“แต้ม” เสียงเรียกของพรีมทำให้แต้มรักสะดุ้งและหลุดจากภวังค์ หญิงสาวรีบลุกขึ้น สูดลมหายใจลึก แล้วเปิดประตูออกไปหา
“แต้ม...แกทำอะไรอยู่ บอสเรียกประชุมฝ่ายก่อนเริ่มงาน”
“เรียกประชุมเช้าเหรอ”
“อืม...แกเสร็จยังเนี่ย”
“เสร็จแล้ว ๆ”
แต้มรักพูดพลางหันไปเปิดก๊อกน้ำล้างมือ...มือที่เย็นเฉียบ เธอหันไปดึงกระดาษเช็ดมือออกมาเช็ดด้วยมือที่สั่นน้อย ๆ
“เสร็จแล้วก็ไปสิ เร็ว”
พรีมจับข้อมือเพื่อนพาเดินเร็วออกมาจากห้องน้ำ โดยเดินตรงไปยังห้องประชุมใหญ่เลย คนที่ก้าวขาเดินตามหลังเพื่อนไปเม้มปากแน่นตลอดทางเดิน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อพรีมผลักประตูห้องประชุมเปิดออก แต้มรักก็เอาแต่ก้มหน้า เธอเดินตามเพื่อนไปนั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่เกือบริมสุด อยู่ทางซ้ายมือของหัวโต๊ะตัวยู
แต้มรักได้ยินเสียงเพื่อนพนักงานคุยกันเบา ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ทุกคนจะเงียบเสียงลง เธอพอเดาได้โดยที่ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองว่า ที่ทุกคนเงียบเพราะบอสเดินเข้ามาในห้องประชุมแล้ว
“สวัสดีครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักทายตามปกติ แต่หัวใจของคนที่นั่งก้มหน้าอยู่เริ่มเต้นไม่เป็นปกติ
พรีมสังเกตเห็นเพื่อนเอาแต่นั่งก้มหน้า ทั้งยังมีเหงื่อซึมข้างขมับด้วย เธอจึงกระซิบถามด้วยความเป็นห่วง
“แต้มแกไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย ไปพักก่อนไหม”
“ฉะ...ฉันไม่เป็นไร”
“แกเป็นแน่ ๆ แกไม่สบาย ฉันจะขออนุญาตบอสพาแกไปห้องพยาบาล”
“พรีมไม่ต้อง…”
“บอสคะ แต้มไม่สบายค่ะ พรีมขอพาแต้มไปห้องพยาบาลนะคะ”
เมื่อพรีมพูดจบ แต้มรักก็ชาวาบไปทั้งตัว เขาต้องมองมาที่เธอแน่ ๆ ตาคมคู่นั้นต้องกำลังจ้องมองเธออยู่แน่ ๆ
“เชิญครับ” พอเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยคำอนุญาต พรีมก็รีบประคองแต้มรักเดินออกจากห้องประชุม
แต่ก่อนที่พรีมจะประคองเพื่อนเดินผ่านประตูออกไป แต้มรักเหลือบตามองไปที่บอสแวบหนึ่ง เขานั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ แวบหนึ่งที่เธอมองเขาเป็นแวบเดียวกันกับที่ตาคมกริบมองเธอพอดี แต้มรักเบิกตากว้างแล้วหลบตาทันที หญิงสาวรีบเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย
“คุณหมอให้พัก แกก็นอนพักไปเหอะ อย่าดื้อได้ไหม”
“แต่ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ”
แต้มรักไม่อยากนอนพักที่ห้องพยาบาล เพราะเธอรู้ตัวดีว่า เธอไม่ได้เป็นอะไร อาการผิดปกติที่พรีมเห็นเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงแค่อาการของคนผิดบาป ที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงเท่านั้นเอง
“พักสักหน่อย สิบโมงแกค่อยขึ้นไปทำงาน บอสไม่ว่าอะไรหรอกน่า”
“อือ ๆ เอางั้นก็ได้” แต้มรักยอมทำตามที่เพื่อนบอก พักสักหน่อยก็ดี เพราะสองวันที่ผ่านมาเธอนอนหลับไม่เต็มตา กลางคืนผวาตื่นแทบทั้งคืน จริง ๆ เธอก็รู้สึกอ่อนเพลียอยู่เหมือนกัน
“งั้นเดี๋ยวฉันจะขึ้นไปทำงานก่อน ถ้าแกโอเคแล้วก็ค่อยตามขึ้นไปนะ”
“อือ...ขอบใจนะพรีม”
พรีมกลับขึ้นไปทำงานแล้ว แต้มรักนอนพักอยู่ที่ห้องพยาบาลชั้นสี่ แผนกนี้จะมีคุณหมอและพยาบาลประจำอยู่ มีห้องพักเดี่ยวสองห้องสำหรับพนักงานที่เจ็บป่วยฉุกเฉินแต่ไม่รุนแรง
แต้มรักนอนอยู่ในห้องพยาบาลที่อยู่ด้านในสุด เธอนอนมองเพดาน ครุ่นคิดถึงแต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เพียงแค่เจอหน้าคนที่ร่วมก่อความผิดบาปด้วยกัน เธอยังสั่นยังร้อนรนขนาดนี้ หากเจอหน้าแฟนหนุ่ม เธอจะมองหน้าเขาติดได้อย่างไร เธอจะเก็บอาการหวาดหวั่นซ่อนไว้ได้มิดชิดแค่ไหน
แต้มรักเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในตอนที่ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังแว่วอยู่ข้างนอก ครู่หนึ่งประตูห้องพยาบาลก็เปิดออก แต้มรักจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าใครเปิดประตูเข้ามา คนที่เพิ่งรู้สึกตัวตื่นเบิกตากว้าง หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง มองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ดีขึ้นหรือยังครับ”
“ดะ...ดีขึ้นแล้วค่ะ แต้มจะกลับขึ้นไปทำงาน” แต้มรักบอกแล้วรีบลุกจากเตียง หญิงสาวเดินเลี่ยงเขาตรงไปที่ประตู
“ดีขึ้นจริง ๆ เหรอ” คนที่เพิ่งเข้ามาในห้องถามย้ำ พร้อมกับดึงรั้งต้นแขนแต้มรักไว้ ก่อนจะดึงตัวเธอเข้าไปกอดไว้แน่น
“คุณพุฒ !” แต้มรักใจหายวาบ เธอดิ้นด้วยอาการตื่นตกใจ กลัวว่าใครจะเข้ามาเห็น
“ผมล็อกประตูแล้ว ไม่มีใครเห็นว่าเราทำอะไรกันหรอก”
“แต้มจะกลับไปทำงาน”
“หายดีแล้วเหรอ”
“แต้มไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”
“ไหน...ผมเช็กอาการหน่อยซิ”
คนทำตัวเป็นหมอจับลูกน้องจูบในห้องพยาบาล ทั้งลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวสาว พอเธอไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เขาก็ดันเธอติดกับผนังห้อง ปลดกระดุมเสื้อตัวสวยออกสามเม็ด แหวกเต้าเสื้อชั้นในดึงลง เขาเช็กจังหวะการเต้นของหัวใจดวงน้อยด้วยวิธีของเขา
แต้มรักหลับตาแน่น สองมือจิกกำบ่ากว้างสุดแรง แข้งขาสั่นแทบทรงตัวไม่อยู่ ปากร้อนผะผ่าวและลิ้นที่กำลังจัดการเต้าอวบทำให้เธอสั่นสะท้าน มันน่าอายที่เธอรู้สึกไปกับเขา ความอยากกระสันก่อตัวขึ้นแล้วแล่นปราดไปกระจุกตัวกลางซอกขา ตื่นเต้นเร้าใจและหวาดหวั่นกลัวจะมีคนรู้เห็นว่า เธอกับบอสกำลังทำเรื่องน่าอายในห้องพยาบาล
“คืนนี้ไปนอนคอนโดผมนะครับ” พุฒตัดใจจากเต้าอวบ เพื่อจะเงยหน้าขึ้นมากระซิบบอกหญิงสาว
“มะ...ไม่” แต้มรักปฏิเสธเสียงสั่นเบาหวิว
คนถูกสาวปฏิเสธยิ้มร้าย เขามองสบตาเธอ
“อีกห้านาที ธนาคงประชุมเสร็จ มันน่าจะลงมาหาคุณที่นี่ อยากให้ผมอยู่ในห้องนี้กับคุณจนแฟนคุณเข้ามาเจอ หรืออยากให้ผมออกไปก่อนดี หืม...แต้มรัก”
“อ๊ะ ! คุณชิณณ์...พรีมอยากดูบ้านก่อนค่ะ” พรีมจับมือที่ยุ่มย่ามกับเสื้อผ้าของเธอไว้ แต่ก็ไม่อาจทัดทานห้ามปรามเขาได้ สามีของเธอมุ่งมั่นกับการถอดจนเธอไม่อาจหยุดยั้งเขาได้“เมื่อกี้พาเดินดูแล้ว”“แต่พรีมยังไม่เห็นอะไรเลยนี่คะ”“ดูผัวก่อน แล้วค่อยไปดูบ้านก็ได้ มันไม่มีขาหนีไปไหนหรอกน่า”คนเอาแต่ใจ ! คนหื่น ! พอคึกขึ้นมาอะไรก็ฉุดรั้งไว้ไม่อยู่ แล้วดูสิ แป๊บเดียวเธอก็เปลือยล่อนจ้อนไม่ต่างจากเขาแล้ว“อื๊อ !” พรีมตั้งรับจูบดุดันแทบไม่ทัน เมื่อปากอุ่นแนบสนิท เธอทอดถอนใจแล้วเผยอปากรับจูบจากเขา สองแขนเรียวคล้องลำคอแกร่งไว้ สองขาแยกแย้มแล้วตวัดรัดเอวสอบ เธอกระดกบั้นท้ายแอ่นอ้านวลเนื้อ เพื่อให้เขานาบตัวตนแข็งกร้าวกลางกลีบชุ่มชื้นอย่างรู้ใจ“พรีมจ๋า…” ชิณณ์ถอนจูบ เขาลากปลายจมูกลงมาตามลำคอระหง พร้อมกับจับสองขาเรียวออกจากเอว แล้วดันต้นขาสองข้างให้แยกกว้าง ร่างสูงเลื่อนตัวลงต่ำเรื่อย ๆ เขาแวะดื่มด่ำกับเต้านมอวบใหญ่อยู่ครู่เดียว ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงสู่นวลเนื้อหวานฉ่ำ“อื๊อ !” พรีมขยุ้มเส้นผมสามีไว้เต็มสองมือ เธอกระดกบั้นท้ายลอยเหนือที่นอนทันทีที่ปากของเ
ตอนที่ชิณณ์ลงมาจากห้อง ทุกคนในบ้านเตรียมตัวพร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว พอเห็นปะป๊าเดินมาใกล้ เจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักคุณปู่ก็ยื่นสองมือออกไปหาปะป๊าทันที แถมยังส่งเสียงเรียกน่าเอ็นดู“ปะปะ ปะปะ”“ห่างนิดห่างหน่อยไม่ได้ เจ้าตัวขี้อ้อน !” คุณย่าพุดซ้อนว่าพลางยิ้มเอ็นดูหลานสาว“ไป ๆ ไปหาปะป๊านะลูก”คุณปู่โชครีบส่งเจ้าตัวน้อยให้ปะป๊ารับไปโอบอุ้มเต็มอ้อมแขน พอได้อยู่กับอกปะป๊า เด็กหญิงตัวเล็กก็กอดคอปะป๊าไว้แน่น แล้วซบหน้าอิงแก้มยุ้ยกับบ่าอบอุ่นอย่างคุ้นเคย“ไปกันเถอะครับ” ชิณณ์เอ่ยปากชวนทุกคนพอคุณพ่อโชคประคองคุณแม่พุดซ้อนเดินออกไปก่อน เขาก็อุ้มลูกสาวไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง แล้วยื่นมืออีกข้างไปตรงหน้าภรรยาพรีมมองสบตาเขาแล้วยิ้มอ่อนหวาน เธอวางมือนุ่มลงบนฝ่ามือของเขา ชิณณ์กระชับมือเธอไว้ในมืออบอุ่น ก่อนจะพาเดินตามคุณพ่อคุณแม่ไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่หน้าบ้านตลอดการเดินทาง ชีต้าเกาะติดปะป๊าตลอด กระทั่งผล็อยหลับไปสองแขนก็ยังโอบกอดลำคอปะป๊าเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ชิณณ์โอบกอดลูกสาวไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่งอย่างมั่นคง
มือป้อม ๆ ที่ตีแปะ ๆ อยู่บนใบหน้าทำให้คนที่กำลังหลับอยู่บนเตียงงัวเงียลืมตาตื่น พอเห็นว่าเป็นใคร ริมฝีปากหยักก็คลี่ยิ้มกว้าง ร่างสูงพลิกตัวกดเจ้าตัวจ้ำม่ำนอนหงาย แล้วก้มฟัดพุงอวบ ๆ อย่างมันเขี้ยวเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก และอาการตีแขนขาอย่างพออกพอใจของลูกสาววัยเก้าเดือน ทำให้คุณแม่ที่ยืนมองอยู่ข้างเตียงอมยิ้ม เธอเป็นคนปล่อยคุณลูกขึ้นไปปลุกปะป๊าเอง“ลุกไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ” เสียงดุ ๆ ของคุณภรรยาทำให้ชิณณ์หันไปยิ้มให้เธอ ก่อนจะหันกลับมาจูบและหอมลูกสาวสุดรักสุดดวงใจไปทั้งตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งฝ่าเท้าน้อย ๆ สองข้าง“ปะป๊ากำลังจะทำให้เราสองคนผิดนัดกับคุณปู่คุณย่านะคะ” พรีมกอดอกจิกตามองคนที่มัวโอ้เอ้เล่นกับลูกโดยไม่สนใจที่เธอบอกชิณณ์ปรายตามองภรรยา ขณะที่ปากของเขาประทับอยู่บนฝ่าเท้าของลูก เขาพูดอู้อี้กับฝ่าเท้าป้อม ๆ นุ่ม ๆ ว่า“ดุยังกับแม่เสือ”“คุณชิณณ์” พรีมใช้โทรเสียงราบเรียบเพราะเธอกลัวลูกสาวตกใจ ทว่าสายที่มองสามีนั้นดุยังกับแม่เสืออย่างที่เขาว่า“เฮ้อ ! ชีต้าครับ ปะป๊าขอเวลานอกไปอาบน้ำก่อนนะครับ มีคนดุ ปะป๊ากลัวโดนดูดหัว เอ
ความหวามหวานแสนเสียวที่เขาปรนเปรอให้จนสุดปลายทางเมื่อครู่ทำให้พรีมอ่อนเปลี้ย แต่พอเขาลุกขึ้นยืนแล้วอุ้มเธอขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ พรีมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หญิงสาวรอคอยในขณะที่เขาดึงกางเกงนอนลงไปกองที่เท้าแล้วสะบัดออก ลำกายอวบยาวเด้งออกมาโชว์ต่อหน้าต่อตาทำให้เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พอเขาขยับเข้ามาใกล้ พรีมก็ใช้สองขารัดเอวสอบ และโอบกอดลำคอแกร่งไว้“พรีม...มันคิดถึงคุณมากแค่ไหน คุณเห็นหรือเปล่า” ชิณณ์กระซิบเสียงสั่นพร่า เขาสบตาเธออย่างเชิญชวน พอเขาหลุบตามองตรงกลางระหว่างเขากับเธอ พรีมก็ก้มมองตามชิณณ์จับส่วนหัวมนทู่ลากไล้ขึ้นลงช้า ๆ เสียงเนื้อน้ำเสียดสีกันดังหยาบโลน มันกระตุ้นอารมณ์ร้อนรักของหนุ่มสาวให้พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งได้เห็นด้วยตา ได้ยินเสียง และสัมผัสมันด้วยสัดส่วนที่ไวต่อความรู้สึก หัวอกหัวใจก็หวามไหว กระสันอยากอย่างแรงกล้าพรีมเฝ้ามองสิ่งที่เขากระทำต่อเธอด้วยใจเต้นระรัวแรง พอเขาจับส่วนหัวกดเข้าสู่ร่องรักชุ่มฉ่ำ พรีมก็กรีดเล็บลงบนลำคอแกร่งเพื่อระบายความเสียวซ่าน เธอแอ่นเนินเนื้อรองรับเขาด้วยความเต็มใจเมื่อส่งส่วนหัวเข้าสู่ปากทางร่องรักแล้ว ชิณณ์
พรีมปิดก๊อกน้ำ และเช็ดมือกับผ้าที่แขวนที่อยู่ใกล้ ๆ เธอแตะมือลงบนลำแขนที่รัดเอวเธออยู่“หิวหรือยังคะ พรีมทำกับข้าวมาให้ตั้งหลายอย่าง ของโปรดคุณทั้งนั้นเลย”ชิณณ์ถอนหายใจแรงแนบเนื้อนุ่มตรงซอกคอสาว เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วจับเธอหมุนมาหา ตาคมจ้องมองดวงหน้านวลเป็นประกาย“หิวแล้ว” ชิณณ์ตอบยิ้ม ๆ และรอยยิ้มของเขาไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย“กินข้าวก่อนนะคะ”พรีมรู้ว่าเขาหมายถึงหิวอะไร แต่เธอก็หาทางหลบเลี่ยงชิณณ์หัวเราะในลำคอ เขาถอนหายใจแรง ก่อนจะก้มหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่“คิดถึง”ชิณณ์แตะมือบนแก้มสาว เขาใช้นิ้วโป้งไล้แก้มเธอเบา ๆ ตาคมหลุบมองปากอิ่มที่เขารู้ว่าหวานเย้ายวนขนาดไหน พรีมมองตามสายตาเขา เธอเม้มปากแล้วแลบลิ้นเลียปากโดยไม่รู้ตัว คนที่มองอยู่จึงไม่อาจหักห้ามใจได้ ชิณณ์กอดรัดเธอมาแนบชิดด้วยวงแขนข้างหนึ่ง เขาประคองท้ายทอยเธอไว้ในฝ่ามืออีกข้าง แล้วแนบปากลงบดจูบด้วยความโหยหาพรีมทอดถอนใจบางเบา เธอยกแขนขึ้นโอบลำคอแกร่ง เผยอปากรับจูบจากเขาด้วยความเต็มใจ ปากอิ่มถูกจูบเรียกร้อง ลิ้นเล็กถูกดูดดึงหยอกล้อ เขาจ้วงลิ้นควานทั่วโพรงปากนุ่มอุ่น ปรน
พอไม่ได้เห็นหน้าคนที่เธอเคยเห็นทุกวันก่อนหน้านี้ พรีมก็เป็นฝ่ายกระวนกระวายใจเสียเอง เขาไปนอนที่คอนโด หรือนอนที่ผับ แล้วถ้านอนที่ผับ เขานอนกับใคร จะนอนคนเดียวอย่างที่แม่พุดซ้อนบอกเธอหรือเปล่า คนหื่นอย่างเขา จะอดเรื่องแบบนั้นได้เหรอ“หนูพรีม เป็นอะไรลูก นั่งเหม่อเชียว” แม่พุดซ้อนทักเมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่นั่งเหม่อ ใบตองในมือนั้นก็ถือค้างนานแล้ว แต่เธอไม่ยอมหยิบก้อนแป้งขนมเทียนไปใส่สักที“เอ่อ...เปล่าค่ะคุณแม่”พรีมยิ้มเจื่อน หญิงสาวหยิบแป้งก้อนกลมมีไส้ข้างในมาใส่ในใบตองแล้วห่ออย่างรวดเร็วแม่พุดซ้อนมองอาการว่าที่ลูกสะใภ้แล้วยิ้มเอ็นดู ที่ยังเรียกว่าว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะลูกชายของท่านยังไม่ปัญญาจีบเมียตัวเองติด ทั้งสองยังคงนอนคนละที่ ยังไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันด้วยซ้ำหลังจากห่อขนมเทียนเสร็จ แม่พุดซ้อนจึงสั่งให้เด็กรับใช้มาเอาไปนึ่ง แล้วหันไปชวนพรีมไปคุยกันในห้องนั่งเล่น สองสัปดาห์ยังไม่นานเท่าไรก็จริง แต่ดูท่าทางแล้ว หากไม่มีใครเชื่อมช่องว่างระหว่างสองคนนี้ เห็นทีลูกชายของท่านอาจจะต้องรอนานจนใจขาดเลยก็ได้“มานั่งตรงนี้จ้ะ” แม่พุดซ้อนนั่งลงที่โซฟาต