได้ แล้วถงเหม่ยลี่...ยอดรักของเขาจะยังต้องการผู้ชายที่มีมลทินติดตัวอย่างเขาอีกหรือ? ภาพอนาคตอันมืดมนถาโถมเข้ามาในหัวของหานจิน เขาเหลือบมองใบ

  • ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   ตอนที่4 หย่าขาดและตัดสัมพันธ์ (1)

    "คุณต้องตัดความสัมพันธ์กับลูกหลังเราหย่ากัน เรื่องของซูอวี้ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของฉันคนเดียวไม่เกี่ยวกับคุณอีก" น้ำเสียงของหลิวซินเต็มไปด้วยความหนักแน่นจนหานจินรู้สึกได้ว่าหล่อนอาจจะเอาจริง กระนั้นเขาก็ยังคงนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนตามเดิม "แล้วก็อีกเรื่อง คุณต้องจ่ายเงินชดเชยให้เราแม่ลูกหนึ่งพันหยวน!" หานจินอ้าปากค้างมองหน้าหลิวซินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา จากท่าทีที่พยายามทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเมื่อครู่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด "หนึ่งพัน! แกจะบ้าเหรอ ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง" เขาตอบโต้คอเป็นเอ็น แม้ว่าเขาอยากจะได้ใบหย่าเพื่อไปจดทะเบียนกับยอดรักถงเหม่ยลี่ใจแทบขาดก็ตาม แต่ถ้าหากเขายอมควักเงินออกมาง่าย ๆ นี่ไม่เท่ากับว่าจะเป็นการเปิดโปงตัวเองหรอกหรือที่คนงานขับรถ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status