.......นี่มันอะไรกันเนี่ย?
อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าสติลอยหายไป... แล้วตอนนี้จู่ๆมันก็กลับมาซะอย่างงั้น
แล้วเมื่อกี้ก็รู้สึกเหมือนกับว่า จะมีตาลุงสวมชุดเสื้อคลุมโทรมๆที่มีหมวกคลุมหน้า กำลังจะพายเรือมารับข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งด้วยกันหรือยังไงนี่แหล่ะ... เป็นฝันที่แปลกชะมัด อยากรู้จริงๆแฮะว่าถ้าฝันต่อไปลุงนั่นจะพาไปไหน?
เอ....แต่ว่าจากความทรงจำล่าสุดเนี่ย
รู้สึกว่าเราจะล้มมอนสเตอร์ทั้งหมดได้สินะ...
แต่ว่าพอล้มเจ้าพวกนั้นได้ เราก็ล้มลงไป... แล้วก็เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้
รึว่า... เราคงแค่สลบไปละมั้ง …..หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ
อืม ถ้างั้นก็....
กรที่กลับมาได้สติหลังจากฟื้นขึ้นมาจากความตายกำลังพินิจพิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันอยู่ แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองตายไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วพอคิดว่าตัวเองสลบไปทั้งแบบนั้น เขาจึงได้ลืมตาขึ้นมาในทันที.....
〝อึก! แสบตาชะมัดยาดเลย!〞
เพราะลืมตาขึ้นมาทันทีหลังจากที่ไม่ได้รับแสงมานาน ทำให้ดวงตาที่ยังไม่ได้ปรับแสง แสบตาขึ้นมา แต่จากนั้นไม่นานเมื่อปรับแสงได้แล้วสิ่งที่กรกำลังเห็นอยู่นั้นก็คือเพดานของดันเจี้ยนที่มีส่วนประกอบเป็นดินหรือหินที่ไม่รู้จัก นั่นก็เพราะตอนนี้เขากำลังนอนหงายหน้ามองเพดานอยู่นั่นเอง
〝นี่เรา... ยังอยู่ในดันเจี้ยนงั้นสินะ〞
ก็นะเจ้าพวกนั้นเป็นแค่มอนสเตอร์ในชั้นเท่านั้นเองนี่นา ใช่ว่าล้มได้แล้วจะออกไปได้ซะเมื่อไหร่...
แปล๊บๆๆๆ!!!!!!!
〝อะจ๊ากกกกกก!!!!!!!!!!〞
ในขณะที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่ จู่ๆกรก็เหมือนกับโดนไฟฟ้าแรงสูงแล่นผ่านไปทั่วร่างกายอย่างรุนแรง จึงร้องออกมาแต่นั่นเป็นเพราะความตกใจมากกว่าความกลัว มันเลยดูน่าขบขันเสียมากกว่า
นะ นี่มัน!
แล้วพอกระแสไฟฟ้าเลิกรบกวนกร ความทรงจำของบุคลลที่ 3 ก็แทรกเข้ามาในสติสัมปชัญญะของกร ตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาในดันเจี้ยน หลบเลี่ยงมอนสเตอร์ เจอจุดหนี โดนทรยศ เกือบตาย ลุกขึ้นสู้อย่างกล้าหาญ เสียชีวิต จนกระทั่งฟื้นคืนชีพขึ้นมา ใช่แล้วทั้งหมดเป็นความทรงจำของ『ฟรังซ์ ออลเดล』ในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ร่ายเวทย์ทิ้งไว้ให้ก่อนจากไปนั่นเอง
งั้นเหรอ... ตัวฉันตายไปแล้วจริงๆสินะ
เฮอะ... แต่ยังไงซะตอนนี้ฉันก็กลับมามีชีวิตอยู่อีกครั้งนึงแล้ว จะไม่สนเรื่องยิบย่อยพวกนั้นหรอก
นี่หน่ะดีแล้ว...ไม่สิ ดีที่สุดเลยต่างหากหล่ะ!
เพราะผ่านสถานการณ์เสี่ยงตายมาหมาดๆ เลยทำให้กรในตอนนี้รักชีวิตของตัวเองมากยิ่งขึ้น ทั้งยังยิ้มออกมาจากใจจริงที่ตนยังมีชีวิตอยู่
〖ถือซะว่าเป็นการตอบแทนผมหน่อยละกัน... หลังจากฟื้นขึ้นมา ก็ช่วยมาหาผมด้วยก็แล้วกันนะครับ〗
〖แล้วผมจะเล่า.......เรื่องราวและความจริงของโลกใบนี้ให้ฟังเอง〗
แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าสาเหตุที่ตัวเองฟื้นกลับมาได้เป็นเพราะเด็กชายปริศนาผู้อ้างตัวว่าเป็น『ดันเจี้ยนมาสเตอร์』ของดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ช่วยเหลือเขาไว้ด้วยวิธีที่กรเองก็ไม่เข้าใจ พร้อมทั้งนึกถึงคำพูดของเด็กชายคนนั้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวหลายต่อหลายครั้ง
ว่าแต่... ไอ้เด็กนี่เป็นใครกันนะ...
ให้บรรยากาศแปลกๆแบบเดียวกับไอ้พระเจ้านั่นเลยสิ
แล้วที่บอกว่า หลังจากฟื้นให้มาหาเนี่ย ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด มันก็หมายถึงให้ฉันเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สินะ
แถมยังจะบอกความจริงของโลกให้ฟังซะอีก
ก็ไม่มีอะไรมายืนยันหรอกนะ... แต่มันอาจจะเกี่ยวกับเหตุผลที่ทุกคนถูกส่งมาต่างโลกก็ได้
คิดจากความแข็งแกร่งของดันเจี้ยนนี้ ที่มันเกินระดับปกติเกือบ 300 เท่า...
ไม่แน่นี่อาจจะเป็นดันเจี้ยนระดับสูงสุดเลยก็ได้... พอคุ้มค่าที่จะเสี่ยงอยู่หรอกนะ
แต่เดี๋ยวสิ...มอนสเตอร์ที่มันโหดขนาดนี้เลยนะ จะไหวไหมนะเรา.....
ซะเมื่อไหร่กันเล่า... หะหะห่ะ!!!
ใครสนเรื่องพรรค์นั้นกัน
เราตัดสินใจไปแล้วด้วย... ว่าจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่ขวางหน้า
เล่นของยากแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่เลวเหมือนกันนี่หว่า....
แต่จะว่าไปดันเจี้ยนนี้มันมีระดับความยากเท่าไหร่กันนะถ้าเทียบกับมาตรฐานปกติ...เพราะโดนวาร์ปมาเลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลยซะด้วยสิ
แต่เรื่องนั้น...ถ้าเคลียร์ที่นี่ได้เดี๋ยวก็รู้เองนี่นา... เพราะงั้นตอนนี้ก็ช่างมันก่อนดีกว่า
ประเด็นคือเพราะหมอนั่นเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ด้วยหล่ะนะ....
ฉันเองก็เป็นพวกไม่ชอบติดหนี้ใครซะด้วย...
กรคิดง่ายๆแบบนั้นอยู่ในหัว เป็นเพราะความกล้าหาญกลับมาแล้วทำให้กรสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จักได้โดยไร้กังวล
แต่อะไรที่มากเกินไปมันย่อมไม่ส่งผลดี... รวมถึงความกล้าหาญที่มากเกินไปจนกลายเป็นความทรนงตนก็เช่นกัน
บทเรียนราคาแพงที่กรเคยสัมผัสเมื่อครั้งอดีตเช่นนั้น จักย้ำเตือนกรอีกครั้งในอนาคตอีกไม่นานหลังจากนี้
〝เอ้า! ฮึบ!〞
แล้วกรก็คิดหาเหตุผลประกอบการตัดสินใจนานา เพื่อที่จะเลือกเดินในเส้นทางต่อจากนี้ไป พอคำตอบที่ได้ออกมาเป็นแบบนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงอย่างมั่นคง เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างแท้จริง
ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้......เรื่องอื่นค่อยคิดทีหลังละกัน...
เป้าหมายของฉันในตอนนี้ก็คือ….
การพิชิตดันเจี้ยนแห่งนี้ให้ได้!
〝หะหะ! หลังจากล้มพวกนั้นได้ทั้งที่เกือบตายแท้ๆ ก็ยังคิดจะไปลุยดันเจี้ยนบ้าๆนี่ต่ออีก ฉันนี่มันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆเลย........〞
แล้วกรก็พูดแบบนั้นพลางใช้มือซ้ายมากุมศีรษะของตัวเองเบาๆ เป็นการแก้เขินเล็กน้อยจากการกระทำที่เหมือนเด็กของตน แต่ว่าในเมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว เขาจะไม่ลังเลอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องระลึกไว้เสมอ เพราะนั่นเป็นเรื่องสำคัญที่ได้ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วในตอนที่ยืนหยัดขึ้นมาจากความสิ้นหวังได้อีกครั้งนั่นเอง....
〝!!!!!!!!!!?〞
เฮ้ย!!! เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้.....
เดี๋ยวก่อนดิเฮ้ย! แขนซ้ายของฉันมันขาดไปแล้วไม่ใช่รึไง!?
พอคิดแบบนั้นเขาก็รีบมองไปที่แขนซ้ายของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องพบกับผลลัพธ์ที่น่าดีใจอย่างที่สุด
〝ยะฮู้!!!!!!! แขนฉันกลับมาแล้วโว้ยยยย!!!!!!!〞
แล้วกรยกสองมือขึ้นทำท่าไชโยจนสุดแขน ด้วยความยินดีแบบสุดๆพร้อมกับที่พูดแบบนั้นไปด้วย
เหลือเชื่อเลยแฮะ
สมเป็นโลกแฟนตาซี... ถึงแขนขาดก็ยังต่อได้!?
กรที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่ได้เหลือบไปเห็นแขนของตัวเองที่ถูกสเคเลตอนแมนตัดขาด ถูกทิ้งไว้อยู่ที่พื้นในสภาพเดิม ก็เลยตกใจในเชิงสงสัยขึ้นมา แต่ก็เข้าใจเหตุผลได้ในทันที
อะ อ้าว!!!
มะ ไม่ได้ต่อนี่หว่า แขนฉันยังอยู่โน่นอยู่เลย....
เดี๋ยวดิเห้ย!!!! รึว่านี่จะเป็นแขนของคนอื่น!?
ไม่สิ นี่แขนฉันชัดๆ ทั้งตำแหน่งของรอยฉีดวัคซีนและก็ไฝ มันเหมือนเดิมทุกอย่างเลย...
งั้นก็หมายความว่าแขนฉันมันงอกขึ้นมาใหม่งั้นเหรอ?
..............
ก็... สมเป็นโลกแฟนตาซีเลย——
ไม่ใช่แล้ว!!!! ถึงเป็นโลกแฟนตาซี แต่แขนของคนมันจะงอกขึ้นมาใหม่ได้ยังไงกัน!!!!!!!
แถมพอมาดูดีๆแล้ว บาดแผลที่โดนฟันตอนแรก ทั้งที่อก ที่ท้อง ขาก็ด้วย รอยแผลเล็กๆน้อยๆก็เหมือนกัน มันปิดสนิทหมดเลยด้วย แถมยังรู้สึกฟิตปั๋งสุดๆไปเลย....
อย่าบอกนะว่าติดเชื้อจากลิซาร์ดแมนจนกลายเป็นมนุษย์จิ้งจก... แต่เดี๋ยวสิลิซาร์ดแมนนั่นมันเป็นกิ้งก่านี่หว่า....
ไม่เข้าใจเลยซักกะติ๊ด!
หืม? แผลหายงั้นเหรอ? แล้วถ้าแผลเป็นหล่ะ?
กรคิดแบบนั้น แล้วก็ถลกเสื้อตัวเองขึ้นดูแผลเป็นบริเวณสีข้างซ้ายบริเวณเอวค่อนไปข้างหลังกับสีข้างขวาใกล้ซี่โครงช่วงกลาง แล้วกรก็พบว่ารอยแผลเป็นทั้งสองแห่งนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสมือนไม่เคยมีมาก่อน
เฮ้อ! หายไปจริงๆด้วยแฮะ
ก็ดีไป... ยัยสองคนนั้นจะได้เลิกกังวลซักที...
อา... แต่เรื่องที่ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นยังไม่เคลียร์เลย...
ไม่สิ! เดี๋ยวนะ!
รู้สึกว่าจะจำได้ลางๆว่าก่อนสลบไป เหมือนจะมีเสียงประกาศอะไรซักอย่างดังเข้ามาในหัวนี่หล่ะนะ….
อืม.....จุติ.....เริ่มการจุติ ...อะไรซักอย่างนี่หล่ะ คงเป็นไอ้นั่นหล่ะมั้ง!!!
จริงสิ....ถ้าเป็นเหตุการณ์ในแง่ของระบบ ก็ลองเปิดดูหน้าต่างสเตตัสก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?
ลืมไปซะสนิทเลยนะเนี่ย ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในโลกที่คล้ายกับเกม RPG สมัยก่อน
【จะ จงออกมา ! สเตตัสวินโดว์ !!!】
กริ๊ง!!!
แล้วกรก็เปิดหน้าต่างสเตตัสของตัวเองขึ้นมาอย่างรีบร้อน โดยที่ไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์ที่แสดงออกมานั้น จะทำให้กรตกใจแบบสุดขีดในคนละความหมายกับตอนที่เห็นในตอนแรกที่มายังโลกแห่งนี้
ข้อมูลสเตตัส
『อุษณกร วัชรวิรุฬห์ 』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ ยอดมนุษย์อุษณกร
อาชีพ ว่าง เลเวล 1
ฉายา 〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙, 〘จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘Give me Your Everything ?〙 ,〘กฎของชั้นก็คือกฎของนาย กฏของชั้นก็คือกฏของชั้น〙,〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙,〘จิตวิญญานเหล็กกล้า〙
《พลังโจมตี》 16,500 《พลังป้องกัน》 15,800
《พลังเวทย์》 15,800 《ความต้านทานเวทย์》 16,200
《ความว่องไว》 17,400 《พละกำลัง》 16,800
〝ห๋าาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!〞
เห้ยๆ เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!!!!! นี่ฉันต้องตาฝาดไปแน่ๆ
กรถึงกับร้องเสียงหลงออกมาหลังจากเห็นหน้าต่างสเตตัสของตัวเองเลยทีเดียว เพราะคิดว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้กรก็ลองเอามือถูๆดูตรงตัวเลขสเตตัสที่แสดงอยู่นั่นหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาก็ยังเหมือนเดิม
สเตตัสเวอร์โคตรนี่มันอะไรกัน? เฟ้อเกินไปแล้ว!
เอาจริงดิ!? งั้นที่รู้สึกได้ถึงพลังเวทย์นี่ไม่ได้คิดไปเองงั้นสินะ! แถมที่รู้สึกว่าร่างกายฟิตปั๋งสุดๆนั่นก็ด้วย...
แต่พอลองสังเกตตัวเองดู... รู้สึกว่าจะมีกล้ามเนื้อขึ้นมาพอสมควรเลยแฮะ ไม่สิ... หนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเลยต่างหาก ส่วนสูงก็ขึ้นมาประมาณ 5 เซนเลยด้วย สะ สิวเองก็หายไปแล้วด้วย!?
ถ้าสเตตัสมโหฬารนี่เป็นสาเหตุก็พอฟังขึ้นอยู่หรอก... แต่ยังไงนี่มันก็แปลกอยู่ดีนี่หว่า
สเตตัสโคตรโกงเลย ทั้งที่เป็นเลเวล 1 แท้ๆ
....ตัวเลขพวกนี้มันเยอะผิดมนุษย์มนาไปแล้ว!
ตัวฉันที่เลเวลหนึ่งมีสเตตัสอยู่ 1 ใน 4 ของลิซาร์ดแมนที่เลเวล 300 กว่าเลยนะ... มันจะแปลกเกินไปแล้ว!!!!
เรื่องสเตตัสก็ว่าไปอย่าง แต่เผ่าเนี่ยสิ... มันดันกลายเป็น『ยอดมนุษย์อุษณกร』ไปซะแล้ว!!!
เผ่ามนุษย์หายไปแล้ว กลายเป็นยอดมนุษย์ไปซะงั้น แถมยังมีชื่อของตัวเองอยู่ในนั้นอีก
แค่ยอดมนุษย์ก็พอแล้วเฟ้ย... แถมพอเอามารวมกันยังฟังดูตลกโคตรอีกต่างหาก... ฉันไม่ใช่อุล***แมนนะ!!!
ระ หรือว่า... สาเหตุจะเป็นเพราะการจุติอะไรนั่น...
จะ จริงสิ.... ฉายาไงหล่ะ! ถ้าอ่านฉายาพวกนี้ดูอาจจะรู้อะไรก็ได้นี่นา!
พอคิดว่าที่สเตตัสของตัวเองผิดปกติอาจจะเป็นเพราะฉายาก็ได้ กรก็เลยเอานิ้มจิ้มที่ฉายาบนหน้าต่างสเตตัสดูเพื่อให้แสดงหน้าต่างอธิบายขึ้นมาแล้วไล่ดูทีละอัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์จะทำให้เขาตกใจเสียยิ่งกว่าเดิม
〘จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙
《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง มีผลทำให้สเตตัสพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างยิ่งยวดตามเงื่อนไขที่ผ่านการตรวจสอบและได้รับสกิลต้นฉบับที่ไม่เหมือนใครมาครอง》
เอ... แต่ถ้างั้นไอ้สเตตัสยอดมนุษย์เนี่ย ก็เป็นเพราะการจุติจริงๆหล่ะสินะ... ที่เผ่าเปลี่ยนไปก็คงเหมือนกัน
แต่ไอ้ระบบแบบนี้ เกมที่โลกเดิมก็มีเหมือนกันนี่นา... ที่พอเลเวลตันแล้ว จะทำการจุติแล้วเลเวลก็จะกลับเป็น 1 แต่สเตตัสเริ่มต้นจะเพิ่มขึ้น...
ดูเหมือนที่โลกนี้ก็มีเหมือนกันสินะ .....แต่ใครจะไปรู้กันหล่ะ... ว่าเงื่อนไขคือต้องตายก่อนแบบนี้
เฮอะ ถึงมีคนรู้ แต่ใครมันจะบ้าไปยอมเสี่ยงตายทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้จุติรึเปล่าหรอก.... พอมาคิดดูแล้วฉันนี่มันโชคดีจริงๆ
ไม่สิ... นี่เป็นผลของความพยายามต่างหาก...อื้มๆ
กรก็คิดแบบนั้นโดยที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักและคิดว่าทั้งหมดเป็นรางวัลจากการที่ตัวเองเอาชีวิตรอดมาได้ต่างหากก็เลยคิดแบบนั้น แล้วก็ไล่ดูฉายาอันต่อๆไป
〘Give me Your Everything ?〙
《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ได้รับการดูดซับพลังเวทย์เป็นจำนวนมากในครั้งเดียว สามารถดูดซับสสารและพลังงานทุกอย่างยกเว้นสิ่งมีชีวิตได้ *อนึ่งไม่สามารถใช้กับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้ **วิธีใช้ ใช้อัญมณีที่ติดอยู่หลังมือซ้ายเป็นตัวกลางในการดูดซับ โดยเพียงแค่สัมผัสและนึกคิดเท่านั้น》
อ๋อ!? ถึงว่าสิ ว่าทำไมถึงมีอะไรติดอยู่ เกือบเอามีดแงะออกไปแล้วนะเนี่ย....
แต่เดี๋ยวสิ ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้นซักหน่อย!!!!
ไอ้ฉายานี่มันโกงโคตรเลย!!!!! ดูดซับได้ทุกอย่างนี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว..... แถมชื่อฉายานี่ยังกะเป็นโจรซุ่มปล้นข้างซอกตึกอย่างงั้นแหล่ะ.... ที่เอามีดมาจ่อ แล้วขู่ว่า〝ส่งของมีค่าออกมาให้หมด!〞นั่นหน่ะ
กรเริ่มตกใจกับผลพิเศษของฉายามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่รอช้า พอตบมุขอันที่อยู่ตรงหน้าเสร็จก็ไล่ดูอันต่อๆไปทันที
〘กฎของชั้นก็คือกฎของนาย กฏของชั้นก็คือกฏของชั้น〙
《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างถึงที่สุด มีผลทำให้ได้รับสกิลที่ตัดสินชะตากรรมของตัวเองได้ โดยที่ไม่ขึ้นกับกฏเกณฑ์ของโลก》
〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙
《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านการต่อสู้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยในช่วงก่อนการจุติ(นับเฉพาะศึกสุดท้าย โดยที่ไม่รวม ศึกก่อนหน้า)และผู้ที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่ใช่สกิล มีผลทำให้เมื่อเข้าสู่สภาวะต่อสู้(ตามความนึกคิดของผู้ใช้)ค่าสเตตัสทุกอย่างจะถูกปรับขึ้นเป็น 2 เท่า *สเตตัสที่เพิ่มขึ้นจะไม่แสดงในหน้าต่างสเตตัสและเมื่อปลดความสามารถออกสเตตัสจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม **ในสภาวะที่จะเกิดอันตรายกับผู้ใช้ จะทำงานโดยอัตโนมัติ 》
〘จิตวิญญานเหล็กกล้า〙
《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ข้ามพ้นความตายและความสิ้นหวังมาได้แล้วยืนหยัดขึ้นด้วยกำลังของตัวเองเท่านั้น มีผลทำให้**************************** *อนึ่ง ความสามารถจะเพิ่มขึ้นตามเจตจำนงของผู้ใช้ 》
หะหะห่ะ... มีสูตรโกงอยู่เต็มไปหมดเลย!!!
ตอนสู้สเตตัสจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า แถมพอจะเกิดอันตรายยังใช้แบบอัตโนมัติให้อีก! นี่มันก้าวล้ำสมชื่อฉายาจริงๆเลยให้ตายสิ...
ถึงไอ้ที่บอกตัวเองไปตอนนั้นว่าจะไม่กลัวใครน่าไหนอีกต่อไปแล้วก็เถอะ แต่พอมาตอนนี้ ฉันกลับรู้สึกแบบนั้นจากใจจริงเลยหล่ะ....
แล้วไอ้ฉายา〘กฎของชั้นก็คือกฎของนาย กฏของชั้นก็คือกฏของชั้น〙นี่ก็อีก...
ปรัชญาแบบเดียวกับไจแอนท์เลยนี่หว่า... ที่บอกว่า『ของของนายก็คือของของฉัน ของของฉันก็คือของของฉัน』นั่นหน่ะ... นี่ฉันกลายเป็นพวกนักเลงหัวไม้แบบนั้นไปแล้วเรอะ!!!!
แต่อันสุดท้ายนี่คลุมเครือชะมัด แถมยังอ่านคุณสมบัติพิเศษไม่ออกอีกต่างหาก...
เอาเถอะ... แค่ได้ไอ้ฉายาก่อนหน้านี้มาก็มากเกินพอแล้ว…
ขืนได้สูตรโกงมาอีก... มีหวังจะคุมพลังไม่อยู่แล้วจะเป็นเรื่องซะเปล่าๆ สู้ฝึกฝนพื้นฐานให้ชำนาญก่อนแล้วค่อยใช้งานให้มีประสิทธิภาพทีหลังจะดีกว่า.....
จะว่าไปยังไม่ได้ดูอีก 2 หน้าต่างที่เหลือเลยนี่นา...
หน้าต่างอุปกรณ์...... ก็ไม่มีอะไร
ก็นะ...ไม่มีอาวุธดรอปออกมาซะหน่อยนี่นะ เรานี่ไร้โชคซะจริง...
งั้นต่อไปก็ดูหน้าต่างสกิลดีกว่า….
กรที่คิดในแง่บวกเชิงเป็นการปลอบใจตัวเองว่า ความแข็งแกร่งที่ได้รับมาจะฝึกฝนให้คล่องเพื่อใช้เอาตัวรอดในดันเจี้ยน แค่นี้ก็มากเกินพอแล้วนั้น ก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งหลักจากได้ดูหน้าต่างสกิลของตัวเอง
สกิล
『สกิลโจมตี』
【วิชาดาบ】เฮอริเคนแสลช(ต้นฉบับ), มัลติไพล์แอตซอลต์(ต้นฉบับ)
『สกิลป้องกัน』
『เวทย์มนต์』เวทมนต์น้ำระดับกลาง, เวทมนต์ลมระดับกลาง, เวทมนต์ไฟระดับกลาง, เวทมนต์ดินระดับกลาง, เวทมนต์น้ำแข็งระดับกลาง, เวทมนต์สายฟ้าระดับกลาง, เวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง, เวทมนต์รักษาระดับกลาง, เวทมนต์แปรธาตุระดับกลาง
『สกิลเสริมพลัง』เพิ่มพลังกาย,เพิ่มพลังเวทย์, เคลื่อนไหวความเร็วแสง(ต้นฉบับ)
『สกิลติดตัว』ดูดซับทุกสิ่ง???(ต้นฉบับ), โจมตีอย่างแม่นยำ(ต้นฉบับ), เรียกหน้าต่างสเตตัส, เข้าใจภาษาขั้นกลาง, เร่งการฟื้นฟูพลังเวทย์, เร่งการฟื้นฟูบาดแผล, เติบโตยิ่งยวด
『สกิลสายผลิต』ผลิตยาขั้นกลาง, ผลิตอาวุธขั้นกลาง, สร้างแบบอาวุธขั้นกลาง, ดัดแปลงคุณสมบัติแร่
『สกิลพิเศษ』ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ), ตรวจสอบขั้นกลาง, ตั้งปาร์ตี้ขั้นกลาง,
!!!!!!!!
แค่สเตตัสยังไม่พอ สกิลเองก็เพิ่มขึ้นมาแบบเยอะโคตรๆในทีเดียวอีก!!!
แถมเวทย์มนต์ยังเพิ่มขึ้นมาตั้ง 9 ประเภท แถมยังเป็นขั้นกลางหมดเลยด้วย
เยอะเกินไปไหมเนี่ย? มากเกินจนล้นแบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นา... ฉันยิ่งกลัวเรื่องมันจะซ้ำรอยอยู่...
ตะ แต่บ่นไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ก่อนอื่นก็ตรวจสอบสกิลดูก่อนดีกว่า...
แล้วกรที่บ่นกับตัวเองอยู่ในใจ ก็ได้ตัดสินใจตรวจสอบสกิลทั้งหมดต่อในทันที แล้วพอใช้นิ้วจิ้มไปยังสกิลโจมตี หน้าต่างอธิบายก็ขึ้นมา
『เฮอริเคนแสลช(ต้นฉบับ)』
《 คำอธิบาย : เมื่อแกว่งดาบเป็นวงกลมสามารถทำให้เกิดพายุขึ้น แล้วใช้โจมตีเป้าหมายได้ตามที่ใจคิด *อนึ่งความรุนแรงขึ้นอยู่กับสเตตัสของพลังโจมตีและพละกำลัง ไม่ได้ขึ้นกับค่าพลังเวทย์แต่อย่างใด 》
『มัลติไพล์แอตซอลต์(ต้นฉบับ)』
《 คำอธิบาย : เมื่อโจมตีด้วยอาวุธที่เป็นประเภทดาบ ความรุนแรงและจำนวนครั้งจะทวีคูณขึ้นเป็นเท่าตัว *ยกตัวอย่างเช่น ฟันออกไป 2 ครั้ง ก็จะเกิดการโจมตีขึ้น 4 ครั้ง หากฟันออกไป 10 ครั้ง ก็จะเกิดการโจมตีขึ้น 20 ครั้ง และความเสียหายจะถูกคิดเพิ่มขึ้นจากค่าพละกำลังและพลังโจมตีนำมารวมกัน》
ปาดติโถ้!!!!
นี่มันโกงสุดยอดเลย!!! อันแรกก็ว่าไปอย่าง แต่ไอ้『มัลติไพล์แอตซอลต์(ต้นฉบับ)』เนี่ย.... ให้ผลลัพธ์ที่เหลือเชื่อสุดๆไปเลย
ถึงแบบนี้จะไม่ต้องลำบากเรื่องจำนวนครั้ง แต่ด้วยสเตตัสกับฉายา〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙ก็พอแล้วแท้ๆ แต่ถ้าเกิดเอาผลพิเศษมารวมกับไอ้สกิลสุดโกงนี่ก็จะเพิ่มพลังอย่างต่ำก็ 4-5 เท่าเลยทีเดียว!!!!
แล้วไอ้ที่วงเล็บข้างหลังว่า『(ต้นฉบับ)』เนี่ยหมายความว่าไงกันนะ...
รึว่าจะเป็นไอ้ที่บอกอยู่ตรงฉายาในตอนแรก...ที่บอกว่าจะได้รับสกิลต้นฉบับที่ไม่เหมือนใครมาครองนั่นหน่ะ…
แบบนี้ก็หมายความว่า.... นี่เป็นสกิลเฉพาะของฉันคนเดียวสินะเนี่ย... รู้สึกภูมิใจอยู่นิดหน่อยนะเนี่ย...
ตะ แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้รีบตรวจสอบต่อดีกว่า
ไอ้สกิลป้องกันเนี่ยไม่มีเพิ่มขึ้นมาเลยแฮะ....
ส่วนเวทย์มนต์ก็ตามความหมายที่เขียนนั่นแหละคงไม่ต้องดูหรอก...แล้วพอถึงตอนนี้ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมมันถึงแสดงขึ้นมาแค่สายของเวทย์กับระดับของเวทย์ที่มี เพราะพอฉันคิดจะใช้เวทย์แบบไหนขึ้นมา คำร่ายมันก็จะขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ มิน่าหล่ะ....เจ้าพวกนั้นถึงร่ายได้โดยที่ไม่ต้องจำ....
งั้นต่อไปก็สกิลเสริมพลังกับสกิลติดตัวสินะ....
『เพิ่มพลังกาย』
《 คำอธิบาย : เมื่อใช้สกิลจะทำให้สเตตัสพละกำลังเพิ่มขึ้น *อนึ่ง ความสามารถจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้ใช้สกิล 》
『เพิ่มพลังเวทย์』
《 คำอธิบาย : เมื่อใช้สกิลจะทำให้สเตตัสพลังเวทย์เพิ่มขึ้น *อนึ่ง ความสามารถจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้ใช้สกิล》
『เคลื่อนไหวความเร็วแสง(ต้นฉบับ)』
《 คำอธิบาย : เมื่อใช้สกิลจะทำให้สเตตัสความว่องไวเพิ่มขึ้น *อนึ่ง ความสามารถจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้ใช้สกิลและเพิ่มขึ้นตามค่าสเตตัสพละกำลัง 》
『ดูดซับทุกสิ่ง???(ต้นฉบับ)』
《 คำอธิบาย : เป็นสกิลเพิ่มผลของฉายา〘Give me Your Everything ?〙สามารถดูดซับสสารและพลังงานทุกอย่างยกเว้นสิ่งมีชีวิตได้ *ไม่สามารถใช้กับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าตัวเองได้ **วิธีใช้ ใช้อัญมณีที่ติดอยู่หลังมือซ้ายเป็นตัวกลางในการดูดซับ โดยเพียงแค่สัมผัสและนึกคิดเท่านั้น ***อนึ่ง สกิลนี้ไม่มีระดับที่แน่นอน หากได้รับการใช้งานบ่อยครั้ง ก็จะเพิ่มความสามารถและความเร็วในการดูดซับขึ้น》
『โจมตีอย่างแม่นยำ(ต้นฉบับ)』
《 คำอธิบาย : ทำให้การโจมตีทั้งหมดโดนจุดที่ต้องการด้วยความแม่นยำ 100 % 》
『เร่งการฟื้นฟูพลังเวทย์』
《 คำอธิบาย : จะทำให้อัตราการฟื้นฟูพลังเวทย์ที่เสียไปเพิ่มขึ้น *อนึ่ง ความสามารถจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้ใช้สกิล》
『เร่งการฟื้นฟูบาดแผล』
《 คำอธิบาย : จะทำให้อัตราการฟื้นฟูบาดแผลเพิ่มขึ้น *อนึ่ง ความสามารถจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้ใช้สกิล **หากอวัยวะฉีกขาดออกจากร่างกายไปแล้วสกิลนี้จะไม่ทำงาน》
『เติบโตยิ่งยวด』
《 คำอธิบาย : ทำให้ค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นใรการอัพเลเวลแต่ละครั้งเพิ่มขึ้น *อนึ่ง ความสามารถจะเพิ่มขึ้นตามระดับความหายากของสกิล》
เอาเข้าไป... แค่นี้ยังโกงไม่พออีกเหรอ!!!
ให้ตายสิ... ฉันเบื่อที่จะตบมุขแล้วนะเฟ้ย
ไอ้เพิ่มพลังเวทย์กับพลังกายนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ว่าไอ้『เคลื่อนไหวความเร็วแสง(ต้นฉบับ)』เนี่ยสิ... นี่มัน『มัลติไพล์แอตซอลต์(ต้นฉบับ)』เวอร์ชั่นเสริมพลังชัดๆ!!!
ส่วน『ดูดซับทุกสิ่ง???(ต้นฉบับ)』นี่เป็นคำอธิบายเพิ่มจากฉายา ดูเหมือนว่ามันจะถูกจัดเป็นสกิลแฮะ แถมยังบอกด้วยว่ายิ่งใช้บ่อยเข้าพลังจะเพิ่มขึ้น แบบนี้ก็ไม่มีขีดจำกัดเลยหน่ะสิ!?
แล้วไอ้『โจมตีอย่างแม่นยำ(ต้นฉบับ)』นี่ก็ด้วย... คงได้มาตอนแทงตาไอ้ก็อบลินนั่นละมั้ง... แบบนี้ถ้าเกิดยิงเวทย์ใส่อีกฝ่าย แล้วเกิดหลบได้มันจะตามเป้าหมายไปรึเปล่าหว่า?
ส่วนอีก 3 อันที่เหลือ คือ เร่งการฟื้นฟูพลังเวทย์ เร่งการฟื้นฟูบาดแผล แล้วก็เติบโตยิ่งยวด สินะ รู้สึกว่าพวกรินเองก็มีสกิลคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน ...แล้วจากคำอธิบายสกิล『เติบโตยิ่งยวด』ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะไอ้สกิลนี้นี่แหละที่ทำให้สเตตัสผู้กล้าทุกคนเติบโตแบบรวดเร็วสุดๆ จนทิ้งห่างฉันแบบไม่ติดฝุ่น
อืม... งั้นที่เหลือก็แค่สกิลสายผลิตกับสกิลสายพิเศษสินะ!
สายผลิตเนี่ยความหมายก็คงตรงตัว
ส่วนสกิลสายพิเศษเนี่ยก็แค่เพิ่มระดับจากตอนแรก ที่เพิ่มจากขั้นต้นมาเป็นขั้นกลางแค่นั้นเอง...
ที่น่าสงสัยก็คือ『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』นี่แหล่ะ ฟังชื่อก็ดูไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย....แถมพอคิดถึงความหมายยังรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนแปลกๆอีกต่างหาก ถ้าเป็นแบบที่ฉันคิดหล่ะก็ มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แหงแซะเลย...
มะ ไม่หรอกมั้ง ขออย่าให้เป็นแบบที่ฉันคิดทีเถอะ แต่คิดเอาเองก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ลองเปิดคำอธิบายดูก็จบแล้ว....
กรที่คิดแบบนั้นพลางกำลังจะจิ้มเข้าไปที่สกิลเพื่อจะเปิดหน้าต่างคำอธิบาย กลับไม่ได้รับรู้เลยว่าหลังจากนี้ เขากำลังจะทำสิ่งที่เป็นการละเมิดและเปลี่ยนแปลงกฏของโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง
『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』
《 คำอธิบาย : สกิลสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในตัวเอง สามารถตัดสินชะตากรรมของตัวเองได้ โดยที่ไม่ขึ้นกับกฏของโลก************************** *อนึ่ง ความสามารถจะเพิ่มขึ้นตามระดับความหายากของสกิล **วิธีใช้ ใช้คำร่ายตามปกติ》
คำอธิบายแสดงได้ไม่หมดแฮะ... หรือว่าเป็นเพราะระดับของสกิลตรวจสอบยังต่ำเกินไป
เป็นไปได้ด้วยเหรอที่คนเราจะได้สกิลที่ระดับสูงกว่าตัวเองจนตรวจสอบไม่ได้ ย้อนแย้งซะจริง!
แถมคำอธิบายที่มีอยู่นี่ก็คลุมซะจริง.... นี่กะจะให้ลองใช้สกิลให้ได้ใช่ไหมเนี่ย...
ถึงยังรู้สึกเกร็งๆอยู่ แต่ฉันก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว! ถ้าจะทำอะไรก็ต้องเอาให้สุด ถ้าเกิดไม่ลองใช้ดูก็ไม่รู้นี่นา
เพราะงั้นก็จะใช้สกิลนี้ ทั้งที่มันอาจจะเกิดอันตรายก็ช่างมัน! เอาหล่ะนะ…..
ความแน่วแน่และกล้าหาญอันน่าชื่นชมของกรนั้นยังคงมีอยู่ แม้จะเพิ่งตกใจกับความสามารถทั้งหลายที่เพิ่มขึ้นมาของตัวเองเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ก็ยังไม่เสียความมั่นใจลงแม้แต่น้อย กรนั้นตัดสินใจใช้สกิลที่เอาแน่เอานอนนี้ไม่ได้ในทันที เพราะคิดว่าหากตัวเองไม่กล้าเสี่ยงกับเรื่องแค่นี้ ก็คงไม่สามารถพิชิตดันเจี้ยนหรือเรื่องใหญ่กว่านี้ได้ แต่กรก็ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจทำลงไปนั้นจะทำให้เกิดผลที่ตามมาพอๆกันหรือยิ่งกว่าเลยทีเดียว แล้วกรก็ลืมคิดไปอีกเรื่องว่า เรื่องที่เขาชอบกังวลว่าจะเกิดขึ้นด้วยลางสังหรณ์นั้น มักจะเกิดขึ้นจริงตามที่เขาคิดกังวลเสมอ และแน่นอนว่าครั้งนี้เองก็เช่นกัน
【จงออกมา ! อีดิทวินโดว์ !!!】
กริ๊ง!!!
แล้วพอพูดคำร่ายจบ เสียงกระดิ่งที่เหมือนกับตอนที่เปิดหน้าต่างสเตตัสก็ดังขึ้นมาอีกซะอย่างงั้น กรก็คิดว่านี่มันหมายความว่ายังไงกันหรือจะเปิดหน้าต่างสเตตัสซ้อนงั้นเหรอ แล้วหลังจากนั้น......
กริ๊ง!!!
กริ๊ง!!!
กริ๊ง!!!
กริ๊ง!!!
กริ๊ง!!!
กริ๊ง!!!
กริ๊ง!!!
กริ๊ง!!!—————————
เสียงกระดิ่งแบบเดียวกันก็ดังขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุด แล้วกรที่กำลังยืนอยู่จนถึงเมื่อกี้ก็.....
ชิบ!
〝เอื๊อก!!!!〞
กรชักเท้าขวาหนีไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว... เพราะผลลัพธ์ตรงหน้ามันผิดปกติหรือเป็นอย่างที่เขากลัวในตอนแรกก็แล้วแต่ แต่นั่นก็ทำให้กรกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ตามมาอีกเลยทีเดียว เห็นชัดเลยว่าเขาตกใจขนาดไหน...
หะหะห่ะ... ทั้งที่ตัดสินใจไปแล้วว่าจะไม่หวั่นไหวกับอะไรก็ตามแล้วแท้ๆ .....แต่ก็ยังเอาชนะความกลัวต่อพลังตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ? ตรงจุดนี้ของเราไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแฮะ
ไม่สิ... ไม่ว่าใคร ถ้าเห็นไอ้ที่อยู่ตรงหน้าฉันแล้วยังใจเย็นอยู่ได้หลังจากผ่านเรื่องบ้าๆพรรค์นี้มา มันก็คงไม่ใช่คนแล้วหล่ะ!!!
สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของกรหลังเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหยุดไปก็คือ หน้าต่างที่มีรูปแบบคล้ายกับหน้าต่างสเตตัสมากมาย วนเวียนอยู่รอบๆตัวของกร แต่ขนาดนั้นแตกต่างกันออกไปมากมาย ทั้งเล็กเท่าฝ่ามือ ใหญ่เท่าใบหน้า ไปจนถึงขนาดใหญ่เท่ากระดาษ A2 เลยทีเดียว ส่วนหัวข้อที่เขียนอยู่มุมซ้ายบนในตำแหน่งเดียวกับที่เขียนว่า『ข้อมูลสเตตัส』ในหน้าต่างสเตตัส ของหน้าต่างมากมายที่แสดงอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่ข้อมูลสเตตัสแต่อย่างใด
ตั้งค่าปาร์ตี้... ปรับค่าประสบการณ์ที่ได้รับ... คลังข้อมูลความทรงจำ... รายละเอียดข้อมูลจำเพาะ... คลังสกิล... ตั้งค่าสกิล... อัตราการดรอปไอเทม... และอีกมากมายรวมแล้วกว่า 20 อัน หน้าต่างมากมายหลายขนาดนั่นกำลังลอยอยู่รอบๆตัวของกร แต่ละอันดูก็รู้แล้วว่าเป็นหน้าต่างที่ใช้ปรับค่าต่างๆได้ตามใจนึก ประกอบกับคำอธิบายของสกิลที่ว่ายิ่งทำให้แน่ใจเข้าไปอีก แค่นี้ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่กรได้กังวลมันได้เกิดขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว!
หะหะห่ะ!!!!!!!!!!!
......นี่สิถึงจะเรียกว่าโกงของจริง ไม่ใช่สิ... เรียกว่าโกงยังน้อยไป นี่มันหน้าต่างของ GM ชัดๆ!!!
ถ้าเกิดมีคนรู้ว่าตายแล้วจะได้ไอ้ของแบบนี้มาละก็ คงพากันประเคนดาบเข้าท้องตัวเองด้วยความเต็มใจกันทุกคนแหงๆ!
แบบนี้ก็ชั่งน้ำหนักความคุ้มค่าระหว่างความตายกับความสามารถที่ได้มาไม่ถูกกันพอดีหน่ะสิ....
อีแบบนี้.... ที่ฉันตายไปมันก็เหมือนกับว่า แจ็คพ็อตแตกไปเลยหน่ะสิ! ไม่อยากจะยอมรับเลยแฮะ
ไอ้ฉายากับสกิลก่อนหน้านี้เป็นลูกเจี๊ยบ ไม่สิ... เป็นแค่เศษดินข้างทางไปเลย ถ้าเทียบกับไอ้ของบ้าๆพรรค์นี้......
ไอ้ที่อยู่ตรงหน้าฉัน....
.......ไอ้『หน้าต่างตั้งค่า』พวกนี้หน่ะ!!!
อืม...............รายละเอียดข้อมูลจำเพาะ / คลังข้อมูลความทรงจำ / ตั้งค่าสเตตัส / ตั้งค่าปาร์ตี้ / ตั้งค่าสมาชิกปาร์ตี้ / อ็อปเจ็คโดยรอบ / บุคคลโดยรอบ / แผนที่ดันเจี้ยน / แผนที่โลก / เรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิต / เรดาร์ตรวจจับสิ่งไม่มีชีวิต / คลังสูตรวัสดุและแร่ธาตุ / คลังสูตรอาหาร / คลังตำราอาวุธ / คลังตำราเครื่องป้องกัน / คลังตำราเครื่องประดับ..... ในดันเจี้ยนที่ปิดตายจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือทางขวา หน้า หลัง บนหรือล่างก็เป็นอิฐ หินและดินเต็มไปหมด แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทั้งยังเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตาย ไม่สิ.....ฟื้นขึ้นมาจากความตายมาหมาดๆ แต่กรก็ยังคงไล่ดู『หน้าต่างตั้งค่า』จำนวนมากที่ลอยอยู่ในระดับสายตา รอบตัวเขาอยู่จำนวนกว่า 20 แผ่นอย่างใจเย็น แม้ก่อนหน้าจะตกใจกับหน้าต่างจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นกะทันหันตรงหน้าก็ตาม แสดงให้เห็นเลยว่าจิตใจของกรนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากพอสมควร.....ตั้งค่าค่าประสบการณ์ / ตั้งค่าอัตราการดรอปไอเทม / ตั้งค่าอาชีพ / คลังอาชีพ / ตั้งค่าสกิล / คลังสกิล / นูเมรัลดิสเพลย์ / ตั้งค่าหน้าต่างตั้งค่า......มีทั้งหมด 24 แผ่น
ก๊าซ!!!!!!!!!!〝ไอ้หยา! ดูเหมือนจะเห็นเราเข้าแล้วแฮะ〞 แม้ในตอนนี้กรจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองอย่างเห็นได้ชัดจากการที่กำลังโดนมอนสเตอร์ทั้ง 7 ตัวที่มีสเตตัสสุดโหดเพ่งเล็ง แต่ทั้งคำพูดและการกระทำที่ยังดูไม่ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อยนั่นของกร แสดงให้เห็นว่าเขานั้นยังสามารถคงความเยือกเย็นไว้ได้อยู่ แต่ก็ดูเหมือนหยิ่งยโสและประมาทไปเช่นเดียวกัน〝หะหะห่ะ!!!! มันต้องแบบนี้สิ! ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อย!!!〞ก๊าซซซซซซซซ!!!!!!!!!!ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! 〝!!!!!!!!?〞 ราวกับตอบสนองต่อคำพูดของกร กลุ่มมอนสเตอร์ทั้ง 7 ที่ได้ยินเสียงตะโกนนั่นก็วิ่งกรูเข้ามาหากรอย่างรวดเร็ว แต่ว่าพอเข้ามาจนห่างจากที่กรยืนอยู่ราวๆ 7-8 เมตร มันก็หยุดนิ่ง ขณะที่กรคิดว่ามันกำลังจะทำอะไรกัน? อยู่นั้น ก็มีลิซาร์ดแมน 2 ตัว ถือสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายคฑา ถอยร่นไปข้างหลังราวสองถึงสามก้าว แล้วจากนั้น...ก็อบลิน 2 ตัวและลิซาร์ดแมน 3 ตัวก็ออกวิ่งมายังที่ที่กรยืนอยู่ โดยมีก็อบลินทั้งสองวิ่งนำหน้ามาคู่กันแล้วตามด้วยลิซาร์ดแมนทั้งสามที่วิ่งเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานอยู่ข้างหลังก็อบลินมาพร้อมกัน การจัดขบวนรบอย่างร
〖 มีแค่แกคนเดียวงั้นเรอะ ไอ้หนู!!! 〗〝พะ พูดได้ด้วยเหรอ!!!!〞ตัวฉัน.... อุษณกร วัชรวิรุฬห์ไอ้หนุ่มที่มีหน้าตาสุดแสนจะธรรมดา แถมเป็นโอตาคุขั้นโคม่า แล้วยังบ้าหนังสงครามหน่อยๆ....ตอนนี้กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่เคยได้ยินมาว่า เป็นสัตว์ประหลาดในตำนานกรีกหรือโรมันที่เรียกว่า สุนัขเฝ้านรก.... 『เคลเบรอส』อยู่ ด้วยอาการตกตะลึงกึ่งสงสัยกับสถานการณ์แปลกๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน! เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์อันตราย กรจึงต้องระวังตัวอย่างที่สุด แต่เพราะเห็นว่าสุนัขหมาป่า 3 หัวขนสีดำขลับ ซึ่งเป็นบอสมอนสเตอร์อันน่าเกรงขาม นั้นยืนอยู่ข้างหน้าของกรกลับพูดคุยด้วยท่าทางที่เป็นมิตรกว่าที่คิด กรเลยคิดที่จะลองหยั่งเชิงมันดู〖นี่ๆ อย่าเมินคำถามของข้าสิ! 〗〝อ่อ.....โทษทีๆ พอดีทางนี้กำลังตกใจอยู่หน่ะ!!!〞〖ตกใจงั้นเหรอ? นั่นก็เป็นปฏิกิริยาปกติเวลามีคนเห็นรูปลักษณ์อันน่าหวาดหวั่นของข้าอยู่แล้วนี่นา!!!?〗〝เปล่าๆ... ที่ทางนี้ตกใจหน่ะเป็นเพราะไม่รู้ว่าแกพูดได้ยังไงอยู่ต่างหากหล่ะ....〞〖....................................〗〖ตกใจเรื่องนั้นเองหรอกเรอะ!!!!!!!!〗〝อึ๊ย!!!!〞ยะ แย่หล่ะสิ
〖หึหึ... ดูเหมือนจะรู้ถึงพลังของข้าแล้วสินะเจ้าหนู〗〝กรอด !!!!!!!!!〞 และในขณะที่กรกำลังตกใจอย่างสุดขีดกับสเตตัสที่แสดงอยู่ตรงหน้า เคลเบรอสก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ยังสบายๆเช่นเคย แถมน้ำเสียงยังมีอาการดูถูกเล็กน้อยอีกต่างหาก นั่นทำให้กรเริ่มที่จะทนฟังไม่ได้ ทั้งยังโมโหขึ้นมาจนต้องกัดฟันแน่นเลยทีเดียวเวรเอ๊ย!!! แบบนี้ก็หมายความว่าถ้าสร้างความเสียหายในการโจมตีแต่ละครั้งได้ไม่ถึง 12 ล้าน ก็จะโจมตีมันไม่เข้าเลยงั้นเหรอไม่สิ... คิดว่าเดิมทีสเตตัสพลังป้องกันไม่น่าจะคำนวณแบบนั้นนี่นา เพราะไอ้ที่สู้ด้วยในตอนที่อยู่จุดหนีนั่น พลังของฉันมีไม่พอที่จะมะลวงพลังป้องกันแน่ๆ แต่ก็ยังโค่นพวกนั้นได้......กริ๊ง!!! แล้วเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาในสติของกร แล้วหน้าต่างนูเมรัลดิสเพลย์ซึ่งเป็นหน้าต่างช่วยคำนวณก็มาปรากฏตรงหน้าของกร พร้อมกับแสดงผลลัพธ์ที่ยิ่งทำให้กรหดหู่ยิ่งกว่าเดิม【คำเตือน! บอสมอนสเตอร์ข้างหน้ามีระดับสูงเกินไป ไม่สามารถหลบหนีได้! ความเป็นไปได้ที่จะหลบหนี คือ 0.000014% ความเป็นไปได้ที่จะชนะในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ตรงหน้านั้น คือ 0.00000047% สามารถถ่วงเ
เวรเอ๊ย!!!......บัดซบ!!!ขยับซักทีสิฟ่ะ! แกเป็นร่างกายของฉันไม่ใช่รึไงกัน!!! เพราะโดนการโจมตีอันแสนหนักหน่วงของเคลเบรอสไปอย่างต่อเนื่อง จนทำให้กรในตอนนี้ไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย ขณะที่เคลเบรอสเดินออกไปทางตรงข้ามเหมือนกับว่าหมดความสนใจในตัวกร กรจึงทำได้แค่หงุดหงิดอยู่ในใจเพียงเท่านั้นขยับ.....ขยับสิโว้ยยย!!!!!!บ้าเอ๊ย!!! แบบนี้มันก็เหมือนกับตอนนั้นเลยไม่ใช่รึไงกัน!!!ทำได้แค่จมอยู่กับความอัปยศของตัวเองอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....ทำได้แค่ทนดูไอ้บ้านั่นมันหยามหน้าอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....ทำได้แค่นอนรอความตายอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ.....คิดว่าจะยอมรึไงกัน!.....อุตส่าห์ฟื้นขึ้นมาจากความตายนั่นได้แล้วแท้ๆเชียว!หลังจากผ่านเรื่องแบบนั้นมาแล้ว ใครมันจะไปอยากตายกันว่ะ!!!เวรเอ๊ย!!ขยับซิฟ่ะ!...ขยับซักทีสิโว้ยยย!!!!!! แน่นอนว่ากรยังไม่ยอมแพ้ซักนิดเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายกลับมาทำตามคำสั่งแต่อย่างใด กรจึงทำได้แค่ตะโกนด่าทอตัวเองอยู่ในใจเท่านั้นเอง แต่ในขณะที่กรกำลังตะโกนแบบนั้นในใจอยู่เรื่อยๆนั้น ก็มีเสียงประกาศที่ไม่ทราบเพศดังขึ้นในสติของกร【เงื่อนไขเสร็จ
อืม.........ฉันสลบไปอีกแล้วงั้นเหรอ? หลังจากที่การต่อสู้อันดุเดือดของกรและเคลเบรอสที่ใช้ศักดิ์ศรีและชีวิตเข้าห่ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่งได้จบสิ้นลง กรก็ได้สติขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอใช้สุดยอดการประมวลผลตรวจสอบดูกลับพบว่าตัวเองที่เพิ่งได้สติ อาจจะกำลังสลบอยู่จนถึงเมื่อครู่ จึงได้สงสัยขึ้นมาแบบนั้นอืม.....ลองนึกย้อนไปก่อนหน้านี้ รู้สึกว่าเราจะใช้『จิตวิญญานเหล็กกล้า』ไปสินะ.....งั้นก็หมายความว่าตัวเรา.....ตายไปอีกแล้วสินะ....ไม่สิ ไม่สิ ตอนนี้ยังรู้สึกถึงร่างกายได้อยู่เสียงเต้นของหัวใจเองก็ยังได้ยินอยู่เลยแล้วมันหมายความว่าไงกันละเนี่ย!ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกสกิลนั่นจะเขียนไว้ว่า หลังจากใช้ไปแล้วจะเสียชีวิตแทบจะทันที ไม่ใช่รึไง? นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย....แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆละก็... ตัวฉันเนี่ยก็สุดยอดสุดๆเลยนะสิ... ฟื้นจากความตายมาได้ถึง 2 ครั้ง แถมยังแทบจะในเวลาไล่เลี่ยกันอีก ไม่สิ....ที่ตายบ่อยเนี่ยก็เพราะอ่อนเองด้วยนั่นแหล่ะนะ น่ากลัวชะมัดเลยแฮะ....ใช่ หมายถึงตัวฉันเองนั่นแหล่ะ...แต่ใช่ว่าผลลัพธ์ออกมาแบบนี้แล้วจะไม่ดีใจหรอกนะ ก็แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง....แต่ทั
แปล๊บๆๆๆ!!!!!!!〝จ๊ากกกกกก!!!!!!!!!!〞 หลังจากที่กรได้หลั่งน้ำตาออกมาเพราะความรู้สึกหลายๆอย่างที่สั่งสมมานาน จากทั้งแรงกดดันและความเครียดทั้งหลายที่สะสมมามากเสียจนทะลุปรอทได้จบลง จู่ๆกรก็สัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลผ่านไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างกระทันหันจนถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้นในท่าหงายท้องมองดูดาวเลยทีเดียว ทั้งยังเกิดควันสีดำคลุ้งออกมาจากร่างจนทั่วเลยทีเดียว รวมทั้งผมยาวๆของตัวกรเองก็ยังตั้งฟูเป็นผมทรงแอ็ฟโฟร่ฟูฟ่องอย่างหนาเพราะกระแสไฟฟ้าที่ว่าไปพร้อมๆกันจนดูน่าขบขันไม่ใช่น้อย นั่นเลยทำให้ตัวของกรชาไปหมดแล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้นตามระเบียบอึ๊ก! อะไรกันเนี่ย.... หลังจากที่ต้องรับภาระทางจิตใจที่มากเสียยิ่งกว่ามากจนล้นออกมาแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกงั้นเหรอ!? นี่มันจะเกินไปแล้วนะเฮ้ย!!!ยะ...อย่าบอกนะว่านี่เป็นผลข้างเคียงของสกิล หรือไม่ก็เป็นบทลงโทษของคนที่ใช้โปรแกรมโกง———เดี๋ยวๆๆๆ....ฉันไม่ได้ใช้โปรแกรมโกงหรือชีตทูล(Cheat Tool) หรืออะไรเทือกๆนั้นซักกะนิดเดียว...ถ้าจะโทษก็ไปโทษไอ้คนที่จัดสกิลมาให้ฉันซะสิ....แต่เดี๋ยวดิ แล้วคนที่จัดมันเป็นใครหว่า!?แล้วนี่
〝สะ....สุดยอด! นี่มันสวยกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะเนี่ย!〞 หลังจากที่กรใช้เวลาพอสมควรในการลงบันไดมายังชั้นที่ 26 ตามคำแนะนำของเคลเบรอส ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของกรที่ยืนอยู่ตรงปากทางออกก็คือ บริเวณทางเดินที่ถูกเชื่อมต่อไปยังบริเวณที่คล้ายกับถ้ำใต้ดินซึ่งมีส่วนประกอบทั้งหมดเป็นหินสีน้ำตาลเข้ม ผิวขรุขระตลอดแนวไปจนสุดสายตาดังที่เห็นได้บ่อยๆในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในภูเขา แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ บริเวณพื้นผิวของถ้ำทั้งหมดนั้นมีจุดสีฟ้าเล็กๆเป็นจำนวนมากเกาะอยู่ทั่วบริเวณถ้ำเสียไปทั่วบริเวณที่กรมองไปถึง และแม้จะไม่มีแสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในพื้นที่ปิดตายนี้แต่อย่างใด แต่จุดเล็กๆทั้งหลายนั้นกลับยังสะท้อนแสงและกระพริบไปมาเป็นจังหวะอย่างสวยงาม และด้วยความที่เพดานของถ้ำนั้นสูงกว่าพื้นดิน 5 เมตร นั่นเลยทำให้จุดสีฟ้าจำนวนมหาศาลที่กำลังส่องประกายระยิบระยับบนเพดานถ้ำเหล่านี้คล้ายกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปราศจากการบดบังของก้อนเมฆจนเห็นดวงดาวส่องประกายเต็มท้องฟ้าอย่างงดงามหาใดเปรียบยังไงอย่างงั้นเลย กรเองที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่เช่นกันเพราะถูกความงดงามนั่นตราตรึงและดึงดูดสายตาเสียจนเบนหน้าหนี
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า