CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย และเนื้อหาล่อแหลมทางเพศ
“อะ...อึก!”
“ไหนคุณหนูบอกว่ามีประสบการณ์ไงครับ แบบนี้ทำผมลำบากใจนะ”
เชฟหนุ่มกล่าวพลางชำแรกนิ้วเบิกทางในขณะที่แก่นกายพร้อมใช้งานเต็มที่ ดวงตาคมมองต่ำจับจ้องคุณหนูโอเมก้าผู้สมบูรณ์แบบในกำมือ ใครจะไปรู้ว่าวันใดวันหนึ่งชาติไพร่อย่างเขาจะได้เป็นคนเปลื้องผ้าเนื้อดีพวกนั้นออก แม้ว่านี่จะไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นสัญญาวิวาห์ก็ตาม
อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า สามชนชั้นซึ่งถูกจำแนกสถานะไว้อย่างชัดเจนในสังคม นับตั้งแต่ยุคโบราณล่วงเลยมาจนถึงยุคโลกาภิวัตน์อันเต็มไปด้วยความทันสมัย
อัลฟ่า (Alpha - α) ชนชั้นผู้นำ มักมีบุคลิกโดดเด่น อุดมไปด้วยเงินตราและอำนาจ
เบต้า (Beta - β) ชนชั้นกลาง มักไม่มีฟีโรโมนโดดเด่น จึงไม่สามารถดึงดูดหรือควบคุมผู้อื่นได้
โอเมก้า (Omega - Ω) ชนชั้นที่ต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร มักมีร่างกายบอบบาง และมีแนวโน้มที่จะยอมจำนนสูง กระนั้นก็มีบางกรณีที่ต่างออกไปเช่นกัน
ยามบ่ายคล้อยที่แสงแดดอ่อนทาบทาลงบนผืนนาสีเขียวขจีทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ณ ชานเมืองที่ยังคงรักษากลิ่นอายของชนบทไว้ได้อย่างครบถ้วน กระนั้น ณ ร้านอาหารครอบครัวนี้ยังคงมีรถขับผ่านอยู่ตลอดทั้งวัน
‘ครัวคุณลุง’ ชื่อร้านเด่นหราเหนือบานประตูไม้ที่พึ่งถูกปรับแต่งใหม่ ตัวอาคารเป็นโครงสร้างไม้และเหล็กสีดำเรียบหรู ตัดกับผนังกระจกใสบานใหญ่เปิดรับทิวทัศน์ภายนอกเข้ามาอย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังรับประทานอาหารอยู่ในทุ่งนา ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย เฟอร์นิเชอร์ไม้เนื้ออ่อนสีธรรมชาติถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ โต๊ะอาหารแต่ละตัวมีพื้นที่ว่างพอสมควร ไม่แออัดจนเกินไป มีทั้งโต๊ะสำหรับคู่รัก โต๊ะสำหรับครอบครัว หรือแม้แต่มุมส่วนตัวเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบ
กลางครัวเปิดเผยให้เห็นเชฟหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังง่วนกับหม้อแกงหน้าเตา กระนั้นด้วยแววตาเป็นมิตร เหล่าเด็ก ๆ ที่ขอผู้ปกครองมาดูผ่านกระจกจึงไม่หวาดกลัว มิหนำซ้ำยังได้รับรอยยิ้มหวานจากพ่อครัวกันถ้วนหน้า
มือหนาละจากไม้พาย เคาะกระจกเรียกความสนใจของเด็ก ๆ ก่อนจะเล่นมายากลเสกเรือสานบรรจุลูกชุบรูปผลไม้หลากสีสันออกมา แล้วจึงเปิดกระจกมอบให้พี่น้องทั้งสอง
ขณะเดียวกันเด็กเสิร์ฟชั่วคราววัยมัธยมปลายกำลังเดินนำจานอาหารสดใหม่มอบแด่ลูกค้าโต๊ะสุดท้ายของวัน เมื่อมองไปเห็นเจ้าของร้านให้ของฟรีอีกแล้วก็ถอนหายใจ คิดนำความจริงไปกระแทกหน้าพ่อหนุ่มทองไม่รู้ร้อนสักหน่อย
เด็กสาวในชุดนักเรียนเดินดุ่ม ๆ ออกจากร้าน ทว่าไม่ได้จับไม้กวาดแต่อย่างใด มือคู่เล็กเลือกเอื้อมไปเปิดกล่องไปรษณีย์ หยิบซองจดหมายออกมาพร้อมแสยะยิ้ม
“เชฟ นี่บิลของเดือนนี้ค่ะ”
“อือ...มันตัดในบัญชีไปแล้ว”
“ทำไมดูเศร้า ๆ ละคะ”
“เสียเงินแล้วยังมีลูกสาวเจ้าหนี้มาซ้ำเติมอีก ฉันคงต้องมีความสุขสินะ”
“ถ้าไม่อยากให้มีลูกสาวเจ้าหนี้มาเหยียบซ้ำ ก็จ่ายเงินพ่อให้ครบสิคะพี่เชนทร์”
“พี่ไม่มีตังค์แล้วครับน้องทับทิม”
ทีแรกก็มีเงินพอใช้บริหารร้านอยู่หรอก เพราะใช่ว่าร้านจะไม่มีลูกค้า ทว่าเขาที่ต้องการได้ร้านอาหารคืน ไหนจะค่าปรับปรุง สุดท้ายไม่วายต้องหยิบยืมคนอื่น ยังดีที่มีคุณลุงคนสนิทให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย กลับกันเจ้าตัวดันส่งลูกสาวเบต้าวัยขบเผาะมาจับตาดูในฐานะเด็กเสิร์ฟแทน ทว่ายังดีที่บิดาเจ้าหล่อนจิตใจดี ยอมใช้เงินค่าจ้างเด็กสาวเป็นเงินผ่อนรายสัปดาห์แทน
กระนั้นปัญหากลับยังไม่สิ้นไป เพราะเขาต้องกู้เงินธนาคารอีกครั้งเนื่องมาจากอาการป่วยของปู่แท้ ๆ เจ้าของร้าน ‘ครัวคุณลุง’ คนก่อน
เพราะเขาเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกไปตั้งแต่วัยเยาว์ ที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวจึงเป็นคุณปู่ชัยวัฒน์ พ่อครัวและเจ้าของร้านอาหารไทยประยุกต์แห่งนี้ ท่านเป็นทั้งผู้ปกครอง และแรงบันดาลใจให้เขาใฝ่ฝันอยากเดินทางสายพ่อครัว จนมีโอกาสสอบชิงทุนไปเรียนถึงเมืองนอก
ทว่าการเรียนนั้นใช้เวลาสิริรวมสี่ปีผนวกกับเขาอยากทำงานฝึกประสบการณ์เพิ่มอีกสักหน่อย สุดท้ายผ่านไปห้าปีถึงได้กลับมาประเทศไทย ทราบอีกทีคือพ่อน้องทับทิมซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ก็บอกว่าคุณปู่จำนองร้าน เอาเงินไปเป็นค่ารักษาพยาบาลแล้ว
ตัวเขาที่มีเงินเก็บจึงทุ่มทุนนำร้านกลับคืนมาด้วยเงินสดอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เมื่อเงินฝืดเคืองจึงต้องขอผู้อื่นและกู้ธนาคารเพื่อนำเงินมาโปะค่ารักษา เพราะคุณปู่ตอนนี้ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ราคาแพงเกือบตลอดเวลา
“วันนี้พี่เชนทร์จะไปเยี่ยมคุณปู่ไหมคะ?”
“ไม่ล่ะ จะนั่งทำบัญชี”
“สู้ ๆ นะคะ เดี๋ยวหนูช่วยคุยกับพ่ออีกที พ่อเขาไม่น่ามีปัญหาหรอกค่ะ”
“ขอบคุณมาก ๆ นะ”
“ขอลูกชุบเป็นการแลกเปลี่ยนค่ะ”
“เสียบอยู่บนโฟม หยิบไปได้เลย คืนไม้ด้วย”
“ค่า”
เมื่อสาวน้อยแขวนผ้ากันเปื้อนเตรียมตัวเก็บของ เจ้าของร้านหนุ่มจึงลงมือล้างเครื่องครัว เพราะร้านนี้มีพนักงานอยู่สองคนคือตัวเขาและทับทิม ในช่วงที่ต้องทำอาหารระหว่างวัน เจ้าหล่อนมักล้างจานชามให้ แต่ตอนเย็นใกล้ค่ำแบบนี้เขาก็ไม่อยากรั้งสาวน้อยเอาไว้ เกรงว่าให้กลับบ้านตอนฟ้ามืดจะเป็นอันตราย
ราเชนทร์หัวจะปวดกับชีวิตตั้งแต่เท้าแตะลงผืนแผ่นดินไทย คิดว่าต่อให้ทำงานงก ๆ ต่อไปคงไม่สามารถผ่อนเงินที่กู้มาจากทั้งสองที่ได้ตามกำหนด เขาพยายามโพรโมตผ่านสื่อโซเชียลแล้ว แม้จะมีวันที่คนแน่นเต็มร้านแต่ก็นาน ๆ ครั้ง ครั้นจะเปิดดิลิเวอรี่ ตัวเขาเพียงคนเดียวคงเกินตัว ไหนจะระบบหลังร้าน การรับออร์เดอร์ และความเสี่ยงที่เขาจะบริหารมันได้ไม่ครบวงจรอีก พอจะจ้างคนอื่นมาช่วย ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเพิ่มยอดขาย ในตอนที่เงินไหลออกเป็นน้ำแบบนี้ไม่ว่าคิดแบบไหนล้วนเสี่ยงไปหมด
“เฮ้อ...”
ทันใดนั้นขณะที่เจ้าของร้านกำลังนั่งพักซังกะตายหลังล้างจานอยู่นั่นเอง เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็แว่วดัง พร้อมเสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามาด้านใน ปรากฏให้เห็นเป็นชายร่างสูงในชุดสูททางการ ลอนผมหยักศกสีทองอร่ามพร้อมด้วยดวงตาสีน้ำข้าว และรอยยิ้มกว้างประจำกาย
“ไอ้วิน จะมาทำไมไม่โทรมาก่อนวะ”
“หิวอะ ทำอะไรให้กินหน่อยดิ”
“มีไก่ดิบ มึงกินไหมล่ะ”
“เดี๋ยวเถอะไอ้นี่ กูอุตส่าห์มีข้อเสนอดี ๆ มาฝาก”
เจ้าเพื่อนพูดพลางโยนกระเป๋าเอกสารลงพื้น ลากเก้าอี้มาหาเพื่อนรักที่จบมาจากสถาบันเดียวกัน ทำเอาราเชนทร์กลอกตากับท่าทีของไอ้หน้าฝรั่ง
ไอ้วิน ชื่อจริง Édouard William (เอดูอาร์ วิลเลี่ยม) พ่อเป็นคนฝรั่งเศส และมีแม่เป็นลูกครึ่งไทยเยอรมัน แต่เกิดและโตในสยามประเทศจึงพูดไทยคล่องปร๋อ ได้เป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ฝรั่งเศส ตัวเขาเรียนหลักสูตร Diplôme de Cuisine (หลักสูตรการทำอาหารฝรั่งเศส) อยู่ก่อน ส่วนไอ้วินเรียนทนายความอยู่ไทย และกลับได้สิทธิ์มาเรียนแลกเปลี่ยนในหลักสูตรบริหารอยู่หนึ่งปี พวกเขาจึงได้ทำความรู้จักกันในตอนที่เขาอยู่ปีสุดท้าย
“อะไร มึงจะให้เงินกูเหรอ? เอามาสิ”
ราเชนทร์ยื่นมือไปทางไอ้เพื่อนตาน้ำข้าวอย่างกวนประสาท เห็นมันหยิบลูกชุบมาเคี้ยวหงุบ ๆ แบบไม่สนสี่สนแปดแล้วอยากจะเอากำปั้นเสยหน้าจริง ๆ
“คนที่จะให้ไม่ใช่กู แต่เป็นคุณหนู”
“มึงว่าอะไรนะ คุณหนูของโรงแรมที่มึงทำงานอยู่อะนะ”
“อื้อ”
ตระกูลโสภณวิจิตร เจ้าของเครือโรงแรม ‘Hôtel Le Roi’ (โฮเต็ล-เลอ-ลัว) สถานที่ที่นักเรียนการโรงแรมทุกคนใฝ่ฝันอยากไปร่วมงาน เพราะที่นั่นถือเป็นสถานที่รับรองคนจากต่างบ้านต่างเมือง จึงเป็นศูนย์รวมความหรูหราระดับที่คนรากหญ้าไม่มีวันได้ไปสัมผัส
“คุณหนูของฉันเป็นผู้อำนวยการที่ยังโสด ที่บ้านเลยกดดันมาให้แต่งงานสร้างทายาท ก็เลยกำลังหาคนให้อยู่น่ะ”
“ระดับนั้นไม่ใช่ว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วเหรอวะ”
“ใช่ แต่คุณหนูต้องแต่งออก”
“อ่า...เข้าใจได้”
เคยอ่านมาผ่าน ๆ ว่าคู่หมั้นเจ้าตัวเป็นคนที่โคตรของโคตรรวย ระดับนั้นคงมีธุรกิจพันล้านไม่ต่างกัน หากต้องแต่งออกแสดงว่าองค์กรจะเสียกำลังสำคัญไป ดังนั้นจึงคิดหาคนแต่งเข้ามากกว่า
“เลยจะมาขอให้ฉันไปแต่งงานกับคุณหนูนั่นแลกเงิน”
“เข้าใจได้ไวดีนี่เพื่อนรัก!”
“จะได้เงินเท่าไหร่?”
“หนี้มึงมีเท่าไหร่ล่ะ ก็ทั้งหมดนั่นแหละ”
“เอาสัญญามาดูเลยมา”
“ต้องแบบนี้สิถึงจะคุยกันง่าย”
วิลเลี่ยมยิ้มร่า คว้ากระเป๋าเอกสารขึ้นหยิบซองรายละเอียดที่เตรียมมาให้เจ้าเพื่อนรักได้อ่าน เทียบกับไอ้หน้าเหม็นคนนั้นสู้คุณหนูมาแต่งงานกับคนของเขาดีกว่า นอกจากจะสนิทกับคนใหญ่คนโตแล้ว ถ้าสำเร็จคุณหนูบอกว่าจะให้วันหยุดด้วย แบบนี้มันมีแต่ได้กับได้!
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคายนรินทร์นั่งไตร่ตรองสักพัก เจ้าของร้านอัลฟ่าก็เดินถือปิ่นโตออกมาพร้อมถุงน้ำกะทิแยกต่างหาก และมือขวาที่ลากคอทนายตัวดีให้ออกมาคุยกันต่อเพื่อความกระจ่าง จนทราบว่าไอ้วินมันหลอกให้เขาทำสัญญากลาย ๆ เพราะไม่ได้บอกถึงการเพิ่มอาชีพขึ้นมาอีกหนึ่ง“เล่ามา”“ก๊าบ...”ทนายวิลเลี่ยมหน้าหงอเพราะโดนยึดถ้วยขนม ท้ายที่สุดจึงเปิดปากเล่าความเพิ่มเติมต่อจากคุณหนูโดยสรุปคือทั้งคู่ต้องเล่นละครและเข้าใจตรงกันว่าสองสามีภรรยามาพบรักกันในร้านอาหารเล็ก ๆ แถบชานเมือง แต่เมื่อก่อนภรรยาติดพันกับอดีตคู่หมั้นจึงไม่สามารถมาเยือนร้านได้ด้วยตัวเองเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นข่าว ภายหลังเมื่อมีการถอนหมั้นความสัมพันธ์จึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีผู้จัดการส่วนตัวเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ เมื่อความรักสุกงอมจนเราสองได้แต่งงาน คุณหนูจึงทาบทามสามีให้มาช่วยเหลืองานภายในแผนกอาหารฝรั่งเศสที
“สวัสดีครับ ผมนรินทร์ โสภณวิจิตร”“ผมราเชนทร์ ธรรมคุณครับ คุณหนูสนใจทานขนมไหมครับ ผมทำเตรียมไว้”“ขอบคุณมากครับ”นรินทร์ถูกเชิญให้มานั่งยังโต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ซึ่งมองออกไปเห็นถนนและวิวไร่นาได้อย่างชัดเจน ตลอดทางมานี้เขาเองก็คิดว่ามีร้านอาหารที่เปิดในที่ร้างผู้คนยังมีลูกค้าแวะมาได้อยู่อีกหรือ แต่ดูจากรีวิวในแผนที่ก็มียอดผู้ชมไม่ใช่น้อย ไม่น่ามาตั้งในที่ห่างไกลแบบนี้เลยจริง ๆคิดแล้วก็พลางเหลือบตามองเจ้าของร้านร่างสูงในครัวที่กำลังตักนู่นตักนี่ในถ้วย ปกติเขาไม่กินมื้อเย็นเพราะมันเสียเวลา ส่วนมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงก็เน้นกินเป็นขนมปังกับน้ำชงโปรตีนไม่ก็กาแฟ แต่มาหาว่าที่หัวหน้าเชฟประจำแผนกทั้งทีจะไม่ลองชิมฝีมือเจ้าตัวหน่อยคงไม่เหมาะ“มาแล้วครับ อินทนิลครับ”“มันเยอะ...ไปรึเปล่าครับ” นึกว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศสเสียอีก“คุณหนูทานน้อยเกินไปต่างหาก”วิลเลี่ยมที่เดินตามเข้ามาทักคุณหนูตัวเล็ก ในฐานะคนสนิทอย่างเขา คอยจ้ำจี้จ้ำไชให้คุณหนูทานอาหารให้ครบห้าหมู่ตลอด แต่เจ้าตัวไม่เคยทำได้เลยสักครั้งเพราะกินข้าวไปไม่เกินห้าคำก็อิ่
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคายสัญญาการแต่งงานชั่วคราวสัญญาฉบับนี้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2568 ระหว่าง1. นายนรินทร์ โสภณวิจิตร (ต่อไปนี้เรียกว่า "ฝ่ายภรรยา") อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/11 ชั้น 10 โครงการ เดอะ แพลทินัม ถ.ราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่หนึ่ง2. นายราเชนทร์ ธรรมคุณ (ต่อไปนี้เรียกว่า "ฝ่ายสามี") อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154/2 ซ.เทศบาล ถ.บางกรวย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่สองคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเข้าสู่การสมรสตามกฎหมายเป็นระยะเวลาจำกัด โดยมีข้อตกลงและเงื่อนไขดังต่อไปนี้ข้อ 1: วัตถุประสงค์ของการสมรส การสมรสครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เ
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย“รู้ใช่ไหมว่าประธานไม่อยากให้ผมแต่งออก”“เชื่อมือกระผมได้เลยครับ คุณหนูนรินทร์ ผมจะหาคนที่เหมาะสมกว่ามาให้เอง”ทนายควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวโค้งศีรษะน้อมรับคำนายน้อยแห่งตระกูลด้วยความยินดี ก่อนส่งยิ้มหวานไปทางอดีตคู่หมั้นที่คุณหนูนรินทร์เรียกมาตบหน้ากลางสี่แยก คุณหนูของเขานี่ช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง สมแล้วที่ชื่นชมติดตามเป็นแฟนคลับมาตลอด“เรียกมาแล้วพูดแบบนี้ พี่เสียใจนะครับ”“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องรู้ ธุระของเราจบแล้ว เชิญครับ”ว่าแล้วคุณหนูโอเมก้าจึงจรดปลายนิ้วชี้ไปยังบานประตูทางออกห้องผู้อำนวยการ ทำเอาธนินที่นั่งไขว่ห้างถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความดื้อรั้น หลายครั้งแล้วที่คนน้องปฏิเสธการนัดเดต หรือแม้แต่การเข้าพบส่วนตัว เข้าใจว่าไม่ต้องการแต่งงานออก แต่โอเมก้าตัวเล็ก ๆ ในบริษัทใหญ่โต
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย และเนื้อหาล่อแหลมทางเพศ“อะ...อึก!”“ไหนคุณหนูบอกว่ามีประสบการณ์ไงครับ แบบนี้ทำผมลำบากใจนะ”เชฟหนุ่มกล่าวพลางชำแรกนิ้วเบิกทางในขณะที่แก่นกายพร้อมใช้งานเต็มที่ ดวงตาคมมองต่ำจับจ้องคุณหนูโอเมก้าผู้สมบูรณ์แบบในกำมือ ใครจะไปรู้ว่าวันใดวันหนึ่งชาติไพร่อย่างเขาจะได้เป็นคนเปลื้องผ้าเนื้อดีพวกนั้นออก แม้ว่านี่จะไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นสัญญาวิวาห์ก็ตามอัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า สามชนชั้นซึ่งถูกจำแนกสถานะไว้อย่างชัดเจนในสังคม นับตั้งแต่ยุคโบราณล่วงเลยมาจนถึงยุคโลกาภิวัตน์อันเต็มไปด้วยความทันสมัยอัลฟ่า (Alpha - α) ชนชั้นผู้นำ มักมีบุคลิกโดดเด่น อุดมไปด้วยเงินตราและอำนาจเบต้า (Beta - β) ช