[พาร์ท : ขาล]
ย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
ผมกระดกเหล้าอยู่ในคลับ ที่ปลายหางคิ้วแตกเพราะมีปัญหากับเทคนิกวิทยาลัยตรงข้ามนิดหน่อย เรามีปัญหากันเรื่องแหวนรุ่นที่ออกแบบคล้ายกันโดยบังเอิญ แน่นอนว่าอีกฝ่ายเป็นพวกอีโก้จัดไม่ชอบเหมือนใคร เลยยกพวกมาตะลุมบอนระหว่างที่ผมกับเพื่อนขึ้นรถเมล์ด้วยเรื่องปัญญาอ่อนแค่นั้น
แต่ก็อย่างว่า ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายมันสูงเหมือนตึก ขนาดแค่มองหน้ากันยังไม่พอใจจนแทบฆ่ากันตาย นับประสาอะไรกับแหวนรุ่นที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แทนศักดิ์ศรีฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ของเด็กช่าง
แต่ถ้าถามว่าเรื่องนั้นเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ผมให้ความสำคัญจนถึงขั้นมานั่งก๊งเหล้ากับเพื่อนทั้งที่ปกติจะนอนอยู่บ้านมั้ย
ไม่ว่ะ ผมไม่ใส่ใจ
ผมก็แค่อกหัก แล้วก็กำลังหาที่พึ่งทางใจที่ไม่ใช่การจีบผู้หญิงคนใหม่ และมันก็มาลงตัวที่น้ำเมามากกว่า
“พี่หมี่อายุยี่สิบห้าแล้ว ก็ไม่แปลกมั้ยวะที่จะมีคนคุย” เพื่อนในกลุ่มเดียวกันเริ่มเข้าประเด็นที่จี้ใจมาตลอดขึ้นในขณะที่นั่งกระดิกตีนชงเหล้าอยู่อีกฝั่ง ผมนั่งเงียบ ก่อนที่จะเสยผมยาวๆ ของตัวเองขึ้นอย่างหัวเสีย
“กูรู้ ไม่ต้องย้ำ” เสียงที่เปล่งออกไปห้วนจัดซะจนเพื่อนต้องเงียบกันทั้งกลุ่ม เพราะมันรู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องของเธอ มักจะมีอิทธิพลในใจผมเสมอ เพราะถ้าเกิดพูดอะไรไม่เข้าหูกว่านี้ ผมอาจจะลงมือทำอะไรลงไปก็ได้
ผมชื่อ ‘ขาล’ เป็นเด็ก ปวส. ปีหนึ่ง เทคนิคเครื่องกลหรือเรียกง่ายๆ ว่าเด็กช่างยนต์อย่างที่รู้จักกันทั่วไป เห็นแบบนี้จะให้พูดว่าวันๆ มีแต่เรื่องตีกันก็ไม่ถูก เพราะเด็กช่างก็เหมือนนักเรียนนักศึกษาทั่วไป แค่เน้นไปทางสายอาชีพ เรียนหนักไม่ต่างกับสายอื่น แต่ไม่ได้เรียนทุกวัน มันเลยมีบ้างที่บางวันจะต้องมีเรื่อง เพราะพอผู้ชายมาอยู่รวมกันมากๆ ปัญหาก็เกิดขึ้นง่าย และมักจบด้วยการใช้กำลัง
ใช่ และผมก็เป็นหัวหน้าเทคนิกเครื่องกลรุ่นปัจจุบัน ที่ควบคุมกลุ่มเด็กช่างยนต์เป็นจำนวนเกือบร้อยในวิทยาลัย นั่นเพราะนิสัยส่วนตัวที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครง่ายๆ ต่อยตีเก่ง ตัวใหญ่กว่าคนอื่นด้วยส่วนสูง 190 พร้อมลายสักเต็มตัว ท่าทางโดดเด่นที่ดูจะเป็นผู้นำคนได้ ก็เลยได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่ปีที่แล้ว
ซึ่งผมมีชีวิตที่เลือดร้อนอย่างงี้เป็นปกติมาตลอด จนกระทั่ง ‘เธอ’ บอกว่าอยากให้ผมหยุด
ใช่ และเธอที่ว่าก็คือผู้หญิงในบทสนทนาที่ทำให้ผมช้ำใจจนถึงที่สุดในวันนี้ หลังจากที่รู้มาว่าเธอมีคนคุยจากที่ปล่อยตัวโสดมาจนอายุยี่สิบสี่ ไม่สนว่าจะเป็นใครด้วย เพราะถ้ายิ่งรู้อาจจะเกิดอาการอยากตามไปฆ่ามันให้แหลกคามือที่อาจริมายุ่งกับผู้หญิงที่ผมหมายปองมานานก็ได้
เธอชื่อ ‘บะหมี่’ เป็นเจ้าของชื่ออาหารที่ผมชอบเป็นอันดับหนึ่ง และยังเป็นชื่อของผู้หญิงที่ผมชอบมาตั้งแต่เด็กจนโต
พี่หมี่เป็นลูกสาวของลุงบ้านข้างๆ ผมกับเธอรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งผมในตอนนั้นมันก็แค่เด็กผู้ชายทั่วไปที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร รู้แค่อย่างเดียวว่าพี่บะหมี่คือผู้หญิงที่คอยเล่นกับผมตั้งแต่ยังเด็ก เธอหน้าตาสวย ผมดำขลับยาวถึงหลัง และตัวเล็กน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงคนแรกๆ ได้มั้งในชีวิตผม และผมก็แอบชอบเธอมาโดยตลอด
พี่หมี่เคยพูดกับผมว่าสเป็คผู้ชายในฝันของเธอจะต้องเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง ตัวใหญ่ แข็งแรง ซึ่งผมก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างให้เป็นอย่างที่เธอชอบ จากเด็กผู้ชายตัวเล็กเท่าลูกหมา กลายเป็นยักษ์ใหญ่ ผมสัก ต่อยตี ทำทุกอย่างให้เธอเห็นว่าผมแข็งแกร่งกว่าผู้ชายคนอื่น
พี่หมี่เริ่มเรียนหมอและจบออกมาทำงานเป็นแพทย์หญิงที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมรู้ว่าเธอโสดมาจนอายุยี่สิบสี่ จนเมื่อไม่กี่วันรู้จากสายมาว่าเธอเริ่มไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนนึง ซึ่งดูทรงน่าจะยังเป็นแค่คนคุย
ไม่ว่าจะหน้าไหนก็ตาม กูชอบเธอก่อน กูมองมาตั้งนาน ทำทุกอย่างเพื่อพี่หมี่คนเดียว คนที่เธอจะคบด้วยต้องเป็นกูดิวะ
แต่ในบางทีก็รู้สึกหงุดหงิดกับความใจแคบของตัวเองเหมือนกันว่ะ
ให้ตาย แม่งเพราะพูดกี่ทีว่าชอบ พี่หมี่ก็ได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบอะไร ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอเป็นผู้หญิงที่ผมเดาใจไม่เคยถูก
ช่างแม่งละกัน แดกเหล้าให้เมา แล้วกลับไปคลั่งรักต่อจนกว่าจะตาย
ยังไงก็เลิกชอบไม่ได้อยู่แล้ว
“เฮ้ยๆ ไอ้ขาล มึงใจเย็น” เพื่อนร่วมวงเหล้ามองผมที่ยกขวดวอดก้าซดลงคออย่างบ้าคลั่ง ผมกระดกจนครึ่งขวดพร้อมกับใช้หลังมือปาดริมฝีปาก ไอ้ช้ำอ่ะมันช้ำอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ตัดใจแค่เพราะรู้ว่าเธอคุยๆ กับใคร ก็คงไม่
ผมผงกหัวไปข้างหลัง เอนตัวพิงกับเก้าอี้ วอดก้าแค่นี้ไม่ทำให้ผมเมาได้หรอก เพราะผมเมาอย่างอื่นไปแล้วไง
อย่างเช่น... เมารักพี่หมี่
จนสายตาตวัดไปที่โต๊ะข้างหลัง มีผู้หญิงในเรือนผมสีชมพูอ่อนเต้นส่ายสะโพกได้รูปอย่างยั่วยวนอยู่กลางวง ผมจ้องไปที่เธอนิ่ง ก่อนที่จะแค่นหัวเราะ
คิดว่าอกหักเฉยๆ เลยมาที่นี่เหรอไง
ชีวิตผมขับเคลื่อนด้วยพี่หมี่ ที่ทำอยู่อ่ะ จงใจล้วนๆ
นั่นก็เพราะว่าทุกวันเสาร์เธอจะไม่ต้องเข้ากะกลางคืน พี่หมี่ก็จะมาปลดปล่อยที่คลับนี้เป็นประจำ และผมก็จะตามมาเป็นสตอล์กเกอร์เฝ้าเธอทุกครั้ง เหมือนชีวิตมีเวลาว่างมาก
น่าตลกดีที่ทำยังไงก็ตัดใจจากเธอไม่ได้
และเพราะหุ่นสะบึมเย้ายวนของคนตัวเล็กที่โยกอย่างเร้าอารมณ์อยู่ตรงนั้น แม้ว่าจะเป็นมุมอับที่เธอถือโอกาสปลดปล่อยความเครียดจากงาน แต่ก็ยังสะกดสายตาของผู้ชายทั่วไปให้มองมาที่เอวคอดกิ่วที่พลิ้วไหวอยู่ดี
ชุดที่ใส่วันนี้ก็โป๊น่าดู
ไม่ชอบ รู้มั้ย
ผมกัดฟันแน่นตอนที่กำขวดเหล้าจนแทบแหลก เพื่อนในวงเหล้าเองก็พอรู้ใจว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ เลยได้แต่นั่งกระดกเหล้าลงคอมองผู้หญิงแถวๆ นี้ไปเงียบๆ ไม่มีใครกล้ามองไปทางพี่หมี่ตรงนั้นแม้เธอจะสะกดสายตาแค่ไหน เพราะรู้ดีว่าผมมันขี้หวงเหมือนหมาบ้า
จนกระทั่งมีผู้ชายคนนึงมายุ่มย่ามกับเธอ ผมถึงได้หยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วเดินออกไปโดยไม่มีเสียงห้าม พวกมันรู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง และไม่มีใครห้ามเวลาผมโกรธได้
หมับ
ฝ่ามือหนาคว้าข้อมือเล็กของผู้หญิงในชุดเดรสเกาะอกสั้นให้หันกลับมา หลังจากที่เห็นว่าเธอกำลังจะชนแก้วกับไอ้หน้าไหนสักคนในคลับ พี่หมี่ชะงัก เธอตัวเล็กเพราะส่วนสูงแค่ 158 เลยต้องแหงนหน้าขึ้นมองผมที่รวบไหล่มนเข้ามาชิดอก จนผู้ชายที่ตั้งท่าจะชนแก้วกับเธอต้องถอยหนีไปเพราะท่าทางผมมันกำลังหวงเธอได้ที่จนมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากสีหน้า
“อะ น้องขาล” ถึงผมจะโตจนตัวใหญ่กว่าเธอมากขนาดนี้ พี่หมี่ก็ยังทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่ดี ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังโดนหึงหวงจนแทบบ้า จะทำยังไงก็ไม่เคยรู้ “บังเอิญจังเลย”
“ครับ บังเอิญ” ผมโกหก ทั้งที่จริงๆ จงใจมาแดกเหล้าที่นี่เพราะรู้ว่าเธอจะมาปล่อยตัวในนี้ ถ้าบอกว่าผมแค่หวง คงไม่ใช่ เพราะผมทั้งหวง ทั้งห่วง และจะตามเธออยู่แบบนี้จนกว่าเธอจะถีบหัวส่งผมไปแบบ ‘จริงจัง’ “พี่หมี่ปล่อยตัวจังนะครับวันนี้”
อดที่จะดุไม่ได้ เพราะรู้ว่าพี่หมี่เขาขี้ยั่ว แต่ก็ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กในอ้อมแขนจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่
“อื้อออ วันนี้เจอเรื่องแย่ๆ ที่รอพอมาอ่ะ” รอพอที่ว่าคงเป็นคำย่อที่ใช้เรียกโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ ร่างเล็กซุกหน้ากับอกหนาของผมอย่างออดอ้อนเหมือนที่เธอทำประจำ และผมไม่รู้ว่าเธอเจตนาเพราะเธอมีใจ หรือเธอแค่ขี้อ่อย แต่ก็ไม่เคยห้ามที่เธอเข้ามาแหย่แบบนี้เหมือนกัน “พี่เมามากเลยยย”
“ผมรู้” ใช่ ถ้าอ้อนเก่งถูไถเก่งขนาดนี้ คงเมาพอตัว
“ขาลไปส่งพี่ที่ห้องหน่อยสิ” ดวงหน้าหวานเงยหน้าขึ้นชันคางกับอกหนาของผมพร้อมกับคำเชิญชวนกลายๆ พาลทำให้ใจสั่น
ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ชิน แต่เธอเป็นคนที่ผมชอบมาก แถมตอนนี้ผมก็เมาอยู่ด้วย
“ที่คอนโดพี่เหรอครับ” โคตรชอบ อยากพาเธอกลับตอนนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งก๊งเหล้าไม่ถึงชั่วโมง แต่ต้องทำเหมือนไม่รู้สึกเหี้ยอะไร
“อื้อ พี่รู้ว่าขาลรู้ว่าพี่ออกมาอยู่คนเดียวแล้ว ใช่มั้ยคะ”
“ใช่ ผมรู้” ผมตอบเพราะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอหมด ไม่ว่าจะเรื่องโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ ไม่ว่าจะที่อยู่คอนโดที่เธอย้ายออกไป กับพี่หมี่ผมว่าง่ายเสมอ กับคนอื่นผมอาจจะไม่เป็นมิตร แต่สำหรับเธอ แค่ขอมา ผมทำให้ได้ทุกอย่าง เเม้ว่าเธอจะเห็นผมเป็นแค่ตัวเลือกในชีวิตเธอก็ตาม “แต่ผมติดรถเพื่อนมา”
“ขับรถพี่ก็ได้นะคะ เดี๋ยวพี่ให้กุญแจ” เธอพูดแทรกเสียงเนิบนาบ พร้อมกับควักพวงกุญแจจากร่องอกขาวๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากชุดเกาะอกที่ผมพิจารณาตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าถอดโคตรง่ายออกมา ไออุ่นจากกุญแจรถที่วางบนฝ่ามือ ทำให้ผมกำมันแน่น
“ถ้าเมา ก็ให้ผมไปส่ง อย่าไปทำแบบนี้กับใคร”
ผมพึมพำ ทั้งที่รู้ว่าพี่หมี่ไม่ได้สนใจหรอก เธอไม่เคยคิดจะมองผม เธอทำกับผมเหมือนที่ทำกับผู้ชายทุกคนที่สนใจเธอ ผมรู้ว่าพี่หมี่ไม่อยากมีแฟน ไม่อยากจริงจังกับใคร แต่การที่เธอเลือกที่จะคุยกับใครทั้งที่รู้ว่าผมตามจีบอยู่ ผมก็เดาใจเธอไม่ถูกเหมือนกัน
แต่ผมไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายบอกให้เธอเลิกคุยทั้งที่ในใจผมโคตรอยากจะทำแม่งแค่ไหน เอาตรงๆ มั้ย ผมกลัวเธอเกลียดผม
กับเรื่องอื่นเดือดเป็นบ้า แต่พอกับเธอ ก็แค่ลูกหมาเชื่องๆ ตัวนึง
ผมรู้แค่ว่า ผมคงไม่โกรธเธอ แล้วจะยอมตื้อเธออยู่แบบนี้ จนกว่าพี่หมี่จะมองผมเป็นมากกว่าน้องชายสมัยเด็กในสักวันนึง
“อ๊ะ อื้อ” ริมฝีปากถูกครอบครองอีกครั้ง นิ้วทั้งห้าสะบัดไปมาตรงกลีบเนื้ออวบอูมจนฉันกระตุกแล้วก็ปลดปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมารดมือของเขามากมาย ขาลดูดปลายลิ้นของฉัน ก่อนที่เขาจะปลดซิปกางเกงลงฉันเอาหลังมือมากัดไว้แน่น ตัวสั่นงันงกเมื่อขาลชักแก่นกายที่แข็งชูชันออกมา เขาถูเบาๆ ที่กลีบชื้นแฉะ และค่อยๆ ดันมันเข้าไปอย่างช้าๆ“... เดี๋ยว!” ฉันทึ้งเสื้อที่เปียกน้ำของคนตัวโตไว้แน่น เมื่อขาลรุดเข้าไปได้แค่ครึ่งหัว มันก็สร้างความปวดร้าวและคับแน่นจนแทบกรี๊ดออกมาดังๆ เพื่อระบายความเจ็บ “ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวก่อน”ฉันละล่ำละลั่กเสียงสั่นไปหมด เลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเมื่อน้องขาลผละกายแกร่งที่ตระกองกอดฉันออกมา เขาสบตาฉันด้วยแววตาที่แดงก่ำจากฤทธิ์ของกัญชาที่น้องอาจสูบก่อนมาที่นี่ ร่างสูงเอื้อมมือมาปิดปากฉันไว้ แล้วกระซิบชิดหลังมือหนาของตัวเอง“แค่ครึ่งหัวก็เจ็บแล้วเหรอครับ?” น้ำเสียงเข้มข้นของน้องขาลทำให้ฉันเบิกตาโต ใจสั่นไหวเมื่อเขาดันมันเข้าไปอีก และโพรงนุ่มที่เจ็บระบมของฉันก็ราวกับหลุมลึกขนาดเล็กที่ดูดท่อนเนื้อของเขาเข้าไป“อื้ออออ!!” ฉันทุบอกเขาเสียงดังปั่กๆ ฉันอยากให้น้องขาลเอาออก แต่เหมือนน้องจะรู้เ
“น้องขาล ทำไม... อื้อ!” พอรู้ว่าเป็นร่างสูงของคนที่มีความสัมพันธ์สวาทด้วย ฉันก็เปิดประตูออกมารับทันที แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากถามอะไรเขาด้วยซ้ำ ร่างกำยำก็รวบท้ายทอยของฉันเข้ามาประกบปากจูบกับริมฝีปากที่เปียกชื้นจากน้ำฝนและความอุ่นร้อนจากพิษรักของเขาทันทีกลิ่นบุหรี่คละคลุ้งปนไปกับน้ำฝนที่ออกรสเค็มเล็กๆ ขาลดูดริมฝีปากของฉันจากหน้าประตู เขาตระกองกอดฉันไว้แนบอกแกร่ง และแลกลมหายใจกับฉันจนแทบอ่อนเปลี้ยอยู่ตรงนั้น“แฮ่ก... ขาล” ฉันทึ้งคอเสื้อที่เปียกชื้นของเขาไว้ หอบหายใจ พร้อมกับผละริมฝีปากออกด้วยตัวเองเพราะหายใจไม่ทัน “มีอะไรเหรอ รุดมาตอนที่ฝนตกอยู่เลย”“ผมอยาก” เขาตอบกลับมาแค่นั้น เพียงสั้นๆ แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว“อะ...! ไม่ได้นะ เดี๋ยวติดหวัด” และทันทีที่น้องขาลพูดว่าอยาก เขาก็ซุกไซร้ริมฝีปากหยักลึกเข้าที่ซอกคออุ่นๆ ของฉัน ดูดจนเป็นรอยจ้ำอีกรอย ส่วนมือหนาก็บีบขยำหน้าอกที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดคลุมอาบน้ำไปด้วย จนฉันต้องร่นถอยหลังแล้วเอี้ยวตัวไปปิดประตู“พี่ปฏิเสธผมจัง ผมก็แค่...” ริมฝีปากหยักลึกกระซิบกลับ ก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายกอดขาลเอาไว้เอง“ขาล... ถอดชุดก่อน นะคะ” ท้ายประโยคฉั
“ระ... เราอยากมีอะไรกับนาย”“...”“ไม่ต้องผูกมัดก็ได้ ขอแค่ได้มีอะไรกับขาล... ก็พอแล้ว”เกิดเดดแอร์ขึ้นระหว่างเราทั้งคู่ ผมพ่นควันกัญชาออกมาอย่างเฉื่อยชา ไม่ใช่ไม่รู้ว่าน้ำอิงชอบผมมาตั้งนานแล้ว และความรู้สึกดีๆ มันก็มากขึ้นในคืนที่เรานัวปากกันโดยที่นั่นคือจูบแรกของเธอแต่สำหรับผม นั่นก็แค่จูบที่สิบจากใครหลายต่อหลายคนที่ผ่านมา“น้ำอิง” ผมเรียกชื่อเล่นเต็มๆ ของมัน และเจ้าของวงแขนเล็กก็สะดุ้ง “รู้ปะ ว่าที่ทำอยู่เนี่ย เธอจะไม่ได้ความชัดเจนอะไรจากเราทั้งนั้น”“...”“ถ้าเราพลั้งมีเซ็กซ์กับเธอ มันก็แค่วันไนท์ เธอจะไม่ได้เป็นแฟนเรา เพราะเราไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“ระ... เราขอโทษ” จนเธอผละวงแขนออกเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าได้ทำอะไรลงไป น้ำอิงไม่กล้าพอที่จะมีอะไรกับคนอย่างผมจริงๆ หรอก เธอรู้กิตติศัพท์ในวิทยาลัยผมดี “เราดูใจง่ายใช่มั้ย ที่ขอมีอะไรกับนาย”“ก็ไม่แปลก” แต่ผมก็เข้าใจความรู้สึกของอิงดี เธอกับผมมีส่วนคล้ายกัน “ชอบใคร ก็ต้องอยากมีเซ็กซ์ด้วยสิ”“เราเห็นนายกับพี่สาวคนนั้น” มันเลยโพล่งขึ้นมาเพื่อเข้าประเด็น และคงเป็นเรื่องที่ทำให้คนเรียบร้อยอย่างน้ำอิงถึงกับถ่อมาหาผมที่นี่ “นายขับรถผ่านหน้าเรา
[พาร์ท : ขาล]ผมกลับมาที่บ้านด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงที่อกเป็นปกติใช่มั้ยวะที่พอชอบใครมากๆ แต่เป็นไปไม่ได้มากกว่าความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยมันก็เจ็บใจ เจ็บใจที่คาดหวังไปเองเจ็บใจเพราะว่าส่วนหนึ่งที่พี่หมี่ยังไม่เลือกผมก็เพราะแฟนเก่า เธอยังลืมไอ้หมอคนนั้นไม่ได้ ก็แค่ไม่มั่นใจในตัวผมสักเท่าไหร่ผมเดินสะพายกระเป๋าฟีบๆ ผ่านโต๊ะที่ว่างเปล่า บ้านที่เงียบสงัดเพราะไร้เงาของน้องแท้ๆ ทำให้ผมถอนหายใจหนัก คงอยู่กับไอ้เหี้ยเตมั้ง แต่ผมไม่ใช่คนที่หวงน้องสาวหนักจนบ้าอะไรเทือกนั้น ยิ่งมันอายุสิบแปดขึ้นยิ่งปล่อย คิดว่าชีวิตมัน มันจัดการเองได้ผมไม่ได้หวงใครไปมากกว่าพี่หมี่เลยว่ะผมคีบมวนบุหรี่ในกระป๋องเหล็กที่ซื้อพิเศษมาคาบไว้แล้วจุดไฟสูบ มันเป็นกัญชาผสมยาเส้น รู้ว่าเหี้ยต่อสุขภาพ แต่มันทำให้ผมลืมความเจ็บปวดที่มีได้เร็วขึ้นเหมือนกันผมพ่นควันที่มีกลิ่นเฉพาะตัวออกมา นั่งพิงกับเบาะโซฟาอย่างอ้อยอิ่ง เพราะถ้าสูบต่อหน้าไอ้ขิม มันคงบ่นผมเป็นต่อยหอยพร้อมกับเอาไปฟ้องพ่อว่าผมยังไม่เลิกกัญชาเหมือนตอนที่อยู่อเมริกาก็อย่างว่า ผมเสพมันตั้งแต่อายุสิบสองผมรู้ว่าสำหรับพี่หมี่ ผมมันเป็นไปไม่ได้ ผมมันเป็นแค่ผู้ชายที่อายุ
ฉันคิดว่าในตอนที่น้องขาลเล้าโลม ฉันต้องการตัวตนของขาลเข้ามานะ ก็เลยเผลอทำสีหน้าเย้าอารมณ์คนเหนือร่างแบบนั้น แต่เพราะครั้งแรกของฉันดันเป็นผู้ชายที่มีขนาด 60 อย่างขาล ก็เลยต้องกังวลเป็นพิเศษไม่ใช่อะไรหรอก ฉันเป็นหมอแผนกสูตินารีเวทย์ เป็นหมอตรวจภายในสำหรับสตรีซะด้วยสิ ขนาดเท่านั้นอาจจะทำให้อวัยวะเพศฉีกขาดได้เลยนะสุดท้ายเพราะไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ แถมฉันก็เป็นไข้อยู่ด้วย ขาลเลยเข้าไปทำโจ๊กสำเร็จรูปที่มีอยู่ในตู้เก็บของในครัวให้ฉันทานแทน เขาบอกว่าเขาทำอาหารไม่เป็น แต่ถ้าแค่ต้มโจ๊กให้ผู้หญิงที่ชอบก็น่าจะทำได้สบายๆฉันพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ จะพูดว่ายังไงดีล่ะ... ฉันก็ทำอาหารไม่เก่งเหมือนกัน แถมไม่ค่อยมีเวลาด้วย ในตู้ก็เลยมีแต่อาหารสำเร็จรูปเต็มไปหมดได้กลิ่นหอมของโจ๊กหมูสับในครัวใกล้ๆ ห้องนอน นั่นก็เพราะว่าขาลเปิดประตูอยู่ด้วยล่ะนะจนผ่านไปสิบห้าวินาทีเขาก็เข้ามาพร้อมกับถ้วยโจ๊กที่ควันฉุย ฉันเม้มริมฝีปากแน่นตอนที่ขาลวางโจ๊กลงบนโต๊ะแก้วข้างๆ เตียง พร้อมกับก้าวฉับๆ ไปเอายาจากกล่องใสที่ฉันเขียนว่าเป็นยาสำหรับแก้อะไรๆ จะได้หยิบใช้ง่ายเวลาฉุกเฉินมาพร้อมกับแก้วน้ำใจเต้นเลยนะเนี่ย ปกติเขาก็ดูแลฉั
“แค่ถู จะพอจริงๆ เหรอครับ”“...”“เพราะสีหน้าพี่ตอนนี้ แม่งเหมือนอยากให้ผมใส่เข้าไปจะตายอยู่แล้ว”และ... ใช่ สีหน้าของฉันมันคงยั่วยวนขาลมาก เขาถึงได้ผงาดขึ้นถูไถกับกลีบเนื้อชื้นของฉันซะขนาดนั้นเหงื่อของขาลหยดลงมาที่ริมฝีปากเป็นหยดเล็กๆ ฉันเผลอแลบลิ้นตวัดเลียมันเข้าไปในปากอย่างเร่าร้อน จนถูกร่างสูงใหญ่รวบข้อมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวด้วยฝ่ามือใหญ่เพียงมือเดียว พร้อมกับริมฝีปากแห้งผากที่ต้องการน้ำจากกายของเราทั้งคู่จะตระโบมเข้าหากันอย่างดุเดือด“อื้อออ” ฉันครางในลำคอเมื่อถูกดูดปลายลิ้นอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บระบม ขาลจูบจนได้ยินเสียงดังจ๊วบจ๊าบ เขาไม่อ่อนโยนเลย มืออีกข้างก็เคล้นหน้าอกอวบของฉันจนแทบกลายเป็นก้อนแป้งพิซซ่าแหลกเหลวในอุ้งมือก็ไม่ปานแต่ทว่า... มันกลับทำให้ฉันเสร็จคาท่อนที่ถูไถอยู่ด้านนอกไม่หยุดรสชาติจากริมฝีปากของขาลปะปนไปด้วยกลิ่นบุหรี่ และกลิ่นยาสีฟันชาร์โคลมิ้นท์ในแบบของผู้ชายที่น่าหลงใหล แววตาของฉันพร่าเบลอ ในขณะที่ขาลจะรูดซิปลงแล้วหยัดกายขึ้นสูงรูดกางเกงยีนส์ออกอย่างเอาเรื่องฉันผงกหัวไปดูเขาในจังหวะที่ขาลปลดบ็อกเซอร์ออกจนท่อนเนื้อที่ใหญ่โตดีดผึงออกมา เป็นครั้งแรกที่ฉันได้