ผมไม่ได้แคร์ว่าเพื่อนในวงเหล้าจะรอ ไว้ค่อยแชทไปบอกก็ได้ว่าปลีกตัวออกมากับพี่หมี่แล้ว พวกมันคงไม่กล้าแย้งอะไรหรอก
ก็ลองแย้งดู เดี๋ยวก็จะได้รู้ว่าจะได้เจอกับอะไร ทุกคนบนโลกถ้าไม่ใช่พี่หมี่ ผมก็ไม่แคร์ทั้งนั้น
ผมประคองร่างบางมาที่รถฮอนด้าซีวิคสีแดงที่พี่หมี่เคยบ่นว่าอยากได้แล้วก็ซื้อมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองสำเร็จ เงินเดือนเธอแม่งเยอะกว่าเงินเดือนที่ผมขอพ่อแม่ไปวันๆ เพราะเขาอยากให้ผมเรียนให้จบก่อน จะไปตีรันฟันแทงกับใครก็ได้ แต่ขอแค่เรียนให้จบ
พ่อกับแม่ไม่ได้คาดหวังกับคนอย่างผมมาก เพราะเขารู้ว่าผมแอบชอบพี่สาวข้างบ้านที่เป็นถึงแพทย์หญิงดีเด่นและรายได้เป็นแสน ครอบครัวพี่หมี่ก็หมอทั้งบ้าน ผมเลยต้องพยายามทำตัวเองให้ดีเพื่อให้เหมาะสมกับเธออยู่แล้ว
ไม่รู้พี่เค้าจะเอาผมมั้ย แต่ผมคิดไว้ก่อนเลยไง
พี่หมี่ถูกผมประคองร่างอรชรเข้าไปที่ที่นั่งข้างคนขับ เธอโอบรอบคอผมไว้เพื่อกันสะดุด และปล่อยให้ผมเป็นคนนำพาเธอ หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตเกินตัวล้นออกมานอกเกาะอกสีชมพูที่เหมือนกับสีผมของเธอยามเมื่อเธอเอนหัวมาพิงขอบประตูรถด้วยความเมา
ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก
ให้ตาย ใหญ่อะไรขนาดนี้วะ แม่ง
“พี่หมี่ นั่งดีๆ หน่อย” ผมพยายามหักห้ามอารมณ์ส่วนตัวที่พลุ้งพล่านจนแทบบ้า พร้อมกับปรับเบาะให้เอนลง มองจากมุมนั้นก็เห็นเป็นภูเขาสองลูกที่ตั้งตระหง่านและกระสับกระส่ายไปตามแรงส่ง ยิ่งทำให้ห้ามใจยากขึ้น
ผมเอื้อมเข็มขัดไปรัดโดยเลี่ยงภูเขาสองลูกนั้น แล้วปิดประตูหักดิบตัวเอง ก่อนที่จะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ สตาร์ทรถ แล้วขับออกไป
หัวใจเต้นแรงตลอดทางที่รู้สึกว่าคนตัวเล็กที่เบาะข้างๆ ขยับตัว เธอหันหน้าไปทางกระจกรถ พาลทำให้เวลาเหลือบตาไปมอง ก็เห็นต้นคอขาวผ่องที่ไม่มีริ้วรอยอะไรเด่นชัดมากขึ้น มันขาว และเนียนตาไปซะทุกส่วน
เวรเอ้ย
ผมกัดฟันแน่น และอดทนไปถึงคอนโดของเธอ
พอมาถึงก็ต้องรับหน้าที่อุ้มเธอขึ้นไปบนห้อง จนผมแอบรู้สึกเหมือนตัวเองโรคจิตหน่อยๆ ที่รู้ได้แม้กระทั้งเลขชั้นและเลขห้องที่เธออยู่ ผมอุ้มพี่บะหมี่ในท่าผู้หญิง พยายามไม่มองไม่สนใจผิวสัมผัสนุ่มๆ และกลิ่นหอมของเธอ ในขณะที่จะไปยืนอยู่หน้าประตูห้อง
“พี่หมี่ครับ กุญแจห้อง” ผมเรียกชื่อคนในอ้อมแขน เธอปรือตาขึ้นมา ไม่ได้ตื่นที่อยู่ในอ้อมแขนของผม แต่กลับล้วงกุญแจห้องออกมาจากกระเป๋าถือส่งให้ผมอย่างว่าง่าย
ไว้ใจผมมากไปรึเปล่า
เอาตรงๆ ปะ ตอนนี้ผมแม่งคิดไม่ดีเลยนะ
จนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ผมถือวิสาสะควานหาสวิตช์ไฟ แล้วปิดประตูด้วยมือข้างที่ว่าง ก็อย่างว่า พี่หมี่ทั้งตัวเล็กเลยตัวเบายังกับขนนก อุ้มด้วยมือข้างเดียวก็ได้แล้ว
ผมเดินเข้าไปวางร่างอวบอัดลงบนเตียงนอนในห้องของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องของพี่หมี่ ผมเลยกวาดสายตาไปมองรอบๆ เพื่อเก็บรายละเอียด ห้องนี้ตกแต่งด้วยสีม่วงอมชมพู มีโต๊ะเครื่องแป้ง เตียงที่ดูเป็นทรงผู้หญิง กับตู้เสื้อผ้า และของแค่ไม่กี่อย่าง
โคตรตื่นเต้น แม้ว่าภายนอกจะทำหน้านิ่งแค่ไหน
ห้องเธอแม่ง... บรรยากาศเหมาะที่จะมีเซ็กซ์โคตรๆ
“ขาล...” เสียงหวานดังขึ้นตอนที่ผมยืนตัวใหญ่กวาดสายตามองรอบห้องเธออยู่ ผมหลุบตาลงมอง ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าข้อมือหนาโดนคว้า
“พี่?” ผมเรียกชื่อเธอ พร้อมกับมือหนาที่ถูกฝ่ามือเล็กบีบแน่น ร่างอรชรที่นอนอยู่บนเตียงเงยหน้าขึ้นมองผม แววตาของเธอหยาดเยิ้ม ก่อนที่จะทันรู้สึกตัว พี่หมี่ก็ยันตัวลุกขึ้นมา แล้วรั้งชายเสื้อผมฉุดให้เข้ามาใกล้ๆ เธอ
“ขาล ขาลรู้มั้ย” เธอกระซิบชิดกับหน้าท้องหนาที่ถูกกั้นด้วยเสื้อยืดสีเทาของผม เรือนร่างยั่วยวนชิดใกล้กับหน้าท้องแกร่งจนผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ “พี่โดนบอกเลิกอีกแล้ว”
“ครับ?” ผมเลิกคิ้วถาม ไม่เข้าใจว่าเธอจะสื่ออะไร แล้วร่างบางก็เม้มริมฝีปากแน่น
“พี่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยเข้ากับใครได้เลย” เธอเริ่มน้ำตาคลอต่อหน้าผม พึมพำปรับทุกข์ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่ร่างกายอวบอัดนั่นยังแนบชิดในท่าที่อันตราย “พี่ไม่อยากมีแฟนตอนนี้ พี่ไม่อยากจริงจัง ทำไมไม่มีใครเข้าใจพี่เลย ทำไมไม่มีใครรอพี่ได้เลย ทำไมต้องทำเหมือนพี่เป็นผู้หญิงง่ายๆ”
“...”
“ทำไม... ทั้งที่พี่ยังไม่พร้อมมีใคร แค่อยากคุยไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง”
เธอคงหมายถึงผู้ชายที่เธอคุยๆ ด้วยใช่มั้ยวะ
พอรู้แบบนี้ก็เจ็บดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยรู้ว่าพี่หมี่ต้องการอะไร เธอเลยไม่มีแฟนสักที แต่ผมมันก็แค่คนโง่ดักดานคนนึง ที่เจ็บแล้วไม่เสือกจำ
“ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงไม่อยากจริงจังกับใครตอนนี้เหมือนกัน” ผมโพล่งออกไป พร้อมกับคว้าไหล่ขาวจัดนั่นเข้ามาแนบตัวด้วยฝ่ามือแกร่ง “เอาจริงๆ มั้ย ผมเดาใจพี่ไม่เคยออก”
“...”
“แต่ถ้าเป็นผม ผมรอพี่ได้นะ” ผมเลือกที่จะโพล่งมันออกไป ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมแสดงออกว่าชอบเธอ โคตรชอบพี่หมี่จนแทบคลั่ง แม้ว่าเธอจะไม่เคยให้คำตอบ ไม่เคยทำอะไรไปมากกว่ากอดกับผมในฐานะน้องชาย “ผมรอพี่ได้ตลอดแหละว่ะ ถ้าพี่ต้องการอะไร ขอแค่บอกผมมา”
“...”
“แค่มองผมเป็นผู้ชายคนนึงก็พอ” แววตาสีน้ำตาลอ่อนช้อนขึ้นมองหน้าผมที่กลืนน้ำลายลงคอจนลูกกระเดือกสั่นขึ้นลง แม่งเป็นครั้งแรกที่ผมเอาแต่ใจกับพี่หมี่ เพราะผมไม่อยากให้เธอจำกัดผม แล้วทำมันแค่กอดในสถานะแค่นั้น
ผมอยากทำมากกว่านั้นกับเธอ ไม่ว่าเธอจะมองผมเป็นแค่ของเล่นก็ตาม
“ขาล” เธอเรียกชื่อผม มือเล็กๆ ค่อยๆ สอดเข้าไปใต้ชายเสื้อยืด ลูบไล้ที่ซิกแพคหนาของผมใต้เสื้ออย่างอ้อยอิ่ง ซึ่งนั่นทำให้ผมโคตรตื่นเต้น “เธอแน่ใจเหรอ”
“ผมแน่ใจ” ผมตอบกลับไปทันควัน ใช่ เพราะผมไม่อยากทำแค่กอดแล้วว่ะ ผมไม่อยากเป็นแค่น้องชายที่เอาแต่รอเธอไปวันๆ แล้วหมาก็คาบไปแดก อะไรที่เป็นโอกาส ผมจะเอาตัวเองเข้าไปแทนที่แม้ว่าแม่งจะเสี่ยง และไม่ได้เหี้ยอะไรกลับมา
“แล้ว...” เธอเลื่อนมือขึ้นไต่สูงกว่าเดิม จนชายเสื้อของผมเลิกขึ้นมาด้วย ซิกแพคเป็นลอนหนาโผล่ออกมา ริมฝีปากบางกดจูบเบาๆ ที่กล้ามหน้าท้องของผมด้วยความมึนเมา พร้อมกับคำพูดที่ออกมาจากความคิดชั่ววูบของเธอ “ถ้าพี่อยากมีเซ็กซ์กับขาลตอนนี้เลยล่ะ”
“...”
“ขาลจะยอมพี่มั้ยคะ”
หมอที่สองกัดฟันแน่น หุนหันพลันแล่นผุดลุกออกไปจากห้องพักแพทย์ทันทีอย่างเสียหน้า ฉันพ่นลมหายใจออกมาหลังจากที่เขากระแทกบานประตูปิดเสียงดัง ผ่อนปรนความเครียดทั้งหมดได้ในเพียงเสี้ยววินาที ค่อยๆ ก้าวเดินด้วยส้นสูงที่เพิ่งขยี้ยอดอกของหมอสองไปนั่งบนเก้าอี้เลื่อน นวดขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียดเมื่อกี้นี้มันอะไรกันฉันเพิ่งจะแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป และปรามาสหมอที่สองด้วยถ้อยคำหยาบคายในแบบที่ฉันไม่เคยพูดกับใครแต่มันกลับรู้สึกโล่งข้างในอย่างน่าประหลาดถ้าไม่ถืออคติจนเกินไป ในคราวที่น้องขาลมัดฉันไว้ก็เป็นอารมณ์แบบนี้ หัวมันโล่งปลอดโปร่ง รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่สะสมมานาน... รู้สึกดีจังฉันกระตุกยิ้มออกมา ค่อยๆ ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างแบบมีมาดเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงกลัวป๊าจะรู้ว่าฉันทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรเอาไว้ แต่ในเวลานี้ฉันไม่แคร์อีกแล้วฉันชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ชอบตัวเองที่เลือกจะจัดการกับปัญหาทุกอย่างด้วยความรุนแรงฉันผุดลุกขึ้น นี่เพิ่งจะข้ามวันที่ฉันเลิกกับน้องขาล เป็นข้ามวันที่รู้ตัวเองหลังจากที่น้องขาลหันหลังให้ มันจะพอเป็นไปได้มั้ย ถ้าฉันจะกลับไปหาเขา น้
“ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่อีกแล้วว่ะ”“...”“เพราะผมรู้แล้ว... ว่าสำหรับพี่ ทำไปก็เท่านั้น” เขาสบถคำหยาบออกมาใส่หน้าฉัน “โคตรไร้ค่า ผมแม่งเป็นแค่ขยะสำหรับพี่ก็แค่นั้น”ฉันชะงักไป นิ่งอึ้งกับสิ่งที่น้องขาลพูด ในขณะที่เพิ่งสังเกตคราบเลือดที่ข้อศอกของคนตัวใหญ่ที่ก้มหน้าลงจนผมยาวๆ ปรกหน้า เขาผละมือออก ในขณะที่จะหันหลังให้ แต่ฉันกลับเลือกที่จะคว้าชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้น้องขาลชะงักไป เขายืนหันแผ่นหลังกว้างให้ฉันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่คิดที่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำหัวใจของฉันกระตุกวูบ ในขณะที่จะกลั้นใจพูดออกไป“หนูมีแผลนี่” เขาเหลือบมามองแค่เพียงหางตา ก่อนที่จะกระตุกแขนข้างที่เป็นแผลออกจากมือของฉันทันที“เพิ่งสังเกตเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เป็นตั้งนานแล้ว”“พี่...”“...”“ให้พี่ทำแผลให้มั้ย?”“ไม่จำเป็น” เขาปฏิเสธทันที เป็นคำปฏิเสธที่เย็นชาจนฉันตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลงเป็นฝ่ายโดนปฏิเสธ “กลับไปซะ”จนเขาหันกลับมา ออกปากไล่ฉันอย่างเย็นชา พร้อมกับโยนกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงคืนให้ฉันที่รับแทบไม่ทัน ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมองน้องขาล แต่กลับพบแต่ดวงตาที่ว่างเปล่า“พี่หมี่
ผมเบิกตากว้าง ดวงตาลุกโพลง แต่ไม่ได้กระโตกกระตากหรือออกมาจากตรงนั้นเหมือนว่าพี่หมี่จะไม่เห็นผม เธอก้าวเข้าไปนั่งข้างคนขับ ในขณะที่ไอ้เด็กที่ชื่อเหยี่ยวนั่นเป็นฝ่ายสังเกตเห็นผมก่อน เราจ้องหน้ากันในระยะห่างไม่ไกลนัก ผมจะเข้าไปกระชากมันออกมาตอนนี้เลยก็ยังได้ หากแต่ผมกำลังยั้งคิดอยู่จนมันแสยะยิ้มออกมา แววตาของไอ้เด็กนั่นไม่เหมือนครั้งแรกและหลายๆ ครั้งที่เจอกันมันกำลังประกาศ... ชัยชนะผมกำแฮนด์รถแน่นจนแทบแหลกคามือ ไอ้เวรนั่นเข้าไปในรถ นั่งในที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของผม มันเคยเป็นผมเมื่อวานและหลายๆ วันที่ผ่านมาที่คอยไปรับไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้มันกลับกันหลังจากที่ผมถูกไล่กลับไป เธอก็เรียกมันมาที่นี่งั้นเหรอพี่หมี่เรียกมันมาค้างด้วย... ใช่รึเปล่าทั้งที่ยังไม่ได้เลิกกับกูด้วยซ้ำบรืน!ผมบิดรถจนเกิดเสียงดังสุดมือด้วยความโกรธ มันเดือดทะลุจนแทบหยุดความบ้าคลั่งในใจและความคิดที่ว่าอยากจะฆ่ามันให้ตายไม่ได้ยังไงก็ตาม วันนี้ผมต้องได้คำตอบไวกว่าที่คิด ผมเคลื่อนตัวรถออกไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งตามรถซีวิคสีแดงเลือดหมูของพี่หมี่ไป แววตาที่คลุ้มคลั่งอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคแบบปิดไม่มิดพี่หมี่ไม่เห็
BDSM คือเซ็กซ์ประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะมัด ตรึง ฟาดแรงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเซ็กซ์ที่สนองกามารมณ์ของคนประเภทที่ชอบความรุนแรงมากกว่าปกติ หรือบางคนที่ชอบโดนทำรุนแรงใส่ผมจัดอยู่ในประเภท ‘ซาดิสต์’ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลองทำแบบนี้กับใคร ไม่มีใครยอมรับรสนิยมของผม และผมเองก็ไม่เคยยอมรับตัวเอง ที่ผ่านมาก็แค่ยังไม่ได้เจอใครที่ทำให้หัวใจสั่นเร้าจนอยากทำอะไรรุนแรงจนเธอบอบช้ำเท่านี้พี่หมี่เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ผมเฝ้าฝันว่าสักวันจะได้ฟาดเธอแรงๆ แล้วมีเซ็กซ์ไปด้วย ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าเธอคือม้าของผมในชีวิตจริงผมใจดีกับเธอ ยอมตามใจเธอเหมือนหมาผู้ซื่อสัตย์ นั่นเพราะผมอยากทำ ผมอยากแสดงให้เธอเห็นและไว้ใจว่าผมจะรักเธอ ภักดีกับเธอแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ไม่เคยมีใครบอกว่าหมามันจะไม่กัด ถูกมั้ยแน่นอน ไม่มีอะไรหยุดยั้งความต้องการที่แสนซาดิสต์ของผมได้ วันนี้ผมพกเชือกขาวลูกเสือมาเพื่อมัดเธอไว้ แล้วบรรเลงบทเพลงตามที่ผมต้องการ สาดสีและละเลงรักบนร่างกายเธอผมก็แค่หึงไม่ชอบที่เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้เวรนั่น ไม่ชอบที่มันก้าวเข้ามาเรียนในรุ่นเดียวกัน ไม่ชอบที่จะรู้สึกลางๆ ว่าเหมือนตัวเองกำลังจะถูกเขี่ยทิ้งในอีกไม่
ฉันสั่นระริก ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเอ่ยปากอ้อนวอนออกไปได้ยังไง ท่าทางที่น้องขาลเป็นวันนี้ในวันที่เรามีเซ็กซ์กันดูไม่ปกติ มันแปลกประหลาดมาก เขาเอาเชือกมามัดข้อมือฉัน จับไพล่หลัง พร้อมกับจัดท่าให้อยู่ในท่าหมอบคลานโดยไม่สามารถใช้มือค้ำยันได้ฉันไม่รู้ว่าเซ็กซ์แบบนี้คืออะไร ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากลัว มันสั่นไปหมดข้อมือที่ถูกรัดแน่นพยายามบิดเพื่อตัดขาดพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นหนีกลับยิ่งรัดแน่น มือที่ถูกไพล่หลังอยู่ตึงแน่นจนรู้สึกชาแปลบๆ แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกทุกอย่าง ทุกสัมผัส มันชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อปลายนิ้วสากตวัดผ่านกลีบดอกไม้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ล้นทะลักออกมาจากร่องสวาทแต่การถูกมัดแบบนี้มันไม่ปกติ สมองฉันทำงานหนักมากเพื่อที่จะปฏิเสธการกระทำนี้“ฮึก... ได้โปรด”แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับสั่นพร่าจนรู้สึกได้ มันพ่นออกไปโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ในหัวของฉันมันตีรวนกันหลายอย่างตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเรื่องพ่อหรือเรื่องที่สอง หรือแม้แต่น้องขาลที่มีท่าทางก้าวร้าวมากขึ้น แต่พอโดนมัด โดนทรมาน กลับรู้สึกหัวโล่ง ขาวโพลนอย่างน่าประหลาดภายในสมองร้องบอกตัวเองว่าน้องขาลคนนี้ไม่ใช
น้องขาลนิ่งไปทันที เขาเอียงคอไปมองโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของฉัน แววตาคมปลาบหันกลับมาสบตากับฉัน เย็นเยียบจนรู้สึกสั่นกลัวน้องขาลไม่เหมือนเดิมมาตั้งแต่เมื่อวาน และฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร“งั้นขอเช็คโทรศัพท์หน่อยสิครับพี่หมี่”ฉันเม้มริมฝีปาก ฉันแค่คิดนะ เหมือนว่าเขาจะไม่ไว้ใจฉันเลย ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าพอเริ่มคบกับน้องขาล เขาก็เปลี่ยนไปนิดๆ หน่อยๆ“จะเช็คทำไมคะ ไม่ไว้ใจพี่เหรอ” น้ำเสียงที่ถามกลับไปห้วนสั้นไม่ต่างกัน ไม่รู้ว่าจะมาชวนทะเลาะอะไรในตอนที่เพิ่งเจอเรื่องพวกนั้นมาด้วยนะ“ผมเช็คไม่ได้เหรอครับ ผมจะได้รู้ตัว” น้ำเสียงที่พ่นออกมามีแววประชดเจือปนเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะไม่อยากจะเชื่อว่าน้องขาลจะออกปากประชดประชันได้ เพราะก่อนที่เราจะคบกันเขาเป็นสุนัขที่ดีมาโดยตลอด แต่พอตกปากรับคำขอคบเป็นแฟน ขาลเริ่มแสดงท่าทีเป็นใหญ่ขึ้นทีละน้อยและฉันก็... ไม่ค่อยชอบท่าทางถือดีนั่นเท่าไหร่“เช็คก็ได้ค่ะ เอาเลย” ฉันไม่ชอบเวลามีใครมางอแงในเวลาที่ฉันกำลังหัวเสีย เลยพยักเพยิดหน้าไปทางมือถือที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ น้องขาลสบตาฉันกลับ เขากัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น แล้วเดินผ่านไหล่ฉันไปกดโทรศัพท์ดูด้วยร่างกำยำที่เกร็งเครี