ยิ่งทอดเวลาพูดคุยกับธนานานเท่าไร แต้มรักก็ยิ่งแย่ เพราะคนเอาแต่ใจจ้วงลิ้นสอดแทงร่องเนื้อของเธอถี่ยิบ สลับกับดูดดึงเสียงดังหยาบโลน ความเสียดเสียวพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต้มรักสูดลมหายใจลึก รีบบอกปลายสายด้วยน้ำเสียงสั่นและแหบพร่า
“แต้มไม่เป็นอะไรค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะพี่ธนา แต้มจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะคะ”
แต้มรักก็รีบตัดสาย หญิงสาวเอนตัวแนบหลังพิงบานประตู แหงนเงยหน้า หลับตาแน่น เธอจิกกำเส้นผมของคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเต็มมือ พอเขาสะบัดลิ้นรัวบนติ่งเนื้อนุ่มถี่ยิบ เธอก็สะท้านเฮือก ปากอิ่มเผยอหวีดร้อง พร้อมกับน้ำหวานแตกซ่าน เธอถูกส่งไปยังปลายทางสุขสมด้วยปากและลิ้นของชู้รัก
เมื่อดูดกลืนน้ำหวานจากซอกสาวจนแห้งเหือดหมดจด พุฒก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาบีบแก้มนวลด้วยมือข้างเดียว บังคับให้เธอเงยหน้ามองสบตา
“ห้ามไปกับมันเด็ดขาด” เขาสั่งแล้วบดปากจูบปากนุ่มอย่างดุดัน ขณะเดียวกันก็โอบอุ้มเธอขึ้นมากระเตงไว้ข้างหน้า นาบเรือนกายแกร่งทับหญิงสาวไว้กับบานประตู เขาสะบัดผ้าขนหนูออกจากเอวสอบอย่างไม่ไยดี
แต้มรักโอบสองแขนคล้องลำคอแกร่ง สองขาแยกกว้างเกี่ยวเอวสอบไว้ เธอรองรับจ
แต้มรักรู้สึกเหมือนร่างกายไร้กระดูก เธออ่อนเปลี้ยไปหมด พอเขาอุ้มเธอเข้ามาในห้องนอน แล้ววางลงบนเตียง เธออยากหลับ อยากหมดสติไปเลย ไม่อยากรับรู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองทำตัวร่านแค่ไหน เธอร่านกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอยังมีสติครบถ้วน ยังเห็นสายตาล้อเลียนของชู้ที่เธอขย่มเขาที่หน้าประตูไปเมื่อครู่“เราเข้ากันได้ดี คุณว่าไหม” นอกจากสายตาล้อเลียนแล้ว คำพูดของเขาก็ทำให้แต้มรักโกรธตัวเองด้วย แต้มรักเม้มปากแน่น เธอไม่ยอมพูดกับเขา หญิงสาวพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขา“เมื่อกี้คุณเซ็กซี่มาก ร่านถูกใจผมจริง ๆ” คนกวนประสาทตามไปกระซิบถ้อยคำบาดหู เขาหอมแก้มสาวเบา ๆ แล้วเลื่อนใบหน้ามาจูบหัวไหล่นวลเนียน ก่อนจะขยับตัวเข้าไปนอนซ้อนหลังแนบชิด ดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบอก“แต้มจะบอกเลิกกับพี่ธนา ถ้าแต้มเลิกกับพี่ธนาแล้ว คุณพุฒไม่มีสิทธิ์บังคับแต้มมาทำเรื่องผิดบาปแบบนี้อีก” เพราะเธอยังอยู่ในสถานะแฟนของธนา เขาจึงหยิบยกเรื่องที่เธอมีชู้มาขู่ได้ ถ้าเธอเลิกกับแฟน เขาก็จะไม่มีข้ออ้างบังคับให้เธอมาทำเรื่องแบบนี้ได้อีก“จะเลิกกับธนาก็เลิกไป แต่ถ้าเลิกเป็นชู้กับผมเมื่อไร
พุฒดูดปากอิ่มจนเกิดเสียงดัง ก่อนจะถอนจูบออกมา เขาผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าสาวแดงก่ำอย่างพอใจ“บอกรักผม แค่คุณบอกรัก ผมจะจัดให้อย่างถึงใจ”แต้มรักมองเขาด้วยสายตาวาววับ เธอกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น เธอไม่มีวันเอ่ยคำรักกับชู้ เขาไม่มีสิทธิ์ได้ยินคำบอกรักจากปากเธอ“บอกรักผัวหน่อยทูนหัว…” พุฒยิ้มร้ายกาจ ตาคมจับจ้องดวงหน้าชื้นเหงื่ออย่างพอใจ แต่เมื่อเธอยังคงปากแข็ง เขาจึงก้มดูดเต้านมอวบอิ่ม ดูดดุนเม็ดทับทิมบนยอดทรวง สะบัดลิ้นพลิกพลิ้วอย่างช่ำชอง ขณะเดียวกันเขาก็ขยับบั้นเอวถอดถอนแก่นกายออกเกือบสุด แล้วสอดใส่เข้าไปใหม่ช้า ๆ เขาทำซ้ำ ๆ และคงจังหวะเชื่องช้าไว้ ความแข็งกร้าวร้อนผะผ่าวเสียดสีผนังเนื้ออ่อนนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเข้าสุดออกสุดในจังหวะเนิบนาบ บางคราเขาก็กดตัวตนแช่ลึกแล้วส่ายวนบดขยี้จนแต้มรักหลุดเสียงครางออกมาจนได้พุฒยิ้มแนบทรวงอกสาว เขาจัดการเธออย่างใจเย็น แก่นกายยังขยับเข้าออกแอ่งอุ่นในจังหวะเนิบนาบ แต้มรักแทบคลั่งกับบทรักที่เขาจงใจกลั่นแกล้ง เธออยากกระสันอย่างแรงกล้า โหยหาการเติมเต็ม อยากตะกายไปถึงจุดปลดปล่อย อยากหลุดพ้นจากความทรมานแสนเสียว“บอกรักผมสิ
พุฒมองตามหญิงสาว กระทั่งเธอเข้าไปในลิฟต์ แล้วจึงลงจากรถ เขาเดินไปยืนรอลิฟต์เพื่อตามเธอขึ้นไปทำงานชั้นเดียวกัน“ฮันเตอร์”เจ้าของชื่อหันไปมองตามเสียงเรียก เขาจึงเห็นว่าธนากำลังเดินเข้ามาใกล้ พุฒมองสบตาเพื่อนแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมามองประตูลิฟต์ตามเดิมธนาก้าวมายืนรอลิฟต์ข้างพุฒ เขามองไปที่ประตูลิฟต์เบื้องหน้าเช่นเดียวกันกับคนที่ยืนอยู่ก่อน ชายหนุ่มเอ่ยปากพูดโดยไม่หันไปมองเพื่อน“มึงยังไม่โอนเงินก้อนสุดท้ายให้กู ได้ของไปแล้วก็ช่วยจ่ายเงินด้วย”พุฒยังคงยืนอยู่ท่าเดิม และเขาพูดโดยไม่หันไปมองหน้าธนาเช่นกัน“มึงทำผิดข้อตกลง”“กูยังไม่ได้ทำอะไรที่ผิดข้อตกลง”“แค่มึงคิด ถึงยังไม่ได้ลงมือทำ มึงก็ผิดแล้ว”ธนาถอนหายใจแรงอย่างหงุดหงิด เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อน พุฒยังคงมองตรงไปข้างหน้า ไม่ใส่ใจกับความร้อนรนของเขา“กูจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว มึงโอนส่วนที่เหลือให้กูก่อนเที่ยงด้วย”“อืม…” พุฒครางรับในลำคอ พอสัญญาณลิฟต์ดัง และประตูลิฟต์เปิดออก สองหนุ่มก็เดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมกัน ในลิฟต์มีผู้โดยสารอยู่ก่อนแล้วสามคน ทั้ง
แต้มรักเดินหน้าบึ้งกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง หญิงสาววางถุงกระดาษไว้บนโต๊ะ เธอเปิดปากถุงกระดาษออกดู และจ้องมันราวกับจะพ่นไฟใส่“แต้ม...เป็นไร โดนบอสดุเหรอ” พรีมยืนเกาะฉากกั้นมองเพื่อนสาวที่เพิ่งออกมาจากห้องบอสด้วยความเป็นห่วงแต้มรักถอนหายใจแรงเพื่อปรับอารมณ์ “อือ...ดุนิดหน่อย” เขาดุ เขาชอบเอาแต่ใจกับเธอ แล้วก็ชอบขู่เหมือนบ้าหมาด้วย“แกทำงานเมื่อวานไม่เสร็จเหรอ แล้วตอนนี้เสร็จหรือยัง มีอะไรให้ฉันช่วยไหม” พรีมถามด้วยความเป็นห่วง เธอเป็นห่วงถึงขนาดเดินอ้อมฉากกั้นมาหาเพื่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่า เธอพร้อมช่วยจริง ๆ“ทำงานเสร็จแล้วแก แต่คงไม่ถูกใจบอสสักเท่าไร”“เออ ๆ เสร็จแล้วก็ดี แต่ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ แกบอกนะ”“อือ...ขอบใจมากพรีม” แต้มรักเงยหน้ายิ้มให้เพื่อนสาว“แต้ม...แกซื้อโทรศัพท์ใหม่เหรอ” พรีมยืนค้ำโต๊ะของแต้มรักอยู่ สายตาของเธอจึงอยู่ในมุมที่มองเห็นของที่อยู่ในถุงพอดี“อือ...โทรศัพท์เครื่องเดิมหล่นแตกน่ะ”“ว้าว ! นี่แกซื้อรุ่นลิมิเต็ดเลยเหรอ รุ่นนี้ซื้อของฉันได้สามเครื่องเลยนะ”พอพรีมทัก แต้มรักก็รีบคว
ตอนนี้บ่ายโมงแล้ว เธอยังไม่กล้าบอกเขาเลยว่าเธอจะกลับบ้าน เธอกลัวว่าเขาจะโวยวาย กลัวว่าเขาจะแสดงออกให้คนสงสัยและจับผิด ขนาดธนาคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนตัวจริงของเธอ แต้มรักยังไม่กลัวขนาดนี้พอนึกถึงแฟน แต้มรักก็ถอนหายใจ หลังจากคืนนั้นที่เขาโทรชวนเธอไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เขาก็โทรมาหาเธออีกไม่กี่ครั้ง เขาเพียงแค่ส่งข้อความมาบอกคิดถึง บอกรัก เขาบอกว่าตอนนี้งานยุ่งมาก เขาอาจจะไม่ค่อยได้พาเธอไปไหนมาไหน ไม่ได้มากินข้าวกลางวันด้วย และไม่ได้พาเธอไปกินข้าวมื้อค่ำเหมือนเดิม ซึ่งแต้มรักไม่ว่าอะไร เธอออกจะโล่งใจด้วยซ้ำที่ไม่ได้เจอหน้าเขา เพราะเธอจะได้ไม่เผลอทำพิรุธให้เขาจับได้ก่อนที่เธอจะบอกเลิกความสัมพันธ์กับเขาเมื่อคิดว่าต้องบอกเลิกคนดีที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต้มรักก็ถึงกับถอนหายใจแรง เธอไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรเลย เธอถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องเลือก เลือกที่จะยอมให้ชู้รักข่มขู่ เลือกที่จะยอมถอยห่างออกมาจากแฟนผมจะไปส่งคุณที่บ้านเอง เจอกันที่เดิม ข้อความจากชายชู้ที่ทำตัวเหมือนเจ้าชีวิตไปทุกทีทำให้แต้มรักเบิกตากว้าง เขารู้ได้ยังไงว่า วันนี้เธอจะกลับบ้าน แต้มรักรีบหยิบโทรศัพท
“เอ่อ...ไม่ดีมั้งคะ”“นี่ลุงถามจริง ๆ เถอะ” ลุงคนขับหันมาถามผู้โดยสารด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง “นั่นผัวหนูใช่ไหม”“ไม่ใช่นะคะ” แต้มรักรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ“งั้นลุงจะขับชนมันเลยดีไหม” ท่าทางขึงขังเอาจริงของคนขับแท็กซี่ทำให้แต้มรักรีบร้องห้าม“อย่านะคะ !” แม้เธอจะเกลียดเขา แต่ก็ไม่ถึงขั้นอยากให้เขาตาย เพราะหากเขาตาย เธออาจจะได้ความสะใจ แต่ครอบครัวของเขาคงเสียใจ“ตกลงนั่นผัวหนูใช่ไหม”“เอ่อ...นี่ค่ะ ค่าแท็กซี่ คุณลุงไม่ต้องทอนนะคะ เดี๋ยวหนูไปจัดการเขาให้เอง คุณลุงอย่าเพิ่งขับรถชนเขานะคะ” แต้มรักควักแบงก์ร้อยให้ลุงคนขับแท็กซี่ที่เธอเพิ่งนั่งมาได้ครู่เดียว หญิงสาวรีบเปิดประตูลงไปลากคนที่ยืนอยู่หน้ารถแท็กซี่ให้กลับมาที่รถเก๋งคันหรูของเขา เธอลงทุนเปิดประตูรถฝั่งคนขับให้เขา รุนหลังเขาให้นั่งลงในรถ แล้วปิดประตูให้ด้วย ก่อนจะวิ่งอ้อมหน้ารถมาขึ้นนั่งที่ประจำของตัวเองด้วยความโมโห“บอสออกรถเร็ว ๆ สิคะ” เมื่อขึ้นมานั่งบนรถ แต้มรักก็ดึงเบลล์มาคาด เธอหันไปเร่งคนขับด้วยความโมโหสุด ๆ แถวนี้อยู่ไม่ไกลจากตึกที่ทำงาน และ
“แต่พ่อจำได้ว่า แต้มเรียกเจ้านายว่า บอสพุฒ”บอสพุฒถึงกับอมยิ้ม เมื่อใครบางคนสับสนกับการเรียกชื่อของเขา“เอ่อ...บอสพุฒเขาชื่อเล่นว่า ฮันเตอร์ค่ะ” แต้มรักอ้อมแอ้มบอก เธอเหลือบตามองเจ้าของชื่อ ก็เห็นว่าเขาทำหน้านิ่งไร้พิรุธ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เป็นประกายระยิบระยับน่าเอานิ้วทิ่ม“อ้อ...อย่างนั้นหรอกเหรอ ฝากลูกสาวผมด้วยนะครับคุณฮันเตอร์ มีอะไรก็จัดการได้ตามแต่เห็นสมควรเลยนะครับ”“คุณพ่อ !” แต้มรักกระเง้ากระงอดคุณพ่อ เรื่องอะไรมาบอกให้เขาจัดการเธอ เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ แล้วคนที่คุณพ่อบอกน่ะ แทนที่จะยิ้มเฉย ๆ พอเป็นมารยาทก็พอแล้ว แต่เขากลับยิ้มกว้างแถมยังรับลูกต่อจากคุณพ่ออีกด้วย“ครับ...ผมจะจัดการตามที่เห็นสมควรครับ”“บอส !” แต้มรักถอนหายใจแรง ขึงตามองเขาด้วยความโมโห เธออุตส่าห์ยอมให้มาส่ง และยอมให้เข้ามาถึงในบ้านแล้ว เขาควรสงบปากสงบคำสักหน่อย นี่ถ้าไม่เห็นแก่ข้อตกลงที่เขาบอกว่า จะไม่บังคับเธอไปนอนที่คอนโดของเขาหนึ่งสัปดาห์นะ เธอไม่มีวันยอมให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านแน่นอน“ธนามาส่งเหรอลูก อ้าว...แม่เห็นรถจอดอยู่หน้าบ้าน ก็นึกว่าธนามาส่ง” แม่โอ
แต้มรักควานมือหาโทรศัพท์ที่เธอโยนไว้บนเตียง เธอหยิบมันมาสไลด์นิ้วรับสาย โดยไม่ได้ดูว่าใครโทรมา“ฮัลโหล…”เสียงงัวเงียของคนรับสายทำให้คนโทรมายิ้มบาง“โบกมือลาชู้หน่อยสิครับทูนหัว”เสียงทุ้มคุ้นเคยของเขาทำให้แต้มรักเด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง หญิงสาวถือโทรศัพท์แนบหู กวาดตามองไปรอบห้องอย่างระแวง เธอนึกว่าเขาจะหน้ามึนแอบขึ้นมาหาเธอถึงห้องนอน“แต้มง่วง แต้มจะนอนแล้ว แค่นี้นะคะ”“แค่เดินออกมาตรงระเบียงห้อง แล้วส่งจูบให้ชู้พร้อมกับบอกฝันดี แค่นี้คงไม่เสียเวลานอนเท่าไรมั้งครับ”“ไม่เสียเวลา แต่แต้มไม่ทำค่ะ”“หนึ่ง...ออกมาโบกมือและส่งจูบให้ชู้ สอง...ผมลงจากรถและเข้าไปบอกพ่อกับแม่ของคุณว่า เราเป็นมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง”แต้มรักถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาเป็นบ้าอะไรถึงชอบขู่นักหนา แล้วเรื่องที่เขาเอามาขู่ เธอก็ต้องยอมจำนนตลอดคนถูกขู่ลงจากเตียง เดินออกไปนอกระเบียง ขณะที่ไฟในห้องสว่างโร่ เพราะเธอเผลอหลับไปโดยที่ไม่ได้ปิดไฟ แต้มเปิดผ้าม่านออกจนสุดด้วยความโมโห แล้วเดินไปเกาะราวระเบียงเพื่อโบกมือให้คนที่จอดรถอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านของเธ
“ไปรอผมในห้อง” ชิณณ์บอกคนที่เกาะแขนเขาไม่ห่าง“พรีมไปกับคุณไม่ได้หรือคะ” พรีมเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างลืมตัว ก็อยู่ใกล้เขาเธออุ่นใจที่สุด เธอจึงไม่อยากไปรอในห้องคนเดียว“ผมจะไปคุยกับแขกวีไอพี”“พรีมจะนั่งรอเงียบ ๆ จะไม่รบกวนคุณ คุณจะคุยก็คุยไป” พรีมดื้อดึง และไม่ยอมปล่อยแขนแกร่ง“แน่ใจนะ” ชิณณ์หลุบตามองสบตาเธอพรีมรีบพยักหน้าเร็ว ๆ พอเขาไม่ว่าอะไรและเริ่มออกเดินอีกครั้ง เธอก็รีบก้าวเดินตาม กระทั่งเขาพาเธอเดินมาใกล้ถึงห้องวีไอพี ก็มีผู้หญิงในชุดสุดแสนเย้ายวนสองคนเดินเข้ามาหา“คุณชิณณ์ขา คืนนี้ให้พวกเราไปรอที่ห้องไหนดีคะ” สาวนางหนึ่งถามพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เขาพรีมขมวดคิ้วมองดูสองสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนข้างเธอ เขามองสองสาวด้วยสายตาเรียบเฉย และไม่ได้พูดอะไรออกมา ครู่เดียวลูกน้องของเขาก็รีบมากันสองสาวนั้นออกไป แม้ว่าพวกเธอจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะถอยออกไปเท่าไร แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน“พรีมไปรอที่ห้องก็ได้ค่ะ” พรีมปล่อยมือจากต้นแขนแกร่ง เธอขยับออกห่างเขาเล็กน้อยชิณณ์เลิกคิวเข้มมองคนที่ถอยห่างเขาไปด้วย
พรีมปิดกั้นการติดต่อกับคุณลุงคุณป้า ไม่รับสาย ไม่โทรหา และไม่สนใจว่าคนพวกนั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร บุญคุณที่เลี้ยงเธอมา เธอถือว่าเธอชดเชยให้ด้วยเงินที่ส่งให้ทุกเดือนก่อนหน้านี้ และอิสรภาพของเธออีกหนึ่งปีนับจากนี้ที่เธอใช้มันแลกกับหนี้ก้อนโตที่พวกเขาสร้างไว้ เธออยู่ภายใต้คำว่าบุญคุณมานานแล้ว หลังจากหมดพันธสัญญาการเป็นผู้หญิงของชิณณ์ เธอจะตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพื่อสร้างบ้านบนที่ดินผืนนั้น เธอจะกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายที่นั่น “มีอะไรกันหรือคะ” พรีมถามแล้วขมวดคิ้วเรียวด้วยความสงสัย ก็พอเธอเดินออกจากลิฟต์มา คนของชิณณ์ที่ปกติจะเฝ้าอยู่หน้าห้องแค่สองคน แต่วันนี้กลับมีถึงสี่คน แล้วแถมทั้งสี่คนก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดอีกด้วยทั้งหมดหันมามองเธอพร้อมกัน พอเห็นหน้าเธอ สีหน้าของพวกเขาก็ดีขึ้นทันใด พวกเขาโค้งคำนับให้เธอเล็กน้อย ก่อนที่คนหนึ่งจะบอกเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีสีหน้ากังวลใจ...พรีมยืนฟังคนของชิณณ์เล่าสถานการณ์ในห้องอยู่ครู่หนึ่ง พอรู้และรับทราบถึงอารมณ์คนในห้องตอนนี้ หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่“พี่สองคนลงไปรอ
“พรีม !” เสียงเรียกของคนที่ชะโงกหน้าข้ามฉากกั้นมาจากโต๊ะตรงหน้าทำให้พรีมสะดุ้ง หญิงสาวรีบปิดกระเป๋าถือแล้ววางลงบนพื้นข้างโต๊ะ“พี่รัตนามีอะไรหรือคะ” พรีมถามด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก“พี่แค่อยากถามว่า กลับบ้านตั้งหลายวัน แอบไปแต่งงานหรือเปล่าคะ” ผู้ตั้งมั่นในการเป็นจิตอาสาสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านถามแล้วมองอย่างจับผิด“พรีมกลับไปเยี่ยมบ้านเฉย ๆ ค่ะ” พรีมตอบแล้วถอนหายใจแรง“ไม่ได้กลับไปแต่ง แต่กลับไปหมั้นใช่ไหมคะ” สายสมรที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปจากรัตนารีบลุกขึ้นมาถามต่อจากเพื่อนพรีมมองหน้าสองสาวใหญ่จอมสู่รู้แล้วถอนหายใจแรง“ไม่ได้แต่ง ไม่ได้หมั้นค่ะ พรีมยังไม่มีแฟน ไม่มีผัว พรีมยังโสดค่ะ”“โสดสนิทหรือเปล่าน้อ” รัตนายังมิวายพูดล้อเลียน“โสดสนิทค่ะ และทำให้คนพูดมากหุบปากสนิทได้ด้วย” พรีมว่าพลางชูกำปั้นขึ้นมาตรงหน้า กับบางคนพูดดี ๆ ด้วยแล้วลามปาม ถึงแม้จะอายุมากกว่า เธอก็ไม่คิดจะไว้หน้าหรือเกรงใจหรอกนะ สู่รู้เรื่องของคนอื่นดีนัก ก็ต้องโดนตอกกลับบ้างพอถูกขู่ สองสาวรุ่นใหญ่ยิ้มแหยแล้วรีบนั่งลงทำงานต่อ พรีมถอนหายใจแรงอีกครั้ง เธอหันไปม
“ขออีกครั้ง” เสียงของเขาสั่นพร่า และพอเขาพูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาก็ก้มลงซุกไซ้ซอกคอนุ่ม เรือนกายเปลือยเปล่าของสองหนุ่มสาวเสียดสีสัมผัสกันแนบชิด“อื๊อ ! ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพรีมไปทำงานสาย”“เดี๋ยวให้คนไปส่ง”“มะ...ไม่ค่ะ อ๊ะ ! คุณชิณณ์อย่า…” เสียงห้ามปรามของพรีมถูกดูดกลืนด้วยจูบเรียกร้องเอาแต่ใจ มือไม้ซุกซนของเขาลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวสาว ขณะที่หัวเข่าแกร่งกดลงกลางหว่างขาแยกแย้มเนื้อนวล เขานาบความเป็นชายร้อนผะผ่าวกลางกลีบสาว แล้วขยับสะโพกถูไถตัวตนของเขากับกลีบชุ่มชื้นของเธอ“คุณชิณณ์...ทำเร็ว ๆ นะคะ พรีมจะรีบไปทำงาน” เมื่อไม่อาจขัดขืนเขาได้ และร่างกายของเธอก็ตอบสนองการปลุกเร้าแล้ว พรีมจึงเร่งให้เขาทำเวลา“สั่งจริง อยากเร็วก็มาทำเอง” ชิณณ์ว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาพลิกตัวลงไปนอนหงาย แล้วดันหญิงสาวลุกขึ้นคร่อมหน้าท้องแกร่ง คนช่ำชองส่ายสะโพกขยับเล็กน้อย หัวมนทู่ก็สอดเข้าสู่ร่องรักอุ่นอ้าว เขาจับเอวคอดไว้แน่นด้วยสองมือ แล้วดึงให้เธอกระแทกลงมา ขณะที่เขากระเด้งสวนขึ้นไป เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง“คุณชิณณ์ !” พรีมหวีดร้องเรียกเขาเสียงหลง เธอเจ็บและจุกเต็ม
“ที่ดินผืนนั้นจะโอนเป็นของคุณทันที ถ้าคุณตกลงรับข้อเสนอของผม”คิ้วเรียวขมวดมุ่น พรีมมองหน้าคนพูดอย่างไม่เข้าใจ“มาเป็นผู้หญิงของผม แล้วคุณจะได้ที่ดินของคุณคืน”“นานแค่ไหนคะ” เธอไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยากนักหรอก เธอยอมรับว่าสนใจข้อเสนอของเขา ใครจะมองว่าเธอใช้ร่างกายเข้าแลกก็ช่าง ในเมื่อที่ดินผืนนั้นคือความสุขทางใจสิ่งเดียวของเธอ หากหนทางที่จะทำให้ได้มันมาไม่ได้ทำให้ใครเสียใจ ไม่ได้ลักลอบเป็นชู้กับคนที่มีครอบครัวแล้ว มันเป็นข้อเสนอที่ของคนไร้พันธะ และเธอก็ไม่มีใคร เธอจึงถือว่านี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ต่างฝ่ายต่างพึงพอใจ แต่สิ่งเดียวที่เธอต้องรู้ก่อนตัดสินใจรับข้อเสนอของเขาคือ เธอต้องเป็นผู้หญิงของเขานานแค่ไหน“หนึ่งปี...ภายในหนึ่งปีนี้ คุณต้องพร้อมเสมอ หากผมต้องการ”“พรีมต้องย้ายมาอยู่กับคุณไหมคะ”“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ”“พรีมไปทำงานได้ไหมคะ”“ได้สิ”พรีมสูดลมหายใจลึก หญิงสาวมองสบสายตาคมแน่วแน่“ค่ะ...พรีมตกลงรับข้อเสนอของคุณ พรุ่งนี้เราไปโอนที่กันเลยนะคะ” เธอไม่ได้เขี้ยว แต่เธอต้องการหลักประกันว่า อิสรภาพส่วนหนึ่ง
“พรีมไม่มีเงินจ่ายให้คุณหรอกค่ะ ลำพังหนี้สินเดิมก็ยังชดใช้ไม่หมด ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกค่ะ” พรีมเลิกผ้าห่มออกจากตัวแล้วขยับจะคลานลงจากเตียง แต่กลับถูกเขารวบกอดเอวคอดแล้วดึงเธอขึ้นไปนั่งบนตักอย่างง่ายดาย หญิงสาวหันไปขึงตาใส่เขา“อาบน้ำให้หน่อยสิ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”พรีมจ้องหน้าคนที่เรียกร้องค่าเปิดปากด้วยการอาบน้ำ“อาบเองไม่เป็นหรือไงคะ ทำไมถึงชอบเรียกร้องให้คนอื่นอาบน้ำให้”“อาบเองเป็น แต่ชอบให้คนอื่นอาบให้มากกว่า มันเสียวดี”พรีมถอนหายใจแรง เธอหงุดหงิดที่ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเขาตลอด กระนั้นหญิงสาวก็รู้ตัวดีว่า เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรกับเขามากนัก“ก็ได้ค่ะ คุณเล่ามาก่อน แล้วพรีมถึงจะอาบน้ำให้”“ไปเล่าในห้องน้ำเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา ผมเตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างไว้แล้ว” ชิณณ์ว่าพลางขยับตัวลงจากเตียง โดยอุ้มคนที่รับปากว่าจะอาบน้ำให้เขาขึ้นกระเตงไว้ด้านหน้าพรีมรีบกอดลำคอแกร่งไว้ทันทีที่เขาลุกขึ้นจากเตียง สองขาเรียวก็ตวัดรัดเอวสอบอัตโนมัติเพราะกลัวตก“คุณมันคนเจ้าเล่ห์”“ไม่อยากรู้เหรอ” ชิณณ์หยุดเดิน เขามองสบตาเธ
“ดึกแค่ไหนก็คุ้มนะ ถ้าเสี่ยจิ๋วเขายอมรับข้อเสนอของพรีม”“ค่ะ”พรีมพยักหน้าเห็นด้วยกับลุง หญิงสาวยกแก้วน้ำขึ้นจิบ เธอมองไปทางประตู แล้วหันมามองหน้าลุง ลุงมนตรียิ้มให้กำลังใจเธอ พรีมยิ้มตอบก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนเกือบหมดแก้ว…เสียงเปิดประตูทำให้มนตรีหันไปมอง พอเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือเสี่ยจิ๋ว ผู้สูงวัยก็รีบยกมือไหว้ เสี่ยจิ๋วพยักหน้าเล็กน้อยแทนการรับไหว้ ร่างท้วมเดินเข้าไปยืนข้างมนตรี และมองไปยังร่างหญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟาตัวยาวด้วยสายตาที่พึงพอใจ“เสี่ยคงอยากตกลงกับหลานสาวผมเป็นการส่วนตัว”“อืม…” เสี่ยจิ๋วครางรับในลำคอ เขากวาดสายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับแลบลิ้นเลียปากแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่“ตามที่ตกลงกันไว้นะครับเสี่ย ยกหนี้ให้ แล้วก็เอ่อ...ค่าสินสอดสองแสน”เสี่ยจิ๋วละสายตาจากเรือนร่างสาว เขาหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ใกล้ประตู“จัดการให้คุณมนตรีด้วย แล้วก็ไสหัวออกไปให้หมด คืนนี้กูจะเข้าหอกับหนูพรีมที่นี่...ทั้งคืน”“พวกมึงมัวทำเหี้ยอะไรอยู่ ปล่อยให้คลาดสายตาได
พอหลานไม่หือไม่อือ ป้าวัลภาก็รีบเสริมขึ้นว่า “เอ่อ...พรีมไม่ต้องกังวลนะ ลุงเขาจะขับรถไปส่ง แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนด้วย”พรีมถอนหายใจบางเบา เธอรู้ว่าการไปพบเสี่ยจิ๋วตอนกลางคืนไม่น่าไว้ใจเท่าไร แต่ลุงมนตรีไปกับเธอด้วย คงไม่มีอะไรน่ากังวล อีกอย่างไปคุยกันในร้านอาหารซึ่งมีคนอื่นอยู่ด้วย หากเกิดอะไรขึ้น เธอก็น่าจะมีทางหนีทีไล่อยู่“พรีมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวพรีมลงไปค่ะ”ป้าวัลภาฉีกยิ้มกว้าง “จ้ะ...รีบ ๆ ตามลงมานะ ลุงเขารออยู่”“มีนกับหมอกสบายดีใช่ไหมคะคุณลุง” พอลุงขับรถพาเธอออกมาจากบ้านครู่หนึ่ง พรีมก็หันไปถามหาลูก ๆ ของลุง เธอทราบข่าวว่ามีนแต่งงานแล้ว และย้ายไปอยู่กับสามีในตัวจังหวัด ส่วนหมอกยังอาศัยอยู่ที่บ้าน เขาทำงานราชการในอำเภอ แต่กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำ ไม่ใช่เพราะทำงานหนัก แต่เพราะมัวแต่เที่ยวเล่นสังสรรค์กับเพื่อน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เธอยังไม่เจอหน้าเขา“ก็สบายดี” ลุงมนตรีตอบแล้วยิ้มเจื่อน ไม่ใช่ไม่รู้ตัวว่า สาเหตุที่ที่ดินของหลานกำลังจะถูกยึดเป็นเพราะเขาตามใจลูกมากเกินไป ลูกสาวคนโตและลูกชายอยากได้รถใหม่ ลำพังเง
“เรื่องที่ดินน่ะเหรอ” ชิณณ์นั่งลงบนเตียง เขารวบเอาคนที่นั่งหน้าหงิกอยู่มานั่งบนตัก เนื้อตัวนุ่มเนียนกับกลิ่นกายสาวทำให้เขาคึกคัก ทั้งที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งคืน แต่พอได้อยู่ใกล้ชิดเธอ เขากลับตื่นตัว...อยากเก็บหนี้กับเธออีกแล้ว“ใช่ค่ะ คุณชิณณ์ให้พรีมกลับบ้านนะคะ พรีมไม่หนีคุณไปไหนแน่นอน”“ผมเชื่อใจคุณได้หรือพรีม”“แล้วพรีมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ”“ขอเก็บดอกเบี้ยได้ไหม ค่าปล่อยตัวชั่วคราว” ชิณณ์ลากปลายจมูกคลอเคลียแก้มนุ่ม เขาค่อย ๆ เลื่อนปากเข้าใกล้มุมปากอิ่ม ทว่าเจ้าของปากน่าจูบกลับเบี่ยงหน้าหนี ก่อนจะหันกลับมาใหม่ แล้วเอามือดันอกกว้างไว้“พรีมยังเจ็บอยู่ค่ะ” พรีมก้มหน้า เธอหลุบตาลงมองฝ่ามือตัวเองที่วางอยู่บนอกกว้าง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แต่แกะกระดุมออกถึงสามเม็ด แล้วมือเธอก็วางแหมะลงตรงที่สาบเสื้อแยกออกพอดี“ผมเตือนคุณแล้วว่าจะเจ็บ แต่คุณดื้อรั้น...ไม่ฟังคำเตือน” ชิณณ์ยิ้มบาง เขาเชยคางเรียวขึ้นมา มองสบตาเธอด้วยสายตาพราวระยับ“ให้พรีมกลับบ้านนะคะ” พรีมกลั้นใจขอร้องเขาอีกครั้ง เธอมองหน้าเขาอย่างรอคอย“อาบน้ำให้ผมหน่อย แล้วผมจะยอมป