เข้าสู่ระบบบทที่ 4 ต้องเป็นแบบนี้เพราะใคร
ที่เธอต้องเป็นแบบนี้เพราะใครกัน.. ก็เพราะเขานั่นแหละ ถ้าเธอไม่ทะเลาะกับเขา เพราะจับได้ว่าเขานอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอก็คงไม่วิ่งเตลิดออกมาจนโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนจนสลบคาที่ แต่เธอก็หายโกรธเขาเป็นปลิดทิ้ง เมื่อฟื้นขึ้นมาในห้องนี้แล้วเห็นเขานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง พร่ำคำขอโทษไม่ขาดปาก และนอนเธอมาทั้งคืน เธอมีความสุขและหายโกรธเขาสนิทใจ จนกระทั่งดาวลดามาถึง ผู้หญิงคนเดียวที่เธอยอมหลีกทางให้ เพราะรู้ว่าพิษนุรักหล่อนมากเพียงใด
“ไม่ได้หรอกคุณก้อย ถ้าทำแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเป็นเจ้านายที่แย่ที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้นปีนี้ก็เพิ่มโบนัสให้พวกเราอีกสักเดือนสิคะ รับรองคุณเต้เป็นเจ้านายที่ดีมากที่สุดในโลกแน่ ๆ” ทุกคนต่างหัวเราะออกมาเมื่อวาสนาพูดจบ
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะเพิ่มโบนัสให้ทุกคน แต่หักโบนัสของพี่หนาออกดีไหม”
“ถ้าอย่างนั้นขอรับเท่าเดิมก็ได้ค่ะ” วาสนาทำหน้างอก่อนหัวเราะออกมา เมื่อเห็นทุกคนหัวเราะด้วยความพอใจ
“ก้อยแกเป็นยังไงบ้างวะ พอรู้ข่าวฉันกับป้าหนาก็รีบมาดูแกเลยนะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแกแค่ไหน” ถึงแม้จะคลางแคลงใจ แต่มิตรภาพระหว่างเพื่อนสำคัญที่สุด ดาวลดาจึงทิ้งเรื่องส่วนตัวไว้ในใจก่อน
“สะโพกช้ำน่ะแก”
“แกไปทำท่าไหนเข้าล่ะ”
“ฉันวิ่งตัดหน้าเขา ฉันไม่เห็นรถน่ะ”
แล้วทำไมแกถึงต้องวิ่งตัดหน้ารถล่ะ? ดาวลดาอยากถามออกไปแบบนี้ เพราะความรู้สึกบางอย่างในใจ แต่เธอเลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน คนอย่างพิษนุจะทำอะไรต้องมีหลักฐานมัดตัว ไม่งั้นก็จับไม่ได้คามือหรอก
“คราวหน้าคราวหลังก็ดูทางให้ดีก่อนนะ แกตัวคนเดียวเป็นแบบนี้แล้วใครจะดูแล ไปอยู่บ้านฉันก่อนไหมล่ะ” อย่างน้อยบ้านเธอก็ยังมีพ่อและป้าอีกสองคน และยังมีลูกจ้างอีกหลายคน
“ไม่ต้องหรอกแยม ฉันอยู่ได้”
“จะอยู่ยังไงล่ะ”
“เดี๋ยว.. เดี๋ยวแฟนฉันก็คงมาอยู่เป็นเพื่อนน่ะ” นนทิยาพูดออกไปไม่ค่อยเต็มปากนัก เพราะไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเขาจะมาไยดีเธอหรือเปล่า ก็ได้แต่หวังว่าเขาคงจะมีความรัก ความห่วงใยให้เธอบ้าง
“เชอะ! ที่แท้ก็อยากให้แฟนมาดูแล ตามใจแกก็แล้วกัน แต่ถ้าเขาไม่สะดวกแกก็โทรบอกฉันนะ” ค้อนเพื่อนด้วยสายตาล้อเลียน
“อือ ขอบใจแกมากนะแยม” นนทิยารู้สึกละอายใจต่อเพื่อนสนิทยิ่งนัก แต่เธอทำดีที่สุดได้แค่นี้ นั่นก็คือปิดบังทุกเรื่องที่เกิดขึ้นและยอมเป็นเบี้ยล่างในเรื่องความรักให้เธอ
ฉันรักแกนะแยม.. แต่ฉันก็รักคุณเต้เขามากเหมือนกัน...
“คิดอะไรอยู่” วาสนาถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในรถกับดาวลดา หลังกลับจากไปเยี่ยมนนทิยามาด้วยกัน
“เปล่าค่ะพี่”
“ทำไมจะไม่คิด เวลาที่เธอคิดอะไรอยู่เธอมักจะเรียกป้าว่าพี่ตลอด เธอรู้ตัวบ้างหรือเปล่า” วาสนาซึ่งเป็นคนที่ละเอียดและช่างสังเกตุมาก ๆ จี้จุด
“จริงเหรอ!” ดาวลดาเลิกหันมาเลิกคิ้วและอมยิ้มยียวนใส่วาสนา ทำหน้าให้ดูร่าเริง เธอไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเป็นแบบนั้น เพราะปกติก็เรียกขานเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนนี้ว่าป้าบ้างพี่บ้าง
“เรื่องไอ้ก้อยหรือเปล่า”
“.... แยมมีความลับกับป้าไม่ได้เลยเหรอเนี่ย” หลังจากนิ่งอึ้งไปสักพักก็ยอมรับอย่างไม่ลังเล
“มีได้ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ไม่เคยผ่านตาป้านะ” วาสนาตบท้ายประโยคด้วยเสียงหัวเราะเล็กน้อย “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะแยม อย่าใช้อารมณ์ชั่ววูบตัดสิน ดูให้ถ้วนถี่ มองให้ลึกซึ้ง คิดให้มาก ๆ แล้วค่อยคัดเอาคำตอบที่ดีที่สุด”
...พี่บอกเธอได้แค่นี้นะแยม ถึงแม้อยากจะพูดให้มากกว่านี้ แต่เรื่องนี้มันเกินหน้าที่คนอย่างพี่ที่เป็นเพียงคนนอก พี่รู้ว่าเธอฉลาด ฟังแค่นี้น่าจะเข้าใจว่าคืออะไร..
วาสนาคิดในใจด้วยความรู้สึกเห็นใจทั้งดาวลดาและนนทิยา ผู้หญิงสองคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันมาก กับการที่ต้องมีคนรักคนเดียวกัน เรื่องนี้เธอรู้ดีที่สุดว่ามันเจ็บแค่ไหนเพราะเคยเจอมากับตัว.. ครั้งนั้นเธอเลือกที่จะเดินออกมา เพราะรู้ดีว่าเขาคนนั้นรักอีกคนมากกว่า ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่มาก่อน
“... ถ้ามันเป็นเรื่องจริง” ดาวลดาไม่สามารถพูดออกมาได้จบประโยค เพราะมีก้อนแข็งๆ ก้อนหนึ่งวิ่งมาจุกอยู่ที่คอหอยจนเจ็บไปหมด
“ป้าถึงบอกให้เราคิดให้มาก ๆ ไง ก้อยมันเป็นคนยังไงแยมก็น่าจะรู้นะ แต่มันก็ยอมให้แยมมากขนาดนี้ มันก็น่าจะรักเรามากแหละ อันนี้ป้าพูดถึงกรณีถ้ามันเป็นเรื่องจริงนะ แต่บางทีเราอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้นะแยม” วาสนาไม่วายปลอบใจตบท้าย ทั้งที่มั่นใจเต็มอกว่ามันต้องจริงแน่ ๆ
“ขอบคุณค่ะป้า แยมจะจำคำของป้าเอาไว้ แวะหาอะไรกินก่อนเข้าบริษัทดีกว่าค่ะป้า” ดาวลดาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากคิดมากให้ปวดหัว
“เอาสิ ป้าก็เริ่มหิวแล้ว” ...
ดวงเดือนและดวงดาวต่างก็ลุกจากที่นั่งเมื่อได้ยินเสียงรถของหลานสาว ดวงเดือนออกมายืนรออยู่ที่เพิงหน้าบ้านด้วยรอยยิ้ม รอจนหลานสาวเดินลงจากรถและเข้ามากอด
“เหนื่อยไหมลูก”
“เหนื่อยมากเลยค่ะป้าเดือน เหนื๊อยเหนื่อย” ดาวลดาออดอ้อนออเซาะผู้เป็นป้า “ป้าดาวล่ะคะ”
“ป้าเขาไปเตรียมน้ำนมให้หนูอาบน่ะ”
ดาวลดาถึงกับคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของป้าเดือน ทุกวันศุกร์ที่สองและสี่ของเดือนถ้าเธอไม่ติดทัวร์ เธอจะต้องอาบน้ำนมที่ป้าดาวทำให้ เธอลืมไปได้ยังไงเนี่ย
ความจริงเรื่องนี้เธอไม่คิดจะทำเป็นจริงเป็นจัง ตอนแรกที่ทำเพราะเปิดเจอในเว็บหนึ่งเขาแนะนำการทำสปาผิวด้วยตัวเองง่ายๆ เธอก็แค่ทำตามในยามที่ว่างเท่านั้น แต่พอนานวันเข้ากลายเป็นว่าป้าทั้งสองของเธอกลับจดจำรายละเอียดและจัดการให้เธอเสร็จสรรพ
“แยมรักป้าเดือนกับป้าดาวที่สุดในโลกเลยค่ะ จะมีหนุ่มคนไหนรักแยมเท่าป้าทั้งสองคนไหมนะ”
“ป๋านี่ไงหนุ่มคนนั้น” เสียงของอาทิตย์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาเพิ่งจัดการกับที่ร้านเสร็จและกำลังจะกลับมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อรอต้อนรับแขก จึงทันได้ยินที่ลูกสาวกับพี่สาวคุยกัน
หญิงสาวเบี่ยงหน้าไปมองคนรัก ยื่นปากรับจูบที่เขาส่งมาแล้วยิ้มกว้าง ก่อนหันกลับไปมองบรรยากาศเบื้องหน้าที่มีต้นไม้ใหญ่และสนามหญ้า มันไม่มีอะไรพิเศษ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดสลัวที่มีแค่แสงไฟประปราย จึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อมองดวงดาวที่ส่องแสง“คืนนี้ดาวเยอะดีนะคะ”“ครับ” เขาตอบและฝังจูบลงบนศีรษะเธอ “คืนนี้สระผมด้วยนะครับ”ดาวลดากลั้วหัวเราะเมื่อถูกเขาหยอกเอินเรื่องผม เอนหลังไปพิงกับแผ่นอกกว้างแสนอบอุ่นของเขา“ตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่สุดเลยค่ะเจสัน ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่หนีมารักษาแผลใจที่นี่”ชายหนุ่มโอบกอดคนรักไว้แน่น เกยคางกับศีรษะของเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มสุขใจ มองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างที่ประดับด้วยหมู่ดาวพราวระยับ“คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมครับแยม”“คุณว่าคู่ของเราเป็นพรหมลิขิตหรือคะ” เธอกอดแขนที่กอดเธอไว้เจสันโน้มหน้าลงไปใกล้หูของคนรัก “เมื่อก่อนลมหายใจ ก็คิดว่าเป็นของฉัน แต่พอได้พบเธอ เพิ่งรู้จริง ๆ ลมหายใจคือเธอเท่านั้น มีคนเป็นล้านคน ช่างไร
ฉันจะจ้างกลุ่มแอนตี้แฟนมาจัดการเธอ ผู้หญิงร้ายกาจ ผู้หญิงหน้าไม่อาย เซมีกร่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ ส่งสายตาเรืองรองตามเธอไปไม่ลดละ เมื่อเล่นงานซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้ ก็จะขอตามรังควานให้เธออยู่อย่างไม่มีความสุข ให้ความรักของเธอลุ่ม ๆ ดอน ๆ จนต้องเลิกกันไปเลยเซมีมองไปโดยรอบ เมื่อไม่เห็นใครมองมาทางนี้ก็รีบเดินตามดาวลดาไปใกล้ ๆ จงใจกระแทกอีกฝ่ายให้ล้มคะมำ แต่โชคไม่เข้าข้างเธอสักนิด เพราะหล่อนดันเบี่ยงตัวไปอีกทางพอดี คนที่เสียหลักจนล้มจึงกลายเป็นตัวเธอเองดาวลดายืนนิ่งอยู่กับที่ มองหญิงสาวที่กองอยู่กับพื้นด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาเรืองรองที่ค้อนใส่ก็ค่อย ๆ เข้าใจอะไรมากขึ้น หล่อนจงใจแกล้งเธอ แต่บังเอิญเหลือเกินที่โทรศัพท์เธอดังขึ้นพอดี จึงตั้งใจเดินไปอีกทางเพื่อหามุมคุยสาย หล่อนก็เลยพลาดเสียเองสินะ“เจ็บไหมคะคุณเซมี เดินระวังหน่อยสิคะ รีบลุกขึ้นเร็ว ๆ ค่ะ ก่อนที่คนอื่นจะเห็นเข้า จะได้ไม่ต้องอายมาก”เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยของอีกฝ่าย ก็รู้สึกโมโหมากกว่าอาย แต่อารมณ์อยากเอาชนะยังมีอยู่ จึงแสร้งทำเป็นยื่นมือไปหาเธอ“ช่วยดึงฉันขึ้นหน
“ทำเป็นเอาน้องมาอ้าง ความจริงอยากไปดูศิลปินค่ายอื่นมากกว่า ผมพูดถูกใช่ไหม” นอกเหนือจากที่พูดแหย่ไป เขารู้ว่าเธอผูกพันกับมินวูมากยิ่งขึ้นหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น“ถูก” หญิงสาวยิ้มกว้างให้คนรักที่มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก“ผมให้คุณไปอยู่แล้ว แต่คุณอย่าเอาแต่สนุก ไปกับพวกเขาจนลืมผมล่ะ”“ถึงฉันจะรักมินวูเขามากแค่ไหน แต่ก็ยังน้อยกว่าคุณอยู่เท่านี้” เธอยกมือขวา ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กะระยะความต่างประมาณหนึ่งข้อนิ้ว“แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ขอแค่มากกว่าผมก็ไม่อิจฉามินวูเขาแล้ว” เขาตอบแบบคนใจป้ำ“คุณเป็นคนใจแคบตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”“ตั้งแต่มีคุณเป็นแฟนนี่แหละ”“นึกว่าตั้งแต่เกิด” เธอเลิกคิ้วค้างไว้ ชักสีหน้าอมยิ้มยียวน“พูดแบบนี้จูบโชว์คนในกองซะดีไหม”“ไม่ดี” ดาวลดารีบส่ายหน้าแล้วลดเสียงพูดให้เบาลงกว่าเดิมอีกหน่อย “ไว้จูบที่บ้านคืนนี้ดีกว่าค่ะ เผื่อจะได้มากกว่านั้น”เจสันหรี่ตา เอียง
“พวกเราเป็นห่วงพี่มากเลยครับ โทรมาถามอาการจากพี่เจสันทุกวันเลย” ดงโฮพูดขึ้นบ้าง“ตอนที่มินวูวิ่งออกไปกลางรายการพวกเราตกใจมากเลยครับ พอรู้ว่าพี่สาวประสบอุบัติเหตุพวกเราไม่มีกะจิตกะใจจะถ่ายต่อเลยครับ” ดงซิกเล่าบ้างดาวลดาคลี่ยิ้มมองชายหนุ่มรุ่นน้องด้วยความซาบซึ้งใจ “พี่หายดีแล้วเราจัดปาร์ตี้กันนะ พี่เฮียวริ คุณฮานิด้วยนะคะ”“ครับผม” ชายหนุ่มทั้งสี่รีบตอบรับ“มินวูเข้ามาใกล้ ๆ พี่หน่อย ขอพี่กอดหน่อยสิ” เจสันบอกว่าเขาคือคนที่ช่วยต่อชีวิตให้เธอ เพราะเขามีกรุ๊ปเลือดพิเศษเหมือนกับเธอชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้กับหญิงสาวแล้วโน้มตัวลงไปหา ปล่อยให้เธอโอบกอดด้วยความเต็มใจ“ขอบใจนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเลือดของเธอ พี่อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาคุยอยู่แบบนี้”“ไม่ได้มีเฉพาะผมคนเดียวนะครับที่อยากช่วยพี่แยมมี่ มีอีกเป็นพันคนที่อยากช่วยพี่”“แต่อีกหลายพันคนที่ว่าฉันแค่แถลงข่าวขอบคุณเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องให้กอดแบบนาย” เจสันเข้ามาตอนไหนไม่มีใครเห็น แต่ทุกคนได้ยินน้ำเ
“ต่อให้มีอีกหมื่นข้อความหรือหมื่นของฝากผมก็ไม่รู้สึกดีหรอกพี่ ตราบใดที่คุณแยมเธอยังไม่ฟื้น” เขารู้สิ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายพีอาร์จัดการไปเดือนนภาแตะมือลงบนบ่าของเจสัน “เธอจะต้องฟื้น ตอนนี้เธอแค่นอนพักผ่อนเพื่อชาร์ตพลัง หลังจากที่ต้องเหนื่อยมานาน”“ครับพี่สะใภ้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ “พี่สะใภ้ครับเรื่องนี้คุณพ่อกับคุณป้าทั้งสองท่านทราบหรือยัง” เขาถามเมื่อนึกขึ้นได้“พี่ไม่อยากให้พวกท่านหัวใจวาย คุณหมอก็ยืนยันว่าแยมเขาปลอดภัยดีแล้ว พี่เลยตัดสินใจไม่บอกให้พวกท่านรู้จะดีกว่า”“จะดีหรือครับ ถ้าท่านรู้เข้าท่านอาจจะโกรธผมนะครับ” แค่นี้ท่านก็ไม่อยากได้เขยต่างชาติอยู่แล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าทีหลังคงพาลูกสาวกลับไปแน่ ๆ“พี่เชื่อว่าแยมก็คิดแบบเดียวกับพี่.. หรือว่าเธอเบื่อน้องสาวพี่แล้วก็เลยเอาพ่อมาอ้าง พ่อพี่จะได้รีบมารับแยมเขากลับไป” เดือนนภาแกล้งทำสีหน้าจริงจังเจสันรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน “ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ผมรักแยมมี่แทบตายพี่ก็น่าจะทรา
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยนะครับ” วูซองอาเป็นคนพูดขึ้นหลังจากทีมแพทย์ทั้งหมดเดินจากไปแล้ว“ครับ/ค่ะ”“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ เอาไว้แยมมี่หายดีแล้วผมจะเลี้ยงอาหารตอบแทนน้ำใจนะครับ” เจสันพูดขึ้นมาบ้าง สบตากับน้องชายกำมะลอของคนรักด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนเดินเข้าไปกอด “โดยเฉพาะนายนะมินวู ขอบใจมากจริง ๆ”มินวูกอดตอบแล้วผละออก “เธอเป็นพี่สาวผมนะ พี่จะทำคะแนนคนเดียวได้ยังไง” ทำเป็นพูดติดตลกด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ความจริงผมอยากอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ แต่พรุ่งนี้พวกเราต้องไปแฟนมีตที่ญี่ปุ่นแต่เช้าเลยไม่สะดวก ฝากบอกพี่สาวด้วยว่าให้คอลหาเราด้วย เราอยากนัดเธอไปดูหนัง”“ฉันจะบอกเธอให้นะ” เจสันรับปากแล้วเดินไปส่งทุกคนที่ลิฟต์“คุณเจสันครับ ถ้าทราบหมายเลขห้องแล้วโทรบอกผมนะครับ ผมจะเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน” คังวูวานบอกกับเจ้านายก่อนเดินเข้าไปในลิฟต์“ขอบคุณมากครับคุณคัง”หนึ่งคืนกับหนึ่งวันผ่







