เข้าสู่ระบบ
กลิ่นสนิมฉุนปนเปไปกับกลิ่นอับชื้นลอยคละคลุ้งอยู่ในห้องพักสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ท้ายอู่รถบรรทุก แสงไฟจากหลอดนีออนกลมที่กะพริบใกล้ดับเต็มทีสาดแสงสีขาวซีดลงบนร่างกำยำที่นั่งอยู่บนขอบเตียงเหล็กขาโยกเยก
สิงห์ นั่งอยู่ตรงนั้นในความเงียบ แผ่นหลังกว้างที่อาบไปด้วยเหงื่อเปลือยเปล่าเผยให้เห็นรอยสักยันต์เก้ายอดที่ซีดจางไปตามกาลเวลาตัดกับผิวสีทองแดงที่กร้านแดดจากการทำงานหนัก กล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างกายของเขาคือกล้ามเนื้อของกรรมกร ไม่ใช่กล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีจากโรงยิมหรู
ในมือหยาบกร้านที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและคราบน้ำมันเครื่องฝังลึกคือกระดาษสองสามแผ่นที่กำหนดชะตาชีวิตของใครบางคน
สัญญาเงินกู้...
โฉนดที่ดิน...
สิงห์จ้องมองลายเซ็นของเถ้าแก่เหลียงที่ตวัดอย่างสิ้นท่า และตัวเลขหนี้สินที่มากพอจะซื้อบ้านทั้งหลังที่เขาอาศัยอยู่ได้
“หึ...หึ...” เขาหัวเราะในลำคอ เสียงแหบห้าวที่ฟังดูเหมือนเสียงเสียดสีของเหล็ก
เขาไม่เคยสนใจเงินเหล่านั้น เงินซื้อได้แค่สิ่งของ แต่มันซื้อความสะใจไม่ได้
ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดอัดควันเข้าปอดลึกก่อนจะพ่นมันออกมาเป็นกลุ่มควันสีเทาที่ลอยวนไปผสมกับกลิ่นอับชื้นของห้อง สายตาคมกริบจ้องมองทะลุผนังปูนที่แตกร้าวย้อนกลับไปในความทรงจำ
หกเดือนก่อน...
วันที่เขาขับรถสิบล้อไปส่งปุ๋ยล็อตใหญ่ที่คฤหาสน์หลังนั้น มันเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าวจนแทบจะเผาผิวจนไหม้ เหงื่อของเขาท่วมตัว เสื้อยืดเก่า ๆ เปียกชุ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่นดินแดง เขายืนรอรับใบเซ็นของอยู่ที่ลานหน้าบ้านที่ปูด้วยหินอ่อนสะอาดจนเขาไม่กล้าเหยียบเต็มเท้า
และวินาทีนั้นประตูระเบียงกระจกบานใหญ่ก็เลื่อนเปิดออก
ขวัญข้าว คุณหนูของบ้านก้าวออกมา
ผิวของหล่อนนวลเนียนขาวจนแสบตาในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนที่ดูบอบบางสะอาดสะอ้าน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาปะทะกลิ่นเหงื่อและกลิ่นโคลนของเขา หล่อนเหมือนหลุดออกมาจากอีกโลกที่เขาไม่มีวันได้สัมผัส
หญิงสาวเดินผ่านหน้าเขาที่ยืนหัวเปียกโชก แล้วก็ชะงัก มือเล็ก ๆ ที่ขาวซีดเหมือนไม่เคยจับต้องงานหนักยกขึ้นปิดจมูก ดวงตาที่สวยหวานคู่นั้นหรี่ลงมองเขาไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่สิงห์ไม่มีวันลืม มันคือความรังเกียจเต็มสายตา
“เหม็นเหงื่อ”
เสียงกระซิบที่หล่อนหันไปพูดกับคนใช้มันเบาแต่มันดังพอที่สิงห์จะได้ยินชัดเจน
“พวกคนขับรถสิบล้อสกปรก”
หล่อนพูดแค่นั้นแล้วก็สะบัดหน้าเดินเชิดก้าวผ่านร่างของเขาที่ยืนเป็นอากาศธาตุขึ้นรถเก๋งคันหรูที่จอดเทียบรอขับผ่านหน้าเขาไป ทิ้งให้ไอ้คนเถื่อนจมอยู่กับความรู้สึกที่ถูกเหยียบย่ำ
หึ...หึ...หยิ่งผยองนักเหรอ คิดว่าตัวเองสูงส่งมากนักหรือไง คอยดูละกันนังคุณหนู สักวันจะโดนไอ้สิงห์คนนี้ปราบพยศให้หมอบแทบเท้า
สิงห์แสยะยิ้มกับความทรงจำในอดีต เขารอคอยและเฝ้ารอวันที่จะได้ขยี้ไอ้ความบริสุทธิ์สูงส่งนั่นทิ้งเต็มที
เขาอยากจะฉุดลากคุณหนูที่แสนบริสุทธิ์นั่นลงมาให้เปื้อนดินโคลนที่หล่อนเหยียดหยาม เขาอยากจะทำให้หล่อนจดจำว่าไอ้คนเถื่อนที่หล่อนรังเกียจมันมีปัญญาทำอะไรกับคุณหนูอย่างหล่อนได้บ้าง
และวันนี้ก็มาถึง เถ้าแก่เหลียงผิดนัดหนี้ท่วมโฉนด
ครืด...ครืด...
โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่วางบนโต๊ะเหล็กสั่นจนเกิดเสียงดัง
สิงห์ขยี้บุหรี่มวนที่สองลงบนพื้นปูน ใช้ปลายเท้าบดขยี้มันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เบอร์ของลูกน้องที่เขาสั่งให้ไปเฝ้าหน้าคฤหาสน์หลังนั้น
“ว่าไง” เขาเปล่งเสียงแหบห้าวถาม
“นายครับ เถ้าแก่เหลียงมันเครียดจัด แต่ที่หนักกว่านั้น...” เสียงของลูกน้องสั่นด้วยความกลัว
“อะไร” สิงห์ขมวดคิ้ว
“เอ่อ...คือ...คุณหนูครับ...”
มือที่ถือโทรศัพท์เกร็งแน่น รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“คุณหนูมันหนีออกจากบ้านไปแล้วครับ มะ...เมื่อชั่วโมงก่อนนี้เอง”
บรรยากาศรอบกายเงียบงันในทันที มีเพียงเสียงพัดลมที่ส่ายดังเอี๊ยดอ๊าด ในดวงตาที่เคยเรียบเฉย
บัดนี้มันลุกเป็นไฟก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงกลัว
“หึ...หึ...ช่างโง่จริง ๆ คิดหนีจากกรงทองมาเข้าปากเสือ”
วินาทีแห่งการล่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
สิงห์ตัดสาย ไม่รอฟังอะไรอีก เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กล้ามเนื้อทุกมัดเกร็งตึงราวกับสัตว์ป่าที่พร้อมจะกระโจนขย้ำเหยื่อ เขาคว้าเสื้อยืดสีดำตัวใหม่ที่พาดไว้บนพนักเก้าอี้และกุญแจรถที่แขวนอยู่ข้างประตู
“มึงหนีกูไม่พ้นหรอกอีคุณหนู”
หนึ่งปีผ่านไป... ในอาณาจักรไร่อ้อยและอู่รถบรรทุก เสียงเครื่องยนต์ดีเซลที่คุ้นเคยคำรามลั่นมาแต่ไกล มันไม่ใช่เสียงที่ปลุกเร้าความหวาดกลัวอีกต่อไป แต่ในวันนี้มันปลุกเร้าความหงุดหงิด ขวัญข้าวในชุดคลุมท้องผ้าฝ้ายเนื้อดี ยืนเท้าสะเอวมองลอดหน้าต่างบ้านหลังใหญ่ออกไป ร่างบางที่เคยสั่นเทาด้วยความกลัว บัดนี้กลับดูมั่นคงและเต็มไปด้วยอำนาจ เรือนร่างที่เคยบอบบางถูกเติมเต็มด้วยชีวิตใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลก ท้องของหล่อนนูนเด่นขึ้นมาชัดเจนภายใต้ชุดราวห้าเดือนเห็นจะได้ หล่อนไม่ใช่ซากหรือของที่ไร้วิญญาณอีกต่อไปแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาหล่อนคือนายหญิงของที่นี่ คือเมียของสิงห์ และเป็นคนเดียวที่กล้าพยศใส่ราชสีห์เจ้าของอาณาจักร “บอกแล้วไม่เคยจำ! คนดื้อด้าน!” หล่อนสบถกับตัวเองเบา ๆ&nb
แสงคือสิ่งแรกที่ปลุกหล่อนเปรียบเสมือนการกระชากวิญญาณที่ล่องลอยหนีความเจ็บปวดไปตลอดทั้งคืนให้กลับเข้ามาในร่างที่รกร้าง แสงอาทิตย์ยามเช้าสีส้มอมม่วงสาดทะลุกระจกหน้ารถที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่นและซากแมลง มันอาบไล้ใบหน้าที่ชาด้านและมือที่เปื้อนดินของหล่อน ขวัญข้าวกะพริบตา เปลือกตาหนักอึ้งและบวมเจ่อ คอแห้งผากเหมือนมีทรายอัดอยู่ และความเจ็บมันก็ถาโถมกลับมา เจ็บที่ข้อเท้าซึ่งบวมเป่งจนแทบจะระเบิด ทุกแรงสั่นสะเทือนของรถมันส่งความปวดแล่นปราดขึ้นมาถึงสมอง เจ็บที่ข้อมือที่มีรอยช้ำสีม่วง เจ็บที่ผิวเนื้อทุกส่วนที่เสียดสีกับผ้าหยาบ ๆ ของเสื้อเขา และเจ็บที่แกนกลาง ความเจ็บที่ฉีกขาดที่บัดนี้มันกลายเป็นความด้านชา ทื่อหน่วง ตอกย้ำว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง รถยังวิ่ง เครื่องยนต์คำรามสม่ำเสมอ แรงสั่น
ความเงียบคือสิ่งแรกที่หวนกลับมาหลังจากเสียงคำรามทุ้มต่ำครั้งสุดท้ายของเขาและเสียงหวีดร้องที่แหบโหยของหล่อนจบลง พายุอารมณ์อันป่าเถื่อนได้ผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังที่แหลกสลายใต้ต้นไม้ใหญ่ริมคันนา ขวัญข้าวยังคงถูกตรึง แผ่นหลังที่ด้านชาแนบสนิทกับเปลือกไม้ที่หยาบกร้าน ร่างของสิงห์ยังคงทาบทับ หล่อนรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะที่ไหลซึมอยู่ระหว่างเรียวขา มันปนเปไปกับเลือด ดิน และโคลน หล่อนรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวของเขาที่ทิ้งลงมากดทับจนหล่อนแทบไม่เหลือตัวตน หล่อนได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่และรุนแรงของเขาที่พ่นรดอยู่ข้างแก้ม มันคือเสียงเดียวในโลกที่ยืนยันว่าทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นจริง ส่วนหล่อน ขวัญข้าวไม่ได้ร้อง ไม่ได้ดิ้น หล่อนไม
ไม่ต่างอะไรจากเสื้อนักศึกษา เสียงผ้าลูกไม้ที่บอบบางขาดติดมือเขาเหมือนกระดาษ ความอิสระที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดปะทะเข้ากับไอเย็น ยอดอกแข็งขืนหดเกร็งจากความหนาวและความตื่นตระหนก “สวย...” เขาคำราม แล้วก้มลง ขวัญข้าวหลับตาปี๋กรีดร้องเสียงที่ไม่มีใครได้ยินเมื่อความร้อนชื้นครอบครองยอดอก ดูดดึงขบเม้มจนหล่อนเจ็บ...เจ็บจน...เสียว ความรู้สึกแปลกปลอมที่น่ารังเกียจแล่นปราดจากยอดอกลงไปสู่เบื้องล่างที่เริ่มทรยศหล่อนอย่างสิ้นเชิง “ไม่...ไม่...พอแล้ว...สิงห์...ฉัน...ฉันยอมแล้ว...ยอมทุกอย่าง...แล้ว...” หล่อนสะอื้น นี่คือการยอมจำนน การสิ้นฤทธิ์ที่เขาต้องการ สิงห์เงยหน้าขึ้นจากอกที่ช้ำจากการถูกบดขยี้ ดวงตาแดงก่ำจ้องหญิงสาว เขารู้ว่าหล่อนได้แตกสลายแล้ว
ขวัญข้าวตัวสั่นสะท้านจากทั้งอากาศเย็นที่ปะทะร่าง รู้สึกถึงความอัปยศที่สุดในชีวิต สิงห์จ้องมองความขาวนวลตรงหน้าด้วยสายตาราวกับจะกลืนกิน ดวงตาสีนิลที่เคยดำมืดบัดนี้มันลุกโชน เปลวไฟแห่งตัณหาดิบที่เขาไม่แม้แต่จะคิดปิดบัง ลมหายใจของเขาหนักหน่วงรุนแรงขึ้น เนินอกที่เปลือยเปล่าตรงหน้าที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหอบมันคือเชื้อไฟที่ตัวหล่อนเองเป็นคนจุด “ไม่...ไม่นะ...กรี๊ดดดด!!!” สติที่ขาดผึงกลับคืนมา ขวัญข้าวหวีดร้องด้วยเสียงร้องที่สิ้นหวังที่สุดในชีวิต “ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว! อย่ามองนะ! อย่ามอง!!!” หล่อนยกมือที่สั่นเทาขึ้นพยายามจะดึงเศษเสื้อที่ขาดวิ่นมาปิด พยายามจะทุบตีเขา พยายามจะ
เขาชนะ เขาใช้เวลาสองสามวินาทีดื่มด่ำกับภาพนั้น “หมดแรงแล้วเหรอคุณหนู” เขาถามเสียงเรียบ ก้าวช้า ๆ เข้ามา ย่อตัวลง ขวัญข้าวถอยกรูด “อย่า...อย่าเข้ามา...ฉัน...ฉันยอม...” “หึ...” เขาหัวเราะในลำคอ “มึงน่าจะยอมตอนที่กูให้เลือกดี ๆ ตั้งแต่แรก” สิงห์ยื่นมือมากำรอบต้นแขนหญิงสาวกระชากโดยแรง ร่างของขวัญข้าวถูกลากไปกับพื้นดิน ข้อเท้าที่เจ็บครูดและปะทะกับลำต้นอ้อยไปตามทาง “กรี๊ด! เจ็บ! ฉันเจ็บ!” แม้จะกรีดร้องแค่ไหนสิงห์ก็ไม่สนใจ เขายังคงลากหล่อนเหมือนซากออกจากป่าอ้อยมาจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นเดียวอยู่ริ




![ภรรยาซาตาน [PWP] + [SM25+] #จบแล้ว](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


![คนดีของเฮียมังกร [ผัวเอวดุ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)