“บูม ผึ้งกลับแล้วนะ เดี๋ยวจะไปเรียกแท็กซี่กลับเองไม่อยากร่วมทางกับพวกคนเถื่อน” น้ำผึ้งปรายตามองคนตัวสูงอย่างฉุนเฉียวไม่หาย
“อ้าวทำไมล่ะผึ้ง”
“คนขี้ขลาดก็จะเป็นแบบนี้ล่ะครับน้องบูม”
กล้ายกยิ้มหยันๆ ทำให้น้ำผึ้งหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายและโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ ตั้งแต่เจอกับกล้าเธอก็ถูกเขาแขวะจิกกัดตลอด ตอนนี้ยังบังอาจมาดูถูกเธอด้วย น้ำผึ้งสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วสะบัดหน้าหนี
“ฉันจะไปรอในรถก็แล้วกัน..” พูดแล้วก็กระแทกเท้าเดินไปนั่งรอเขาบนรถซ้ำยังแกล้งปิดประตูรถของเขาเสียเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนกล้าแอบย่นคออย่างหวาดเสียวว่าประตูจะหลุดออกมาจากตัวรถ
“อิอิ.. เสียวสันหลังวาบเลยใช่ไหมคะพี่กล้า” บุษกรหัวเราะอย่างอดไม่ไหว
“เราก็เหมือนกันยายตัวแสบ”
กล้าไม่ตอบแต่หันมาขยี้เรือนผมสลวยของเธออย่างเอ็นดูแกมหมั่นไส้สาวน้อยตรงหน้าที่วันนี้เป็นสาวเต็มตัวแล้วด้วยความชื่นชม บุษกรสวยน่ารักและเก่ง ที่สามารถทำให้ใครบางคนแทบแดดิ้นตายเพียงเพราะเธอปรายตามอง และคนที่กำลังจะดิ้นตายก็เดินมายังพวกเขาด้วยใบหน้าถมึงทึง
“ทำอะไรกัน แล้วแกมาทำไมวะไอ้กล้า” ถามเสียงขุ่นแววตากร้าวจัดแต่ไม่ได้ทำให้กล้าหวาดหวั่นแต่แอบขันเสียมากกว่า
“ก็มาส่งน้องบูมและกำลังจะกลับ พี่ไปแล้วนะครับน้องบูมแล้วจะมาหาใหม่ ไปนะเว้ยไอ้หน้ายักษ์” กล้าบอกเพื่อนยิ้มๆ แล้วหันกลับมาส่งสายตาหวานฉ่ำให้บุษกรด้วยเพราะอยากแกล้งคนบางคน
“น้องบูมฝันดีนะครับแล้วพี่จะโทร. หานะ”
ไม่ทันที่บุษกรจะคาดคิดกล้าก็จับมือน้อยของเธอขึ้นมาจุมพิตเบาๆ ก่อนจะแอบขยิบตาให้อย่างมีนัยที่รู้กัน แต่อีกคนที่ไม่รู้ว่าที่กล้าทำไปนั้นเพราะอะไรถึงกับหน้าแดงจัดด้วยความหึงหวงไม่รู้ตัว
“แกรีบไปเลยไอ้กล้าแล้วไม่ต้องมาบ้านฉันอีกไม่อยากเห็นหน้า ส่วนเธอก็อย่ามัวมาอ่อยเพื่อนฉันไสหัวไปไกลๆ เลย”
ด้วยความโมโหหึงทำให้นาวีตวาดใส่หน้าบุษกรอย่างฉุนเฉียวซึ่งก็ทำให้เธอรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที และหากหนุ่มทั้งสองไม่ได้ตาฝาดก็คงจะเห็นน้ำตาใสๆ นองใบหน้านวลนั้น
“แกทำเกินไปนะวี” กล้าต่อว่าเพื่อนรักน้ำเสียงจริงจังนึกสงสารบุษกร เขาไม่น่ายั่วโมโหนาวีเลยแต่ตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
“แกสิทำเกินไป รีบไปเลยไปไม่อยากเห็นหน้าตอนนี้ว่ะ”
“เออ.. ไปก็จะไปนี่ล่ะ แต่แกก็อย่าโมโหหึงจนหน้ามืดตามัวล่ะ”
“ฉันไม่ได้หึง” นาวีเถียงหน้าแดง
“เออ...” ผู้เป็นเพื่อนไม่พูดอะไรต่อเดินกลับที่รถยนต์ของตนแล้วขับออกไปทันที
นาวีหันไปมองยังเรือนเล็กด้วยความขุ่นเคืองไม่หาย ในใจก็คิดหาวิธีสั่งสอนคนที่ทำตัวไม่เหมาะสมในบ้านของเขา โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่ากำลังจะติดกับดักหัวใจของตนเอง...
เมื่อกลับมาที่ห้องของตนได้บุษกรก็โถมตัวลงบนเตียงนุ่มแล้วร่ำไห้อย่างเจ็บปวดใจกับน้ำคำของนาวี ใจดวงน้อยปวดร้าวทั้งน้อยเนื้อต่ำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน
พ่อแม่ก็ตายจาก ถูกหมิ่นหยามทั้งร่างกายและจิตใจ เธอเสมือนคนที่ไร้ค่า...
ไม่มีแม้แต่บ้านเป็นของตัวเอง หากไม่ได้รับความเมตตาจากป้าเคียร่ากับลุงบดินทร์ก็ไม่รู้เลยว่าชีวิตของเธอจะไร้ค่าเพียงใด และชีวิตที่เหลืออยู่จะเป็นอย่างไร
บุษกรนอนน้ำตานองหน้าฟังเสียงฝนที่เริ่มตกลงมาปรอยๆ ก่อนที่จะเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกเลยแม้แต่น้อย ดูเอาเถิดแม้แต่ฟ้าฝนก็ยังร่ำไห้เป็นเพื่อนเธอ... เธออยากไปจากที่นี่เหลือเกิน บุษกรนอนคิดน้อยใจในโชคชะตาของตนเองอย่างเดียวดาย...
ก๊อกๆๆ เสียงประตูดังระรัวแข่งกับเสียงฝนกระหน่ำทำให้บุษกรรีบเช็ดน้ำตาแล้วเดินไปเปิดตูคิดว่าพี่ส้มคงจะมาเรียกเธอเพราะมีธุระอะไรสักอยากให้ช่วย แต่เมื่อประตูเปิดออกไปเท่านั้นเธอก็แทบอยากจะปิดประตูใส่หน้าคนที่มาเคาะประตูเสียเหลือเกิน
“ถ้าเธอปิดประตูใส่หน้าฉันล่ะก็เจอดีแน่บุษกร...”
นาวีขบฟันพูดเสียงเย็นดวงตากร้าวกระด้างบุษกรกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวั่นหวาด และก้าวถอยหลังแทบไม่ทันเมื่อร่างสูงของยักษ์ใหญ่ที่เธอเคยว่าเขาลับหลังก้าวเข้ามาในห้องนอนเล็กๆ ของตน
“คุ คุณวี มะ มีอะไรกับฉันคะ” ถามเสียงแผ่วตะกุกตะกักแขนขารู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขึ้นมาทันที และมันก็เป็นเช่นนี้เสียทุกครั้งที่เจอเขา
“มีน่ะมีแน่...”
เสียงล็อกลูกบิดดังก้องอยู่ในหูจนฟังไม่ชัดว่าเขาพูดว่าอะไรแต่บุษกรหน้าซีดเผือดรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน บุษกรรู้สึกเหมือนหายใจไม่คล่องแข้งขาไม่มีแรงยืนและเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเธอเซถลาเสียหลักจะล้มทันทีที่จะก้าวหนีเขาอีกก้าว
“อุ๊ย...” อุทานได้เพียงเท่านั้นร่างเล็กก็ตกอยู่ในวงแขนแข็งแรงทันที วงแขนของเขากระหวัดรัดเอวบางแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“จะ จะทำอะไรคะ...”
ถามเสียงเบามองเขาตาโตแต่คนถูกถามกลับยิ้มเย็นดวงตาขุ่นเข้มลึกล้ำอ่านไม่ออก แต่บุษกรรู้สึกได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่น่าหวาดหวั่นมากทีเดียว ใจสาวเต้นระส่ำระทึกอยู่ในอกจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้น
“ถามเหมือนไม่เคยเลยนะ..”
คำตอบที่ได้ทำให้บุษกรหน้าม้านเลยทีเดียว นาวีอ่อนโยนพูดจาไพระเราะอ่อนหวานกับใครต่อใคร ทำไมถึงได้ใจร้ายและพูดเสียดสีหมิ่นหยามเพียงแต่เธอเช่นนี้หนอ
“ปละ ปล่อยนะคะ เดี๋ยวพี่ส้มกลับมาจะเห็นเข้าอีกอย่างฉันก็ไม่คิดจะให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับเราอีก”
เป็นคำพูดที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยพูดกับเขามานับตั้งแต่ได้รู้จักกับนาวีอย่างเป็นทางการเมื่อสี่ปีที่แล้ว และเท่าที่จำได้เธอกับเขาแทบจะไม่ได้คุยกันเลยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะนาวีเป็นหนุ่มรูปหล่อแสนจะสมบูรณ์แบบและสาวๆ ก็ห้อมล้อมเขาดั่งเป็นดาราดัง จนเธอซึ่งเป็นเครือญาติผู้น้องไม่อาจจะเข้าถึง ซึ่งบุษกรก็ไม่เคยคิดอยากจะเข้าถึงเขาสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เธอกับเขานั้นเลยเถิดกันมากเกินธรรมดาและเกินความจำเป็นเสียด้วยซ้ำ
ตอนที่54.อวสานสามคนพ่อแม่ลูกกลับมาถึงบ้านคุณปู่คุณย่าก็ออกมารับหลานรักไปอาบน้ำอาบท่า น้องนาวาก็เล่าเรื่องราวที่ตนได้ไปพบเจอให้คุณปู่คุณย่าฟังอย่างตื่นเต้นด้วยคำพูดที่ชัดบ้างไม่ชัดบ้างแต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มด้วยความสุขเมื่อพ่อหนูน้อยเล่าขาน คุณปู่ก็คอยเสริมคำพูดที่ไม่ชัดให้กับหลานชาย“นาวาให้อาหางปาด้วยล่ะ ปาตัวหย้ายหย่าย”“อาหาร ครับเด็กดีไม่ใช่ อาหาง”“อาหาร” เด็กชายพูดตามคุณปู่แล้วยิ้มแป้นเมื่อคุณปู่ยกนิ้วโป้งขึ้นชื่นชมว่าเยี่ยมมาก “ย่าว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่า แล้วลงมาทานข้าว”“ดีคับ เดี๋ยวนาวาหอมแก้มคุงแม่บูมก่อง...”เด็กชายบอกแล้ววิ่งมาหามารดาซึ่งก็เอียงแก้มไว้รอท่า พอหอมแก้มคุณแม่แล้วก็ไม่ละเลยที่จะหอมแก้มคุณพ่อด้วย“แก้มคุงพ่อไม่หอมเลย”น้องนาวาทำทีเบะปากคุณพ่อจึงแกล้งกอดรัดร่างกลมๆ นั้นแล้วหอมแก้มใสของลูกชายแรงๆ น้องนาวาหัวเราะชอบใจก่อนจะดิ้นรนออกจากวงแขนคุณพ่อวิ่งไปหาคุณปู่คุณย่า“เจ้าตัวร้าย..” นาวีมองตามหลังลูกชายที่เดินร้องเพลงเจื้อยแจ้วไปกับคุณปู่คุณย่า“ความร้ายกาจคงได้มาจากคุณพ่อเต็มๆ ค่ะ” บุษกรย้อนสามียิ้มๆ“ก็ถ้าไม่ร้ายกาจ จะมีเมียสวยๆ ลูกน่ารักๆ เหรอครับ”“ค่า ร้ายกาจจน
ตอนที่53.“อื้ม พี่วี อย่าซนสิคะ พอแล้ว...” เสียงหวานห้ามปรามกระเส่าแผ่วพร่าเมื่อมือร้อนผ่าวของสามีไม่อยู่สุข“ก็พี่ยังไม่อิ่มนี่นา บูมสนใจแต่น้องนาวาไม่สนใจพี่นาวีเลย”ปากว่าแต่มือไม่หยุดยุ่มย่ามกับนวลเนื้อนุ่มมือของภรรยาที่นับวันยิ่งสวยผุดผาดบาดตาบาดใจจนเขาอดใจไม่ไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ตอนนี้น้องนาวีครบหนึ่งขวบแล้ว และวันนี้คุณปู่คุณย่าพาน้องนาวาไปซื้อของขวัญวันเกิดแบบพิเศษหลังจากที่ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านแล้วและเดินทางไปทำบุญเลี้ยงอาหาร พร้อมทั้งแจกทุนการศึกษาให้เด็กกำพร้า เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และเหมือนว่าคุณปู่คุณย่าจะวางแผนไว้ดี ตกค่ำก็หลอกล่อพาหลานชายไปนอนด้วยเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ซึ่งนาวีอยากใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด“พี่วีน่ะมักมาก ต่อให้บูมสนใจพี่วีแค่ไหนก็ไม่พอหรอกค่ะ”หญิงสาวหันมามองสามีตาเขียวแล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อตัวตนของเขาที่ยังอยู่ในร่างสาวเหยียดขยายขึ้นมาอีกรอบพร้อมทั้ง
ตอนที่52.บุษกรรู้สึกสงสารชะตากรรมของธัญญาลักษณ์จนน้ำตาซึมกับเรื่องราวอันน่าหดหู่นั้น“ทีนี้น้องบูมเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมพี่ยังคบหากับแคทอยู่ แต่เธอก็คงจะอยู่กับเราได้ไม่นาน อาการของเธอแย่ลงทุกวัน”“ค่ะ บูมขอโทษที่คิดมากเรื่องนี้”“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกน้องบูม ก็เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าฟังนัก แต่พี่ลืมไปว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้เมียพี่เข้าใจผิดและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”“บูมยอมรับค่ะว่าหึงพี่วีกับพี่แคท...”บุษกรสารภาพเสียงอ่อย ก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาโตที่ตนเผลอพูดออกไปแต่ทำให้คนฟังหัวใจพองโตรู้ได้ทันทีว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา“พี่รักบูม / บูมรักพี่วี...”หนุ่มสาวพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งตัวเช่นกัน“เอ่อ... พี่วีแย่งบูมพูดทำไมคะ คนเขาอุตส่าห์ว่าจะพูดก่อน” เธอทุบอกกว้างของเขาเขินๆ ในขณะที่นาวียิ้มกว้างด้วยความอิ่มเอมใจ
ตอนที่51บุษกรย่องออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ขลุกอยู่ในนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อทำใจ ร่างที่กลับมาบอบบางดังเดิมแต่ก็อวบอิ่มขึ้นในส่วนที่ควร หลบให้ร่างสูงที่เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำด้วยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ“สู้ๆ นะบูม เราต้องทำได้...”หญิงสาวบอกตนเองขณะเดินไปนั่งอ่านหนังสือรอสามีทำธุระส่วนตัว สิบนาทีผ่านไปนาวีก็ออกมาจากห้องน้ำร่างแกร่งที่กลับมาแข็งแรงทรงเสน่ห์ดังเดิมสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายขายาวตัวเดียวเท่านั้น ทำให้บุษกรเมินหน้าหนีด้วยใจที่เต้นแรง ไอ้ที่คิดๆ ไว้ว่าจะพูดกับเขาเริ่มตีกันสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว“น้องบูมอ่านอะไรอยู่เหรอครับ”ร่างสูงเดินมาหาคนที่ก้มหน้างุดอยู่กับหนังสือในมือ ท่าทางตื่นๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอ็นดู บุษกรก็ยังคงเป็นสาวขี้อายตื่นกลัวเขาอยู่เสมอ แต่ยามที่เจ้าหล่อนดื้อรั้นเย็นชาก็ทำให้เขาเกรงๆ เธออยู่ไม่น้อย“บูมกำลังจะไปนอนแล้วค่ะ”หญิงสาวรีบวางหนังสือแล้วลุกขึ้นคิดว่าจะหลบไปตั้งหลักก่อน เพราะตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงเหลือเกิน แต่
ตอนที่50.“ว้าว ลูกชายพ่อแต่งตัวหล่อจัง หล่อเหมือนพ่อเลย”บุษกรค้อนคุณพ่อสุดหล่ออย่างหมั่นไส้แล้วหน้าแดงกับแผงอกเปล่าเปลือยของเขา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน นาวีก็ยังทำให้ใจสาวหวั่นไหวได้ไม่เสื่อมคลาย ยิ่งเห็นเขาในสภาพที่ล่อแหลมเซ็กซี่ขยี้ใจแบบนี้เลือดในกายสาวก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าละอาย“ทำไมพี่วีไม่แต่งตัวเสียทีล่ะคะ”“อะไรนะ...” นาวีมัวแต่ยิ้มให้ลูกชายไม่ทันฟังที่เธอพูดและคิดว่าตนเองหูแว่วเมื่อได้ยินสรรพนามที่สนิทสนมของเธอ แต่หญิงสาวก็ลุกขึ้นอุ้มลูกออกไปเสียก่อน เขาจึงรีบแต่งตัวตามออกไปสามพ่อลูกเดินลงมาหาคุณปู่คุณย่าที่รอรับหลานรักไปเดินเล่น บุษกรยื่นร่างอวบของลูกชายให้ผู้เป็นย่าซึ่งยื่นแขนมารอรับเจ้าตัวเล็กก็รู้อ้อนรีบยื่นแขนอวบๆ ไปหาผู้เป็นย่าแล้วหอมแก้มเหี่ยวย่นด้วยไร้เดียงสาเพราะเด็กชายจำได้ดีเมื่อคุณย่า คุณปู่อุ้มจะต้องหอมแก้มตนดังนั้นน้องนาวาจึงเรียนรู้ที่จะทำตามซึ่งมันทำให้คุณปู่คุณย่าทั้งรักทั้งหลงหลานตัวน้อย“หนูบูมกับวีไปทานข้าวกันเถอะลูก
ตอนที่ 49.“ก็แล้วทำไมไม่พูดไม่บอกความจริงในใจให้น้องรับรู้ล่ะ มานั่งถอนหายใจทิ้งมันมีประโยชน์อะไร”“คุณพ่อรู้ได้ยังไงครับว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่”“ก็สิ่งที่ลูกเป็น คือสิ่งที่พ่อเคยผ่านมาก่อนไงล่ะ” คุณบดินทร์วางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองหน้าลูกชายจริงจัง“ฟังพ่อนะวี ตอนนี้ลูกทั้งสองคนเหมือนคนป่วย ป่วยทางจิตใจ ใจที่ขาดความรักก็เหมือนใจที่ตายแล้ว อะไรที่ตายแล้วก็ไร้ประโยชน์...”“แต่ผม... เธอคงเกลียดผม”นาวีไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะในใจของเขานั้นมันตื้อตันและสับสนไปเสียทุกอย่าง“นาวี ตอนนี้ลูกมีครอบครัวที่เกือบจะสมบูรณ์แล้วนะ มีเมียและลูกที่น่ารัก ตาหนูเป็นดังแก้วตาดวงใจของเราทุกคน ตาหนูคงไม่ต้องการเติบโตมาท่ามกลางความหวาดระแวงแคลงใจของพ่อแม่หรอกนะ”“ผม...”“วีควรบอกน้อง ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรู้สึก พ่อบอกได้เพียงเท่านี้” คุณบดินทร์ตบบ่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเบ