คนตัวใหญ่ปลดชุดแซกแขนกุดของฉันออกจนเห็นลาดไหล่ขาวนวล เขากลืนน้ำลายลงคอ ในขณะที่จะโน้มใบหน้าเข้ามาพรมจูบไปตามลาดไหล่ของฉันที่นั่งตัวแข็ง
ทำไมไม่ห้ามเขาล่ะ ทำไมไม่ผลักออก?
ได้แต่ถามตัวเองแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร นอกจากความรู้สึกแสบเล็กๆ เพราะขาลกำลังดูดเม้มที่ไหปลาร้าเหมือนคนที่กำลังมัวเมากับของหวาน
“ผมชอบพี่จัง พี่หมี่” จนเขากระซิบชิดลาดไหล่เปลือยเปล่าของฉัน พร้อมๆ กับปลายนิ้วสากที่เริ่มเกี่ยวสายชั้นในของฉันจนตกลงไปที่แขน
“...”
“ชอบจนแทบบ้าเลย”
ตึกตัก
หัวใจฉันเต้นแรงเมื่อได้ยินคำบอกชอบจากร่างสูงใหญ่ที่พยายามทำลายความสัมพันธ์ที่มีช่องว่างของเราลง ฉันเคยคิดว่าขาลคือเด็กน้อยที่เชื่องและไม่มีประสบการณ์ เขาก็แค่เด็กวัยรุ่นเลือดร้อนทั่วไป
แต่พอฉันพลาดพลั้งเปิดทางให้เขาไปครั้งเดียวเท่านั้น ก็เหมือนกับว่าขาลพร้อมที่จะพุ่งตรงเข้ามาแบบไม่คิดชีวิต
ฉันได้รู้ธาตุแท้ของน้องชายข้างบ้านวันนี้เอง ว่าเขาไม่ใช่สุนัขที่เชื่องและเชื่อฟังคน แต่จริงๆ แล้วเขาคือหมาล่าเนื้อที่รอเจ้าของตายใจ และพร้อมที่จะเข้ามาขย้ำอย่างรุนแรงได้ทุกเมื่อ
ฉันได้ทำลายเส้นกั้นระหว่างเราไปแล้ว และน้องขาลคงจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ จนกว่าจะได้เวอร์จิ้นของฉันไปครอง
แล้ว... ถ้าเกิดน้องขาลได้ไป แล้วเขาทิ้งฉันล่ะ?
ฉันก็แค่ผู้หญิงที่ถูกครอบครัวสั่งสอนมาด้วยขนบธรรมเนียมเก่าๆ ที่ว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวและมีเซ็กซ์ในคืนแต่งงานเท่านั้น แน่นอนว่าฉันอึดอัดกับกฎเกณฑ์ที่พ่อให้ตั้งแต่เล็ก พอโตขึ้นมาเลยพยายามฉีกกฎด้วยการแต่งตัววาบหวิว ทำตัวเซ็กซี่ จนพ่อเหนื่อยจะว่าเพราะฉันก็โตแล้ว มีงานทำแล้ว แถมยังทำได้ดีด้วย
ฉันในตอนนี้เพอร์เฟ็คจนไม่ว่าใครก็ต้องการมีเซ็กซ์ด้วย
แต่ไม่รู้ทำไม ฉันกลับตื่นก่อนทุกที พอจะไปถึงจุดนั้น ฉันก็กลัว อยู่ดีๆ ขนบที่พ่อสอนสั่งกรอกหูอยู่ตั้งแต่เด็กก็ผุดขึ้นมา จนรู้สึกไม่อยากไปต่อ
ผู้ชายหลายๆ คนที่คุยไม่เข้าใจความคิดของฉัน แน่นอนว่าทุกคนมองฉันเป็นผู้หญิงที่ดูจะเจนจัด ขี้อ่อยและไม่เวอร์จิ้น แต่พอฉันแสดงออกว่าไม่เป็นงานจริงๆ พวกเขาก็ต่างบอกว่าผิดหวังและถอยห่างออกไป
ฉันอยู่ตรงนี้ด้วยความคาดหวังของใครหลายๆ คนว่าฉันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ พวกเขาตัดสินฉันไปแล้ว และพอไม่เป็นอย่างที่หวัง พวกเขาก็ไม่ต้องการฉันอีกต่อไป
แต่น้องขาลไม่เป็นแบบนั้น
เขาดูเหมือนจะคาดหวัง แต่กลับกันก็พยายามเข้าใจ แต่ขาลไม่เคยตัดสินฉัน เขาเรียนรู้จากสิ่งที่ฉันแสดงออก และพุ่งตรงเข้ามาในแบบของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เจอผู้ชายที่พอรู้ว่าฉันไม่เป็นแบบที่คิด แต่กลับไม่หยุด รุกเข้ามาหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แต่... ฉันเป็นผู้หญิงหัวดื้อ ฉันคิดกับขาลเป็นแค่น้องเท่านั้น
มันยากนะ ที่จะเปลี่ยนความคิด ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าขาลเป็นผู้ชายที่ฉันมองหาอยู่
ฉันไม่อยากจริงจังกับใคร ก็แค่อยากรู้เรื่องเซ็กซ์เท่านั้น ฉันกลัวความสัมพันธ์ กลัวความเจ็บปวด กลัววันที่ตัวเองต้องเอาใจไปผูกไว้ที่ปลายเท้าของใครแล้วโดนเขาขยี้ทิ้งเหมือนหลายปีที่ผ่านมา กลัวไปหมด
“... ขาลก็รู้ว่าพี่ไม่อยากจริงจัง” ฉันโพล่งขึ้นมาในระหว่างที่ถูกถอดชั้นในออกจนหน้าอกขาวผ่องสล้างออกมาสัมผัสกับอากาศภายนอก คนตัวโตชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้ม
“ใช่ ผมรู้”
“พี่ก็แค่... อยากเข้าใจเรื่องเซ็กซ์ แต่ไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง”
“ครับ”
“ถ้าขาลคาดหวังความสัมพันธ์จริงจังจากพี่ พี่คงไม่ใช่คนนั้นที่ขาลมองหานะคะ” จนสุดท้ายฉันก็กลั้นใจพูดมันออกไป ทั้งๆ ที่ฉันชอบสัมผัสของขาล ชอบความร้อนแรงของน้องชายสมัยเด็กมาก และขาลก็มีนิสัยที่ตรงใจฉันหลายอย่าง
แต่มันก็แค่ความหลงใหลในรสสัมผัส ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับขาลเลยสักนิด
“แล้วใครบอกพี่ว่าผมต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง?” จนร่างสูงย้อนกลับมาคำหนึ่ง มันทำให้ฉันหน้าชาเพราะไปไม่เป็น “ตั้งแต่ที่รู้ว่าชอบพี่ ผมไม่เคยคาดหวังอะไรทั้งนั้น ผมอยู่ด้วยศรัทธา และจะจบมันด้วยศรัทธา”
“...”
“ผมไม่ได้ขออะไรพี่มากไปกว่าครั้งแรกของพี่” เขาเน้นย้ำถึงความต้องการที่ฉันพอจะจำได้ว่าเขาขอฉันแค่นั้นมาตั้งแต่ต้น เพิ่งมาฉุกคิดนี่เองว่าขาลไม่ได้ขออะไรฉันเลยนอกจากขอเวอร์จิ้นของฉันให้กับเขา “แต่ผมจะไม่บังคับหรอก ถ้าพี่อยากให้ผมแค่แตะต้อง แต่ไม่สอดใส่ ผมก็ทำได้เหมือนกัน”
“...”
“ผมบอกแล้วไงพี่หมี่” เขาเอนใบหน้าลงมากระซิบชิดริมฝีปากของฉันที่นั่งตะลึง ปลายนิ้วสากอ้อยอิ่งอยู่ตรงหน้ายอดทับทิมสีอ่อนจนรู้สึกวาบหวิว “ไม่ว่าจะของเล่นหรือคู่ขา ผมเป็นให้พี่ได้ทุกอย่าง”
“...”
“พี่จะให้ผมเป็นหมาอย่างที่พี่ชอบให้ผมเป็นก็ได้” เขาพูดพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากหยักลึกที่แห้งผาก “กดผมให้รู้สึกต้อยต่ำ จะให้ผมเลียรองเท้าพี่ ผมจะทำให้ทุกอย่างเลย”
ให้ตายเถอะ
ดูวิปริตสิ้นดี แต่ทำไมชอบจังเลยนะ
“งั้น...” ฉันคลี่ยิ้มหวานออกมาทันที กรีดปลายนิ้วไล้ลงไปตามความนูนของหน้าอกที่ขาวจัด แววตาคมกริบสีเงินเข้มมองตามปลายนิ้วของฉัน จนมันมาหยุดที่ยอดอก “ชอบหน้าอกพี่มั้ยคะ”
“ชอบมาก” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ลูกกระเดือกสั่นขึ้นลงเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มยั่วยวน หลังจากที่ขาลพูดว่าจะยอมเป็นสุนัขของฉัน
ขาลก็แค่เด็กอายุยี่สิบเอ็ด แต่กลับปลุกเร้าความต้องการสุดแปลกของฉันขึ้นมาในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันก็แค่คนเพอร์เฟ็คที่มีความต้องการดำมืดเหมือนกับคนอื่นๆ
“งั้นก็ดูดสิ ดูดเหมือนลูกหมาที่กำลังดูดขวดนมน่ะ”
เด็กผู้ชายหุ่นล่ำสุดฮอตที่ยอมเป็นได้แม้กระทั่งหมาของฉัน คิดว่าใครจะปล่อยไปง่ายๆ ล่ะ จริงมั้ย?
หมอที่สองกัดฟันแน่น หุนหันพลันแล่นผุดลุกออกไปจากห้องพักแพทย์ทันทีอย่างเสียหน้า ฉันพ่นลมหายใจออกมาหลังจากที่เขากระแทกบานประตูปิดเสียงดัง ผ่อนปรนความเครียดทั้งหมดได้ในเพียงเสี้ยววินาที ค่อยๆ ก้าวเดินด้วยส้นสูงที่เพิ่งขยี้ยอดอกของหมอสองไปนั่งบนเก้าอี้เลื่อน นวดขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียดเมื่อกี้นี้มันอะไรกันฉันเพิ่งจะแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป และปรามาสหมอที่สองด้วยถ้อยคำหยาบคายในแบบที่ฉันไม่เคยพูดกับใครแต่มันกลับรู้สึกโล่งข้างในอย่างน่าประหลาดถ้าไม่ถืออคติจนเกินไป ในคราวที่น้องขาลมัดฉันไว้ก็เป็นอารมณ์แบบนี้ หัวมันโล่งปลอดโปร่ง รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่สะสมมานาน... รู้สึกดีจังฉันกระตุกยิ้มออกมา ค่อยๆ ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างแบบมีมาดเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงกลัวป๊าจะรู้ว่าฉันทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรเอาไว้ แต่ในเวลานี้ฉันไม่แคร์อีกแล้วฉันชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ชอบตัวเองที่เลือกจะจัดการกับปัญหาทุกอย่างด้วยความรุนแรงฉันผุดลุกขึ้น นี่เพิ่งจะข้ามวันที่ฉันเลิกกับน้องขาล เป็นข้ามวันที่รู้ตัวเองหลังจากที่น้องขาลหันหลังให้ มันจะพอเป็นไปได้มั้ย ถ้าฉันจะกลับไปหาเขา น้
“ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่อีกแล้วว่ะ”“...”“เพราะผมรู้แล้ว... ว่าสำหรับพี่ ทำไปก็เท่านั้น” เขาสบถคำหยาบออกมาใส่หน้าฉัน “โคตรไร้ค่า ผมแม่งเป็นแค่ขยะสำหรับพี่ก็แค่นั้น”ฉันชะงักไป นิ่งอึ้งกับสิ่งที่น้องขาลพูด ในขณะที่เพิ่งสังเกตคราบเลือดที่ข้อศอกของคนตัวใหญ่ที่ก้มหน้าลงจนผมยาวๆ ปรกหน้า เขาผละมือออก ในขณะที่จะหันหลังให้ แต่ฉันกลับเลือกที่จะคว้าชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้น้องขาลชะงักไป เขายืนหันแผ่นหลังกว้างให้ฉันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่คิดที่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำหัวใจของฉันกระตุกวูบ ในขณะที่จะกลั้นใจพูดออกไป“หนูมีแผลนี่” เขาเหลือบมามองแค่เพียงหางตา ก่อนที่จะกระตุกแขนข้างที่เป็นแผลออกจากมือของฉันทันที“เพิ่งสังเกตเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เป็นตั้งนานแล้ว”“พี่...”“...”“ให้พี่ทำแผลให้มั้ย?”“ไม่จำเป็น” เขาปฏิเสธทันที เป็นคำปฏิเสธที่เย็นชาจนฉันตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลงเป็นฝ่ายโดนปฏิเสธ “กลับไปซะ”จนเขาหันกลับมา ออกปากไล่ฉันอย่างเย็นชา พร้อมกับโยนกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงคืนให้ฉันที่รับแทบไม่ทัน ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมองน้องขาล แต่กลับพบแต่ดวงตาที่ว่างเปล่า“พี่หมี่
ผมเบิกตากว้าง ดวงตาลุกโพลง แต่ไม่ได้กระโตกกระตากหรือออกมาจากตรงนั้นเหมือนว่าพี่หมี่จะไม่เห็นผม เธอก้าวเข้าไปนั่งข้างคนขับ ในขณะที่ไอ้เด็กที่ชื่อเหยี่ยวนั่นเป็นฝ่ายสังเกตเห็นผมก่อน เราจ้องหน้ากันในระยะห่างไม่ไกลนัก ผมจะเข้าไปกระชากมันออกมาตอนนี้เลยก็ยังได้ หากแต่ผมกำลังยั้งคิดอยู่จนมันแสยะยิ้มออกมา แววตาของไอ้เด็กนั่นไม่เหมือนครั้งแรกและหลายๆ ครั้งที่เจอกันมันกำลังประกาศ... ชัยชนะผมกำแฮนด์รถแน่นจนแทบแหลกคามือ ไอ้เวรนั่นเข้าไปในรถ นั่งในที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของผม มันเคยเป็นผมเมื่อวานและหลายๆ วันที่ผ่านมาที่คอยไปรับไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้มันกลับกันหลังจากที่ผมถูกไล่กลับไป เธอก็เรียกมันมาที่นี่งั้นเหรอพี่หมี่เรียกมันมาค้างด้วย... ใช่รึเปล่าทั้งที่ยังไม่ได้เลิกกับกูด้วยซ้ำบรืน!ผมบิดรถจนเกิดเสียงดังสุดมือด้วยความโกรธ มันเดือดทะลุจนแทบหยุดความบ้าคลั่งในใจและความคิดที่ว่าอยากจะฆ่ามันให้ตายไม่ได้ยังไงก็ตาม วันนี้ผมต้องได้คำตอบไวกว่าที่คิด ผมเคลื่อนตัวรถออกไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งตามรถซีวิคสีแดงเลือดหมูของพี่หมี่ไป แววตาที่คลุ้มคลั่งอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคแบบปิดไม่มิดพี่หมี่ไม่เห็
BDSM คือเซ็กซ์ประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะมัด ตรึง ฟาดแรงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเซ็กซ์ที่สนองกามารมณ์ของคนประเภทที่ชอบความรุนแรงมากกว่าปกติ หรือบางคนที่ชอบโดนทำรุนแรงใส่ผมจัดอยู่ในประเภท ‘ซาดิสต์’ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลองทำแบบนี้กับใคร ไม่มีใครยอมรับรสนิยมของผม และผมเองก็ไม่เคยยอมรับตัวเอง ที่ผ่านมาก็แค่ยังไม่ได้เจอใครที่ทำให้หัวใจสั่นเร้าจนอยากทำอะไรรุนแรงจนเธอบอบช้ำเท่านี้พี่หมี่เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ผมเฝ้าฝันว่าสักวันจะได้ฟาดเธอแรงๆ แล้วมีเซ็กซ์ไปด้วย ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าเธอคือม้าของผมในชีวิตจริงผมใจดีกับเธอ ยอมตามใจเธอเหมือนหมาผู้ซื่อสัตย์ นั่นเพราะผมอยากทำ ผมอยากแสดงให้เธอเห็นและไว้ใจว่าผมจะรักเธอ ภักดีกับเธอแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ไม่เคยมีใครบอกว่าหมามันจะไม่กัด ถูกมั้ยแน่นอน ไม่มีอะไรหยุดยั้งความต้องการที่แสนซาดิสต์ของผมได้ วันนี้ผมพกเชือกขาวลูกเสือมาเพื่อมัดเธอไว้ แล้วบรรเลงบทเพลงตามที่ผมต้องการ สาดสีและละเลงรักบนร่างกายเธอผมก็แค่หึงไม่ชอบที่เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้เวรนั่น ไม่ชอบที่มันก้าวเข้ามาเรียนในรุ่นเดียวกัน ไม่ชอบที่จะรู้สึกลางๆ ว่าเหมือนตัวเองกำลังจะถูกเขี่ยทิ้งในอีกไม่
ฉันสั่นระริก ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเอ่ยปากอ้อนวอนออกไปได้ยังไง ท่าทางที่น้องขาลเป็นวันนี้ในวันที่เรามีเซ็กซ์กันดูไม่ปกติ มันแปลกประหลาดมาก เขาเอาเชือกมามัดข้อมือฉัน จับไพล่หลัง พร้อมกับจัดท่าให้อยู่ในท่าหมอบคลานโดยไม่สามารถใช้มือค้ำยันได้ฉันไม่รู้ว่าเซ็กซ์แบบนี้คืออะไร ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากลัว มันสั่นไปหมดข้อมือที่ถูกรัดแน่นพยายามบิดเพื่อตัดขาดพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นหนีกลับยิ่งรัดแน่น มือที่ถูกไพล่หลังอยู่ตึงแน่นจนรู้สึกชาแปลบๆ แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกทุกอย่าง ทุกสัมผัส มันชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อปลายนิ้วสากตวัดผ่านกลีบดอกไม้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ล้นทะลักออกมาจากร่องสวาทแต่การถูกมัดแบบนี้มันไม่ปกติ สมองฉันทำงานหนักมากเพื่อที่จะปฏิเสธการกระทำนี้“ฮึก... ได้โปรด”แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับสั่นพร่าจนรู้สึกได้ มันพ่นออกไปโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ในหัวของฉันมันตีรวนกันหลายอย่างตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเรื่องพ่อหรือเรื่องที่สอง หรือแม้แต่น้องขาลที่มีท่าทางก้าวร้าวมากขึ้น แต่พอโดนมัด โดนทรมาน กลับรู้สึกหัวโล่ง ขาวโพลนอย่างน่าประหลาดภายในสมองร้องบอกตัวเองว่าน้องขาลคนนี้ไม่ใช
น้องขาลนิ่งไปทันที เขาเอียงคอไปมองโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของฉัน แววตาคมปลาบหันกลับมาสบตากับฉัน เย็นเยียบจนรู้สึกสั่นกลัวน้องขาลไม่เหมือนเดิมมาตั้งแต่เมื่อวาน และฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร“งั้นขอเช็คโทรศัพท์หน่อยสิครับพี่หมี่”ฉันเม้มริมฝีปาก ฉันแค่คิดนะ เหมือนว่าเขาจะไม่ไว้ใจฉันเลย ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าพอเริ่มคบกับน้องขาล เขาก็เปลี่ยนไปนิดๆ หน่อยๆ“จะเช็คทำไมคะ ไม่ไว้ใจพี่เหรอ” น้ำเสียงที่ถามกลับไปห้วนสั้นไม่ต่างกัน ไม่รู้ว่าจะมาชวนทะเลาะอะไรในตอนที่เพิ่งเจอเรื่องพวกนั้นมาด้วยนะ“ผมเช็คไม่ได้เหรอครับ ผมจะได้รู้ตัว” น้ำเสียงที่พ่นออกมามีแววประชดเจือปนเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะไม่อยากจะเชื่อว่าน้องขาลจะออกปากประชดประชันได้ เพราะก่อนที่เราจะคบกันเขาเป็นสุนัขที่ดีมาโดยตลอด แต่พอตกปากรับคำขอคบเป็นแฟน ขาลเริ่มแสดงท่าทีเป็นใหญ่ขึ้นทีละน้อยและฉันก็... ไม่ค่อยชอบท่าทางถือดีนั่นเท่าไหร่“เช็คก็ได้ค่ะ เอาเลย” ฉันไม่ชอบเวลามีใครมางอแงในเวลาที่ฉันกำลังหัวเสีย เลยพยักเพยิดหน้าไปทางมือถือที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ น้องขาลสบตาฉันกลับ เขากัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น แล้วเดินผ่านไหล่ฉันไปกดโทรศัพท์ดูด้วยร่างกำยำที่เกร็งเครี