Home / โรแมนติก / ซาตานหัวใจพยศ / Chapter 2 ผู้ชายเลือดร้อน

Share

Chapter 2 ผู้ชายเลือดร้อน

last update Last Updated: 2024-10-23 11:44:58

เลือดในตัวสรวิชญ์กำลังเดือด ชนิดใครอยู่ใกล้เป็นต้องรู้สึกถึงไอร้อน เข็มวินาทีบนนาฬิกาที่ติดผนังทำเอาแทบบ้า

เขาไม่น่าเชื่อคำพูดของสิริยาที่กล่อมขอมาเรียนในกรุงเทพฯเลย ดูเอาเถิด เกิดเรื่องจนได้ แล้วนี่ไอ้หนุ่มเด็กบาร์นั่นจะพาน้องเขาไปตกระกำลำบากที่ไหน แค่คิดเส้นเลือดก็ปูนเกร็งขึ้นขมับ

สรวิชญ์สมควรทำอะไรได้มากกว่าการนั่งรอ ลูกน้องเมื่อเห็นลูกพี่นิ่ง ต่างมองตากันเลิ่กลั่ก รู้ว่าเห็นเงียบแบบนี้พายุใหญ่กำลังจะมาเป็นแน่

“เมี๊ยว...”

ปุณิกาเผลอทำจานที่ตั้งใจมาปิดชามบะหมี่ระหว่างรอสุกตก เธอร้องเสียงแมวตามนิสัยปรกติ ทว่ากลับทำให้ความอดทนของใครบางคนขาดผึง เจ้าของร่างสูงผุดลุกจากโซฟารับแขก เดินดุ่มไปยังเธอที่เอาจานปิดชามบะหมี่สำเร็จแล้ว

“น้องเธอพาน้องฉันหนีไปไหนก็ยังไม่รู้ เธอเป็นพี่ประสาอะไร ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ยังห่วงกินมาม่าอยู่ได้”

เธอเห็นภาพกองไฟลุกในดวงตาสีนิล

“ก็จะให้ทำอะไรได้ล่ะ โทรไปแม้วก็ไม่รับ แถมพวกคุณยังมาเพ่นพ่านเต็มบ้าน ฉันขอแค่กินมาม่าเอง”

เขาช่างเถื่อน ไม่มีเหตุผล ไร้ระเบียบ เหมือนเคราที่ขึ้นรกเต็มใบหน้า

“น้องหายไปทั้งคน รู้จักทุกข์รู้จักร้อนเสียบ้างสิ” ปุณิกาไม่พอใจในคำกล่าวหา แต่ต้องทำละเลยเสีย คุยกับคนอารมณ์ร้อน หากยิ่งร้อนตามพานจะกลายเป็นการฟืนใส่กองไฟให้โหมกระพือวอดวายเสียทั้งสองฝ่าย

“เดี๋ยวเขาก็กลับมากันเองแหละ หน้าที่เราคือต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ใช้เหตุผลคุย”

สรวิชญ์ย่างสุขุมเข้ามาใกล้ เขาสูงจนเธอต้องมองชนิดคอแหงนตั้งบ่า

“เธอก็พูดอย่างนั้นได้นะสิ น้องเธอเป็นผู้ชาย ไม่ต้องเสียอะไรเลย”

“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”

เธอกอดอก แสดงอาการให้รู้ว่าไม่กลัว

“ผู้ชายกับผู้หญิง หนีไปด้วยกันมันจะเป็นไรไปได้...”

คนพูดยื่นหน้าลงมาหาเธอในลักษณะคุกคาม

“คุณคิดสกปรก น้องฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ”

อย่างน้อยปุณณภพไม่เคยมีความประพฤติเสียหายเรื่องผู้หญิง

“อย่าคิดว่าผู้ชายทุกคนเหมือนตัวเองหมด”

น่าสงสารน้องสาวเขาเหลือเกิน ที่ตีตรายัดข้อหาว่าเสียความบริสุทธิ์จากผู้เป็นพี่

“เหมือนตัวฉันแล้วยังไง เธอเป็นใคร ทำเป็นพูดเหมือนรู้จักฉันดี”

“ฉันรู้จักคุณแน่ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นพวกป่าเถื่อน ชอบใช้อารมณ์ ชอบใช้กำลัง”

สรวิชญ์ขบฟันแล้วหรี่ตา

“ปากดีจริงนะเธอน่ะ”

คนน่ากลัวนิ่งไปครู่ ก่อนแสยะยิ้มร้าย

“งั้นฉันจะใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน เมื่อน้องเธอเอาน้องฉันไป ฉันก็จะเอาตัวเธอไปเหมือนกัน เฮ้ย! เตรียมรถ กูจะกลับไร่”

สิ้นคำสั่งเขา ร่างอรชรก็ลอยหวือขึ้นบ่า เอวปุณิกาอยู่บนไหล่เขา สภาพเหมือนแบกถุงข้าวสาร

“ปล่อยฉันนะเว้ย! ช่วยด้วยค่ะ มีคนจะลักพาตัวฉัน”

เธอพยายามทั้งดิ้น ทั้งกำมือระดมตีแผ่นหลัง แต่คนอุ้มเธออยู่ไม่สะดุ้งสะเทือน

“เอามือถือมาด้วย เผื่อได้เด็กนั่นโทรมา”

สรวิชญ์ยังรอบคอบพอจะให้ลูกน้องเก็บเครื่องมือสื่อสาร เมื่อถึงรถตู้ ชายหนุ่มก็จับเธอยัดเข้าทันที

ปุณิกาพยายามพุ่งตัวออก ร่างใหญ่โตก็เบียดกระแซะ ถอดเข็มขัดตัวเองมามัดข้อมือเธอไว้ ท่ามกลางเสียงโวยวายของเธอ

รถตู้แล่นฝ่าการจราจรอันหนาแน่นของยามค่ำในเมืองหลวง ปุณิกาพยายามส่งเสียงอู้อี้ผ่านผ้าที่ผูกปากตนไว้ ด้วยเสียงดังมากนักจึงถูกสรวิชญ์ใช้ผ้ามัดปาก ตอนนี้เหลือเพียงดวงตาส่งประกายแวววับ แทบเผาเขาไหม้เป็นจุณ สรวิชญ์ไม่สน นั่งกอดอกมองตรงไปทางคนขับ ออกไปสู่ถนนข้างหน้า

“อื้อ...”

เธอพยายามดันไหล่ดุนตัวเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“อยู่นิ่ง ๆ อย่าโวยวายมาก ถ้าฉันทนไม่ได้เดี๋ยวก็ฉีดยาสลบช้างให้เสียหรอก”

ปุณิกาไม่กลัวคำขู่ ด้วยบางอย่างในกายเรียกร้อง

“อื้อ...”

“อะไรอีกล่ะ เธอนี่น่ารำคาญเสียจริง”

เสียงตวาดทำให้บรรยากาศในรถยิ่งตึงเครียด แทบได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน

“อื้อ...”

คราวนี้เธอมาพร้อมอาการกระทืบเท้าประกอบ

“แก้ผ้าผูกปากออกหน่อยเถอะครับคุณเต้ย เหมือนเธออยากบอกอะไร”

นายหน้าเสี้ยมเสนอ

“ไม่เอา กูหนวกหู”

“อื้อ...”

หญิงสาวส่ายศีรษะหน้าแดง ลูกน้องเหลือบมองกดดันลูกพี่

“เออ ๆ ก็ได้ ถ้าโวยวายนัก คราวนี้เตรียมยาสลบช้างได้เลย”

สรวิชญ์กระชากผ้าปิดปากออกจากหน้า เลื่อนมาอยู่ที่คอเธอ

“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”

ปุณิกาหน้าแดง ทั้งอายทั้งโกรธ ผู้ชายคนนี้หยาบคายที่สุด เขาข่มขู่ ทรมาน ทำให้เธอเสียหน้า

“เฮ้ย ! แวะปั๊มข้างหน้า”

สั่งคนขับแล้วเหล่มาทางหญิงสาว

“เธอน่ะทนได้ใช่ไหม อย่ามาฉี่ราดในรถฉันนะ”

“ฉันมีสำนึกพอ ไม่ใช่หมา นึกจะฉี่ตรงไหนก็ฉี่”

คุยกับคนไร้มารยาท ก็ต้องไม่มีมารยาทตอบ สมกันดี

“ถ้าถึงปั๊มแล้วฉันให้เวลาเธอห้านาที”

“จะบ้าเหรอไง ไม่ใช่ฝึกวินัยทหารนะ ขอเวลาส่วนตัวฉันบ้างสิ”

สรวิชญ์กอดอกมองเธออย่างประเมิน

“เจ็ดนาที”

“ยี่สิบ”

“สิบ”

“สิบห้า”

“สิบสอง ฉันไม่ให้มากกว่านี้แล้ว ถ้าช้าฉันจะไปลากเธอมาทั้ง ๆ ยังแก้ผ้าอยู่นั่นแหละ”

หน้าดุ เสียงก็ดุ แถมยังชอบขู่ คนอย่างนี้จะมีน้องสาวสวยเพียงใดหนอ ขนาดทำให้ปุณณภพผู้ไม่เคยมีเรื่องราวผู้หญิง ถึงกับพาหนีได้

“สิบสองนาทีก็ได้ ถ้าเข้ามาห้องน้ำหญิงฉันจะกรี๊ดให้คนช่วยจริง ๆ นะ คุณมันโรคจิต”

“แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยพาผู้หญิงหนี”

คนนั่งหน้าเธอเชิดหน้าอย่างทะนง

“แต่ลักพาตัวผู้หญิง”

ลูกน้องที่แอบฟังกันอยู่ถึงกับยิ้ม นาน ๆ ทีจะเจอคนกล้าต่อปากต่อคำกับเจ้านายบ้าง แถมยังเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ดูแล้วบันเทิงดูไม่หยอก

“ฉันต้องเอาเธอมาไว้เป็นตัวประกัน ถ้าไอ้เด็กนั่นเอาน้องฉันมาคืน เธอจะได้กลับไป”

ปุณิกาทีแรกใจชื้น แต่ทว่าลึกๆ กลับฉุกคิด หนุ่มสาวที่ตัดสินใจหนีตามกันไปมักจะมีจุดหักเหให้บุ่มบ่ามตัดสินใจ เหตุผลหนึ่งในนั้นคือการตั้งครรภ์ ...หากเป็นเช่นนั้นจริงผู้ชายคนนี้จะจัดการกับเธอและน้องแบบไหนล่ะ เขาน่าจะยังเกรงกลัวกฎหมายไม่จับไปยิงทิ้งหรอกนะ

สรวิชญ์ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างรถตู้ ตายังมองไปทางห้องน้ำหญิง

“ทำอย่างนี้จะดีเหรอครับคุณเต้ย”

วสันต์ลูกน้องหน้าเสี้ยมคู่ใจพยักหน้าไปตามจุดหมายสายตาลูกพี่

“ไอ้เด็กนั่นมันเอาสตางค์ไป กูก็แค่เอาพี่มันมา จะคืนให้ก็ต้องแลกหมูแลกแมว”

ในสายตาวสันต์ ที่สรวิชญ์พามาไม่ใช่หมู เป็นแมวส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ

“ทางตำรวจว่าไง”

“มีรายงานว่ากล้องวงจรปิดแถวด่านเห็นรถทะเบียนคันที่ว่าขับไปทางใต้ครับ”

“ส่งคนของเราไปตามรอย ลากตัวมันมาให้ได้”

ชายหนุ่มอัดบุหรี่ลงปอดจนปลายมวนเป็นไฟสีแดงวาบ

“แล้วจะทำยังไงกับตัวพี่สาวครับ คนหายไปทั้งคนญาติไม่ตามหากันใหญ่เหรอครับ”

“ช่างแ-งมัน! ถ้าอยากเสือกนักให้มาเจอกับกูเลย”

สิริยาเป็นที่รักของพี่ชายนัก อาการสรวิชญ์จึงหนักเมื่อรู้ว่าน้องหายไป เขากำลังปล่อยอารมณ์ให้อยู่เหนือเหตุผล ซึ่งไม่ใช่บุคลิกของสรวิชญ์ตามปรกติเลย

“เฮ้ย ! มึงให้คนไปดูสิ ทำไมพี่สาวไอ้เด็กนั่นถึงเข้าห้องน้ำนานนัก ตกส้วมตายไปหรือยังไง”

ยังไม่ถึงนาทีเส้นตายที่เขาตกลงกับปุณิกาไว้ แต่ความเงียบสงบหน้าห้องน้ำหญิงทำเขาหงุดหงิด จะปล่อยให้อีกฝ่ายทำตัวสบาย ๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ได้ เธอต้องทุกข์เหมือนกับเขาสิ

ปุณิกาทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เธอยืนอยู่หน้ากระจก รอดูว่าจะมีใครผ่านมาให้ขอความช่วยเหลือบ้าง จะสู้กับโจรต้องทำตัวร้ายยิ่งกว่า เรื่องเสียสัจจะนั้นจิ๊บ ๆ

มีสาวใหญ่หน้าแฉล้มใส่ต่างหูห้อยเป็นพู่ระย้าเข้ามาใช้บริการห้องน้ำ เจ้าหล่อนย่นจมูกทันทีเมื่อเห็นความสะอาด...ที่ระดับแค่พอใช้ จนในที่สุดก็ตัดใจใช้ห้องหนึ่ง ปุณิการอจนสาวคนนั้นเสร็จกิจจึงเริ่มหว่านล้อม

“คุณคะ ช่วยฉันหน่อย ฉันถูกลักพาตัวมา”

ปุณิกาอธิบายพร้อมพนมมือแนบอก

“จะขอเงินเหรอ ฉันไม่มีให้หรอกนะ”

สาวหน้าแฉล้มผงะหนีอย่างขยะแขยง

“เปล่าค่ะ แค่จะให้ช่วยเรียกคนในปั๊มมาช่วยฉันหน่อย ข้างนอกมีพวกคนร้ายคอยคุมเชิงฉันอยู่”

“โอ๊ย ! ไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน ร้องกรี๊ดดัง ๆ สิ เดี๋ยวคนก็มา”

ปุณิกายิ้มแห้ง หว่านล้อมต่อ

“พวกมันอยู่หน้าห้องน้ำ ขืนฉันกรี๊ดตอนนี้มีแต่จะเฮโลกันเข้ามาจับนะสิ พวกมันมีกันสี่คน สองคนคุมเชิงอยู่ข้างหน้า อีกสองคนอยู่ที่รถตู้ คันสีดำ ๆ ติดฟิล์มมืดอ่ะค่ะ ไม่เชื่อคุณลองไปดู”

อีกฝ่ายโผล่หน้าไปจริง ๆ สบตากับผู้ชายหน้าโหดที่ยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ มองไปทางรถตู้ก็เห็นอีกสอง สายตากำลังตรงมาทางนี้เช่นกัน

“นะคะคุณ ช่วยฉันหน่อยฐานะเป็นผู้หญิงด้วยกัน”

“ไม่ใช่เธอเป็นนางนกต่อจะมาตบเงินฉันหรอกนะ” มือกอดกระเป๋าถืออย่างหวงแหน

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
น้องมิ้มหนีพี่เต้ยไม่พ้นหรอกค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 32 บทส่งท้าย

    หากไม่อยู่ในอารมณ์โกรธ สรวิชญ์คือคนสุขุมคนหนึ่ง เขาแสดงออกโดยการจัดการจดทะเบียนสมรสกับปุณิกาเสียในบ่ายนั้น“ฉันอยากให้ลูกเกิดภายใต้ทะเบียนสมรส”เธอมองกระดาษแผ่นที่ชาตินี้ตัวเองไม่คิดว่าจะได้มันมาอย่างงง ๆ จู่ ๆ เธอก็กลายเป็นนาง พ่วงด้วยนามสกุลอะไรสักอย่างที่ยาว ๆ“คำนำหน้าเอาเป็นนางเลยนะ จะได้ไม่ต้องไปทำไข่เจียวกะเพราปลากระป๋องให้ใครกิน”คนหน้าดุบอกต่อหน้าเจ้าหน้าที่จดทะเบียน“นามสกุลเขาก็ใช้ของผม”สรวิชญ์ทำตัวเป็นเจ้าชีวิตเธอทุกเรื่อง แต่เอ...ไข่เจียวกะเพราปลากระป๋อง“ฉันทำเมนูนี้อร่อยนะ พ่อฉันก็ชอบกิน”“ต่อไปทำฉันกินคนเดียว”เธอทำท่านึก“ต้องให้แสนดีเป็นหนูทดลองชิมก่อน ไม่ได้ทำตั้งนานแล้ว กลัวฝีมือตก”“ให้ไอ้แสนเป็นหนูทดลองไม่ได้”ปุณิกาคอย่น เขาทำเหมือนโกรธเสียเต็มประดา“ฉันจะเป็นคนกินเอง”หญิงสาวโคลงศีรษะ เอาล่ะ...อยากเป็นหนูทดลองก็จะยอมให้เป็น หลังออกจากสำนักงานเขตเขาก็สั่งคนขับรถมุ่งกลับไร่ ทิ้งกรุงเทพฯและปุณณภพไว้เบื้องหลัง น้องชายบอกแล้วว่าจะมาเยี่ยมในปลายเดือนนี้ ระหว่างทางสรวิชญ์ก็ยกมือเธอขึ้น สวมแหวนฝังทับทิมสีแดงที่นิ้วนางของเธอ“ไปแอบซื้อตอนไหนคะ”อัญมณีเล่นไฟทอประกายสวย

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 31 จะเป็นเรื่องเล่าจากพ่อแม่สู่ลูก

    มีผู้คนในซอยกลับมาดูสภาพความเสียหายอยู่พอสมควร แต่ก็ได้เพียงอยู่นอกเส้นสีเหลืองกั้น ที่ทั้งอาสาทั้งตำรวจ คอยบอกไม่ให้ล้ำเส้นกั้นเข้ามาปุณิกากับปุณณภพเห็นสภาพซอยที่เคยคึกคัก บ้านที่เคยสวยงาม จนบัดนี้เหลือแต่ตอตำ กลิ่นไหม้ลอยคละคลุ้งเสียดแทงจมูกไปถึงในหัวใจ ผู้ประสบภัยบางคนร้องไห้ตัวโยน ร้องบอกว่าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...หมดตัวแล้ว ปุณิกาจำได้ว่าคนนี้เป็นเพื่อนบ้านกลางซอยสรวิชญ์มาจับแขน ดึงเธอกลับจากภวังค์ เป็นสัญญาณให้รีบไป เพราะใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเกินเสียแล้วห้างสรรพสินค้าคือสถานที่ต่อไปซึ่งเขาพามา สรวิชญ์สั่งให้คนขับเลี้ยวรถไปยังห้างแรกที่เห็น เขาเอารถเข็นให้ ปล่อยปุณิกาเลือกซื้อเสื้อผ้าตามใจ โดยมีตัวเองเดินตามอยู่ไม่ห่าง แม้กระทั่งเข้าแผนกชุดชั้นใน“ไปที่อื่นก่อนได้ไหม ฉันขอซื้อของส่วนตัว”ปุณิกาหยุดรถอย่างเหลืออด หน้าหุ่นโชว์ใส่บราเซียร์ลูกไม้สีดำยั่วยวน“ฉันเป็นเจ้าของเงินนะ ขอดูด้วยสิว่าคุ้มหรือเปล่า”สรวิชญ์ชอบที่เธอกลับมาปีนเกลียวกับเขาได้เหมือนเดิม นี่แหละปุณิกาของเขา“ฉันไม่ต้องการความเห็นคุณ เพราะคนใส่คือฉัน”“แต่คนถอดก็เป็นฉันอยู่ดี”ชายหนุ่มแกล้งมองเธอตลอดร่าง แบบที่ปุณิ

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 30 ต้นเหตุอาการป่วย

    “ก็เหมือนที่นายทำกับสตางค์นั่นแหละ เอามิ้มเป็นเมีย”สรวิชญ์ตอบแบบหน้าตาเฉย อีกฝ่ายง้างหมัดเตรียมชกแล้ว หากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งเสียก่อน“แม้วหยุดนะ!”ปุณิกาห้ามเขาด้วยเสียงจริงจัง“คุณก็ได้ด้วยคุณเต้ย หยุดยั่วแม้วเสียที”รถเข็นเธอชะงัก พนักงานเลิ่กลั่กรอดูเหตุการณ์“แต่มันทำพี่ท้องนะ”“พี่อาจมีปัญหาในช่องท้อง ไม่ได้มีเด็กก็ได้ อย่าตื่นตูมไป คุณคะ เข็นต่อไปเลย”ปุณิกาหลบสายตา หันบอกพนักงาน การเดินทางไปยังแผนกสูตินรีเวชจึงเริ่มต่อไป รถเข็นเธอไปจอดยังแถวเก้าอี้ที่นั่งรอหมอเรียกหญิงสาวประสานมือกันแน่นจนเห็นข้อขาว เธอคงไม่โชคร้าย ขนาดเจอแจ็คพอตติดกันซ้อน ๆ แบบนี้หรอก ตั้งแต่โดนลักพาตัว กลายเป็นว่าที่คุณป้า บ้านโดนไฟไหม้ และเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี่ ...เธออาจตั้งท้องเสียงพยาบาลเรียกชื่อ เป็นดังเสียงขาลให้ก้าวเข้าสู่ลานประหาร สรวิชญ์เข้ามาแย่งเข็นเธอไปยังห้องพบแพทย์“คุณปุณิกานะครับ”นายแพทย์สูงวัย ที่สวมแว่นสายตาเลื่อนมากลางดั้งจมูก มองประวัติเธอในจอคอมพิวเตอร์ แล้วยิ้มให้“ค่ะ”เธอรับคำด้วยเสียงอันแห้งผาก สายตาแลไปเห็นเก้าอี้ที่มีขาหยั่ง และจอมอนิเตอร์ข้างกัน“เรามาขึ้นขาหยั่งดูน้องกัน

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 29 อาการป่วยแทรกซ้อน

    ปุณิกามายืนอยู่ในสถานที่เดิมอีกแล้ว ณ ที่ท้องฟ้าสีฟ้าใส เมฆขาวเป็นปุยลอยละล่อง มีลมเย็นพัดประพรมผิว ใต้เท้าเป็นพื้นหญ้าเขียวสดนุ่มดังกำมะหยี่ไกลออกไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาแทบระดิน พ่อกับแม่ยืนเคียงกันอยู่ตรงนั้น เธอยิ้มแล้วเดินไปหา สงสัยนี่คงจะเป็นการมารับเธอไปอยู่ด้วยจริง ๆ บางทีปุณิกาอาจตายเสียแล้วในกองเพลิงอีกแค่เอื้อมก็จะถึงร่างบุคคลอันเป็นที่รัก แต่มีมือแข็ง ๆ สีทองแดงมายึดแขนเธอไว้เสียก่อน“ปล่อยนะ ฉันจะไปหาพ่อกับแม่”ปุณิกาขมวดคิ้วเอ็ดเขา ดูเอาเถิด แม้เป็นการขึ้นสวรรค์อันผาสุกสรวิชญ์ยังจะตามมาราวีเธอไม่เลิก“...อย่าไป”เสียงห้าวที่เปล่งออกมานั้นคือคำสั่งชัด ๆ ดวงตาสีรัตติกาลเข้มดุจ้องเขม็งมายังเธอ“ปล่อยสิ...คุณเต้ย”เขาได้ทุกอย่างไปจากเธอแล้ว ได้เอาคืนปุณณภพสมใจ แล้วเหตุใดยังมาเร้าหรือ ฉุดรั้งเธอไม่ให้ไป“พ่อคะแม่คะ”ปุณิกายื่นมือออกไป หวังให้ท่านช่วย มารดาส่ายหน้าแล้วส่งยิ้ม“ยังไม่ถึงเวลาของมิ้มหรอกจ้ะ...อยู่กับเขาก่อนนะ”“มิ้มไม่เอาเขานะคะ พ่อแม่...”เธอร้องสุดเสียง ร่างสรวิชญ์หมุนวนกลายเป็นจุดดำฉุดร่างเธอให้ม้วนเป็นเกลียว ดิ่งลึกสู่ห้วงมืดสนิทตาโตลืมตื่นขึ้นในท

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 28 ผู้หญิงที่ห่วงใย

    “ห่าเอ๊ย!”สรวิชญ์สบถแทบจะทุกสิบนาทีที่อยู่บนรถ ชายหนุ่มวิ่งแซงซ้ายปาดขวาด้วยใจร้อนรน มือถือวางไว้ตรงคอนโซลรถเปิดไลฟ์สดข่าวไฟไหม้ในซอยบ้านปุณิกาเกือบสองชั่วโมงแล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพลิงยังไม่สงบ มีการสัมภาษณ์ผู้คนในซอย สรวิชญ์ภาวนาให้ตนได้ยินเสียงปุณิกาด้วยเถิดแต่คำอธิษฐานของคนไม่ศรัทธาในคุณพระคุณเจ้าอย่างเขาไม่ได้ผล เพราะคนที่นักข่าวไปสัมภาษณ์กี่คนต่อกี่คนก็ไม่ใช่เธอชายหนุ่มมองป้ายสีเขียวที่ตั้งโดดเด่น บอกว่ากำลังจะเข้าเขตกรุงเทพฯ แม้เป็นช่วงกลางคืนแต่รถในเมืองหลวงยังคลาคล่ำเขาต้องอดใจไม่กดแตรโวยวายใส่รถคันหน้า ตอนนั้นจำได้คร่าว ๆ ว่าบ้านปุณิกาต้องขึ้นทางด่วนไปเส้นไหนละวะ ปรกติเขาจำเส้นทางได้แม่น แต่ตอนนั้นไม่ได้ขับรถเอง และความโกรธก็บังตา ส่วนไอ้คนขับรถโน่น...เคล้าสุรานารีอยู่ซ่องเจ๊นวล ตัวเลือกเดียวคือเขาพอจะพึ่งได้ก็คือ“ครับ”คนรับสายรับแบบไม่มีงัวเงียสักนิดเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เจ้านาย“มึงจำทางไปบ้านไอ้แม้วได้ไหม”วสันต์เป็นคนนั่งหน้าข้างคนขับในวันนั้น เขาจึงเป็นอีกหนึ่งคนที่น่าจะจำเส้นทางได้“ครับ...แขวงXXX เขตXXX ถนนXXX ซอยXXX บ้านเลขที่XXX หลังคาสีฟ้า”ลูกน้องความจำดี

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 27 เหตุร้าย

    ค่ำคืนนี้ปุณิกาจาม น้ำมูกไหล ศีรษะปวดจี๊ด ๆ จึงกินยาแก้ปวดไปสองเม็ด เธอโทษว่าอาจด้วยเพราะอากาศเปลี่ยน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวอย่างเช่นเมื่อตอนกลางวัน แดดเปรี้ยงอยู่ดี ๆ ไม่ถึงยี่สิบนาทีฝนก็ตก ทำให้เธอและเพื่อนร่วมออฟฟิศที่เพิ่งกินข้าวกลางวันมา ต้องวิ่งฝ่าฝนโปรยเข้าออฟฟิศเพราะกลัวเข้างานช่วงบ่ายช้า นี่อาจเป็นเหตุเสริมความผิดปรกติของร่างกายในคืนนี้ปุณิกาเข้านอนตามปรกติ แล้วก็ต้องตื่นเพราะเสียงเอะอะรอบบ้าน เธอเปิดหน้าต่างออกดูเห็นคนวิ่งกรูมากลางซอย“ไฟไหม้ ๆ”เสียงตะโกนต่อเป็นทอด ๆ เรียกความสนใจให้เธอชะเง้อคอดูจากหน้าต่าง จมูกได้กลิ่นไหม้ฉุนรุนแรง ตาเห็นเปลวเพลิงสีแดงอมส้มเริงระบำตามกระแสลมโหมหญิงสาวรีบปิดหน้าต่างลงออกมาจากห้องทันที เมื่อถึงหน้าประตูบ้านก็พบว่ารถติดยาว ทั้งรถยนต์ ทั้งมอเตอร์ไซด์ ต่างคนต่างรีบพาพาหนะอันมีค่าหนีไปให้พ้นจากพระเพลิงที่กำลังโหม“โธ่เว้ย! ติดกันแน่นคับซอยอย่างนี้ รถดับเพลิงจะเข้าได้ยังไง”ผู้เฒ่าชายที่บ้านใกล้กับเธอบ่น“เห็นแก่ตัวกันจริง ๆ เดี๋ยวไฟก็ยิ่งไหม้ลามหมด”“บ่นอยู่นั่นแหละตาแก่ รีบหนีก่อนเร็ว ออกไปให้พ้นซอย รักษาชีวิตไว้ดีกว่า”เฒ่าหญิงบ้านเดียวกันรี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status