LOGIN[ใกล้ถึงสองชั่วโมงที่นายบอกแล้วนะ ฉันยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรเลย]
[รอก่อนครับ อีกไม่นาน ผมจะแจ้งให้ทราบครับ]
[อืม…ฉันต้องเตรียมตัวอะไรก่อนไหม]
[ตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้ ขอโทษด้วยครับ]
ซูเมี่ยวจินอยากถามต่อ แต่เจ้าระบบบ้านี่กลับเอาแต่เงียบไม่ตอบโต้ ทำให้เธอหงุดหงิดไม่น้อย ยิ่งซูเมี่ยวจินหันไปมองฉางเล่ยที่ดูท่าทางเหนื่อยล้ามากแล้ว ซูเมี่ยวจินก็อยากรีบจอดรถแล้วให้เขาได้พักผ่อนบ้างหลังจากขับรถมาเป็นเวลานาน
“อีก 10 นาที เราหาที่จอดพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะคะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจว่าระบบจะพูดอะไรอีก เธอไม่อยากเห็นฉางเล่ยเหนื่อยแล้ว
“ตกลงครับ ผมจะลองหาที่จอดดูนะครับ” ฉางเล่ยที่ปวดตาไม่น้อยเพราะคร่ำเคร่งกับการขับรถอย่างระมัดระวังมาหลายชั่วโมงตอบกลับอย่างเหนื่อยล้า
ซูเมี่ยวจินที่เพิ่งคุยกับฉางเล่ยกลับแปลกใจที่ระบบไม่ตอบโต้กลับมาเมื่อเธอบอกว่าอีก 10 นาทีจะจอดรถพักผ่อนกัน ความรู้สึกบอกเธอว่าครั้งนี้เจ้าระบบต้องมีเรื่องให้เธอจัดการแน่ และสัญชาตญาณส่วนตัวก็ทำให้เธอไม่สามารถผ่อนคลายได้เลยแม้แต่น้อย ซูเมี่ยวจินเพ่งมองถนนตรงหน้าและข้างทางอย่างจริงจัง
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
“สามี หยุดรถแล้วปิดไฟหน้าเร็วเข้า!” ซูเมี่ยวจินได้ยินเสียงปืนห่างออกไป เธอรีบบอกให้ฉางเล่ยปิดไฟหน้ารถเพื่อป้องกันอันตรายจากคนที่ยิงปืน
“ครับ ๆ” ฉางเล่ยไม่ได้ยินเสียงปืนเหมือนที่ซูเมี่ยวจินได้ยิน เขาเพียงแค่ทำตามที่ภรรยาบอกเท่านั้น คงเพราะความเหนื่อยล้า จึงทำให้ฉางเล่ยได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์ของรถที่กำลังขับอยู่
[ภารกิจพิเศษ!!! เจ้านายต้องช่วยชีวิตทหารที่กำลังต่อสู้กับโจรให้ได้ รางวัลภารกิจ เจ้านายจะได้รับปืนพกและกระสุนหนึ่งพันนัด เจ้านายจะรับภารกิจหรือไม่]
[รับ ๆ]
“สามี คุณรออยู่ที่รถนะคะ ฉันไปดูสถานการณ์ก่อนแล้วจะรีบกลับมา” ซูเมี่ยวจินเห็นท่าทางอ่อนล้าของฉางเล่ยจึงไม่ให้เขาไปด้วย เธอหยิบหน้าไม้และกำลูกดอกจำนวนมากยัดใส่กระเป๋ากางเกง มีดพกหลายขนาดที่เธอเตรียมเอาไว้แต่แรกก็ยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอเช่นกัน
“ผมไปด้วยนะครับ มันมืดมาก ผมกลัวว่าคุณจะตกอยู่ในอันตราย” ฉางเล่ยถึงแม้จะเหนื่อยแต่ความเป็นห่วงภรรยานั้นมีมากกว่า
“ไม่จำเป็นค่ะ คุณรอฉันอยู่ที่นี่ดี ๆ อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงเลย” ซูเมี่ยวจินส่ายหน้าปฏิเสธทันที เธอรู้ดีว่าสถานการณ์อันตรายแบบนี้ ถ้าฉางเล่ยพลาด โอกาสบาดเจ็บจะต้องสูงมากเป็นแน่ เธอยังไม่อยากให้สามีบาดเจ็บเพราะเรื่องของเธอ
“ก็ได้ครับ คุณระวังตัวด้วยนะครับ” ฉางเล่ยไม่กล้าทำให้ภรรยาไม่พอใจ เขาเห็นว่าตอนนี้เธอเตรียมอาวุธพร้อมแล้วและกำลังเปิดประตูออกไปจึงรีบบอก
“ฉันจะระวัง ไม่ว่าคุณจะได้ยินเสียงอะไร ห้ามลงจากรถเด็ดขาดนะ เฝ้ากระเป๋าเอาไว้ให้ดี ไม่นานฉันจะรีบกลับมาค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกสามีด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะปิดประตูแล้วรีบเดินไปในทิศทางที่ได้ยินเสียงปืนก่อนหน้านี้
[คนร้ายมีกี่คน แล้วคนที่ฉันต้องช่วยมีกี่คน]
[คนร้ายมี 5 คนครับ เป้าหมายมี 3 คน]
[อีกไกลไหมกว่าจะถึงที่เกิดเหตุ]
[ไม่ไกลครับ เจ้านายมองฝั่งขวาเอาไว้ ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่ครับ]
[เข้าใจแล้ว]
ซูเมี่ยวจินยิ่งเข้าใกล้สถานที่ต่อสู้มากเท่าไหร่ เสียงปืนก็ดังขึ้นมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ ด้วยความเร่งรีบ ตอนนี้ซูเมี่ยวจินไม่คิดจะอำพรางตัวเองอีกต่อไป เธอรีบวิ่งไปยังทิศทางของเสียงแล้วมองดูสถานการณ์ตรงหน้า
คนร้ายที่กำลังบรรจุกระสุนสองคน ไม่รู้ถึงการมาของซูเมี่ยวจิน พวกเขาเพ่งสายตาไปยังเป้าหมายที่ต้องการฆ่าตามคำสั่งเท่านั้น ส่วนคนร้ายอีกสามคนยังคงยิงปืนเป็นระยะเพื่อบีบให้เป้าหมายต้องใช้ปืนของพวกเขาเช่นกัน คนร้ายเหล่านี้เตรียมกระสุนมาเป็นจำนวนมาก พวกเขารู้ดีว่าเป้าหมายจะต้องมีกระสุนจำกัดแน่ เพราะการเดินทางของเป้าหมายครั้งนี้เป็นเพียงการย้ายกำลังพลเท่านั้น ไม่ใช่การทำภารกิจที่ต้องใช้กองกำลังและอาวุธจำนวนมาก ซูเมี่ยวจินไม่รอช้า เธอยิงลูกดอกใส่คนร้ายทั้งสองเข้าที่จุดตายด้านหลังอย่างเงียบเชียบ
ปึก! ตุ้บ! ปึก! ตุ้บ!
เสียงลูกดอกปักเข้าด้านหลังตรงกับตำแหน่งหัวใจ ทำให้คนร้ายทั้งสองไม่แม้แต่จะทันได้ส่งเสียงก็ล้มลงไปนอนสิ้นใจอยู่บนพื้นแล้ว
ซูเมี่ยวจินเห็นว่าตอนนี้คนร้ายถูกจัดการไปสองคนแล้ว เธอสอบถามตำแหน่งของคนร้ายอีกสามคนจากระบบ แต่จนใจที่มันดันบอกเธอว่าไม่สามารถบอกได้เพราะเป็นภารกิจพิเศษ เธอจะต้องใช้ความสามารถของตัวเอง
“หัวหน้า กระสุนผมหมดแล้วครับ จะทำยังไงกันดี” ฟู่จือหยางถาม
“นายหลบให้ดี ๆ ไม่ต้องออกมา ผมกับซ่งเซียวจะพยายามจัดการคนร้ายแล้วหาทางหนีให้เอง” โจวอู่หมิงตอบกลับลูกน้องที่ติดตาม
“หัวหน้าระวังด้วยนะครับ ผมเองก็เหลือกระสุนอีกไม่มาก” ซ่งเซียวพูด
“เข้าใจแล้ว รอพวกมันบรรจุกระสุนใหม่ เราค่อยออกไปยิงพวกมัน” โจวอู่หมิงสั่ง
ซ่งเซียวตอบรับเสียงเบา เขาเองก็เคร่งเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่น้อย พวกเขาไม่รู้ว่าคนร้ายมาจากไหน ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางเพื่อไปยังค่ายชายแดนพม่าตามคำสั่งจากเบื้องบน กลับมีรถคนร้ายไล่ตามมายิงจนรถของพวกเขายางแตกและไม่สามารถขับต่อได้ พวกเขาต้องหลบหนีลงจากรถและวิ่งเข้าข้างทางอย่างยากลำบาก กระสุนสำรองในกระเป๋าที่พวกเขานำมาก็ไม่สามารถหยิบมาด้วยได้ ทำให้ทั้งสามคนต้องคอยหลบกระสุนและยิงสวนเพื่อหาที่กำบังได้เท่านั้น
ปัง! ปัง! ปัง!
คนร้ายยังคงยิงไปในทิศทางที่คิดว่าเป้าหมายหลบซ่อนอยู่ โดยพวกเขาไม่รู้เลยว่ามัจจุราชสาวกำลังคืบคลานเข้าไปเพื่อเอาชีวิตพวกเขาอย่างเงียบเชียบ
ฟิ้ว! ฉึก! ปัง! ตุ้บ!
คนร้ายอีกคนถูกซูเมี่ยวจินยิงเข้าจุดตาย ก่อนตายเขายังยิงปืนอย่างไร้ทิศทางจากห้วงสำนึกสุดท้ายแล้วจึงล้มลงสิ้นใจตายตรงนั้น
คนร้ายที่เหลืออีกสองคนขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด คนของพวกเขาเงียบเสียงไปอย่างน่าสงสัย เพียงแต่พวกเขาไม่อยากตะโกนถามกันเพราะกลัวจะกลายเป็นเป้าหมายให้ศัตรูยิงสวนกลับมาใส่พวกเขาได้ ทั้งสองเพ่งมองไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้และยังคงยิงใส่อย่างต่อเนื่อง
ซูเมี่ยวจินฟังเสียงปืนแล้วย่องไปในทิศทางนั้นทันที เธอเล็งจุดตายและยิงอย่างแม่นยำเพื่อกำจัดคนร้ายตามภารกิจที่ได้รับอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเสียงปืนจากกลุ่มคนร้ายก็หยุดลง ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่โดยรอบทันที กลุ่มทหารที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์หันมองกันไปมาอย่างประหลาดใจ พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ คนร้ายถึงได้ไม่ยิงใส่พวกเขาอีกและไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากเสียงลมพัดแผ่ว ๆ จนทำเอาทั้งสามถึงกับขนลุกซู่แปลก ๆ
“พวกคุณมีใครบาดเจ็บไหม” น้ำเสียงเย็นชาของซูเมี่ยวจินตะโกนถามกับคนที่ยังคงซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้และไม่ยอมเอ่ยปากเสียที เธอไม่อยากให้สามีเป็นห่วงมากนักจึงอยากรีบจัดการภารกิจให้เสร็จโดยเร็ว
โจวอู่หมิง ซ่งเซียวและฟู่จือหยางหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ เขาไม่รู้ว่าเสียงผู้หญิงที่เย็นชาจนลึกถึงกระดูกนั่นเป็นคนหรือผีกันแน่ โจวอู่หมิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติ ตอนนี้เขาไม่ได้ยินเสียงปืนจากคนร้ายอีก มีเพียงเสียงสายลมพัดแผ่วเบา ๆ ที่ได้ยินและเสียงผู้หญิงจากฝั่งตรงข้ามจุดที่พวกเขาอยู่
“คุณเป็นใคร?” โจวอู่หมิงกลั้นใจถามดู ถึงเขาจะไม่เชื่อเรื่องผีสาง แต่เสียงที่ได้ยินนั้นก็ทำเอาเขาขนลุกขึ้นมาเลยทีเดียว
“ฉันผ่านทางมา แล้วได้ยินเสียงปืนเลยเข้ามาช่วย พวกมันตายหมดแล้ว พวกคุณรีบออกมาเถอะ ฉันยังต้องกลับไปที่รถอีก สามีฉันรออยู่” ซูเมี่ยวจินพูดอย่างหงุดหงิดที่พวกเขาไม่ยอมออกมาจากหลังต้นไม้เสียที ทำให้เธอต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
“หยกของคุณทั้งหมดผมรับซื้อในราคาห้าแสนหยวน ไม่ทราบพวกคุณคิดยังไงครับ”ผู้จัดการเถาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าลูกค้าทั้งสองจะทราบไหมว่าหยกแก้วทั้งสองก้อนใหญ่นั้นหากนำไปประมูลแล้วมูลค่าของมันจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียวเชียวนะซูเมี่ยวจินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ทราบราคาในการประมูลหยกล้ำค่าแต่แรก เมื่อหันไปมองสามีที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเสียแล้ว ซูเมี่ยวจินจึงได้แต่ต้องพยักหน้ารับคำผู้จัดการเถาว่าเธอรับราคานี้ได้“รบกวนพวกคุณรอที่นี่สักครู่นะครับ ผมจะไปจัดการนำเงินเข้าไว้ในบัตรให้คุณ”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนปกติ เธอไม่ได้สนใจว่าร้านจะจ่ายเงินให้พวกเธอยังไงแต่แรก เมื่อได้ยินว่าผู้จัดการสามารถนำเงินเข้าบัตรกดเงินได้ก็ทำให้เธอโล่งใจไม่น้อย นับว่าเมืองเถิงซงนี้ก้าวหน้ามากกว่าเมืองเจิ้งไห่ที่สามารถนำเงินโอนเข้าในบัตรกดเงินได้ฉางเล่ยหลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ เมื
ซูเมี่ยวจินชี้บอกหินที่เธอต้องการให้สามีหยิบให้ หินในกองนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน เธอจึงให้เขาหยิบมาเพียงสามก้อน เพราะกลัวว่าเงินที่นำมาจะไม่พอ“ภรรยา พอแล้วเหรอครับ” ฉางเล่ยที่หยิบหินใส่รถเข็นถามขึ้น“พอก่อนดีกว่าค่ะ ให้ร้านคิดเงินแล้วผ่าหินดูกันเถอะ” ซูเมี่ยวจินทั้งที่รู้ว่าหินก้อนใหญ่ทั้งสามนั้นเป็นหยกคุณภาพดีทั้งหมดบอกสามี“ตกลงครับ พี่ชาย ช่วยคิดเงินแล้วเอาหินไปผ่าให้ด้วยครับ” ฉางเล่ยหันไปบอกพนักงานที่ยืนรออยู่ห่างออกไปนิดหน่อย“เชิญมาคิดเงินกับผมทางนี้เลยครับ” พนักงานผายมือเชิญพวกเขาไปยังโต๊ะคิดเงินที่อยู่ไม่ไกลนักซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่เข็นรถอยู่ตามไปติด ๆ ดีที่ร้านนี้ไม่มีคนเข้ามาอีก พวกเขาจึงไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา“หินก้อนเล็กทั้งหมดห้าก้อน ราคา 800 หยวนครับ ส่วนก้อนใหญ่สามก้อนนั้นราคา 4,000 หยวนครับ” พนักงานคิดเงินตามขนาดข
“ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกคุณโจวจะเป็นยังไงบ้างนะครับ” ฉางเล่ยพูดระหว่างที่กำลังกินอาหารที่สั่งไปก่อนหน้านี้ พวกเขาตื่นสายจนไม่ได้ออกมาส่งทหารพวกนั้น“พวกเขาคงกลับไปทำหน้าที่แล้วล่ะค่ะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”“ผมเห็นพวกเขาแล้วก็อยากเป็นทหารอย่างพวกเขาบ้าง สวัสดิการทหารดีมากจริง ๆ ผมจะได้ปกป้องคุณกับครอบครัวได้ด้วย” ฉางเล่ยเอ่ย“แต่ฉันไม่อยากให้คุณลำบากนะคะ เราไม่มีเส้นสาย ถ้าคุณสมัครเป็นทหาร กว่าตำแหน่งของคุณจะก้าวหน้าก็คงอีกหลายสิบปีเลยล่ะ” ซูเมี่ยวจินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เธอไม่คิดว่าอาชีพทหารจะเหมาะกับสามีเธอ แล้วเธอก็ไม่อยากให้เขาต้องไปเสี่ยงอันตรายในหน้าที่การงานแบบนี้“คุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ” ฉางเล่ยเอ่ยอย่างเสียดายที่ภรรยาไม่อยากให้เขาเป็นทหาร“หรือคุณอยากทิ้งฉันกับครอบครัวไปล่ะคะ” ซูเมี่ยวจินตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ หากเขาสมัครทหารก็จะต้องไปพักอยู่ที่ค
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะวนรถหาโรงแรมสักแห่งนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ขอบคุณมากครับ” ทั้งสามที่อยู่หลังรถรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงเย็นชาคนนี้ที่จริงก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไร ไม่แปลกใจที่สามีเธออย่างฉางเล่ยจะภูมิใจที่มีซูเมี่ยวจินเป็นภรรยา เพราะหลายครั้งที่คุยกัน ฉางเล่ยมักจะอวยความเก่งกาจของภรรยาเขาให้ทั้งสามฟังอย่างไม่อายเลยสักนิดซูเมี่ยวจินขับรถวนหาโรงแรมไม่นานก็พบกับโรงแรมเอกชนแห่งหนึ่ง เธอไม่รอช้าที่จะจอดรถด้านหน้าแล้วให้สามีไปสอบถามเรื่องการเปิดห้องพักสักหลายวันทันที ซูเมี่ยวจินคิดว่าจะอยู่ที่โรงแรมนี้จนกว่าการพนันหินเสร็จสิ้นลง ด้านโจวอู่หมิงกับลูกน้องก็สะพายกระเป๋าลงไปพร้อมฉางเล่ยด้วยเช่นกันฉางเล่ยไปสอบถามไม่นานก็เดินกลับมาที่รถแล้วบอกรายละเอียดกับซูเมี่ยวจินเรื่องห้องพักของโรงแรมแห่งนี้“ภรรยาครับ ราคาห้องพักธรรมดาคืนละ 30 หยวน ห้องพิเศษคืนละ 50 หยวน คุณจะให้ผมจองห้องพักแบบไหนดีครับ แล้วเราจะพักกันสักกี่วัน”
ระหว่างเดินทาง ฉางเล่ยหันไปคุยกับทหารที่อยู่หลังรถจนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันทั้งหมด ซูเมี่ยวจินปกติไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า เธอจึงฟังสิ่งที่สามีคุยกับพวกเขาเท่านั้น“พวกคุณย้ายที่ประจำการกันหรอกเหรอครับ แล้วทำไมถึงได้ถูกดักทำร้ายล่ะครับ”“คนพวกนั้นน่าจะเป็นโจรที่ประจำอยู่เส้นทางนี้น่ะครับ พวกเราก็ไม่คิดว่าจะถูกปล้นทั้งที่ยังสวมเครื่องแบบอยู่” ฟู่จือหยางตอบ“น่ากลัวมากเลยนะครับ ดีที่ผมกับภรรยาไม่ได้พบพวกมันก่อน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่าพวกคุณมากแน่” ฉางเล่ยพูดคุยอย่างเป็นกันเอง“สามี ข้างหน้าน่าจะเป็นเมืองเหยียนซานแล้ว เราจะได้แวะหาอะไรกินกันก่อน”“ครับ คุณขับหาร้านอาหารก่อนเลย ตอนนี้ยังไม่สายมากนัก โชคดีที่เรามาถึงเร็ว”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับคำแล้วสอดส่ายสายตามองหาร้านอาหารในเมืองไม่ถึง 15 นาที ซูเม
โจวอู่หมิงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งสองคนออกไปจากที่ซ่อนเพื่อดูว่าผู้หญิงที่มาช่วยพวกเขาไว้นั้นหน้าตาเป็นยังไง“คุณช่วยพวกเราได้ยังไงครับ” โจวอู่หมิงที่เดินออกมาถามหญิงสาวร่างสูงโปร่งแต่สายตาของเธอช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน“ใช่ ๆ ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เลยล่ะครับ” ฟู่จือหยางรีบถามต่อ“พวกคุณมีรถกันหรือเปล่า?” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตอบกลับคนแปลกหน้า เรื่องการต่อสู้ของเธอ เธอไม่อยากให้พวกเขารู้มากนัก“รถพวกเราถูกยิงพังหมดแล้วครับ แต่สัมภาระยังอยู่ในรถห่างจากตรงนี้ประมาณห้ากิโลเมตรครับ” ซ่งเซียวตอบ“ถ้าอย่างนั้นไปพักที่รถฉันก่อน ตามมา” น้ำเสียงเย็นชาของซูเมี่ยวจิน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าถามเรื่องก่อนหน้านี้อีกระหว่างเดินออกจากป่า ทั้งสามคนมองเห็นศพคนร้ายนอนคว่ำหน้าอยู่คนหนึ่ง ที่ด้านหลังมีรูเจาะทะลุเข้าไปตรงตำแหน่งหัวใจ พวกเขาเพิ่งเห็นว่าใน






