เขาคือซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของแดนกิมจิ ส่วนเธอเป็นแค่ไกด์สาวชาวไทยคนหนึ่ง ดวงชะตานำพาให้เขาได้พบเธอ และเกิดความประทับใจไม่รู้ลืม สามปีผ่านไปเขาได้พบเธอใหม่อีกครั้ง เขาจะทำอย่างไร เมื่อหัวใจเรียกร้องหาแต่เธอ “คุณเรียกผมว่าเจสันก็ได้ แต่ผมจะเรียกคุณว่าคุณแยมเหมือนเดิม เพราะผมถือว่าคุณโตกว่า” “เรียกฉันว่าพี่สาวสิ ฉันอยากมีน้องชาย” “แต่ผมไม่อยากมีพี่สาว โดยเฉพาะคุณ” เขารีบหันไปมองทางอื่นเมื่อเห็นหน้าของเธอยื่นเข้ามาใกล้ๆ “ทำไม มันน่าอายนักเหรอที่มีพี่สาวหน้าตาแบบฉัน” “สำหรับผม.. คุณไม่เหมาะที่จะมาเป็นพี่สาวผมอย่างมาก”
View Moreบทที่ 1 เปลี่ยนตัว
พิษนุกวาดสายตามองพนักงานบางส่วนที่ยังไม่ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ ดวงตาหวานฉ่ำคู่นั้นหยุดนิ่งที่หญิงสาวคนหนึ่งที่สบตามาทางเขาพอดี ส่งยิ้มบางเบาแทบมองไม่เห็นผิดกับแววตาให้เธอ
“แยมไม่เข้ามาเหรอวันนี้”
นนทิยาหลุบสายตาลงต่ำเมื่อได้ยินคำถามของเจ้านายหนุ่มรูปหล่อ ไม่ยอมตอบคำถามของเขา
วาสนามองไกด์สาวรุ่นน้องที่ทำเป็นไม่สนใจเจ้านายและตอบคำถามแทน “เธอโทรมาบอกว่าไม่เข้าเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย เย็นนี้จะตรงไปที่สนามบินเลยค่ะ”
“พี่จัดการเรื่องเอกสารลูกค้าให้เรียบร้อยด้วยนะ” พิษนุพยักหน้ารับ กล่าวย้ำกับไกด์อาวุโสสุดของบริษัท แล้วหมุนตัวกลับไปทางเดิมอีกครั้ง
“คุณเต้จะไปไหนหรือคะ” นนทิยารีบตั้งคำถามด้วยความลืมตัวเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังจะออกไปทั้งที่เพิ่งเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่า” พิษนุตั้งคำถาม ฉีกยิ้มรอฟังคำตอบ “ถ้ามีงานให้ผมจัดการก็บอกได้นะ ผมจะทำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกไป.. พี่หนา”
“พี่ไม่มีค่ะ” เห็นเจ้านายเลิกคิ้วเป็นคำถาม วาสนาจึงรีบส่ายหน้าเล็กน้อยกล่าวปฏิเสธ
“ก้อย..”
“ไม่มีค่ะ”
“คนอื่นมีไหม” พิษนุกวาดสายตาหวานฉ่ำมองทุกคนในสำนักงาน เมื่อไม่เห็นมีใครท้วงติงจึงเดินออกไป
“แกจะบ้าหรือไงก้อย ไปถามเจ้านายแบบนั้นได้ยังไง” วาสนาเอ็ดเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องทันทีที่พ้นสายตาเจ้านายไปแล้ว
“ก้อยลืมตัวนี่ป้า”
วาสนาหรือที่ไกด์รุ่นน้องต่างยกย่องเรียกว่าป้าหนาบ้าง พี่หนาบ้างแล้วแต่อารมณ์ มองนนทิยาด้วยสายตาพิจารณาเงียบๆ ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ
“พี่ว่าเจ้านายเราคงรีบไปดูอาการแฟนสาวคนสวยของเขากระมัง” ในบริษัทแห่งนี้ใครก็รู้ว่าเจ้าของบริษัทสบายทราเวลเป็นแฟนกับไกด์สาวคนสวยนามว่าดาวลดาหรือที่ทุกคนเรียกสั้นๆ ว่าแยม ไกด์สาวมากความสามารถพูดได้ถึงห้าภาษา
“ป้าหนาคะ ทัวร์ญี่ปุ่นรอบนี้ป้ากับพี่แยมดูแลใช่ไหมคะ” เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคนหนึ่งถามขึ้น
“ไม่ใช่ป้านะ เป็นพี่ก้อยกับพี่แยมต่างหาก” วาสนาปฏิเสธ เพราะถ้าพูดกันตามจริงแล้วเธอมีหน้าที่แค่กระจายงานให้ไกด์หนุ่มสาวทั้งหลายเท่านั้นเนื่องจากอาวุโสที่สุดจึงได้เป็นหัวหน้าไกด์ที่ประจำอยู่ในบริษัทเป็นหลัก จะเป็นตัวเสริมยามที่ขาดคนจริง ๆ เท่านั้น “ดูผิดหรือเปล่าน้องหนู ป้าคงไม่เบลอจนใส่ชื่อตัวเองเพราะอยากไปหรอกนะ” วาสนาพูดติดตลก
“คุณเต้เขาเปลี่ยนให้ป้าไปแทนก้อยค่ะ แล้วให้ก้อยเป็นหัวหน้าไกด์ดูแลลูกทัวร์ไทยที่ไปสัมมนาที่เกาะช้างแทน” นนทิยารีบอธิบายแทนพนักงานฝ่ายการเงินที่คงไม่รู้เรื่องอะไร “เขาบอกว่าจะเรียกป้าไปคุยนี่คะ”
“ป้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย” วาสนาแปลกใจว่าทำไมพิษนุไม่ให้ตนซึ่งมีประสบการณ์มากกว่าดูแลลูกทัวร์ไทยกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้น.. หรืออย่างน้อยเขาก็น่าจะเลือกให้ดาวลดาอยู่มากกว่า เพราะประสบการณ์การทำงานและความสามารถของเธอดีกว่าหญิงสาวคนนี้มาก
“คุณเต้อาจจะบอกกับแยมไว้แล้วก็ได้”
“สงสัยไอ้เจ้าแยมลืมบอกพี่..” วาสนารำพัน แววตามีแววลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“พี่แยมไม่ค่อยสบายไม่ใช่เหรอป้า เธออาจะเบลอก็ได้” พนักงานสาวโต้แย้ง วางเอกสารของลูกทัวร์ทั้งหมดลงบนโต๊ะทำงานของวาสนา “รายละเอียดทั้งหมดของทัวร์กับเงินสำรองค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ” วาสนาหยิบตารางเวลามาอ่าน ตั้งแต่เวลานัดหมายที่สนามบินสุวรรณภูมิไปจนถึงรายละเอียดการนัดหมายกับรถบัสและไกด์ ที่ต้องร่วมงานด้วยทางประเทศญี่ปุ่น ต่อด้วยเอกสารอื่น ๆ จนครบและเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่ของตน “อีกสองชั่วโมงป้าจะกลับแล้วนะ ใครอยากฝากซื้ออะไรที่ญี่ปุ่นบ้างก็รีบฝากพร้อมเงินนะจ๊ะ ไม่รับฝากทางโทรศัพท์และปากเปล่า เพราะป้าไม่มีเงินสำรองจ่าย” สาวใหญ่หัวเราะตบท้ายก่อนเริ่มต้นงานเอกสารที่ทำค้างไว้
ประมาณสิบห้านาทีวาสนาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นไกด์สาวรุ่นน้องทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอก หลังจากรับโทรศัพท์ของเจ้านาย
“ไปไหนก้อย”
“คุณเต้โทรให้ก้อยเอาเอกสารไปส่งให้บริษัทลูกค้าจ้ะป้า” นนทิยาตอบขณะหยิบเอกสารใส่กระเป๋า “ก้อยไปก่อนนะคะป้า”
“จ้ะ” วาสนาพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้าง แต่ในใจนั้นเกิดความสงสัยมากมาย..
นนทิยาเหลียวมองกลับหลังเข้าไปในสำนักงาน เห็นวาสนาให้ความสนใจกับงานบนโต๊ะก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบเดินเร็วๆ ตรงไปที่รถ.. ตอนที่โกหกว่าเอาเอกสารไปให้ลูกค้าดู เธอนึกว่าฝ่ายนั้นจะสงสัยซะแล้ว เพราะงานแบบนี้ไม่ใช่หน้าที่ของไกด์อย่างตน...
ดาวลดาฉีกยิ้มกว้าง โบกมือเล็กน้อยให้คนรักที่เดินเข้ามาในร้านขายข้าวแกงของครอบครัวเธอ ซึ่งในที่นี้หมายถึงป้าดวงดาวและป้าดวงเดือนพี่สาวฝาแฝดของบิดาซึ่งครองตัวเป็นโสดด้วยกันทั้งคู่ สาเหตุที่ต้องเป็นโสดก็อาจจะมาจากเธอกับพี่สาว ที่ท่านทั้งสองต้องช่วยกันเลี้ยง เนื่องจากมารดาเสียชีวิตตั้งแต่ผ่าตัดเอาเธอออกจากท้องได้ไม่ถึงชั่วโมงจากอุบัติเหตุรถชน
เธอจึงกลายเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนดถึงสองเดือนและต้องอยู่ในตู้อบอีกเป็นเดือน ไม่รู้เพราะสาเหตุนี้หรือเปล่าถึงทำให้เธอกลายเป็นเด็กฉลาด ไอคิวสูงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ในความฉลาดก็มักจะแฝงด้วยความบกพร่อง นั่นก็คือความขี้ลืม ถึงจะฉลาดแต่ก็ต้องกระตุ้นอยู่เสมอ ไม่งั้นมันจะถูกฝังลึกอยู่ในสมองทันที หรือไม่ก็ต้องใช้เวลานึกนานสักหน่อย.. ซึ่งป้าทั้งสองชอบพูดอยู่เสมอ
“ทานอะไรดีคะคุณลูกค้าสุดหล่อ” ล้อคนรักที่เดินเข้ามาใกล้
“จะมาหักเงินคนอู้งาน ไอ้เราก็นึกว่าป่วยจริง พอรู้ข่าวก็รีบบึ่งรถมาดู ที่แท้ก็หลอกให้เราเป็นห่วง” พิษนุแกล้งทำหน้านิ่วขณะพูดกับคนรัก “พี่ขอไปไหว้ป้าก่อนนะ” เขาบอกกับเธอเมื่อเห็นป้าฝาแฝดคนหนึ่งของคนรักคิดเงินลูกค้าเสร็จแล้ว ส่วนอีกคนคงจะเป็นแม่ครัวใหญ่ควบคุมลูกจ้างทำอาหารอยู่ในครัวหลังร้าน
“ค่ะ เดี๋ยวแยมไปเก็บเงินโต๊ะนั้นก่อน แล้วเราค่อยมาทานข้าวด้วยกันนะคะ” เธอบอกคนรักเมื่อเห็นลูกค้าโต๊ะหนึ่งยกมือเรียกให้เก็บเงิน
ถึงแม้ร้านของป้าเธอจะเป็นแค่ร้านขายข้าวแกง แต่ก็เป็นร้านที่มีทำเลดีมากจึงทำให้มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย และเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ถึงสามสิบโต๊ะ นอกจากข้าวแกงแล้วยังมีขนมหวานและขนมประเภทของฝากอีกหลายอย่าง
“ขอบคุณมาก แต่อย่ากังวลไปเลยในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องจริง”“หมายความว่ายังไงคะ” นักข่าวสาวตั้งคำถาม“ก็ตามที่ต้นสังกัดชี้แจงนั่นแหละครับ มันเป็นภาพระหว่างซ้อมบทหรือไม่ก็ตอนที่ถ่ายทำจริงที่ถูกแฟนคลับถ่ายไว้”“เป็นเรื่องจริงหรือคะคุณเซมี”“ก็อย่างที่ฉันตอบพวกพี่ไปนั่นแหละค่ะ สถานะของเราตอนนี้ เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น”“แสดงว่าในอนาคตอาจจะพัฒนาไปมากกว่านี้หรือคะ”“เอ่อ.. เรื่องนี้คงต้องรอดูกันต่อไปนะคะ ฉันไม่สามารถล่วงรู้อนาคตได้หรอกค่ะ”ดาวลดานึกดีใจที่ตัวเองสวมแว่นตาดำเอาไว้ เพราะมันสามารถปกปิดแววตาที่มองเซมีได้อย่างดีเยี่ยม ผู้หญิงคนนี้ตอบคำถามให้ชวนคิดได้ดีมาก ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธให้เต็มปาก“ได้ตามกระแสข่าวจากทางอินเตอร์เน็ตบ้างหรือเปล่าครับ ความคิดเห็นของชาวเน็ตทำให้คุณเซมีรู้สึกยังไงบ้างครับ”“แฟนคลับให้กำลังใจฉันดีมากค่ะ แต่ส่วนใหญ่ต้องการให้ข่าวเป็นเรื่องจริง”โกหก ดาวลดาคิดในใจ เธอเพิ่งเช็คข่าวก
“แค่จับแล้วก็ไว้ที่เดิม ไม่ได้เอามาเก็บใส่กระเป๋าซะหน่อย จะเอาหลักฐานที่ไหนไปแจ้งจับผมครับที่รัก” ปลายจมูกโด่งซุกที่ต้นคอแล้วสูดเอาความหอมเข้าไปเต็มปอด“คนบ้านี่ ฉันกำลังงอนคุณอยู่นะ” ในเมื่อยังไม่รู้ตัวก็จะบอกให้เอาบุญ“ผมก็กำลังง้ออยู่นี่ไงครับ” จมูกโด่งลากจากต้นคอขึ้นไปขบเม้มใบหูเธอเบา ๆ แล้วใช้ลิ้นไล้ไปมา มือที่เกาะกุมทรวงอกเริ่มอยู่ไม่สุข “ผมแค่อยากรักคุณ ผมผิดด้วยเหรอ”หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบ จับมือปลาหมึกของเขาไว้ “ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่คุณผิดที่หลอกฉัน”“ผมไม่ได้หลอกคุณนะครับ ในเมื่อคุณรับปากผมเองว่าจะออกกำลังกายเป็นเพื่อนผม”“ก็ฉันคิดว่าคุณจะไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมนี่”“ผมไม่ได้บอกสักคำว่าจะไปที่นั่น ถ้าผมบอกว่าผมจะไปแล้วผมทำแบบนั้นกับคุณสิถึงจะเรียกว่าหลอกลวง แต่นี่ผมตั้งใจจะออกกำลังแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แบบนี้จะว่าผมหลอกลวงคุณได้ยังไง”“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะว่าจะทำแบบนั้น” เธอยังไม่ยอมแพ้ นึกถึงการออกกำลังกายเมื
“ครับคุณผู้จัดการ” เขาลุกและเดินนำหน้าไปก่อน“วันนี้ผู้กำกับใจดีนะคะ”“นั่นสิ ผมยังแปลกใจอยู่เลย ปกติแค่อาหารกองถ่าย อาหารชุดเท่านั้น แต่วันนี้พาไปกินร้านอาหารต้นตำรับชาววังเลย”ทั้งสองคุยกันไปตลอดทางจนถึงร้าน และความจริงก็ปรากฏเมื่อเข้าไปในร้าน เห็นลีจุนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับผู้กำกับกวักมือเรียก“สวัสดีครับพี่ลีจุน ทีแรกผมก็นึกว่าผู้กำกับใจดี ที่แท้ก็เจ้าของห้างนี่เอง” เจสันพูดไปยิ้มไปต่อหน้าผู้กำกับและลีจุน“นั่งสิ ต้องขอบคุณคุณแยมมี่ที่ทำให้เราได้รับเกียรตินี้”“เกี่ยวอะไรกับฉันคะผู้กำกับ”“ก็คุณกับท่านประธานลีเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอครับ” เขาไม่ได้พูดเอาเองนะ แต่เจ้าภาพมื้อนี้เป็นคนบอกเขาเองตอนโทรศัพท์มาเชิญ“ถือว่าเราหายกันนะครับคุณแยมมี่ เพราะเมื่อตอนบ่ายคุณเลี้ยงกาแฟผมแล้ว”“โอ้โห! เลี้ยงกาแฟท่านประธานลีแก้วเดียว ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าขนาดนี้เลยเหรอครับ”ลีจุนเพียงแค่พยักหน้าส่งยิ้มให้เจสันเท่านั้น และชวนทุกคนให้เริ่มรับประทานอาหาร เขายังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการตักซุปให้ดาวลดาอีกด้วย“ขอบคุณค่ะ เชิญทานให้อร่อยเลยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ผมเต็มใจครับ”เจสันถือช้อนค้างไว้ มองลีจุ
ดาวลดายื่นแท็บเล็ตให้ชายหนุ่มเมื่อกลับถึงห้องพักในโรงแรมเจสันรับมาดู.. เห็นภาพที่เขากับเซมีกำลังโอบเอวกันอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างลับตาคน ก็ไม่ได้แสดงความตกใจอะไร เพราะรู้ดีแก่ใจว่าภาพนี้ไม่ใช่เรื่องจริง“ทำไมเหรอ” แล้วส่งแท็บเล็ตคืนให้หญิงสาว“คุณจะไม่อ่านหน่อยเหรอคะ พวกคอมเม้นต์ต่าง ๆ” เธอก็ไม่รู้รายละเอียดจากข่าวเพราะอ่านไม่ออก แต่ก็รู้ใจความสำคัญจากปากของคุณคิม หัวหน้าฝ่ายพีอาร์ของบริษัทแล้ว และก็รู้จากทวิตต่าง ๆ ที่มีแฟนคลับญี่ปุ่นนำมาแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นไว้“ผมไม่สนหรอกว่าเขาจะลงข่าวว่ายังไง ตราบใดที่คุณยังเข้าใจผม คุณเข้าใจผมหรือเปล่าล่ะ” เธอหัวเราะเบา ๆ การรักกับเขามันให้ความรู้สึกดีกว่ารักที่ผ่านมามาก เพราะเธอไม่ต้องเก็บกดต่อความรู้สึกที่อยากกระทำ และเธอรู้สึกว่าการได้ทำแบบนี้ทำให้ความรักของเธอและเขามีแต่ความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ “ถ้าฉันไม่เข้าใจคุณ ป่านนี้คงอาละวาดไปแล้วค่ะ”คำตอบของเธอทำให้เขายิ้มจนแก้มปริ “ผมหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”“ค่ะ ฉันอยากกินทาโกยากิ” เธอรู้ว่าเขาไม่ได้หิวหรอก เพราะทางทีมงานของบริษั
“ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณแยมมี่เป็นน้องสาวของภรรยาประธานวู เพราะเหตุนี้หรือเปล่าคะเธอถึงได้ทำงานกับพี่”“หมายความว่ายังไงเหรอครับ” เจสันทำไขสือ“ก็หมายความว่าพี่จำใจต้องรับเธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวไงคะ ดาราแถวหน้าอย่างพี่ น่าจะได้ผู้จัดการที่มืออาชีพกว่าเธอนะคะ”“ขอบคุณครับที่แนะนำ ความจริงถ้าพูดไปก็น่าอายนะครับ”“ทำไมเหรอคะ พูดมาเถอะค่ะ” เซมีคิดว่าชายหนุ่มต้องไม่พอใจผู้จัดการส่วนตัวคนนี้เหมือนกัน ถึงได้เกริ่นขึ้นมาแบบนั้น“คือจริง ๆ แล้วคุณแยมมี่เธอไม่ได้อยากจะมาทำงานนี้เลยครับ เธอปฏิเสธเสียงแข็งเลยว่าไม่ทำเด็ดขาด แต่เป็นผมเองที่ขอร้องให้เธอมาช่วยแค่ชั่วคราวก่อน เพราะเธอมีคุณสมบัติอย่างที่ผมต้องการทุกอย่าง”“คุณแยมมี่เธอเก่งมากเลยเหรอคะ” ช่างแต่งหน้าเก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหว“ครับ เธอพูดได้ห้าภาษา ภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นนี่เขียนอ่านได้เหมือนเป็นเจ้าของภาษาเลยครับ ส่วนจีนกับเกาหลีนี่พูดได้แต่ไม่ถนัดอ่าน” ชายหนุ่มอวดความสามารถของแฟนสาวอย่างภาคภูมิใจ
“เมื่อก่อนผมก็อยู่กับเฮียวริแค่สองคน คุณคิดมากไปหรือเปล่า แต่จะว่าไปก็ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนสักหน่อย วงพลีสก็อยู่ด้วย”“แต่มันก็แบ่งสัดส่วนชัดเจนเหมือนคนละหลัง อยู่แบบนี้ดีแล้วค่ะ จะได้ไม่เป็นที่สงสัย ที่ฉันทำแบบนี้เพราะเป็นห่วงคุณนะคะ”“ไม่เอา ผมไม่อยากอยู่แบบนี้ ผมอยากนอนกอดคุณทั้งคืน มากกว่าแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแบบนี้”“ฉันจะคิดดูอีกที” เธอตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ บ้านพี่เขยกับหอพักของเขาก็ไม่ได้ไกลกันมากมายพอที่จะใช้เป็นข้ออ้างกับพี่สาวได้เลยห้างเอดิสันโซลผู้กำกับลีรีบสั่งพักกองทันทีที่เห็นเจ้าของห้าง ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายทำให้กองละครของตนเดินเข้ามา“สวัสดีครับท่านประธาน เป็นเกียรติมากครับที่คุณมาเยี่ยมชมกองถ่ายของเรา”“ไม่ต้องเกรงใจครับ เชิญถ่ายต่อได้เลย ผมแค่แวะมาหาใครบางคนเท่านั้น” ลีจุนบอกกับผู้กำกับ แล้วกวาดสายตามองไปที่กลุ่มสต๊าฟที่นั่งรวมกันอยู่อีกด้านหนึ่ง“หาคุณมินอาเหรอครับ วันนี้เธอไม่มีคิวถ่ายก็เลยไม่ได้มาครับ”
Comments