Beranda / ระบบ / ซูเมี่ยวจิน / หมู่บ้านเติ้ง

Share

หมู่บ้านเติ้ง

Penulis: 橙花
last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-07 08:08:02

ฉางเล่ยใช้เวลาแบกซูเมี่ยวจินกลับมาถึงหน้าหมู่บ้านเติ้งเกือบสองชั่วโมง เพราะสภาพภูมิประเทศที่ลาดชัน ทำให้เขาไม่กล้าเดินเร็วนักจนเกิดอุบัติเหตุและทำให้หญิงสาวบนหลังต้องถูกกระทบกระเทือนมากนัก

ชาวบ้านที่นั่งคุยกันใต้ร่มไม้หน้าหมู่บ้านเห็นฉางเล่ยแบกหญิงสาวแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านจึงพากันมองพวกเขาเป็นตาเดียวกัน

“ฉางเล่ย! แกแบกผู้หญิงที่ไหนมาน่ะ หรือเอามาเป็นเจ้าสาวกันล่ะ ฮ่า ฮ่า” แม่เฒ่าฮัวจอมปากมากของหมู่บ้านเอ่ยล้อเลียนฉางเล่ยที่อายุเกือบ 30 แล้วก็ยังไม่ได้แต่งงาน

“นั่นสิ ๆ ผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่เลว ถึงบ้านฉางจะจนก็น่าจะพอเลี้ยงดูได้อยู่” ป้าซิงที่เป็นพวกเดียวกันกับแม่เฒ่าฮัวพูดขึ้นมาบ้างเมื่อมองเห็นใบหน้าของซูเมี่ยวจิน

“พวกคุณอย่าพูดให้เธอเสียหายสิครับ เธอบาดเจ็บอยู่บนภูเขา ผมช่วยเธอลงมาเท่านั้น ไม่ได้คิดเรื่องไม่ดีอย่างที่พวกคุณว่าสักนิด” ฉางเล่ยขมวดคิ้วมุ่น คำพูดของคนแก่พวกนี้ช่างระคายหูสุภาพบุรุษอย่างเขาจริง ๆ

“เพ้ย! ทำเป็นพูดดีไปเถอะฉางเล่ย คนอย่างแกจะมีใครเขาเอาทำผัวกันเล่า บ้านก็จนถึงขนาดนั้นน่ะ” ป้าฟางพูดด้วยความหมั่นไส้ฉางเล่ยที่ป่านนี้ยังทำเป็นปากแข็งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอยู่ได้ ทั้งที่ตัวเองกำลังจะขึ้นคานอยู่มะรอมมะร่อ

“ป้าฟางพูดถูก ถ้าแกยังไม่ขอผู้หญิงคนนี้แต่งงาน ชาตินี้ก็อย่าหวังว่าจะมีเมียเลย”

เสียงซุบซิบนินทาที่ดังไปทั่วบริเวณหน้าหมู่บ้าน ทำให้หลายคนที่กำลังเดินกลับบ้านหลังจากทำงานแลกแต้มต่างมามุงดูฉางเล่ยกับผู้หญิงแปลกหน้าบนหลังเขา หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉางเล่ยน่าจะได้เมียแน่

“พวกคุณเลิกพูดได้แล้ว ผมจะพาเธอกลับไปรักษาตัวที่บ้าน แล้วก็ขอความกรุณาอย่าพูดเรื่องอกุศลแบบนี้ให้ผมได้ยินอีก ไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องผู้ใหญ่บ้าน” ฉางเล่ยมองกราดไปยังคนในหมู่บ้านที่พูดถึงเขากับซูเมี่ยวจินอย่างเอาเรื่อง

“เชอะ! แค่พูดความจริงเข้าหน่อยทำเป็นรับไม่ได้ จะกลับบ้านก็รีบไปเลยไป” แม่เฒ่าฮัวเห็นท่าทางเอาจริงของฉางเล่ยจึงไม่อยากให้เรื่องลามไปถึงหูผู้ใหญ่บ้าน

“ขอโทษด้วยนะครับคุณซู ชาวบ้านพวกนี้ความคิดตื้นเขิน ทำให้คุณต้องเสียชื่อเสียงเพราะผมแล้ว ผมจะรีบพาคุณกลับบ้านก่อน” ฉางเล่ยเอ่ยเบา ๆ และเร่งฝีเท้ากลับบ้าน

“อืม… ไม่ใช่ความผิดของคุณ” ซูเมี่ยวจินเอ่ยเบา ๆ ข้างหูของฉางเล่ย ทั้งที่ในใจของเธอนั้นมีเสียงระบบเร่งให้เธอรีบจีบผู้ชายที่กำลังแบกเธออยู่จะได้ใช้ประโยชน์จากระบบเพื่อทำให้ครอบครัวสามีเธอร่ำรวยขึ้นเสียที

[หุบปาก! ฉันรำคาญแกเต็มทนแล้วนะเจ้าระบบ หัดดูความเป็นจริงก่อนจะสั่งให้ฉันขอผู้ชายแต่งงานเสียบ้างสิ คนเพิ่งเจอกันแท้ ๆ]

[เจ้านายพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ คุณก็ได้ยินแล้วว่าชาวบ้านดูถูกเขายังไง ผมแค่หวังดีอยากให้คุณใช้ประโยชน์จากระบบของผมได้เร็ว ๆ เท่านั้นเอง]

[ชิ! รอไปก่อนเถอะน่า ถึงเวลาเมื่อไหร่ฉันจะพูดเรื่องแต่งงานกับเขาเอง]

[ครับ ๆ ถ้าอย่างนั้นผมจะรอเจ้านายเปิดใช้งานต่อไปนะครับ]

ซูเมี่ยวจินได้แต่ทอดถอนหายใจยาวเมื่อเสียงของระบบเงียบเสียที เธอล่ะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ ๆ ถึงได้มีระบบที่บ้าบอมากขนาดนี้หลังจากเธอบาดเจ็บสาหัส

ฉางเล่ยเดินมาถึงหน้าประตูรั้วไม้เก่าคร่ำคร่า เขาค่อย ๆ เปิดประตูแล้วเข้าไปในบ้านเพื่อดูว่าพ่อกับแม่กลับจากทำงานแลกแต้มกันหรือยัง แต่เมื่อเห็นว่าประตูในบ้านยังปิดอยู่ เขาจึงรู้ว่าพ่อกับแม่ยังไม่กลับมา

“คุณนั่งรอที่แคร่หน้าบ้านก่อนนะครับ พ่อกับแม่ผมคงกำลังกลับมา ผมไม่มีกุญแจ”

ฉางเล่ยวางร่างของซูเมี่ยวจินให้นั่งลงบนแคร่ไม้ในบ้านเบา ๆ เพราะกลัวว่าเธอจะยังเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บ

“ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยฉัน” ซูเมี่ยวจินพยายามยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร แต่ด้วยสายตาอันดุร้ายที่เคยชิน ทำให้รอยยิ้มนี้ดูน่ากลัวจนฉางเล่ยหดคอและยิ้มแหยกลับมา

“คุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ผมเอาเหยื่อไปทำความสะอาดที่หลังบ้านก่อน”

“คุณไปเถอะ ฉันจะรอพ่อแม่คุณที่นี่เอง” ซูเมี่ยวจินพยักหน้าให้เขารีบไป

ฉางเล่ยยกตะกร้าเหยื่อเดินลับหายไปที่ด้านข้างบ้านหลังเล็กตรงหน้าของซูเมี่ยวจินในเวลาไม่นาน เธอมองสำรวจบ้านที่หลังจากนี้จะต้องขออาศัยอยู่ก็ได้แต่นึกถึงคำพูดของชาวบ้านว่าบ้านฉางยากจน นับว่าพวกชาวบ้านกล่าวไม่เกินจริงเลย ลักษณะของบ้านหลังเล็กตรงหน้าทำจากดินเหนียว ต่างจากบ้านอื่นที่ทำจากไม้บ้าง ปูนบ้างซึ่งเธอสังเกตระหว่างทางมาที่บ้านหลังนี้ ตอนนี้ซูเมี่ยวจินไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมระบบนั่นจึงเร่งรีบให้เธอแต่งงานกับเขาเพื่อช่วยเหลือครอบครัวนี้

20 นาทีต่อมา พ่อแม่ของฉางเล่ยก็กลับมาถึงบ้าน พวกเขามองหญิงสาวร่างบางที่นั่งบนแคร่หน้าบ้านพวกเขาอย่างแปลกใจ ถึงแม้จะได้ยินพวกชาวบ้านพูดถึงเรื่องลูกสะใภ้ที่ลูกชายพามาก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่พวกเขาที่เป็นคนซื่อสัตย์ย่อมไม่คิดว่าลูกชายจะทำเรื่องอย่างที่ชาวบ้านว่าได้

“เอ่อ คุณหนูใช่คนที่ลูกชายเราช่วยไว้หรือเปล่าจ๊ะ” หลิวเอ้อหลิงถามขึ้นอย่างคนขาดความมั่นใจ

“ใช่ค่ะคุณป้า ต้องขอบคุณฉางเล่ยที่ช่วยฉันเอาไว้ค่ะ หลังจากนี้ต้องรบกวนคุณลุงคุณป้าด้วยนะคะ” ซูเมี่ยวจินยิ้มบางตอบกลับอย่างสุภาพ

“โอ้! แม่หนูบาดเจ็บมาหรือเปล่า ลุงได้ยินชาวบ้านบอกว่าอาเล่ยต้องแบกแม่หนูกลับมาเลยนะ” ฉางชิงหยูยิ้มถามด้วยใบหน้าซื่อ ๆ ไม่ต่างจากลูกชาย

“ใช่ค่ะคุณลุง รอให้หนูหายดีก่อน หนูจะช่วยงานตอบแทนบุญคุณพวกคุณนะคะ”

“ไม่เป็นไร ๆ ว่าแต่แม่หนูบาดเจ็บหนักมากไหม? ต้องหาหมอหรือเปล่า” หลิวเอ้อหลิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล พวกเขาไม่มีเงินมากพอจะพาหญิงสาวตรงหน้าไปหาหมอในเมืองที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านไปถึงห้ากิโลเมตร

“ไม่ต้องค่ะคุณป้า แค่พักผ่อนอีกสักหลายวันก็น่าจะหายดีค่ะ” ซูเมี่ยวจินเข้าใจถึงความลำบากของครอบครัวฉางดี เธอจึงคิดจะรักษาร่างกายตัวเองแทน

“พ่อ แม่! รีบเปิดประตูบ้านเถอะครับ แม่ช่วยหาเสื้อผ้ามาให้เธอเปลี่ยนด้วยนะครับ ผมกลัวเธอจะเป็นไข้ หลังแช่น้ำมานาน” ฉางเล่ยเดินออกมาเห็นพ่อกับแม่กำลังคุยกับซูเมี่ยวจินอยู่จึงรีบเอ่ยบอกทันที

“ได้ ๆ รอเดี๋ยวนะ พ่อจะเปิดเดี๋ยวนี้แหละ” ฉางชิงหยูรีบวางจอบลงและเดินไปเปิดประตูบ้านหลังเล็กตามที่ลูกชายร้องขอ

“ฉางเล่ย ให้แม่ช่วยพยุงคุณหนูคนนี้แทนดีไหม แม่ไม่อยากให้ชาวบ้านเอาไปลือจนเธอเสียหายอีก” หลิวเอ้อหลิงที่เห็นลูกชายกำลังจะอุ้มซูเมี่ยวจินขึ้นมารีบเอ่ยบอก

“อ่า… คุณพอจะเดินเองไหวไหม?” ฉางเล่ยก้มหน้าถามซูเมี่ยวจิน

“ยังไม่ไหวค่ะ รบกวนคุณอุ้มฉันเข้าไปด้านในหน่อยเถอะนะคะ เรื่องชื่อเสียงอะไรนั่นก็ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ เราห้ามปากคนพูดไม่ได้อยู่แล้ว” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่อยากขยับตัวมากนักด้วยกลัวแผลที่เพิ่งหายจะเปิดขึ้นมากล่าว

“เอ่อ… จะดีหรือคุณหนู?” หลิวเอ้อหลิงยังกังวล

“ดีสิคะคุณป้า หนูเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ คุณป้าไม่ต้องกังวลเรื่องชื่อเสียงพวกนั้นหรอกนะคะ หรือถ้าคนอื่นต่อว่าฉางเล่ย หนูจะออกหน้าให้เขาเองค่ะ” ซูเมี่ยวจินยืนยันในสิ่งที่ตัวเองต้องการอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าแม่ของฉางเล่ยกลัวอะไร

“แม่! อย่าพูดมากเลยน่า ในเมื่อคุณหนูไม่รังเกียจฉางเล่ย ก็ปล่อยให้เขาดูแลเธอเถอะ” ฉางชิงหยูเดินกลับมาบอกภรรยาที่ยืนกังวลอยู่หน้าบ้าน

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ” ฉางเล่ยเอ่ยก่อนจะอุ้มร่างบางของซูเมี่ยวจินขึ้นอีกครั้ง

“รีบพาเธอเข้าไปในห้องของลูกก่อนเถอะ แม่จะไปเอาเสื้อผ้าของน้องมาให้”

หลิวเอ้อหลิงร้องบอกลูกชาย ก่อนจะเดินไปห้องลูกสาวที่ยังไม่กลับจากโรงเรียนในเมืองเพื่อนำเสื้อผ้าสะอาดมาให้แขกเปลี่ยน ตอนนี้เธอไม่อยากเรื่องมากอีกในเมื่อซูเมี่ยวจินเป็นคนเอ่ยปากอนุญาตให้ลูกชายเธอแตะเนื้อต้องตัวได้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซูเมี่ยวจิน   เจ้าสาวสวยมาก

    “โอ้! เจ้าสาวของฉางเล่ยสวยมากจริง ๆ” เสียงลุงใหญ่บ้านฉางที่ตั้งสติได้เป็นคนแรกอดจะชมเสียงดังไม่ได้“ใช่ ๆ เจ้าสามได้ลูกสะใภ้สวยจริง ๆ” พี่ชายหลิวเอ้อหลิงที่เห็นหลานสะใภ้เอ่ยเสริมขึ้นมาเสียงดังเช่นเดียวกัน“พวกลุงอย่าแกล้งภรรยาผมสิครับ ดูสิ เธอทำตัวไม่ถูกแล้ว” ฉางเล่ยยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานกับคนสวยตรงหน้า เขารู้ดีว่าสีหน้าของซูเมี่ยวจินตอนนี้คงกำลังเขินอายอยู่ ไม่อย่างนั้นแก้มของเธอคงไม่แดงก่ำขึ้นมาจนลามไปถึงคออย่างที่เขากำลังเห็นเป็นแน่“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะคุณลุง” ซูเมี่ยวจินได้ยินฉางเล่ยพูดขึ้น เธอจึงสงบจิตใจตอบกลับผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม สายตาคมดุของเธอมองเจ้าบ่าวที่วันนี้หล่อมากในสายตาเธอก็อดที่จะมองเขาสักหลายทีไม่ได้เช่นกันเหล่าผู้อาวุโสเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวแอบมองกันไปมาก็รีบผลักพวกเขาให้ไปรอต้อนรับแขกที่ลานหน้าบ้าน ฉางเล่ยที่ตั้งตัวได้ก่อนจึงจับมือซูเมี่ยวจินเดินออกไปตามคำสั่งของผู้ใ

  • ซูเมี่ยวจิน   วันแต่งงาน

    หลังกินข้าวเสร็จ ฉางชิงหยูอาสาไปเชิญเพื่อนบ้านที่สนิทกันและยืมโต๊ะเก้าอี้มาไว้ใช้ในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้ หลิวเอ้อหลิงบอกให้ฉางเล่ยไปขอซื้อไก่จากเพื่อนบ้านพวกนั้นมาสักหลายตัวเพื่อทำอาหารขึ้นโต๊ะในงานแต่งงาน หลังจากดูแล้วว่ายังขาดเมนูไก่ไปหนึ่งอย่าง สองพ่อลูกจึงออกจากบ้านไปด้วยกันหลิวเอ้อหลิงกับซูเมี่ยวจินจึงช่วยกันตกแต่งบ้านต่อ เหลืออีกเพียงนิดหน่อยก็ตกแต่งเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้บ้านฉางเต็มไปด้วยกระดาษและผ้าสีแดงเต็มไปหมด ในห้องนอนของฉางเล่ยเองก็ถูกติดกระดาษเอาไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูเป็นสีแดงมงคล หลิวเอ้อหลิงรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าจึงจะเข้าไปเปลี่ยนให้ลูก ๆ“แม่คะ ฉันติดเสร็จหมดแล้วค่ะ จะให้ทำอะไรต่อคะ” ซูเมี่ยวจินถามขึ้น“ไม่มีอะไรแล้วจ๊ะ เราไปปั้นแป้งเตรียมทำบัวลอยวันพรุ่งนี้กันดีไหม” หลิวเอ้อหลิงนึกถึงขนมบัวลอยที่บ่าวสาวต้องกินในวันแต่งงานขึ้นมาได้ เธอไม่อยากเสียเวลาเตรียมของพรุ่งนี้จึงคิดจะทำเอาไว้ก่อน“ได้ค่ะแม่&r

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายเขากวาง

    “เชิญคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายด้านในเลยครับ” เจ้าของร้านผายมือเชิญอย่างนอบน้อม ต่างจากครั้งก่อนที่พวกเขามาขายโสมราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ“ขอบคุณครับ/ค่ะ” ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินเห็นเถ้าแก่ทำแบบนี้เลยไม่อยากเสียมารยาท“พวกคุณนั่งก่อนครับ วันนี้จะมาขายเขากวางในมือนั่นหรือเปล่าครับ” เถ้าแก่ถามด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ เพราะเขากำลังจะได้ของดีมาขายอีกแล้ว“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรับซื้อยังไงคะเถ้าแก่” ซูเมี่ยวจินถามตรง ๆ เธอไม่เคยขายเขากวางมาก่อนจึงไม่รู้ว่าราคาตลาดเป็นอย่างไร“เขากวางสดขายราคาเป็นขีดครับคุณผู้หญิง เขากวางของคุณใหญ่ขนาดนี้น่าจะได้ราคาสูงมากทีเดียว หลายปีแล้วที่ร้านขายยาไม่มีเขากวางขายครับ” เถ้าแก่บอกตรง ๆ เพื่อที่เขาจะได้รับซื้อเขากวางและนำไปขายทำกำไรต่อเหมือนเคย“ขีดละเท่าไหร่หรือคะเถ้าแก่ ถ้าราคาต่ำไป ฉันจะได้เก็บเอาไว้ก่อน” ซูเมี่ยวจินไม่คิดว่า

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายกวาง

    ฉางเล่ยถึงกับทึ่งในฝีมือการใช้หน้าไม้ของซูเมี่ยวจิน แต่เขาไม่มีเวลาสงสัยมากนักเมื่อเธอบอกให้เขารีบเข้าไปกลบเลือดกวางที่ตาย เพื่อป้องกันไม่ให้หมาป่าหรือสัตว์ดุร้ายตัวอื่นตามกลิ่นเลือดมาซูเมี่ยวจินมองหาไม้ใหญ่และเถาวัลย์เพื่อใช้มัดกวาง ดีที่ป่าตรงนี้มีทุกอย่างที่เธอต้องการ ซูเมี่ยวจินใช้เวลาไม่นานก็นำของทั้งหมดไปจัดการมัดกวางเอาไว้“ช่วยฉันแบกมันลงจากเขากันเถอะค่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ” ซูเมี่ยวจินยังคงกลัวว่าจะกลับบ้านค่ำมืดเกินไป“สี่โมงเย็นพอดีครับ” ฉางเล่ยยกไม้ที่มีกวางถูกมัดอยู่ขึ้นพาดไหล่อย่างไม่หนักแรง“เรารีบกลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเอามันไปขายในอำเภอนะคะ”“ตกลงครับ ว่าแต่พรุ่งนี้เราจะใช้จักรยานหรือรถยนต์ไปในอำเภอดีครับ”“ฉันว่าเอาสามล้อของพ่อไปดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นรถยนต์เราเร็วนัก ยังไงวันแต่งงานก็ต้องเอารถออกไปจอดหน้าบ้านอย

  • ซูเมี่ยวจิน   อยากขึ้นเขา

    ทั้งสองกลับมาถึงบ้านก่อนเที่ยงนิดหน่อย หลังจากเก็บเนื้อและผักแช่ไว้ในบ่อน้ำหลังบ้านแล้ว ซูเมี่ยวจินก็ไปอุ่นอาหารรอฉางเล่ยที่กำลังเอาสามล้อไปคืนพ่อที่ไร่ เธอคิดว่าช่วงบ่ายไม่มีอะไรทำ จึงอยากชวนฉางเล่ยขึ้นเขาไปล่าสัตว์ หาสมุนไพรดูสักหน่อย เผื่อว่าจะโชคดีได้เงินอีกสักก้อนฉางเล่ยกลับมากินข้าวพร้อมซูเมี่ยวจินในเวลาไม่นานนัก ระหว่างที่กำลังกินมื้อเที่ยงกันอยู่ ซูเมี่ยวจินก็ชวนฉางเล่ยขึ้นเขา“คุณแน่ใจเหรอว่าจะขึ้นเขาบ่ายนี้” ฉางเล่ยเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง“ใช่ค่ะ ยังไงบ่ายนี้พวกเราก็ไม่มีอะไรทำ คุณไม่ได้ไปดูกับดักสัตว์หลายวันแล้ว เผื่อว่าจะได้สัตว์ไปขายในอำเภอพรุ่งนี้สักตัวสองตัวก็ยังดีนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเสร็จ ผมจะเอากุญแจบ้านไปให้พ่อก่อน คุณรอผมที่บ้านนะครับ ผมไปไม่นาน” ฉางเล่ยพยักหน้าตอบรับ เขาลืมไปเลยว่าวางกับดักสัตว์เอาไว้หลายวันแล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานจึงไม่ได้ขึ้นไปดู

  • ซูเมี่ยวจิน   เตรียมงาน

    ฉางชิงหยูกับหลิวเอ้อหลิงไปถึงบ้านหลิวในเวลาไม่นาน สองเฒ่าชราที่อายุน้อยกว่าพ่อเฒ่าฉางหลายปีออกมาต้อนรับลูกเขยกับลูกสาวด้วยความดีใจ พอรู้ว่าหลานชายกำลังจะแต่งงาน ทั้งสองก็ดีใจมาก“พวกเราจะไปแน่นอนเอ้อหลิง พ่อกับแม่จะให้พี่ใหญ่เธอพาไปเอง ตั้งแต่หลาน ๆ ไปทำงานในอำเภอ พวกเราก็สบายขึ้นมาก จักรยานที่บ้านก็มีถึงสองคัน ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราจะไปกันตั้งแต่เช้ามืดเลย” แม่หลิวรีบบอกพร้อมรอยยิ้มชรา“ใช่ ๆ นานแล้วที่บ้านเราไม่มีงานมงคล” พ่อหลิวเองก็ดีใจไม่น้อยที่หลานชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ทั้งที่อายุก็ไม่น้อยแล้ว“ถ้าพ่อแม่ไม่อยากตื่นเช้านัก พวกเราปั่นจักรยานมารับพวกคุณได้นะคะ” หลิวเอ้อหลิงไม่อยากทำให้พ่อแม่ลำบาก เธอจึงหันไปมองสามี“ใช่ครับ ผมปั่นสามล้อมารับดีไหมครับ พ่อกับแม่จะได้นั่งกันสบายหน่อย”“ไฮ้! ไม่เป็นไร ๆ พวกเราชอบนั่งพ่วงหลังจักรยานของเสี่ยวเค่อมากกว่า” พ่อเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status