บทที่ 5 พี่สาว พี่เขย
ดาวลดาหันไปทางบิดา คลี่ยิ้มกว้างก่อนวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มอีกหนึ่งทีด้วยความรัก
“จริงด้วยค่ะ ยังมีอีกหนึ่งหนุ่มที่รักแยมมาก แยมลืมได้ไงกันเนี่ย”
“แล้วรักป๋าเท่าป้าเขาไหมล่ะ” อาทิตย์หอมแก้มลูกสาวแรงๆ ด้วยความรัก เขาต้องไปทำงานอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เดือนนภาที่เป็นลูกสาวคนโตเริ่มเข้าประถม และดาวลดาซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กมีอายุแค่หนึ่งขวบ เหตุผลที่เขาไปครั้งนั้นก็เพื่อความอยู่รอดของปากท้อง และไปเพื่อลืมความเจ็บช้ำที่ต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รัก เขาทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินส่งกลับมาให้พี่สาวทั้งสองได้เลี้ยงดูลูกน้อย
อีกสิบห้าปีต่อมาจึงกลับมาที่เมืองไทย ลงทุนร่วมหุ้นเปิดบริษัทรับเหมากับเพื่อนสนิท จนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจำนวนมหาศาลภายในระยะเวลาแค่สามปี แต่เงินทองไม่เคยเข้าใครออกใคร ในที่สุดเขาก็จับได้ว่าถูกเพื่อนสนิทที่รักมากที่สุดโกง จึงตัดสินใจถอนตัวออกมาโดยไม่ได้เครื่องมืออะไรมาสักอย่าง แต่เขาก็ไม่เคยเสียใจ เพราะตลอดเวลาสามปีเขาก็เก็บเกี่ยวมาได้เยอะพอสมควร จึงคิดเสียว่าของพวกนั้นมอบให้เพื่อนเพื่อเป็นการต่อทุนให้มัน
เมื่อแยกตัวกับเพื่อนแล้วเขาจึงตัดสินใจมาเปิดร้านอาหารที่หน้าบ้านซึ่งมีทำเลที่ดีอยู่แล้ว จากที่คิดว่าทำเล่น ๆ เพื่อหารายได้ใช้จ่ายไปวัน ๆ เมื่อมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็กลายมาทำเป็นจริงเป็นจังจนถึงทุกวันนี้
“รักสิคะ รักป๋ามากที่สุดในโลกเลยค่ะ แต่ป๋าอย่าลืมรักพี่เยลด้วยนะคะ ถ้าพี่เยลรู้ว่าป๋ารักแยมคนเดียวคงงอนแน่เลยค่ะ” ดาวลดาแหย่บิดา “พูดถึงเรื่องนี้แล้วแยมเพิ่งนึกออก วันเสาร์นี้แยมมีทัวร์ไปเกาหลีค่ะ จะฝากอะไรไปให้พี่เยลไหมคะ”
“ก็พรุ่งนี้แล้วสิ ถ้างั้นป้าจะรีบตำเครื่องแกงจะได้ฝากไปให้พี่เยลเขา” ดวงเดือนกล่าวอย่างกระตือรือร้น นางรู้ว่าหลานสาวคนโตชอบอาหารรสชาติไทยๆ ซึ่งเครื่องปรุงบางชนิดที่นั่นไม่มี นางและน้องสาวจึงมักจะตำเครื่องแกงหลายชนิดฝากไปให้เสมอ เพราะถ้าเครื่องแกงอร่อยใส่ผักใส่เนื้ออะไรก็อร่อยทั้งนั้น
“ได้ทุกอย่างเลยค่ะ”
“ป๋าไม่รู้จะฝากอะไรถึงพี่เขาดี ฝากบอกพี่เขาด้วยละกันว่าป๋าฝากความรักไปให้”
“ได้เลยค่ะป๋า เดี๋ยวแยมจัดให้” ดาวลดาหัวเราะคิกคักกับคารมของบิดาที่หนุ่มๆ บางคนยังต้องยกนิ้วให้
“แยมรีบมาอาบน้ำเร็วลูก ป้าผสมน้ำนมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว น้ำกำลังอุ่นพอดีเลย ถ้าช้าเดี๋ยวจะเย็นเอานะ” ดวงดาวเดินออกมาเรียกเมื่อเห็นหลานสาวไม่เข้าบ้านเสียที
“ค่ะป้าดาว” ดาวลดารีบปล่อยแขนจากเอวบิดาแล้ววิ่งไปกอดป้าดาว หอมแก้มนางแรงๆ หนึ่งทีก่อนจะวิ่งตรงไปขึ้นบันไดไปยังห้องนอน
ประเทศเกาหลี
วันแรกของการเดินทางข้ามประเทศสิ้นสุดลง เมื่อลูกทัวร์เข้าที่พักเรียบร้อยแล้วตอนเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ดาวลดากลับเข้าห้องพักเปิดกระเป๋าหยิบของฝากทั้งหลายใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่ เรียบร้อยแล้วจึงคว้ากระเป๋าสะพายมาคล้องคอ
“ขอบใจจ้ะ” กล่าวกับเพื่อนร่วมงานที่ช่วยหิ้วกระเป๋าผ้าที่บรรจุของฝากส่งให้
“อย่าโม้เพลินล่ะ พรุ่งนี้แปดโมงล้อหมุนนะจ๊ะพี่แยม” สมฤดีดักคอเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ไว้ล่วงหน้า
“พรุ่งนี้พี่ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า จำได้หรอกน่าสาวน้อย” บีบแก้มสมฤดีเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว “พี่ไปก่อนนะ หิ้วท้องรอนะคืนนี้จะซื้อโซจูมาฝาก ห้ามออกไปไหนด้วยล่ะเดี๋ยวหลง” แกล้งแหย่และเตือนอย่างเป็นห่วง เพราะนี่เป็นการเดินทางมาทำทัวร์นอกประเทศครั้งแรกของอีกฝ่าย
“ทราบค่ะคุณพี่ ถ้าหนูรอพี่ไม่ไหวจริง ๆ เดี๋ยวหนูจะไปเรียกพี่ยูไปเป็นเพื่อน” เธอหมายถึงไกด์หนุ่มชาวไทยที่ปักหลักทำงานอยู่กับบริษัททัวร์ของเกาหลีที่เป็นคู่ค้ากับบริษัททัวร์ของเจ้านาย
“โทษทีพี่ลืมไปว่ายังมีพี่ยูอีกคน พี่ไปก่อนนะ”
“จ้ะ” สมฤดีรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ดาวลดา
วูซองอารีบเดินไปเปิดประตูรั้วเมื่อเห็นจากอินเตอร์คอมว่าเป็นใครที่ส่งเสียงทักทายเข้ามา
“สวัสดีค่ะพี่เขย” ดาวลดาทักทายเป็นภาษาไทยพร้อมยกมือไหว้
“ซาหวัดดีคับแยมมี่” วูซองอารับไหว้และทักทายกลับเป็นภาษาไทยเช่นกัน นี่คือสิ่งหนึ่งที่น้องเมียของเขาจะทำเสมอเมื่อได้เจอหน้ากัน
หญิงสาวหัวเราะอย่างพอใจกับการใช้ภาษาไทยของพี่เขย “พี่เยลล่ะคะพี่เขย” และกลับมาใช้ภาษาเกาหลี ซึ่งเป็นภาษาหนึ่งในห้าที่เธอสามารถพูดได้ดีพอสมควร เพราะผ่านการเรียนมาอย่างต่อเนื่อง
“เยลลี่กำลังอาบน้ำ รีบเข้ามาก่อนสิ” วูซองอายื่นแขนไปคว้าเอาถุงผ้าใบใหญ่จากมือของน้องเมียมาถือไว้เอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงเป็นของฝากจากทางบ้านของภรรยาสุดที่รัก ตั้งแต่เขาอยู่กับเธอเขากลายเป็นคนที่กินเผ็ดและกินอาหารไทยเก่งขึ้นมาก ส่วนหนึ่งก็มาจากของฝากเหล่านี้
“แยม!” เดือนนภาลงจากบันไดพอดีเมื่อประตูบ้านเปิดออก และเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มาก็เรียกอย่างยินดี
“สวัสดีค่ะพี่เยล” ดาวลดารีบวิ่งไปหาพี่สาว แล้วกอดร่างตุ้ยนุ้ยเพราะกำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกว่าๆ ไว้แน่น “คิดถึงพี่เยลจังเลยค่ะ ป้าฝากเครื่องแกงมาให้ตั้งหลายอย่าง ป๋าก็ฝากความรักมาให้เพียบเลยค่ะ ส่วนของแยม.. ว้า! แยมลืมเอามาจากโรงแรมน่ะพี่เยล” ตั้งใจจะเอามาให้พี่สาวดีใจซะหน่อย ดันลืมซะนี่
“ไม่เป็นไร วันหลังก็ได้แยม” เดือนนภาคลี่ยิ้มกว้าง แค่เห็นหน้าน้องสาวเธอก็ดีใจมากแล้ว ของฝากไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอสักนิด “กินข้าวมาหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ ตั้งใจจะมากินกับพี่เยล พี่เขยวันนี้แยมขอฝากท้องด้วยหนึ่งมื้อนะคะ” เธอหันไปพูดกับชายหนุ่มที่นั่งมองเธอและพี่สาวคุยกันอยู่บนโซฟาตัวหรู
“ไม่มีปัญหา แยมมี่คุยกับเยลลี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่เขยจะไปเตรียมอาหารให้ คุณอยู่คุยกับน้องเถอะ ผมจัดการเอง” ซองอารีบห้ามเมื่อเห็นภรรยาทำท่าจะลุกขึ้น
“ขอบคุณค่ะพี่เขย” ดาวลดายกมือขึ้นตะเบ๊ะ “พี่เขยแยมนี่น่ารักจริง ๆ เลยค่ะ ดูแลเอาใจใส่เมียดีมาก คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ยอมยกพี่สาวให้”
“กว่าจะยกให้ได้พี่รอจนเหงือกแห้ง” เดือนนภาหัวเราะเบา ๆ นึกถึงตอนที่สามีเทียวไล้เทียวขื่อคอยผูกสัมพันธ์กับน้องสาวตัวแสบในยามที่เธอมีทัวร์มาลงที่เกาหลี
ดาวลดาชวนไกด์ร่วมงานอีกสองคนเดินไปที่ลิฟต์ เมื่อจัดการเรื่องห้องพักให้ลูกทัวร์เรียบร้อยแล้ว “แยม เมื่อกี้พนักงานโรงแรมบอกว่ามีข้อความฝากถึงหนูน่ะ” ศรันยูบอกกับไกด์สาวรุ่นน้อง “ขอบคุณค่ะพี่ยู น้องหนูขึ้นไปกับพี่ยูก่อนนะเดี๋ยวพี่ตามไป ฝากน้องขึ้นไปด้วยนะคะพี่ยู” “โอเค”... “สวัสดีค่ะ ฉันแยมมี่ค่ะ มีข้อความฝากถึงฉันหรือคะ” เธอเดาว่าน่าจะเป็นพี่สาว เพราะเป็นคนเดียวในเกาหลีที่รู้เบอร์โทรที่พักของเธอทุกแห่ง เพราะเมื่อเธอเดินทางมาที่นี่ทุกครั้ง เธอจะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักไปให้พี่สาวเสมอ “นี่ค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” ดาวลดารับมาอ่าน มีข้อความสั้นๆ กับเบอร์โทรให้ติดต่อกลับด่วน “มินวูนี่นา” หญิงสาวฉีกยิ้มเมื่อนึกถึงน้องชายกำมะลอที่น่ารักคนนั้น เขายังไม่ลืมเธอ ดาวลดายืนรออยู่อีกครู่ใหญ่ กะเวลาให้สมฤดีเข้าห้องพักแล้วจึงบอกพนักงานให้ต่อเบอร์ห้องให้ เพื่อแจ้งให้หญิงสาวทราบว่าตัวเองจะไม่กลับขึ้นห้อง“ขอโทษนะที่ปล่อยให้นอนคนเดียวอีกแล้ว”(ไม่เป็นไรค่ะพี่แยม หนูเตรียมใจมาก่อนเดินทางแล้วค่ะ เพราะพี่ๆ ที่เขาเคยมากับพี่แยมเขาบอกให้หนูท
“ก็แค่ทานข้าวด้วยกันสี่ห้าสิบมื้อเอง” “แล้วเธอเห็นพี่เขยเธอว่างงานมากหรือจ๊ะไอ้ตัวแสบ” “ก็พี่เยลไม่ค่อยว่างนี่คะ แยมเลยต้องสอดส่องแทนให้” เพราะก่อนที่พี่สาวตนจะแต่งงานนั้น เธอมีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เที่ยวบินหลักจะเป็นทางโซนเอเชียก็ตาม “รู้ไหมสามีพี่เขาว่ายังไง เขาบอกว่าหนึ่งเดือนเขาจะเจอกับพี่ประมาณสองครั้ง พอๆ กับที่เขาต้องไปเจอกับแยมมี่เลย น้องเขายังเคยแซวเลยว่าตกลงแฟนพี่ชายเขาคนไหนกันแน่” ดาวลดาหัวเราะด้วยความถูกใจ แล้วนึกสงสัยคำพูดของพี่สาว “พี่เฮียวริใช่ไหม แยมจำพี่เขาไม่ค่อยได้แล้วค่ะ เห็นกันแค่ตอนงานแต่งงานครั้งเดียว” “ใช่จ้ะ แต่คนที่แซวเขาไม่ใช่เฮียวรินะ เป็นเจสันน่ะ” “เจสันวูเหรอพี่เยล” ดาวลดาเบิกตาด้วยความตื่นเต้นเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น นักร้องนักแสดงขวัญใจสาวเอเชียแล้วยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทตัวจริงที่พี่เขยออกหน้าบริหารอยู่ และเขาก็เป็นญาติสนิทกับพี่เขยของเธอ “ซองอาเขาบอกว่าถ้าไม่ได้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทด้วย สงสัยโดนน้องชายไล่ออกไปแล้ว” “เขาเป็นญาติทางไห
บทที่ 5 พี่สาว พี่เขยดาวลดาหันไปทางบิดา คลี่ยิ้มกว้างก่อนวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มอีกหนึ่งทีด้วยความรัก“จริงด้วยค่ะ ยังมีอีกหนึ่งหนุ่มที่รักแยมมาก แยมลืมได้ไงกันเนี่ย”“แล้วรักป๋าเท่าป้าเขาไหมล่ะ” อาทิตย์หอมแก้มลูกสาวแรงๆ ด้วยความรัก เขาต้องไปทำงานอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เดือนนภาที่เป็นลูกสาวคนโตเริ่มเข้าประถม และดาวลดาซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กมีอายุแค่หนึ่งขวบ เหตุผลที่เขาไปครั้งนั้นก็เพื่อความอยู่รอดของปากท้อง และไปเพื่อลืมความเจ็บช้ำที่ต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รัก เขาทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินส่งกลับมาให้พี่สาวทั้งสองได้เลี้ยงดูลูกน้อยอีกสิบห้าปีต่อมาจึงกลับมาที่เมืองไทย ลงทุนร่วมหุ้นเปิดบริษัทรับเหมากับเพื่อนสนิท จนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจำนวนมหาศาลภายในระยะเวลาแค่สามปี แต่เงินทองไม่เคยเข้าใครออกใคร ในที่สุดเขาก็จับได้ว่าถูกเพื่อนสนิทที่รักมากที่สุดโกง จึงตัดสินใจถอนตัวออกมาโดยไม่ได้เครื่องมืออะไรมาสักอย่าง แต่เขาก็ไม่เคยเสียใจ เพราะตลอดเวลาสามปีเขาก็เก็บเกี่ยวมาได้เยอะพอสมควร จึงคิดเสียว่าของพวกนั้นมอบให้เพื่อนเพื่อเป็นการต่อทุนให้มันเมื่อแยกตัวกับเพื่อนแ
บทที่ 4 ต้องเป็นแบบนี้เพราะใครที่เธอต้องเป็นแบบนี้เพราะใครกัน.. ก็เพราะเขานั่นแหละ ถ้าเธอไม่ทะเลาะกับเขา เพราะจับได้ว่าเขานอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอก็คงไม่วิ่งเตลิดออกมาจนโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนจนสลบคาที่ แต่เธอก็หายโกรธเขาเป็นปลิดทิ้ง เมื่อฟื้นขึ้นมาในห้องนี้แล้วเห็นเขานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง พร่ำคำขอโทษไม่ขาดปาก และนอนเธอมาทั้งคืน เธอมีความสุขและหายโกรธเขาสนิทใจ จนกระทั่งดาวลดามาถึง ผู้หญิงคนเดียวที่เธอยอมหลีกทางให้ เพราะรู้ว่าพิษนุรักหล่อนมากเพียงใด“ไม่ได้หรอกคุณก้อย ถ้าทำแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเป็นเจ้านายที่แย่ที่สุด”“ถ้าอย่างนั้นปีนี้ก็เพิ่มโบนัสให้พวกเราอีกสักเดือนสิคะ รับรองคุณเต้เป็นเจ้านายที่ดีมากที่สุดในโลกแน่ ๆ” ทุกคนต่างหัวเราะออกมาเมื่อวาสนาพูดจบ“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะเพิ่มโบนัสให้ทุกคน แต่หักโบนัสของพี่หนาออกดีไหม”“ถ้าอย่างนั้นขอรับเท่าเดิมก็ได้ค่ะ” วาสนาทำหน้างอก่อนหัวเราะออกมา เมื่อเห็นทุกคนหัวเราะด้วยความพอใจ“ก้อยแกเป็นยังไงบ้างวะ พอรู้ข่าวฉันกับป้าหนาก็รีบมาดูแกเลยนะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแกแค่ไหน” ถึงแม้จะคลางแคลงใจ แต่มิตรภาพระหว่างเพื่อนสำคัญที่สุด ดาวลดาจึงทิ้งเรื่องส่วน
บทที่ 3 อุบัติเหตุสนามบินดาวลดาเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเดินทางถึงสนามบินแล้วพบว่าคนที่รออยู่ก่อนแล้วคือวาสนา“ก้อยเป็นอะไรหรือเปล่าคะป้า”“ทำไมถามอย่างนี้ล่ะน้องแยม” วาสนาเลิกคิ้ว ยู่ปากเล็กน้อย“ก็ทัวร์นี้หนูต้องไปกับก้อยเขานี่คะ”“ก็ไอ้ก้อยมันบอกพี่ว่าคุณเต้ให้มันไปดูแลทัวร์ที่เกาะช้าง แล้วให้ป้าไปทัวร์นี้แทนมันน่ะ มันยังบอกอีกว่าเรารู้เพราะคุณเต้จะบอกกับเราเอง” วาสนาทำหน้าแปลกใจ “สรุปว่าเราไม่รู้เรื่องเลยเหรอ แล้ววันนี้ได้เจอคุณเต้เขาหรือเปล่า”“เจอค่ะป้า เขาแวะไปกินข้าวที่ร้านแต่ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้เลย.. สงสัยจะลืม” ตอบแบบไม่ได้คิดอะไรมาก“อือ สงสัยเขาคงลืมจริง ๆ นั่นแหละ ไปเถอะ ไปเตรียมตัวรอรับลูกทัวร์กันดีกว่า” วาสนาตัดบทเพียงเท่านั้น“ค่ะ” ดาวลดารับคำแล้วเดินตามไกด์สาวรุ่นใหญ่ไปติดๆ“ถ้าไม่แน่ใจจะโทรถามคุณเต้เขาก็ได้นี่แยม” วาสนาแนะนำขณะเดินคู่กันไป“ไม่เป็นไรค่ะพี่หนา แยมยังไงก็ได้” ดาวลดาปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่...หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปดาวลดาเปิดประตูออฟฟิศเข้าไป ส่งยิ้มให้พนักงานทั้งหลายที่ทักทายมาอย่างเป็นกันเอง“ของฝากจากญี่ปุ่นจ้ะ แบ่งกันนะ” เธอยื่นถุงลูกอมให้พนักง
บทที่ 2 ปากหวานนอกจากนั้นร้านข้าวแกงแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นร้านอาหารที่ยกระดับขึ้นมาอีกนิด เหมาะสำหรับพวกคอเหล้า หรือครอบครัวที่ต้องการออกมาหาของอร่อยในตอนกลางคืน ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของบิดาที่เกษียณตัวเอง จากการเป็นลูกเรือขุดเจาะน้ำมันที่ประเทศดูไบมาสิบกว่าปีแล้ว..“แยมเป็นอะไรมากหรือเปล่า เย็นนี้ไม่ต้องไปญี่ปุ่นดีไหม เดี๋ยวพี่โทรไปบอกพี่หนาให้หาไกด์คนอื่นไปทำแทน” พิษนุถามคนรักด้วยความห่วงใยขณะทานข้าวด้วยกัน“ไม่ต้องค่ะ แยมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้น พอกินยาและได้นอนพักก็ดีขึ้นมากแล้ว”“ดีขึ้นมากแล้วทำไมไม่ไปทำงานคะ หรืออยากแกล้งให้พี่เป็นห่วง”หญิงสาวคลี่ยิ้มให้คนรัก “สงสัยจะเป็นอย่างหลังค่ะ” ความจริงที่เธอไม่เข้าบริษัทเพราะเห็นว่าไม่มีงานอะไร จึงให้นนทิยาที่เดินทางไปด้วยกัน เข้าไปจัดการเบิกเงินสำรองจ่ายและเตรียมเอกสารแทน“แค่นี้ก็รักจะแย่แล้ว ยังอยากจะแกล้งอะไรอีกคะ” ชายหนุ่มพูดขณะตักต้มจืดเยื่อไผ่ใส่ถ้วยใบเล็ก“ขอบคุณค่ะ” ดาวลดากล่าวขอบคุณเมื่อเขาวางถ้วยต้มจืดให้ตรงหน้า เขามักจะปากหวานและเอาใจเก่งแบบนี้เสมอจึงทำให้เธอไม่เคยเลิกรักเขา ถึงแม้จะจับได้หลายครั้งแล้วว่า