หลังจากที่นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม พวกเราก็ลงไปกินข้าวเช้า อาบน้ำ ทำกิจวัตรตามที่เคยทำ...ทั้งที่เมื่อวานวางแผนไว้ว่าจะไปหาคุณโรนี่ก่อนแท้ๆเชียว แต่สุดท้ายก็เลื่อนมาวันนี้แทนจนได้... ก็ทุกคนเพิ่งกลับมาจากการเดินทางนี่นา...จะชาลอตหรือซาช่า... มีอาก็ด้วย พอนอนเตียงปุ๊บก็หลับปุ๋ยไปเลยพูดถึงเรื่องนอน ดูเหมือนลิลิธจะไม่จำเป็นต้องนอน ก็ใช้ชีวิตได้ต่อเนื่องถึงหนึ่งสัปดาห์ในสภาพเต็มร้อยเลยหล่ะนะ... แต่เอาเถอะสุดท้ายพอเห็นคนอื่นนอน เธอเองก็อดนอนไม่ได้เหมือนกันนั่นแหล่ะแล้วจากที่วางแผนไว้... พอไปหาคุณโรนี่เสร็จ แผนต่อไปก็คือ การหาเบาะแส... และที่เราเล็งไว้คือ พวกทหารส่วนพระองค์นี่แหล่ะคุณโรนี่เคยพูดไว้ว่าไม่ควรไปแตะต้องซุ่มซี่ซุ่มห้า เพราะคนร้ายที่ชักใยจะไหวตัวทัน...แต่ถ้าเราดึงข้อมูลมาได้โดยที่พวกทหารไม่รู้ตัวได้ มันก็เป็นอีกเรื่องนึง...ก่อนที่จะออกจากห้องก็เลยบ่งทีมแยกกันไปหาข้อมูลอ่ะนะลิลิธไปกับชาลอต... เมอร์ลินไปกับซาช่า ก็แหงหล่ะ จะให้ซาช่ากับลิลิธไปด้วยกันตอนนี้มันยังเร็วเกินไปนี่นา...แล้วสุดท้ายก็คือ เรากับมีอา...ดันเจี้ยนที่อยู่รอบๆเมืองหลวง ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุก็มีอยู่ราวๆ 10 จาก 1
〝 มาสาย! 〞 พอกรมาถึงห้องพักก็เป็นเวลา 4 โมงครึ่ง... เมอร์ลินที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนขอบเตียงจึงได้กอดอกและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด นั่นเพราะเวลานัดจริงๆคือ 30 นาทีที่แล้วนั่นเอง... กรและมีอาที่รู้ว่าตัวเองมาสายจึงรีบขอโทษทันที〝 ขะ ขอโทษทีเมอร์ลิน 〞〝 ขอโทษนะเมอร์ลิน! 〞 กรที่พูดอย่างเหนื่อยหอบ และมีอาที่ขอโทษพลางโค้งตัว... เมื่อเห็นภาพแบบนั้นเมอร์ลินที่ยังคงขมวดคิ้วกอดอกอยู่ก็เริ่มใจเย็นลง และถอนหายใจออกมาราวกับเปลี่ยนอารมณ์ พร้อมๆกับสายตาแบบแปลกๆของชาลอต ซาช่าและลิลิตที่มองมาทางพวกกร... และในขณะที่กรกำลังคิดว่าเมอร์ลินและสาวๆทุกคนโกรธเพราะกรมาสาย เมอร์ลินก็เริ่มเกริ่นขึ้นมา นั่นจึงทำให้กรตระหนักได้ว่าพวกเธอไม่ได้โมโหกรเรื่องนั้น...〝 รู้อะไรไหม... ระบบปาร์ตี้หน่ะ มันทำให้รู้ตำแหน่งของทุกคนในปาร์ตี้ด้วยนะ... เหมือนกับเรดาร์นั่นแหล่ะ? 〞〝 เอ๋? 〞กรและมีอาเบิกตาขึ้นมาพร้อมกัน เมื่อได้ยินเมอร์ลินพูดแบบนั้นออกมา... ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างเก้อเขินด้วยเรื่องที่ร่วมกันมาเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว... แล้วพอคิดตามที่เมอร์ลินบอก กรและมีอาก
*คำเตือน ภายในตอนมีฉากกระทบกระเทือนอารมณ์บุคคลที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปีหรืออารมณ์และจิตใจอ่อนไหวง่าย ไม่ควรอ่านครับ❖❖❖❖❖〝 ขอนอนต่ออีกซักนิดเถอะนะ… 〞ฉันพูดแบบนั้นแล้วก็กลับไปนอนขดตัวอีกครั้งส่วนชาลอต… เมดประจำตัวของฉัน พอเห็นท่าทีไม่สนใจของฉันก็ทำแก้มป่องออกมาแหม่ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจซักหน่อย แต่ขออีกแค่ 5 นาทีก็ยังดีน่า อย่างอนไปเลยนะคนดี...〝 นาย! ท่าน! ค่ะ! 〞ชาลอตตะโกนแบบนั้นออกมาก่อนจะเดินเข้าไปทางกรและดึงผ้าห่มออก〝 วุ้ย! ใจร้ายชะมัดเลยอ่ะชาลอต 〞กรพูดสวนขึ้นมา พร้อมกับลุกจากเตียงมายืนกอดตัวเองโดยที่แกล้งตัวสั่นจากความหนาวไปด้วย〝 ขอทีเถอะค่ะนายท่าน! ที่ฉันทำก็เพื่อนายท่านนะคะ 〞〝 แต่จู่ๆ มาดึงผ้าห่มออกไปมันก็หนาวนะครับผม 〞กรพูดแบบนั้นทั้งที่ยังเดินเนื้อตัวสั่นๆ แล้วก็ไปปิดหน้าต่างที่เปิดอยู่ลงเสีย แต่ชาลอตที่อยู่ใกล้ๆก็กลับถอยหายใจออกมาอีกครั้งเสียอย่างงั้น〝 พูดเป็นเล่นนะคะ... นายท่านสวมอาภรณ์เวทย์ตอนนอนอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ? แล้วจะไปหนาวได้ยังไงกันคะ 〞อา... ยัยชาลอต ทำลายข้ออ้างในการนอนของฉันไปอีกแล้วไหมหล่ะแหม แต่ก็อย่างว่าหล่ะนะ... เพราะเห็นอย่างงี้ แต่ตอนที่อยู่โรงเร
〝 แก... ยังไม่หายไปอีกเหรอ? 〞 กรที่แม้จะยังสับสน แต่ก็ถามตัวเขาเองอีกคนซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามออกไปในทันที ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันทั้งน้ำตานั้นของกร ตัวกรสีขาวดำก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะตอบกร〝 น่าเสียดายนะ ฉันเป็นคนละคนกับตอนทศกัณฑ์ 〞〝 .....แกเป็นใคร .....ต้องการอะไร 〞เมื่อไม่ได้คำตอบ กรจึงยังคงถามต่อ นั่นทำให้ตัวกรอีกคนหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูด〝 นั่นสินะ ก่อนอื่นเรียกฉันว่า『ความมืด』ก็แล้วกัน... ส่วนที่เหลือถึงอยากจะบอกแต่ก็บอกไม่ได้ซะด้วย เอางี้แล้วกัน! ถ้าเล่นด้วยกันอีกซักหน่อย ฉันจะใบ้ให้บ้างก็แล้วกัน... 〞〝 เล่น? 〞 กรถามย้ำเพราะไม่เข้าใจ นั่นทำให้ตัวกรอีกคน... ความมืดยิ้มออกมาอย่างน่ารังเกียจ และนั่นเองที่ทำให้กรเข้าใจ ว่าไอ้ความมืดนี่... ต้องการ『เล่น』ด้วยการส่งเขาลงสู่ลูปนรกนั่นอีกครั้งนั่นเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้น กรก็รู้สึกเย็นวูบขึ้นที่หลังในทันที... แต่ก็ยังพยายามทำใจเย็นแล้วก็เช็ดน้ำตาออก ก่อนจะพูดต่อ〝 โทษทีหว่ะ... ฉันไม่ติดกับมุกเดิมเป็นหนที่สองหรอก... ในเมื่อรู้วิธีการแล้วกมันก
หลังจากที่กรตื่นนอนพร้อมกับพวกสาวๆ กรพยายามวางตัวและทำกิจวัตรตามปกติเหมือนที่เคยเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเธอ ชาลอตและซาช่ายังไม่ได้สังเกตกร... คงมีเพียงมีอากับเมอร์ลินที่รู้จักกรมานานที่สุด และลิลิธที่เห็นพลังเวทย์ในตัวกรเปลี่ยนไปเท่านั้นกระมั้งที่สังเกตเห็น❖❖❖❖❖ หลังจากนั้นพวกกรที่เตรียมตัวพร้อมเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ก็ลงไปเช็คเอาท์ที่ล็อบบี้โรงแรม〝 ฮ้าว... พี่ชาย อรุณสวัสดิ์ค่า 〞พีน่าที่กำลังจัดการสมุดบัญชีโรงแรมอยู่ ฮาวหวอดใหญ่ ทำให้กรยิ้มเจื่อนๆออกมา〝 เป็นสาวเป็นแซ่หน่ะนอนให้ตรงเวลาด้วยสิ... เอ้านี่กุญแจห้อง 〞〝 โถ่รู้แล้วหล่ะค่า... ก็ป๊ะป๋าไม่อยู่ช่วยงานเลยนี่นา 〞พีน่ารับกุญแจมาแล้วก็ลงข้อมูลปลีกย่อยในสมุดบัญชีด้วยท่าทีเหนื่อยๆก็แน่หล่ะ พ่อเธอเขาไปสืบคดีอยู่นี่นาแต่ดูท่าเรื่องนี้คาลอสจะไม่ได้เล่าให้ฟัง... ก็แน่หล่ะ ใครจะอยากดึงลูกตัวเองมาเกี่ยวด้วยกันหล่ะ〝 อ้อ! แล้วก็พี่ชาย... พอไปถึงโรงแรมสาขาคาลิโอน่า ถ้าออกตอนนี้คิดว่าคงไปถึงประมาณเที่ยงหล่ะนะ... พอถึงแล้วก็ไปบอกชื่อกับพนักงานได้เลย หนูจะเตรียมห้องแบบเดียวกันไว้ให้ที่นั่นนะคะ 〞〝 หืม? บอกเหรอ? เมือง
หลังจากที่กรหลับหรือสลบไป เวลาก็ผ่านไปเกือบ 21 ชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลา 11 นาฬิกาของอีกวัน... กรลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ราวกับเครื่องจักรที่กำลังวอร์มอัพเครื่อง ทันทีที่กรตื่นขึ้นมา เขาก็พบว่าด้านขวาของเขามีมีอากำลังนอนอยู่ข้างๆและกำลังบีบเสื้อของกรไว้แน่น ส่วนด้านซ้ายไม่มีเมอร์ลินทั้งที่ปกติเป็นที่ของเธอ กลับกันแล้ว... ข้างๆเตียงมีชาลอตและซาช่านั่งกับพื้น โดยใช้พื้นที่ว่างของเมอร์ลินนั้นเป็นที่ฟุบอยู่ ส่วนลิลิธ เธอกำลังนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ใกล้กับพวกชาลอต เห็นได้ชัดเลยว่าทั้งสี่คนอยู่ดูอาการกรมาตลอดตั้งแต่ที่กรหลับไปอย่างกะทันหันนั่น แล้วที่หลับไปนี่คงจะเพิ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเองกระมั้ง ลิลิธที่นั่งผงกหัวอยู่แบบนั้นเป็นหลักฐานได้อย่างดี... ในขณะที่กรคิดแบบนั้น มีอาก็เริ่มตื่นขึ้นจากนิทรา〝 กร... กร!!! 〞มีอาที่กำลังสลึมสลือ พอเห็นว่ากรได้สติจนถึงขั้นชันตัวเองขึ้นมานั่งเองได้แล้ว ก็โผเข้าไปกอดรัดคอของกรอย่างแนบแน่นในทันที〝 ฮึก! ฉัน... ฉันนึกว่านายจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วซะอีก 〞มีอาพูดแบบนั้นโดยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาในอ้อมอกของก
หลังจากที่ได้ยินว่าเจนนี่ถูกลักพาตัว กรก็พาทั้งสองคนเข้ามาสงบสติในห้องเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนแขกท่านอื่น〝 ช่วยบอกรายละเอียดมาที? 〞หลังจากที่จับไมน์กับรีเบคก้านั่งเก้าอี้ กรที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ถามออกมาโดยที่ทำใจและท่าทางให้นิ่งสงบไว้อยู่〝 คือว่าก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง เจนนี่เค้าบอกจะออกไปซื้อของแปปนึงหน่ะค่ะ แต่ไม่เห็นกลับมาซักที... 〞ไมน์พูดออกมาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ รีเบคก้าเลยรับช่วงต่อพร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นนึงออกมาด้วย〝 แล้วตอนที่กำลังจะออกไปตามหา ก็เจอเจ้านี่วางอยู่หน้าห้องพักหน่ะค่ะ 〞รีเบคก้าพูดจบก็ยื่นมันให้กับกร พร้อมกับสาวๆที่อยู่ด้านหลังกรได้ขยับเข้ามาใกล้เพื่อดูมันด้วย แล้วกรก็เริ่มอ่านข้อความนั้นในใจ....เพื่อนของพวกเธออยู่กับพวกเราถ้าไม่อยากให้ยัยนี่เป็นอะไรหล่ะก็ เข้ามาใน『ถ้ำหินออบซิเดียน』แค่สองคนซะ…เนื้อหาประมาณนี้แหล่ะ แถมอีกฝ่ายไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยด้วย ไม่น่าจะใช่การเรียกค่าไถ่...บอกตรงๆนะ... นี่มันกับดักชัดเลยๆกะล่อทั้งสองคนเข้าไปหาเฉยๆเลยนี่หว่า เป้าหมายคงเป็นทั้งสามคนนั่นแหล่ะหรือว่า... คนร้ายเป็นพวกเดียวกับที่จัดการคุณแมซอืม... เป็นไปไ
หลังจากกลับไปหาไมน์และรีเบคก้าที่ห้องของพวกเธอ กรได้อ้างว่าทันทีที่ไปถึงก็พบว่าเจนนี่เสียชีวิตอยู่ก่อนแล้ว เพราะรู้สึกว่าหากบอกความจริงไปตอนนี้มันคงหนักหนาเกินไปสำหรับพวกเธอ กรเลยคิดที่จะบอกเรื่องนี้กับพวกเธอทีหลัง แต่ถึงแบบนั้นตอนที่ไมน์ได้ยินครั้งแรกก็ถึงกับช็อคจนหมดสติไปเลย แล้ววันรุ่งขึ้นเหล่าทหารประจำเมืองก็เริ่มเคลื่อนย้ายศพออกจากดันเจี้ยนไปยังที่เก็บศพของกองทหาร และแน่นอนว่าพวกกรและไมน์ที่เป็นคนรู้จักของเจนนี่เองก็ถูกเรียกตัวมายืนยันศพและสอบถามข้อมูลด้วย… ชาลอต ซาช่าและลิลิธรออยู่ด้านนอกห้องสอบสวน เพราะงั้นตอนนี้คนที่อยู่ในห้องคือกร มีอา เมอร์ลิน ไมน์ที่ยังอยู่ในสภาพอิดโรยและอ่อนล้า กับรีเบคก้า 5 คน โดยมีทหารที่ทำหน้าที่สอบข้อมูล 2 คนนั่งอยู่ตรงข้าม〝 งั้นก่อนอื่น... เธอคือคนที่จัดการพวกโจรสินะ 〞หนึ่งในทหารถามกรออกมาในขณะที่ตัวกรนั่งกอดอกอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ด้านหน้า เพราะถูกเรียกออกมาอย่างกะทันหัน〝 อืม ฉันนี่แหล่ะ... 〞ทหารทั้งสองกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินคำตอบแบบไม่ใส่ใจนักของกร เพราะข่าวลือที่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือแบล็ครุคกี้สุดโด่งดังนั่นก็มาถึงหู
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า