ท่ามกลางความเงียบสงัดภายในห้องนอนที่น่ารักของฉัน ฉันที่เมาจนประคองสติได้ไม่มากนักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่รับรู้ได้ว่าผู้ชายตรงหน้าพร้อมที่จะเป็นของเล่นของฉันมากกว่าใคร
ฉันรู้ดี รู้มาโดยตลอดว่าน้องขาลชอบฉันมากจนแทบเรียกได้ว่าคลั่ง
ฉันรู้ดี ว่าน้องขาลตามฉันไปที่คลับทุกคืนวันเสาร์ที่ฉันไม่มีงาน
เพราะรู้ก็เลยจงใจชนแก้วกับผู้ชายคนนั้น เพื่อให้เด็กตัวใหญ่คนนั้นเดินเข้ามาหาด้วยความหึงหวง และเชิญชวนให้น้องขาลไปส่งฉันที่ห้อง
ก็เพราะน้องขาลน่ะฮอตมากเลยน่ะสิ ทั้งร่างกายกำยำติดคล้ำนิดๆ ตัวสูงใหญ่เหมือนหมีป่า ซิกแพคเป็นลอนหนาที่ยั่วยวน กับรอยสักเต็มทั้งตัว เหมือนเขาจะรู้ดีว่าฉันชอบแบบนี้ ลุคเถื่อนๆ แบบนี้แต่ท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนหมาน้อยเชื่องๆ ที่รักแค่เจ้าของเพียงคนเดียว
ถ้าอยากจะขออะไรที่เห็นแก่ตัว อย่างเช่นวันไนท์กับน้องขาลสักครั้ง เพื่อปลดปล่อยความเครียดเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ทั้งหมด และปล่อยตัวปล่อยใจไปกับร่างสูงใหญ่ตรงหน้าสักครั้ง เขาจะว่ามั้ยนะ
ใบหน้าคมกร้าวนิ่งไปเมื่อได้ยินคำขอที่เห็นแก่ได้ของฉัน ใช่ เพราะฉันรู้ดีว่าตัวเองยังไม่พร้อมมีใครในตอนนี้ งานที่ทำอยู่ทำให้ฉันไม่ค่อยมีเวลาที่จะไปใส่ใจใครได้เต็มร้อย ฉันเคยมีความรักแล้วเจ็บปวด เลยมองมันเป็นแค่ของเล่น และกลายเป็นผู้หญิงที่ใจร้าย และดูง่ายอย่างเต็มรูปแบบ
แต่ผู้ชายที่ฉันจะขอแบบนี้... มีไม่กี่คนหรอก
ส่วนมากที่เจอ พวกเขามักจะถอยห่างออกไป เพราะความไม่ชัดเจนที่ฉันมอบให้ และทำเหมือนว่าฉันมีทางเลือกมากมาย พวกเขาแค่ต้องการเซ็กซ์ แต่ปฏิเสธในสิ่งที่ฉันเป็น
เอาจริงๆ มั้ย ฉันเฮิร์ทนะ ทุกครั้งเวลาที่ใครต่อใครปฏิเสธตัวตนของฉัน
ก็ฉันไม่พร้อม ทำไมไม่เข้าใจกันเลยนะ เพราะงั้นก็เลยเวอร์จิ้นอยู่จนถึงทุกวันนี้เลยไงล่ะ
ก็มันไม่มีใครที่คลิกกับใจ
“พี่ไม่จำเป็นต้องมาขอผม” จนร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่ฉันแนบชิดอยู่โพล่งขึ้นมา ขาลจ้องมองฉันด้วยสายตาของคนที่คลั่งรักสุดชีวิต และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อฉัน “ทำตามที่พี่ต้องการได้เลยครับ”
ฉันชะงักไป เพราะรู้ว่าขาลจะตามมาในทุกคืนวันเสาร์ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าแค่อยากปลดปล่อยกับใครสักคนในคืนที่เฮงซวยแบบนี้ และขาลก็บังเอิญเป็นคนนั้นที่เข้ามาตรงจังหวะพอดี แบบนี้มันออกจะไม่แฟร์กับน้องไปหน่อยมั้ย
ไม่เลย จะเห็นแก่ตัวยังไงก็ตาม ก็ต้องคิดถึงใจอีกฝ่ายด้วยสิ
“พี่ขอโทษนะน้องขาล” จนสุดท้ายฉันก็ทำไม่ได้ มือที่รั้งชายเสื้อของเขาขึ้นสูงถูกกำแน่นจนชายเสื้อยับยู่ ฉันกัดริมฝีปากแน่น พยายามเอาชนะความมึนเมาด้วยการหักห้ามใจตัวเอง “พี่เห็นแก่ตัว พี่รู้ดี ทั้งๆ ที่พี่รู้ว่าขาลชอบพี่ พี่ก็ยังจะ... อื้อ”
แต่ยังไม่ทันที่จะผละมือออกจากกล้ามหน้าท้องของหนุ่มน้อยตรงหน้าและปฏิเสธความต้องการของตัวเอง ขาลก็ทำในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด เพราะร่างสูงกลับฉุดแขนฉันขึ้นให้คุกเข่าบนเตียงเพื่อจะได้อยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของเขา และประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างแนบแน่น
ฉันเบิกตากว้าง และเพราะนี่เป็นจูบแรก ก็เลยได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อปล่อยให้เด็กชายตัวใหญ่ที่ดูจะช่ำชองกว่ามากตระโบมจูบอย่างร้อนแรง ปลายลิ้นสากที่อุ่นร้อนกระหวัดพันปลายลิ้นเล็กของฉันอย่างดูดดื่ม ในขณะที่ขาลจะแลกน้ำลายกับฉันจนได้ยินเสียงจ๊วบจ๊าบจากรสจูบ
จนเขาผละออกมา เส้นสายน้ำลายจางๆ ยืดอยู่ที่ปลายลิ้นหนา และใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มของฉัน กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจ และกลิ่นบุหรี่มาโบโรอ่อนๆ ของน้องขาล ทำให้ฉันเหมือนโดนสะกด อีกอย่างเพราะตอนนี้ก็เมาอยู่ด้วย
“ไม่ต้องห้ามความต้องการของพี่กับผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมกับริมฝีปากหนาที่เอนเข้ามาจนชิดกับริมกกหูของฉันจนทำให้ใจสั่น “แค่บอกมาว่าพี่ต้องการอะไร”
“...”
“พี่จะให้ผมเป็นของเล่นของพี่เหรอ ได้ดิ ผมจะเป็นให้เอง”
“...”
“ถ้าพี่อยากให้ผมเป็นแค่คู่นอน ได้ ผมก็จะเป็นให้”
“...”
“บอกมาก็พอว่าพี่ชอบแบบไหน ผมจะทำให้พี่ และจะไม่หนีพี่ไปไหนเหมือนคนอื่นด้วย”
ให้ตาย
เด็กอะไร คลั่งไคล้ฉันได้ร้อนแรงเป็นบ้าเลย
หมอที่สองกัดฟันแน่น หุนหันพลันแล่นผุดลุกออกไปจากห้องพักแพทย์ทันทีอย่างเสียหน้า ฉันพ่นลมหายใจออกมาหลังจากที่เขากระแทกบานประตูปิดเสียงดัง ผ่อนปรนความเครียดทั้งหมดได้ในเพียงเสี้ยววินาที ค่อยๆ ก้าวเดินด้วยส้นสูงที่เพิ่งขยี้ยอดอกของหมอสองไปนั่งบนเก้าอี้เลื่อน นวดขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียดเมื่อกี้นี้มันอะไรกันฉันเพิ่งจะแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป และปรามาสหมอที่สองด้วยถ้อยคำหยาบคายในแบบที่ฉันไม่เคยพูดกับใครแต่มันกลับรู้สึกโล่งข้างในอย่างน่าประหลาดถ้าไม่ถืออคติจนเกินไป ในคราวที่น้องขาลมัดฉันไว้ก็เป็นอารมณ์แบบนี้ หัวมันโล่งปลอดโปร่ง รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่สะสมมานาน... รู้สึกดีจังฉันกระตุกยิ้มออกมา ค่อยๆ ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างแบบมีมาดเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงกลัวป๊าจะรู้ว่าฉันทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรเอาไว้ แต่ในเวลานี้ฉันไม่แคร์อีกแล้วฉันชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ชอบตัวเองที่เลือกจะจัดการกับปัญหาทุกอย่างด้วยความรุนแรงฉันผุดลุกขึ้น นี่เพิ่งจะข้ามวันที่ฉันเลิกกับน้องขาล เป็นข้ามวันที่รู้ตัวเองหลังจากที่น้องขาลหันหลังให้ มันจะพอเป็นไปได้มั้ย ถ้าฉันจะกลับไปหาเขา น้
“ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่อีกแล้วว่ะ”“...”“เพราะผมรู้แล้ว... ว่าสำหรับพี่ ทำไปก็เท่านั้น” เขาสบถคำหยาบออกมาใส่หน้าฉัน “โคตรไร้ค่า ผมแม่งเป็นแค่ขยะสำหรับพี่ก็แค่นั้น”ฉันชะงักไป นิ่งอึ้งกับสิ่งที่น้องขาลพูด ในขณะที่เพิ่งสังเกตคราบเลือดที่ข้อศอกของคนตัวใหญ่ที่ก้มหน้าลงจนผมยาวๆ ปรกหน้า เขาผละมือออก ในขณะที่จะหันหลังให้ แต่ฉันกลับเลือกที่จะคว้าชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้น้องขาลชะงักไป เขายืนหันแผ่นหลังกว้างให้ฉันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่คิดที่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำหัวใจของฉันกระตุกวูบ ในขณะที่จะกลั้นใจพูดออกไป“หนูมีแผลนี่” เขาเหลือบมามองแค่เพียงหางตา ก่อนที่จะกระตุกแขนข้างที่เป็นแผลออกจากมือของฉันทันที“เพิ่งสังเกตเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เป็นตั้งนานแล้ว”“พี่...”“...”“ให้พี่ทำแผลให้มั้ย?”“ไม่จำเป็น” เขาปฏิเสธทันที เป็นคำปฏิเสธที่เย็นชาจนฉันตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลงเป็นฝ่ายโดนปฏิเสธ “กลับไปซะ”จนเขาหันกลับมา ออกปากไล่ฉันอย่างเย็นชา พร้อมกับโยนกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงคืนให้ฉันที่รับแทบไม่ทัน ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมองน้องขาล แต่กลับพบแต่ดวงตาที่ว่างเปล่า“พี่หมี่
ผมเบิกตากว้าง ดวงตาลุกโพลง แต่ไม่ได้กระโตกกระตากหรือออกมาจากตรงนั้นเหมือนว่าพี่หมี่จะไม่เห็นผม เธอก้าวเข้าไปนั่งข้างคนขับ ในขณะที่ไอ้เด็กที่ชื่อเหยี่ยวนั่นเป็นฝ่ายสังเกตเห็นผมก่อน เราจ้องหน้ากันในระยะห่างไม่ไกลนัก ผมจะเข้าไปกระชากมันออกมาตอนนี้เลยก็ยังได้ หากแต่ผมกำลังยั้งคิดอยู่จนมันแสยะยิ้มออกมา แววตาของไอ้เด็กนั่นไม่เหมือนครั้งแรกและหลายๆ ครั้งที่เจอกันมันกำลังประกาศ... ชัยชนะผมกำแฮนด์รถแน่นจนแทบแหลกคามือ ไอ้เวรนั่นเข้าไปในรถ นั่งในที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของผม มันเคยเป็นผมเมื่อวานและหลายๆ วันที่ผ่านมาที่คอยไปรับไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้มันกลับกันหลังจากที่ผมถูกไล่กลับไป เธอก็เรียกมันมาที่นี่งั้นเหรอพี่หมี่เรียกมันมาค้างด้วย... ใช่รึเปล่าทั้งที่ยังไม่ได้เลิกกับกูด้วยซ้ำบรืน!ผมบิดรถจนเกิดเสียงดังสุดมือด้วยความโกรธ มันเดือดทะลุจนแทบหยุดความบ้าคลั่งในใจและความคิดที่ว่าอยากจะฆ่ามันให้ตายไม่ได้ยังไงก็ตาม วันนี้ผมต้องได้คำตอบไวกว่าที่คิด ผมเคลื่อนตัวรถออกไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งตามรถซีวิคสีแดงเลือดหมูของพี่หมี่ไป แววตาที่คลุ้มคลั่งอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคแบบปิดไม่มิดพี่หมี่ไม่เห็
BDSM คือเซ็กซ์ประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะมัด ตรึง ฟาดแรงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเซ็กซ์ที่สนองกามารมณ์ของคนประเภทที่ชอบความรุนแรงมากกว่าปกติ หรือบางคนที่ชอบโดนทำรุนแรงใส่ผมจัดอยู่ในประเภท ‘ซาดิสต์’ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลองทำแบบนี้กับใคร ไม่มีใครยอมรับรสนิยมของผม และผมเองก็ไม่เคยยอมรับตัวเอง ที่ผ่านมาก็แค่ยังไม่ได้เจอใครที่ทำให้หัวใจสั่นเร้าจนอยากทำอะไรรุนแรงจนเธอบอบช้ำเท่านี้พี่หมี่เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ผมเฝ้าฝันว่าสักวันจะได้ฟาดเธอแรงๆ แล้วมีเซ็กซ์ไปด้วย ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าเธอคือม้าของผมในชีวิตจริงผมใจดีกับเธอ ยอมตามใจเธอเหมือนหมาผู้ซื่อสัตย์ นั่นเพราะผมอยากทำ ผมอยากแสดงให้เธอเห็นและไว้ใจว่าผมจะรักเธอ ภักดีกับเธอแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ไม่เคยมีใครบอกว่าหมามันจะไม่กัด ถูกมั้ยแน่นอน ไม่มีอะไรหยุดยั้งความต้องการที่แสนซาดิสต์ของผมได้ วันนี้ผมพกเชือกขาวลูกเสือมาเพื่อมัดเธอไว้ แล้วบรรเลงบทเพลงตามที่ผมต้องการ สาดสีและละเลงรักบนร่างกายเธอผมก็แค่หึงไม่ชอบที่เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้เวรนั่น ไม่ชอบที่มันก้าวเข้ามาเรียนในรุ่นเดียวกัน ไม่ชอบที่จะรู้สึกลางๆ ว่าเหมือนตัวเองกำลังจะถูกเขี่ยทิ้งในอีกไม่
ฉันสั่นระริก ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเอ่ยปากอ้อนวอนออกไปได้ยังไง ท่าทางที่น้องขาลเป็นวันนี้ในวันที่เรามีเซ็กซ์กันดูไม่ปกติ มันแปลกประหลาดมาก เขาเอาเชือกมามัดข้อมือฉัน จับไพล่หลัง พร้อมกับจัดท่าให้อยู่ในท่าหมอบคลานโดยไม่สามารถใช้มือค้ำยันได้ฉันไม่รู้ว่าเซ็กซ์แบบนี้คืออะไร ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากลัว มันสั่นไปหมดข้อมือที่ถูกรัดแน่นพยายามบิดเพื่อตัดขาดพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นหนีกลับยิ่งรัดแน่น มือที่ถูกไพล่หลังอยู่ตึงแน่นจนรู้สึกชาแปลบๆ แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกทุกอย่าง ทุกสัมผัส มันชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อปลายนิ้วสากตวัดผ่านกลีบดอกไม้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ล้นทะลักออกมาจากร่องสวาทแต่การถูกมัดแบบนี้มันไม่ปกติ สมองฉันทำงานหนักมากเพื่อที่จะปฏิเสธการกระทำนี้“ฮึก... ได้โปรด”แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับสั่นพร่าจนรู้สึกได้ มันพ่นออกไปโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ในหัวของฉันมันตีรวนกันหลายอย่างตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเรื่องพ่อหรือเรื่องที่สอง หรือแม้แต่น้องขาลที่มีท่าทางก้าวร้าวมากขึ้น แต่พอโดนมัด โดนทรมาน กลับรู้สึกหัวโล่ง ขาวโพลนอย่างน่าประหลาดภายในสมองร้องบอกตัวเองว่าน้องขาลคนนี้ไม่ใช
น้องขาลนิ่งไปทันที เขาเอียงคอไปมองโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของฉัน แววตาคมปลาบหันกลับมาสบตากับฉัน เย็นเยียบจนรู้สึกสั่นกลัวน้องขาลไม่เหมือนเดิมมาตั้งแต่เมื่อวาน และฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร“งั้นขอเช็คโทรศัพท์หน่อยสิครับพี่หมี่”ฉันเม้มริมฝีปาก ฉันแค่คิดนะ เหมือนว่าเขาจะไม่ไว้ใจฉันเลย ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าพอเริ่มคบกับน้องขาล เขาก็เปลี่ยนไปนิดๆ หน่อยๆ“จะเช็คทำไมคะ ไม่ไว้ใจพี่เหรอ” น้ำเสียงที่ถามกลับไปห้วนสั้นไม่ต่างกัน ไม่รู้ว่าจะมาชวนทะเลาะอะไรในตอนที่เพิ่งเจอเรื่องพวกนั้นมาด้วยนะ“ผมเช็คไม่ได้เหรอครับ ผมจะได้รู้ตัว” น้ำเสียงที่พ่นออกมามีแววประชดเจือปนเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะไม่อยากจะเชื่อว่าน้องขาลจะออกปากประชดประชันได้ เพราะก่อนที่เราจะคบกันเขาเป็นสุนัขที่ดีมาโดยตลอด แต่พอตกปากรับคำขอคบเป็นแฟน ขาลเริ่มแสดงท่าทีเป็นใหญ่ขึ้นทีละน้อยและฉันก็... ไม่ค่อยชอบท่าทางถือดีนั่นเท่าไหร่“เช็คก็ได้ค่ะ เอาเลย” ฉันไม่ชอบเวลามีใครมางอแงในเวลาที่ฉันกำลังหัวเสีย เลยพยักเพยิดหน้าไปทางมือถือที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ น้องขาลสบตาฉันกลับ เขากัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น แล้วเดินผ่านไหล่ฉันไปกดโทรศัพท์ดูด้วยร่างกำยำที่เกร็งเครี