FAZER LOGINโจวอู่หมิงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งสองคนออกไปจากที่ซ่อนเพื่อดูว่าผู้หญิงที่มาช่วยพวกเขาไว้นั้นหน้าตาเป็นยังไง
“คุณช่วยพวกเราได้ยังไงครับ” โจวอู่หมิงที่เดินออกมาถามหญิงสาวร่างสูงโปร่งแต่สายตาของเธอช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน
“ใช่ ๆ ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เลยล่ะครับ” ฟู่จือหยางรีบถามต่อ
“พวกคุณมีรถกันหรือเปล่า?” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตอบกลับคนแปลกหน้า เรื่องการต่อสู้ของเธอ เธอไม่อยากให้พวกเขารู้มากนัก
“รถพวกเราถูกยิงพังหมดแล้วครับ แต่สัมภาระยังอยู่ในรถห่างจากตรงนี้ประมาณห้ากิโลเมตรครับ” ซ่งเซียวตอบ
“ถ้าอย่างนั้นไปพักที่รถฉันก่อน ตามมา” น้ำเสียงเย็นชาของซูเมี่ยวจิน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าถามเรื่องก่อนหน้านี้อีก
ระหว่างเดินออกจากป่า ทั้งสามคนมองเห็นศพคนร้ายนอนคว่ำหน้าอยู่คนหนึ่ง ที่ด้านหลังมีรูเจาะทะลุเข้าไปตรงตำแหน่งหัวใจ พวกเขาเพิ่งเห็นว่าในมือของหญิงสาวคนนั้นมีหน้าไม้ถืออยู่อันหนึ่ง ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่มีเสียงการต่อสู้เกิดขึ้น ที่แท้เธอก็ยิงหน้าไม้เพื่อช่วยพวกเขานี่เอง
ซูเมี่ยวจินก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ใช้เวลาไปนานแค่ไหนแล้ว ป่านนี้ฉางเล่ยคงกำลังกังวลและเป็นห่วงเธอแน่ ๆ
โจวอู่หมิง ซ่งเซียวและฟู่จือหยางเร่งเดินตามหลังผู้ช่วยชีวิตพวกเขาไปติด ๆ เช่นเดียวกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเธอจะพาพวกเขาไปพักที่รถตรงไหน
15 นาทีต่อมา ทั้งสามคนที่ตามหลังหญิงสาวปริศนาก็มองเห็นรถจี๊ปคันหนึ่งจอดอยู่เงียบ ๆ พวกเขาเห็นหญิงสาวคนนั้นรีบเดินเข้าไปคุยกับคนขับรถเสียงเบา
“สามี เมื่อครู่ฉันไปช่วยทหารกลุ่มหนึ่งมา รถของพวกเขาพังแล้ว อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณห้ากิโลเมตร คุณจะพาพวกเขาไปที่รถก่อนหรือให้พวกเขาพักที่หลังรถของพวกเราแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยพาพวกเขาไปเอาสัมภาระที่รถ” ซูเมี่ยวจินถามฉางเล่ยที่ตอนนี้เขาเอาแต่มองเธอเพื่อดูว่าบาดเจ็บหรือเปล่า
“แล้วแต่คุณเลยครับภรรยา คุณไม่บาดเจ็บใช่ไหม”
“ฉันสบายดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันถามพวกเขาก่อนดีกว่าว่าอยากทำยังไง”
“ตกลงครับ ผมออกไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อยได้ไหมครับ” ฉางเล่ยไม่กล้าลงรถโดยที่ภรรยาไม่อนุญาต เพราะก่อนหน้านี้เธอสั่งให้เขาห้ามลงจากรถ
“ได้ค่ะ คุณคงเหนื่อยแย่แล้ว ลงมาเถอะ” ซูเมี่ยวจินเพิ่งนึกได้ว่าเธอห้ามเขาลงจากรถ
ฉางเล่ยมองตามหลังซูเมี่ยวจินที่เดินไปคุยกับผู้ชายสามคนที่อยู่ด้านหลัง เขาเปิดประตูลงจากรถแล้วยืนดูว่าภรรยาจะคุยกับคนเหล่านั้นยังไง
“พวกคุณอยากไปที่รถหรือว่าจะพักผ่อนที่นี่แล้วค่อยไปพรุ่งนี้เช้าคะ” ซูเมี่ยวจินถาม
“รบกวนคุณพาพวกเราไปที่รถได้ไหมครับ ผมกลัวว่าของในรถจะหาย” โจวอู่หมิงตอบ
“ไม่มีปัญหาค่ะ พวกคุณตามฉันมา” ซูเมี่ยวจินหันหลังกลับและเดินนำพวกเขาไปที่ท้ายรถกระบะ เธอเปิดผ้าใบขึ้นแล้วให้พวกเขาขึ้นรถ จากนั้นจึงเดินไปหาฉางเล่ย
“สามี เราพาพวกเขาไปที่รถของพวกเขาก่อนแล้วค่อยนอนพักกันนะคะ คุณไปนั่งด้านข้างเถอะ ฉันขับให้เอง” ซูเมี่ยวจินรู้ว่าฉางเล่ยน่าจะเหนื่อยล้ามากแล้ว
“ได้ครับ” ฉางเล่ยเห็นว่าภรรยาเป็นห่วง เขาจึงรับความเมตตานี้เอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
ซูเมี่ยวจินเข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ เมื่อเห็นฉางเล่ยนั่งดีแล้ว เธอก็ขับรถต่อไปด้านหน้าตามที่ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มบอกอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึงห้านาที ซูเมี่ยวจินก็จอดต่อท้ายรถจี๊ปสี่ประตูคันหนึ่งที่มีร่องรอยของรูกระสุนอยู่เต็มไปหมด เธอคิดว่าคนพวกนี้โชคดีจริง ๆ ที่ไม่ถูกคมกระสุนตายไปก่อนที่เธอจะมาช่วยได้ทัน
โจวอู่หมิงเห็นว่ารถจอดสนิทแล้ว เขาจึงบอกลูกน้องให้ลงจากรถไปสำรวจความเสียหายของรถพวกเขาก่อนค่อยพักผ่อนทีหลัง
ซูเมี่ยวจินลงจากรถมาโดยมีไฟฉายอันใหญ่มาด้วย เธอส่งไฟฉายให้พวกเขาแล้วกลับเข้าไปในรถเพื่อคุยกับฉางเล่ย
“สามี เราจะนอนที่หลังรถกันเลยไหมคะ ฉันจะได้ล็อกรถด้านหน้า”
“แล้วคนพวกนั้นจะนอนที่ไหนล่ะครับ” ฉางเล่ยมองผู้ชายสามคนเดินไปพร้อมไฟฉายเพื่อตรวจสอบรถของพวกเขา
“ปล่อยให้พวกเขานอนในรถคันนั้นแหละค่ะ แค่ฉันไปช่วยพวกเขามาก็ใจดีมากแล้ว”
“ตกลงครับ เราไปนอนกันที่หลังรถเถอะ”
ซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำสามี จากนั้นจึงลงจากรถพร้อมหน้าไม้เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวในยามค่ำคืน ตอนนี้เวลาล่วงเข้าเที่ยงคืนแล้ว เธอยิ่งมองเห็นความอ่อนล้าในดวงตาของฉางเล่ยจึงอยากให้เขารีบพักผ่อน
โจวอู่หมิงหันไปมองสองสามีภรรยาที่เดินไปหลังรถ เขาจึงได้แต่ต้องบอกให้ลูกน้องตรวจสอบสิ่งของเสร็จแล้วก็นอนกันในรถไปก่อน เขาไม่กล้าไปวุ่นวายกับหญิงสาวแสนเย็นชาคนนั้น เขาได้แต่คิดว่าสามีของเธอจะอึดอัดมากแค่ไหนที่มีภรรยาแบบนี้ หากเขามีภรรยาแบบนี้คงยากที่จะอยู่ด้วยได้
หกโมงเช้าวันต่อมา ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่ตื่นนอนสักพักใหญ่แล้วก็เก็บถุงนอนวางเอาไว้ด้านใน จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันเติมน้ำมันรถอีกครั้ง เพราะเมื่อวานเดินทางยาวโดยไม่มีปั๊มน้ำมันระหว่างทาง พวกเขาที่ยังมีแกลลอนน้ำมันหลายแกลลอนจึงต้องนำออกมาเติมไว้ให้เต็มก่อน
โจวอู่หมิงกับพวกก็ตื่นกันนานแล้ว พวกเขาจัดเก็บสัมภาระในรถเสร็จก็พากันออกจากรถและล็อกเอาไว้ รอให้พวกเขาหาที่โทรศัพท์ได้ก่อนจึงจะให้คนมานำรถคันนี้ไปซ่อมทีหลัง
“พวกเราไปที่รถคุณผู้หญิงคนนั้นกันเถอะจะได้รีบออกเดินทางต่อ” โจวอู่หมิงชวน
“ครับหัวหน้า” ฟู่จือหยางและซ่งเซียวรับคำพร้อมกัน
ซูเมี่ยวจินปรายตามองชายสามคนที่กำลังเดินมาทางพวกเธอ ระบบในหัวของเธอตอนนี้เอาแต่ถามว่าจะรับรางวัลเลยหรือไม่จนเธอรำคาญ
[รอให้จำเป็นก่อนฉันถึงจะเอาออกมาใช้ นายเก็บไว้ให้ฉันดีๆ]
[โธ่ ผมอยากให้เจ้านายดูนี่ครับว่าปืนกระบอกนี้สุดยอดแค่ไหน]
[นายเงียบไปเลย ปืนมันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ]
[ทราบแล้วครับเจ้านาย] ระบบพูดเสียงอ่อยเมื่อถูกดุ
“สามี เติมเสร็จแล้วฉันจะขับรถให้นะคะ คุณนอนพักอีกสักหน่อย ฉันคิดว่าอีกไม่นานก็น่าจะถึงเมืองเหยียนซาน” ซูเมี่ยวจินบอก
“ได้ครับ แล้วคนพวกนั้นจะให้พวกเขานั่งด้านหลังรถใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ยังไงก็พอมีที่ว่างให้พวกเขานั่งได้ไม่อึดอัดนัก”
“เราเปิดเครื่องปรับอากาศให้เขาด้วยดีไหมครับ อากาศไม่รู้ว่าจะร้อนไหม”
“ตกลงค่ะ คุณเอาแกลลอนน้ำมันกับสายไปเก็บก่อนเถอะ ฉันจะสตาร์ทรถรอ”
“ครับ” ฉางเล่ยรับคำพร้อมรอยยิ้ม
“คุณผู้หญิงครับ ไม่ทราบพวกคุณกำลังจะเดินทางไปที่ไหนกันครับ” โจวอู่หมิงถาม
“ฉันกับสามีจะไปเมืองเถิงซงค่ะ เรามีธุระที่นั่น”
“ถ้าไม่รบกวนเกินไป คุณช่วยส่งพวกเราไปที่ค่ายชายแดนเถิงซงได้ไหมครับ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ยังไงก็ทางเดียวกัน พวกคุณคงต้องลำบากนั่งหลังรถกันสักหน่อยนะคะ ด้านหลังยังมีที่ว่างพอให้พวกคุณนั่งได้อยู่”
“ขอบคุณมากครับ” ทั้งสามขอบคุณพร้อมกัน
“พวกคุณรีบขึ้นรถเถอะค่ะ สามีฉันเก็บของเสร็จแล้ว เราจะได้รีบเดินทาง”
“ได้ครับ” ทั้งสามคนเดินไปท้ายรถแล้วปีนขึ้นไปอย่างไม่ยากเย็น
ฉางเล่ยทักทายคนทั้งสามพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงเดินไปที่นั่งข้างคนขับซึ่งภรรยาของเขาเข้าไปนั่งประจำที่คนขับและเปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้แล้ว
ซูเมี่ยวจินขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เธอต้องการไปให้ถึงเมืองเหยียนซานให้เร็วที่สุดเพื่อหาอะไรกินและซื้อเสบียงสักหน่อย การเดินทางวันแรกทำให้เธอรู้ว่าในยุคนี้หาร้านค้าข้างทางยากยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสวรรค์เสียอีก
“หยกของคุณทั้งหมดผมรับซื้อในราคาห้าแสนหยวน ไม่ทราบพวกคุณคิดยังไงครับ”ผู้จัดการเถาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าลูกค้าทั้งสองจะทราบไหมว่าหยกแก้วทั้งสองก้อนใหญ่นั้นหากนำไปประมูลแล้วมูลค่าของมันจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียวเชียวนะซูเมี่ยวจินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ทราบราคาในการประมูลหยกล้ำค่าแต่แรก เมื่อหันไปมองสามีที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเสียแล้ว ซูเมี่ยวจินจึงได้แต่ต้องพยักหน้ารับคำผู้จัดการเถาว่าเธอรับราคานี้ได้“รบกวนพวกคุณรอที่นี่สักครู่นะครับ ผมจะไปจัดการนำเงินเข้าไว้ในบัตรให้คุณ”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนปกติ เธอไม่ได้สนใจว่าร้านจะจ่ายเงินให้พวกเธอยังไงแต่แรก เมื่อได้ยินว่าผู้จัดการสามารถนำเงินเข้าบัตรกดเงินได้ก็ทำให้เธอโล่งใจไม่น้อย นับว่าเมืองเถิงซงนี้ก้าวหน้ามากกว่าเมืองเจิ้งไห่ที่สามารถนำเงินโอนเข้าในบัตรกดเงินได้ฉางเล่ยหลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ เมื
ซูเมี่ยวจินชี้บอกหินที่เธอต้องการให้สามีหยิบให้ หินในกองนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน เธอจึงให้เขาหยิบมาเพียงสามก้อน เพราะกลัวว่าเงินที่นำมาจะไม่พอ“ภรรยา พอแล้วเหรอครับ” ฉางเล่ยที่หยิบหินใส่รถเข็นถามขึ้น“พอก่อนดีกว่าค่ะ ให้ร้านคิดเงินแล้วผ่าหินดูกันเถอะ” ซูเมี่ยวจินทั้งที่รู้ว่าหินก้อนใหญ่ทั้งสามนั้นเป็นหยกคุณภาพดีทั้งหมดบอกสามี“ตกลงครับ พี่ชาย ช่วยคิดเงินแล้วเอาหินไปผ่าให้ด้วยครับ” ฉางเล่ยหันไปบอกพนักงานที่ยืนรออยู่ห่างออกไปนิดหน่อย“เชิญมาคิดเงินกับผมทางนี้เลยครับ” พนักงานผายมือเชิญพวกเขาไปยังโต๊ะคิดเงินที่อยู่ไม่ไกลนักซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่เข็นรถอยู่ตามไปติด ๆ ดีที่ร้านนี้ไม่มีคนเข้ามาอีก พวกเขาจึงไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา“หินก้อนเล็กทั้งหมดห้าก้อน ราคา 800 หยวนครับ ส่วนก้อนใหญ่สามก้อนนั้นราคา 4,000 หยวนครับ” พนักงานคิดเงินตามขนาดข
“ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกคุณโจวจะเป็นยังไงบ้างนะครับ” ฉางเล่ยพูดระหว่างที่กำลังกินอาหารที่สั่งไปก่อนหน้านี้ พวกเขาตื่นสายจนไม่ได้ออกมาส่งทหารพวกนั้น“พวกเขาคงกลับไปทำหน้าที่แล้วล่ะค่ะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”“ผมเห็นพวกเขาแล้วก็อยากเป็นทหารอย่างพวกเขาบ้าง สวัสดิการทหารดีมากจริง ๆ ผมจะได้ปกป้องคุณกับครอบครัวได้ด้วย” ฉางเล่ยเอ่ย“แต่ฉันไม่อยากให้คุณลำบากนะคะ เราไม่มีเส้นสาย ถ้าคุณสมัครเป็นทหาร กว่าตำแหน่งของคุณจะก้าวหน้าก็คงอีกหลายสิบปีเลยล่ะ” ซูเมี่ยวจินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เธอไม่คิดว่าอาชีพทหารจะเหมาะกับสามีเธอ แล้วเธอก็ไม่อยากให้เขาต้องไปเสี่ยงอันตรายในหน้าที่การงานแบบนี้“คุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ” ฉางเล่ยเอ่ยอย่างเสียดายที่ภรรยาไม่อยากให้เขาเป็นทหาร“หรือคุณอยากทิ้งฉันกับครอบครัวไปล่ะคะ” ซูเมี่ยวจินตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ หากเขาสมัครทหารก็จะต้องไปพักอยู่ที่ค
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะวนรถหาโรงแรมสักแห่งนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ขอบคุณมากครับ” ทั้งสามที่อยู่หลังรถรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงเย็นชาคนนี้ที่จริงก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไร ไม่แปลกใจที่สามีเธออย่างฉางเล่ยจะภูมิใจที่มีซูเมี่ยวจินเป็นภรรยา เพราะหลายครั้งที่คุยกัน ฉางเล่ยมักจะอวยความเก่งกาจของภรรยาเขาให้ทั้งสามฟังอย่างไม่อายเลยสักนิดซูเมี่ยวจินขับรถวนหาโรงแรมไม่นานก็พบกับโรงแรมเอกชนแห่งหนึ่ง เธอไม่รอช้าที่จะจอดรถด้านหน้าแล้วให้สามีไปสอบถามเรื่องการเปิดห้องพักสักหลายวันทันที ซูเมี่ยวจินคิดว่าจะอยู่ที่โรงแรมนี้จนกว่าการพนันหินเสร็จสิ้นลง ด้านโจวอู่หมิงกับลูกน้องก็สะพายกระเป๋าลงไปพร้อมฉางเล่ยด้วยเช่นกันฉางเล่ยไปสอบถามไม่นานก็เดินกลับมาที่รถแล้วบอกรายละเอียดกับซูเมี่ยวจินเรื่องห้องพักของโรงแรมแห่งนี้“ภรรยาครับ ราคาห้องพักธรรมดาคืนละ 30 หยวน ห้องพิเศษคืนละ 50 หยวน คุณจะให้ผมจองห้องพักแบบไหนดีครับ แล้วเราจะพักกันสักกี่วัน”
ระหว่างเดินทาง ฉางเล่ยหันไปคุยกับทหารที่อยู่หลังรถจนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันทั้งหมด ซูเมี่ยวจินปกติไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า เธอจึงฟังสิ่งที่สามีคุยกับพวกเขาเท่านั้น“พวกคุณย้ายที่ประจำการกันหรอกเหรอครับ แล้วทำไมถึงได้ถูกดักทำร้ายล่ะครับ”“คนพวกนั้นน่าจะเป็นโจรที่ประจำอยู่เส้นทางนี้น่ะครับ พวกเราก็ไม่คิดว่าจะถูกปล้นทั้งที่ยังสวมเครื่องแบบอยู่” ฟู่จือหยางตอบ“น่ากลัวมากเลยนะครับ ดีที่ผมกับภรรยาไม่ได้พบพวกมันก่อน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่าพวกคุณมากแน่” ฉางเล่ยพูดคุยอย่างเป็นกันเอง“สามี ข้างหน้าน่าจะเป็นเมืองเหยียนซานแล้ว เราจะได้แวะหาอะไรกินกันก่อน”“ครับ คุณขับหาร้านอาหารก่อนเลย ตอนนี้ยังไม่สายมากนัก โชคดีที่เรามาถึงเร็ว”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับคำแล้วสอดส่ายสายตามองหาร้านอาหารในเมืองไม่ถึง 15 นาที ซูเม
โจวอู่หมิงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งสองคนออกไปจากที่ซ่อนเพื่อดูว่าผู้หญิงที่มาช่วยพวกเขาไว้นั้นหน้าตาเป็นยังไง“คุณช่วยพวกเราได้ยังไงครับ” โจวอู่หมิงที่เดินออกมาถามหญิงสาวร่างสูงโปร่งแต่สายตาของเธอช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน“ใช่ ๆ ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เลยล่ะครับ” ฟู่จือหยางรีบถามต่อ“พวกคุณมีรถกันหรือเปล่า?” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตอบกลับคนแปลกหน้า เรื่องการต่อสู้ของเธอ เธอไม่อยากให้พวกเขารู้มากนัก“รถพวกเราถูกยิงพังหมดแล้วครับ แต่สัมภาระยังอยู่ในรถห่างจากตรงนี้ประมาณห้ากิโลเมตรครับ” ซ่งเซียวตอบ“ถ้าอย่างนั้นไปพักที่รถฉันก่อน ตามมา” น้ำเสียงเย็นชาของซูเมี่ยวจิน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าถามเรื่องก่อนหน้านี้อีกระหว่างเดินออกจากป่า ทั้งสามคนมองเห็นศพคนร้ายนอนคว่ำหน้าอยู่คนหนึ่ง ที่ด้านหลังมีรูเจาะทะลุเข้าไปตรงตำแหน่งหัวใจ พวกเขาเพิ่งเห็นว่าใน






