Masukซูเมี่ยวจินสอนวิธีการรีดพิษจากเขี้ยวงูให้ฉางเล่ยไปด้วย เมื่อเขาเข้าใจวิธีการรีดพิษแล้ว สองคนจึงช่วยกันทำงาน ครึ่งชั่วโมง งูพิษทั้งหมดก็ถูกรีดพิษออกจนหมด ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยส่งกล่องพิษงูให้กับเจ้าของร้าน
“ขอบคุณพวกคุณมากนะครับ พิษงูพวกนี้ผมให้ราคากล่องละ 10 หยวน พวกคุณคิดยังไงครับ” เถ้าแก่รับกล่องมาเก็บเอาไว้แล้วบอกราคา
“ตกลงค่ะ หนังงูกับดีงูคุณจะรับด้วยหรือเปล่าคะ” ซูเมี่ยวจินถาม
“รับครับ หนังงูผมให้ราคาแผ่นละ5 หยวน ส่วนดีงูผมให้ชิ้นละ 20 หยวนครับ รวมทั้งหมดผมรับซื้อที่ราคา 1,995 หยวน รอสักครู่นะครับ ผมไปเอาเงินให้ก่อน”
ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยพยักหน้ารับคำเจ้าของร้าน พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะขายงูได้ราคาดีมากขนาดนี้ นี่ยังไม่รวมราคาเห็ดหลินจือแดงที่ยังไม่ได้ตกลงกับเจ้าของร้านอีกนะ ทั้งสองไม่รู้เลยว่าคราวนี้จะได้เงินมากขนาดไหน
“นี่ครับ ผมให้พวกคุณสองพันหยวนเลย แล้วเห็ดหลินจือแดงที่คุณว่า ไม
“ผมขอซื้อต่อในราคาห้าหมื่นหยวน” ต้วนมู่ชิงรีบเอ่ยปากหลังจากเห็นหยก“ผมขอซื้อต่อแปดหมื่นหยวน” ชุ่ยฟ่านที่ยืนดูอยู่ด้วยเพิ่มราคาขึ้นอีก เขาอยากได้หยกก้อนนี้มากจริง ๆ หากนำไปทำกำไลหรือแหวนก็ยังทำได้หลายอัน กำไรที่เขาจะได้จากการขายหยกหลังเจียระไนจะเพิ่มขึ้นนับสิบเท่า“ผมขอซื้อต่อหนึ่งแสนหยวน” จ้าวเหวินซิงยอมทุ่มสุดตัว เขามีร้านค้าของตัวเองอยู่ที่เมืองหลวง ถึงแม้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนของต้วนมู่ชิงและชุ่ยฟ่าน แต่ก็นับว่ายืนหยัดมาได้นับร้อยปีแล้วเสียงเพิ่มราคาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งราคาไปหยุดอยู่ที่สามแสนหยวน โดยผู้ที่เสนอราคาสูงสุดยังคงเป็นต้วนมู่ชิง“สามแสนหนึ่งหมื่นหยวน” เสียงชุ่ยฟ่านดังขึ้นต่อ เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่“ชุ่ยฟ่าน คุณไม่คิดจะให้คนอื่นเขาได้ทำเงินบ้างหรือยังไง อย่าคิดว่าเป็นตระกูลใหญ่แล้วผมจะกลัวคุณนะ” ต้วนมู่ชิงพูดอย่างไม่พอใจ&
ต้วนมู่ชิงที่เพิ่งมาถึงตลาดค้าหินรีบเดินเข้าไปหาคนของเขาเพื่อสอบถามถึงคนที่เขาต้องการตัว“เจอคนน่าสงสัยบ้างไหม”“ผมเห็นแค่คู่สามีภรรยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้นครับเจ้านาย แต่พวกเขาไม่ได้เปิดหินนะครับ พวกเขาซื้อแค่หินดิบ”“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน” ต้วนมู่ชิงอยากรู้ว่าจะใช่คนที่เขาตามหาหรือเปล่า“อ่า… พวกเขาเดินมาโน่นแล้วครับเจ้านาย” บอดี้การ์ดหันไปเห็นซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยกำลังเดินออกมาพร้อมรถเข็นหินดิบหลายก้อนก็ชี้บอกเจ้านายทันทีต้วนมู่ชิงมองตามไปก็เห็นหญิงสาวสวยจัดสายตาเย็นชากำลังเดินอยู่ข้างผู้ชายร่างใหญ่ที่กำลังเข็นรถเข็นซึ่งในนั้นเต็มไปด้วยหินดิบจนแทบล้นออกมา“สองคนนั้นน่าจะเพิ่งเคยมาครั้งแรกจริง ๆ ฉันไม่คุ้นหน้าเลย” ต้วนมู่ชิงขมวดคิ้วพูด“เจ้านายจะให้ผมทำยังไงกับพวกเขาครับ”
เก้าโมงเช้าหลังกินอาหารเสร็จ พวกเขาก็มาถึงตลาดค้าหิน อาจเพราะมากันเช้าเกินไป ที่ลานจอดรถจึงมีเพียงรถยนต์สองสามคันเท่านั้น ฉางเล่ยขับไปจอดในแถวหน้าของลานจอดรถ วันนี้พวกเขาคงไม่ต้องเดินไกลกันเหมือนเมื่อวานนี้“ภรรยา วันนี้คุณจะผ่าหินหรือเปล่าครับ” ฉางเล่ยถามอย่างตื่นเต้น การลุ้นหินตอนผ่าเปิดทำให้เขารู้สึกสนุกมากจริง ๆ ยิ่งเวลาที่เห็นหยกด้านใน หัวใจของเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มที่ภรรยาคนสวยดวงดีจนได้หินหยกเนื้อดีมากมาย“ไม่ผ่าค่ะ เราเลือกแค่หินดิบแล้วหาซื้อเครื่องมือผ่าหินไปทำเองดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากถูกคนอื่นจับตามอง” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาถูกคนหลายกลุ่มเฝ้ามองอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว เหล่าบอดี้การ์ดของเศรษฐีในเมืองหลวงต่างคอยเฝ้ามองตลาดค้าหินกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อตามหาคนดวงดีที่เปิดหินหยกเนื้อดีได้เมื่อวานนี้“ตกลงครับ ถ้าอย่างนั้นเราซื้อหินดิบกลับไปเปิดกันที่บ้านดีไหม ผมกลัวว่าถ้าเปิดที่นี่แล้วจะถูกปล้นเอากลางทางน่ะครับ” ฉางเล่ยยังคงกังวลเรื่องโจรระหว่างทาง“ได้ค่ะ คุณอย่าลืมย้ายแกลลอนน้ำมันมาไว้ใกล้ท้ายกระบะนะคะ ส่วนหินดิบก็วางไว้ด้านใน เวลาเติมน้ำมันระหว่างทางเราจะได้ไม่
“หยกของคุณทั้งหมดผมรับซื้อในราคาห้าแสนหยวน ไม่ทราบพวกคุณคิดยังไงครับ”ผู้จัดการเถาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าลูกค้าทั้งสองจะทราบไหมว่าหยกแก้วทั้งสองก้อนใหญ่นั้นหากนำไปประมูลแล้วมูลค่าของมันจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียวเชียวนะซูเมี่ยวจินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ทราบราคาในการประมูลหยกล้ำค่าแต่แรก เมื่อหันไปมองสามีที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเสียแล้ว ซูเมี่ยวจินจึงได้แต่ต้องพยักหน้ารับคำผู้จัดการเถาว่าเธอรับราคานี้ได้“รบกวนพวกคุณรอที่นี่สักครู่นะครับ ผมจะไปจัดการนำเงินเข้าไว้ในบัตรให้คุณ”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนปกติ เธอไม่ได้สนใจว่าร้านจะจ่ายเงินให้พวกเธอยังไงแต่แรก เมื่อได้ยินว่าผู้จัดการสามารถนำเงินเข้าบัตรกดเงินได้ก็ทำให้เธอโล่งใจไม่น้อย นับว่าเมืองเถิงซงนี้ก้าวหน้ามากกว่าเมืองเจิ้งไห่ที่สามารถนำเงินโอนเข้าในบัตรกดเงินได้ฉางเล่ยหลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ เมื
ซูเมี่ยวจินชี้บอกหินที่เธอต้องการให้สามีหยิบให้ หินในกองนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน เธอจึงให้เขาหยิบมาเพียงสามก้อน เพราะกลัวว่าเงินที่นำมาจะไม่พอ“ภรรยา พอแล้วเหรอครับ” ฉางเล่ยที่หยิบหินใส่รถเข็นถามขึ้น“พอก่อนดีกว่าค่ะ ให้ร้านคิดเงินแล้วผ่าหินดูกันเถอะ” ซูเมี่ยวจินทั้งที่รู้ว่าหินก้อนใหญ่ทั้งสามนั้นเป็นหยกคุณภาพดีทั้งหมดบอกสามี“ตกลงครับ พี่ชาย ช่วยคิดเงินแล้วเอาหินไปผ่าให้ด้วยครับ” ฉางเล่ยหันไปบอกพนักงานที่ยืนรออยู่ห่างออกไปนิดหน่อย“เชิญมาคิดเงินกับผมทางนี้เลยครับ” พนักงานผายมือเชิญพวกเขาไปยังโต๊ะคิดเงินที่อยู่ไม่ไกลนักซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่เข็นรถอยู่ตามไปติด ๆ ดีที่ร้านนี้ไม่มีคนเข้ามาอีก พวกเขาจึงไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา“หินก้อนเล็กทั้งหมดห้าก้อน ราคา 800 หยวนครับ ส่วนก้อนใหญ่สามก้อนนั้นราคา 4,000 หยวนครับ” พนักงานคิดเงินตามขนาดข
“ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกคุณโจวจะเป็นยังไงบ้างนะครับ” ฉางเล่ยพูดระหว่างที่กำลังกินอาหารที่สั่งไปก่อนหน้านี้ พวกเขาตื่นสายจนไม่ได้ออกมาส่งทหารพวกนั้น“พวกเขาคงกลับไปทำหน้าที่แล้วล่ะค่ะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”“ผมเห็นพวกเขาแล้วก็อยากเป็นทหารอย่างพวกเขาบ้าง สวัสดิการทหารดีมากจริง ๆ ผมจะได้ปกป้องคุณกับครอบครัวได้ด้วย” ฉางเล่ยเอ่ย“แต่ฉันไม่อยากให้คุณลำบากนะคะ เราไม่มีเส้นสาย ถ้าคุณสมัครเป็นทหาร กว่าตำแหน่งของคุณจะก้าวหน้าก็คงอีกหลายสิบปีเลยล่ะ” ซูเมี่ยวจินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เธอไม่คิดว่าอาชีพทหารจะเหมาะกับสามีเธอ แล้วเธอก็ไม่อยากให้เขาต้องไปเสี่ยงอันตรายในหน้าที่การงานแบบนี้“คุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ” ฉางเล่ยเอ่ยอย่างเสียดายที่ภรรยาไม่อยากให้เขาเป็นทหาร“หรือคุณอยากทิ้งฉันกับครอบครัวไปล่ะคะ” ซูเมี่ยวจินตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ หากเขาสมัครทหารก็จะต้องไปพักอยู่ที่ค






