Share

๑๐ เปิดหัวใจ

Penulis: Kaowsethong
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-05 14:25:00

๑๐

เปิดหัวใจ

วันที่ไร้พณณกรมันช่างเหงาเหลือเกิน เตียงที่เคยเล็กกลับกว้างอย่างน่าใจหาย ยกแขนขึ้นมาโอบกอดหมอนข้างซึ่งไม่ได้ให้ความอบอุ่นเท่าอ้อมแขนของเขาแม้แต่น้อย

..ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ อีกตั้งหนึ่งวันกว่าชายหนุ่มจะกลับคิดแล้วก็รู้สึกห่อเหี่ยว หากโทรศัพท์ไม่หายป่านนี้คงพอคลายความคิดถึงลงได้บ้าง

ถ้าเขากลับมาเธอจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นดีไหม..

อยากให้ชายหนุ่มปลอบปะโลมโอบกอดเอาไว้ทว่าก็กลัวเจอคำสั่งเด็ดขาดไม่อนุญาตให้ไปทำงานที่นั่นอีก ถึงจะเปลี่ยนเป็นภัตตาคารก็ตาม จำต้องเงียบเอาไว้ ไม่ลืมกำชับนุ่มนิ่มและคนที่รู้เรื่องให้สงบปากอย่าได้แพร่งพรายจนสามีหล่อนจับได้เป็นอันขาด งานนี้สร้างเงินเป็นกอบเป็นกำจะทิ้งไปก็แสนเสียดาย

ร่างบางพลิกกายไปมาคิดเห็นเพียงใบหน้าคมจนต้องลุกขึ้นนั่งมองดูรูปคู่แต่งงานซึ่งมารดาอัดกรอบมาไว้ในห้องนอนของหล่อนตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว จะว่าไปก็เกือบสองเดือนที่อยู่ในสถานะสามีภรรยาไม่รู้สึกอึดอัดใจอย่างที่คิด ยังสามารถเป็นตัวของตัวเองทำอะไรตามใจได้บ้างในบางเรื่องแต่ก็ยังมีสิ่งที่เขาห้ามเด็ดขาดคือยิ้มให้ผู้ชายคนอื่น

พณณกรเป็นบุคคลที่ขี้หึงมาก แค่มีผู้ชายเขาใกล้หรือมองหน้าหล่อนเกินห้าวินาทีก็โดนเขม่นจนต้องหลีกกายหนีให้ไกลก่อนใบหน้าคมจะหันมาดุเธอที่อ่อยเรี่ยราด ซึ่งบางครั้งตนยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นเหตุให้ทะเลาะกันหลายรอบมาก แต่สุดท้ายก็จบด้วยการที่บุลลาทำอาหารง้อจึงคลายบรรยากาศมาคุลงได้

ยามเช้ามีเสียงไก่ขันตั้งแต่ตีสี่ ทำเอาคนพึ่งนอนหลับต้องลุกมาหุงหาอาหารสำหรับครอบครัวเล็กของตน โดยมีมารดารดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านและเมื่อดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าส่องแสงสว่างปลุกผู้อยู่ในห้วงนิทราต้องตื่นเพื่อรับวันใหม่ หญิงต่างวัยทั้งสามออกไปหน้าบ้านเพื่อใส่บาตรรับพรก่อนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง

"วันนี้จะนอนไหนล่ะบัว" ก่อนไปทำงานบานเย็นก็หันมาถามบุตรสาวที่กำลังถูบ้านอย่างขะมักเขม้น

"คงกลับไปนอนบ้านเขาแหละแม่" ไม่มีใครดูแลเจ้าตูบก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้ ถึงไม่ใช่สุนัขของตนเองก็เลี้ยงดูมาเป็นเดือนจากผอมโซเริ่มอ้วนพีเดินแทบไม่ไหว

"นอนคนเดียวได้เหรอให้แม่ไปนอนเป็นเพื่อนไหม" อดเป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียวไม่ได้ บ้านหลังนั้นก็ห่างไกลผู้คนหากเกิดอะไรขึ้นมาจะร้องให้ใครช่วยได้

"ไม่เป็นไรหรอกแม่ หนูนอนคนเดียวได้ไม่ต้องเป็นห่วง มีไอ้ตูบอยู่ด้วยทั้งตัว" ว่าพลางยิ้มแย้มเพื่อให้บานเย็นสบายใจ

แต่คนแก่วัยก็นึกเป็นห่วงอยู่ดี

"แต่แม่ว่ารอให้คุณเอิร์ธกลับมาก่อนไม่ดีกว่าเหรอ ยังไงบัวก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวพึ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วย นอนที่บ้านอีกสักวันเถอะนะลูก"

เห็นดวงตาของท่านเต็มไปด้วยความห่วงใยก็นึกซาบซึ้ง ก่อนจะพยักหน้ารับคำของผู้ให้กำเนิดจนฝ่ายคะยั้นคะยอรู้สึกสบายใจ

"ก็ได้จ้ะ"

"ถ้าอย่างนั้นแม่ไปทำงานก่อนแล้วกัน เอ้อ แม่ไม่ได้เอารถไปนะ บัวจะขับไปที่บ้านหลังนั้นทำความสะอาดรอคุณเอิร์ธก็ได้"

..นั่นสิไม่รู้ป่านนี้บ้านจะฝุ่นจับแค่ไหน

มองตามแผ่นหลังเล็กของบานเย็นก่อนถอนหายใจ เธอได้รับอภิสิทธิ์ให้หยุดงานอีกครั้งโดยประกาศิตจากคุณชลธีที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมด

ภายใต้เรื่องเลวร้ายก็มีเรื่องที่ดีซ่อนอยู่ ทำให้เธอได้รับรู้ถึงความหวังดีและมิตรภาพจากผู้คนรอบข้าง

เมื่อทำความสะอาดบ้านของตนเองจนครบทุกห้อง ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปยังเรือนหอหลังเล็กซึ่งรายล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามจนตอนนี้เธอตกหลุมรักมันเสียแล้ว เสียงน้ำไหลเอื่อยอยู่หลังบ้านทำให้ตัดสินใจเดินมาดูผักที่ปลูกเอาไว้ซึ่งเริ่มโตแล้วในบางแปลง บุลลานำถังเล็กไปตักน้ำลำธารมารดต้นไม้ก่อนได้ยินเสียงเห่าของเจ้าตูบ

มันวิ่งมาหาแล้วเลียขา กระดิกหางดีใจยกใหญ่

"พอแล้ว จะดีใจอะไรขนาดนั้น ไม่เจอกันแค่สองวันเอง" สัตว์แสนรู้จึงหมอบลงก่อนร่างบางจะเดินไปหน้าบ้าน เปิดประตูแล้วหาของกินสำหรับสุนัขตัวเล็ก

หลังจากให้อาหารแล้วจึงเริ่มทำงานบ้าน เริ่มจากนำผ้าปูที่นอนและผ้าห่มไปซัก ยกเสื้อผ้าเต็มตะกร้าลงเครื่องค่อยเข้ามากวาดพื้นแล้วถูจนสะอาด ใบหน้าหวานมีเหงื่อเกาะเต็มจึงเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าดีที่บ้านหลังนี้มีเครื่องทำน้ำอุ่นจึงค่อนข้างเป็นที่พอใจสำหรับผู้หญิงที่ไม่ชอบน้ำเย็นยิ่งนัก

หล่อนออกไปตากเสื้อผ้าก่อนเข้าห้องนอนหยิบผ้าปูอีกผืนออกมาคลุมเตียงแล้วนำผ้าห่มมาคลุมทับ ไม่ลืมเปลี่ยนปลอกหมอนจนเสร็จสิ้นทุกอย่าง จึงล้มตัวลงนอนเพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยลืมความหิวไปหมดสิ้นแม้จะล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงวันแล้วก็ตาม ไม่ได้ยินเสียงท้องที่ร้องครวญครางและไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถยนต์ที่ขับมาจอดหน้าบ้าน

ร่างสูงเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของบ้านบุลลาจอดหน้าบ้าน ก่อนมองไปที่เจ้าตูบซึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทั้งประตูหน้าบ้านยังเปิดเอาไว้จนกว้างอีก

"ไม่ไปทำงานเหรอ" พึมพำเสียงเบาแล้วเปิดท้ายรถ นำถุงเสื้อผ้าที่ซื้อให้บุลลามาถือ เดินเสียงเบาเข้าไปภายในบ้านก่อนจะค่อยเปิดประตูห้องนอน ริมฝีปากหนาได้รูปค่อยยกขึ้นอย่างมีความสุข เมื่อเห็นผู้ที่ขึ้นชื่อว่าภรรยานอนหลับใหลอยู่กลางเตียง เขาวางถุงทั้งหลายลงที่พื้นก่อนเดินย่องไปนอนลงข้างกายเล็ก โอบกอดหล่อนเอาไว้จากทางด้านหลัง

ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลังทำให้บุลลาต้องพลิกกายแล้วหันหน้าโอบกอดไออุ่นนั้นเอาไว้เพราะคิดว่าเป็นหมอนข้าง ทว่าเมื่อวาดวงแขนไปมันกลับแข็งจนต้องขมวดคิ้ว

..ไม่ใช่หมอนข้างแต่เป็นคนต่างหาก!

ดวงตากลมโตลืมขึ้นพบแผงอกหนาที่ถูกทับด้วยเสื้อเชิ้ตเนื้อดี กลิ่นกายที่นึกโหยหาทุกค่ำคืนตอกย้ำให้รู้ว่าบัดนี้ชายที่คิดถึงได้กลับมาแล้ว หล่อนเงยหน้าขึ้นจนกระทั่งได้สบตากับเขา แล้วน้ำตาที่ไม่คิดว่าจะไหลก็ถูกปล่อยออกมาราวก๊อกแตก สร้างความตกใจให้ร่างสูงจนต้องเอ่ยถามเสียงสั่น

"เฮ้ย เป็นอะไร เธอร้องไห้ทำไม" มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวานทันที

"ไอ้บ้า นายมันคนเห็นแก่ตัวฉันโทรไปก็ไม่รับ ฮือ ไม่โทรกลับมาหาฉันเลย รู้ไหมว่าฉันคิดถึงมากแค่ไหน ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้คนเลว คนชั่ว..อื้อ" ขณะที่กำลังจะพ่นคำด่ามาอีกระลอกใหญ่

เขาก็ทำการปิดปากเธอเอาไว้ด้วยจุมพิตแสนหวาน เพียงแค่ได้ยินคำว่าคิดถึงหัวใจของเขาก็พองโตคับอกจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว

ผละจากริมฝีปากเล็กก็จูบซับน้ำตาให้อีกฝ่ายทันทีก่อนจะแช่ค้างไว้ที่เปลือกตาแล้วปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระ

"ฉันก็คิดถึงเธอ"

เพียงเท่านั้นบุลลาก็โผเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นอีกครั้ง ซบหน้าเข้าที่อกหนาจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะของเขา

แค่นี้ก็รู้สึกถึงความปลอดภัยแล้ว

"อีกอย่างฉันก็โทรกลับหาเธอเหมือนกันแล้วทำไมไม่รับสาย เกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งแล้วขับรถมาหาเลยนะ" ลูบศีรษะมนนึกเอ็นดูพลางถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้ต้องการหาเรื่องทว่าก็สัมผัสได้ถึงความคุกรุ่นในประโยคนั้น

จนหล่อนชะงักไปชั่วครู่

"ทำหายน่ะ ไม่รู้ไปตกอยู่ที่ไหน"

ได้ยินอย่างนั้นก็มะเหงกใส่คุณภรรยาจอมเซ่อไปหนึ่งทีไม่ได้ จนเธอร้องด้วยความเจ็บ

"โอ๊ย เจ็บนะ" เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าคมที่เกลี้ยงเกลาทั้งที่ก่อนใบหนวดเครายังครึ้มอยู่เลย

"ก็ลงโทษไง คนอะไรไม่รู้จักรักษาของเลยแล้วมาโทษว่าฉันไม่รับโทรศัพท์" ส่ายหน้านึกระอาปล่อยให้ความเงียบโอบล้อม กระทั่งชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่ามีของจะให้จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตน

ร่างบางไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มเธอยังคงกอดเขาเอาไว้แน่น คงต้องยอมรับกับตนเองว่าเธอติดสัมผัสของเขาไปแล้ว ทั้งอ้อมกอดแข็งแกร่ง กลิ่นกายเย็นสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ เสื้อยืดตัวโคร่งที่ชอบเอาของอีกฝ่ายมาใส่นอนประจำ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าต้องแยกกันอีกจะเป็นอย่างไร

"ลุกขึ้นหน่อยสิ ฉันมีของฝากจากกรุงเทพฯ ให้เธอ" ผละออกจากร่างบางจึงสั่งเสียงนิ่ง

ทำเอาคนตัวเล็กจำต้องลุกขึ้นตามแบบงงๆ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นกับของฝากแต่ก็พยายามรักษาใบหน้าเอาไว้ ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นของราคาแพงเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาชายหนุ่มค่อนข้างประหยัดในเรื่องเสื้อผ้า แต่จะทุ่มไม่อั้นกับเหล้าเบียร์จนต้องปรามไปหลายครั้ง

"อะไรน่ะ" มองลูกบอลกลมขนาดเล็กที่อยู่ในตู้ของเล่นเด็กซึ่งมักจะเห็นบ่อยยามไปหน้าร้านมินิมาร์ท ของข้างในคงไม่พ้นแหวนปลอมไม่ก็ตุ๊กตาขนาดจิ๋ว ใบหน้าหวานไม่สามารถปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้

จนเขาต้องหลุดหัวเราะ

"เอาไปเปิดดูสิ"

จำต้องรับของฝากที่เขาให้มาแล้วหมุนมันออกช้าๆ เผยให้เห็นของข้างในทำเอาด้วงตากลมโตเบิกกว้างเพราะมันคือสร้อยคาเทียร์สีทองอย่างที่เคยนึกอยากได้

"นะ นี่นายไปเอาเงินมาจากไหน!" ถามเสียงสั่นพลางหยิบสร้อยออกมาดูอย่างสำรวจ ของแท้แน่นอนไม่ได้ลอกเลียนแบบ เธอเคยเมียงมองหลายครั้งเพราะอยากได้แต่จำต้องอดใจเอาไว้ ราคาหลักแสนของมันทำให้ไม่สามารถทำใจซื้อได้ เพราะซื้อสร้อยคอนี้เส้นเดียวสามารถดาวน์รถได้ด้วยซ้ำ

"ค่าจ้างเป็นวิทยากรไง” คำตอบที่ถูกเตรียมมาอย่างดียังไม่ทำให้คลายความสงสัยได้

"อย่ามาโกหกนะเส้นนี้ตั้งแสนกว่า ใครเขาจะจ้างนายเยอะขนาดนั้นกัน"

"แค่ห้าพันเอง เธอเอาจากไหนมาบอกว่าแสน" เขาลดราคาสร้อยคอลงมาจนแทบไม่เหลือเค้าความจริง

บุลลาส่ายหน้าปฏิเสธทันที

"ฉันไม่ได้โง่นะ เส้นนี้ของแท้แน่นอน"

"ไม่รู้สิ ฉันซื้อต่อเพื่อนในราคานี้ ว่าแต่..เธอชอบไหม" จากร้านดังสู่ของมือสอง แต่หล่อนก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด ความสงสัยคลายไปได้บ้าง แม้จะคิดว่าใครเขาจะขายคาเทียร์ที่ซื้อมาแสนกว่าในราคาห้าพันกัน หรือว่าตาเธออาจจะเบลอมองของก๊อปปี้เป็นของแท้

..ช่างเถอะ แค่เขามีน้ำใจซื้อให้ก็ดีแล้ว

"ชอบสิ ชอบมากเลย"

ได้ยินอย่างนั้นคนที่ตั้งใจซื้อก็ยิ้มแก้มปริ หยิบสร้อยออกจากลูกบอลกลมมาสวมที่ลำคอขาวอย่างเชื่องช้าก่อนจะจุมพิตที่หลังคอเป็นการตอกย้ำว่าผู้หญิงคนนี้เขาได้จับจองเอาไว้แล้วด้วยสร้อยทองที่มีแหวนคล้องกัน

"ฉันจองเธอแล้วนะ ห้ามมีใคร ไม่อย่างนั้นฉันเอาตายทั้งเธอทั้งมัน" คนขี้หวงเอ่ยด้วยสายตาข่มขู่

จนหล่อนต้องขึ้นไปนั่งบนตักแล้วหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ

"ไม่มีใครหรอกน่า นายก็ห้ามมีใครเหมือนกัน"

สองสามีภรรยาสบตากัน พลันใจของชายหนุ่มก็นึกรู้สึกผิดที่การลงไปเมืองหลวงครั้งนี้ทำให้เขามีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่หล่อน

"อือ ไม่มีหรอก"

บุลลายิ้มให้เขาแล้วก้มมองสร้อยคอสีทอง หยิบมันดูอย่างชื่นชม ชอบของฝากครั้งนี้ของเขาเหลือเกิน

ในขณะที่ร่างสูงก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เรื่องราวที่เหมือนจะดำเนินไปด้วยดีกลับต้องสะดุดลงเพราะความจริงที่เขาไม่ได้บอกหล่อน

เอาไว้ก่อนแล้วกัน ยังมีเวลาอีกมาก..ตอนนี้ขอพิสูจน์ความจริงใจของเธออีกหน่อยจะบอกความจริงทุกอย่างที่ปิดบังเอาไว้

วันต่อมาทั้งคู่ต่างแยกย้ายไปทำงานโดยเรื่องที่เกิดขึ้นกับบุลลาไม่ใครพูดถึงสักคน พณณกรจึงไม่รู้เรื่องของหญิงสาว กระทั่งตกเย็นกลับมาบ้านเห็นคนตัวเล็กทำอาหารรอก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

"วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ"

มือที่กำลังผัดผักก็ชะงักก่อนจะหันมายิ้มหวานกว่าปกติให้ร่างสูง พยายามไม่แสดงพิรุธออกไป

"พอดีร้านเขาปิดปรับปรุง อีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะเปิด"

ใบหน้าคมพยักหน้าพลันยกยิ้มอย่างดีใจ อันที่จริงปิดไปถาวรเลยก็ดี เมียเขาจะได้ไม่ต้องลำบากไปทำงานทุกเย็นให้เหนื่อยกายเปล่า เอาเวลามาออกกำลังกายในร่มผ้าร่วมกันท่าจะสนุกกว่า

 ขณะที่เขาตกอยู่ในความคิดของตนเองกลิ่นกะเทียมจากกระทะก็ลอยเข้าจมูก ทำเอาสัตวแพทย์หนุ่มรีบปิดจมูกแล้วพุ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

"อ้วก อ้วก"

โก่งคออาเจียนลงชักโครก ทำให้ร่างบางเป็นห่วงต้องปิดแก๊สเดินมาลูบหลังให้เขาด้วยสีหน้ากังวล

"เป็นอะไรทำไมอยู่ดีๆ ก็อ้วก" เมื่อชายหนุ่มอาเจียนออกจนหมดพร้อมเดินไปล้างหน้าล้างปากที่อ่างล้างหน้าก็เอ่ยถามขึ้น ทั้งที่เข้ามาก็ปกติดีทุกอย่างแท้ๆ

"ก็กลิ่นกะเทียมของเธอนั่นแหละตีเข้าจมูกเลย มันเน่าหรือเปล่าทำไมเหม็นขนาดนี้" หันไปมองก็แทบจะพุ่งไปอาเจียนอีกรอบจนต้องหันหน้าหนี

"จะบ้าเหรอฉันเพิ่งซื้อมันจะเน่าได้ยังไง ปกติก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้" ประคองคนที่ตัวใหญ่กว่านั่งลงโซฟาหน้าทีวี คว้าหนังสือที่อยู่ใกล้มาพัดพร้อมยื่นยาดมซึ่งวางไว้แถวนั้นให้เขาทันที

"ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเพิ่งเป็นวันนี้วันแรก" เหนื่อยจนหอบหายใจถี่ ถึงจะอาเจียนจากการเมาค้างบ่อยแค่ไหนก็ไม่รู้สึกว่าหมดเรี่ยวแรงขนาดนี้มาก่อน

"เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเมนูให้แล้วกัน เอาเป็นสลัดผักใส่อกไก่ฉีกกับสเต๊กปลาแซลมอนดีไหม" จากที่จะทำผัดกระเพรากับต้มข่าไก่ จำต้องเปลี่ยนเมนูกะทันหันเพราะเห็นอาการของสามีคงต้องบำรุงด้วยพืชผักเยอะหน่อย

"ตามใจเลย" ปล่อยให้ร่างบางจัดการเพราะเขาคิดไม่ออกว่าอยากกินอะไร คู่ของตนไม่เคยมีปัญหาเรื่องการถามว่าเย็นนี้กินอะไรสักทีเพราะหล่อนจัดการเองหมด เมนูทั้งไทยและเทศถูกปรุงแต่งราวแม่ครัวมือเอก จนนึกอยากพาบุลลาไปอวดเพื่อนสมัยเรียนเหลือเกิน

..งานบ้านไม่มีขาดงานบนเตียงไม่มีหย่อนแบบนี้เขาจะไปไหนได้

ถึงจะไม่ได้กลิ่นกระเทียมแต่อารมณ์เขาค่อนข้างแปรปรวนง่าย หากวันไหนดีลูกน้องก็สบายไปแต่วันไหนทะเลาะกับเมียมาหน้าหงิกจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เขานำชุดที่ซื้อมาให้หล่อนซึ่งคืนนั้นคนตัวเล็กก็ขอบคุณโดยการขึ้นคร่อมร่างสูงมอบความสุขให้กว่าค่อนคืน

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและบุลลาก็ต้องไปทำงานที่ภัตตาคารเป็นวันแรกแต่ยังไม่ได้บอกชายหนุ่มว่าเปลี่ยนสถานที่ทำงานหากเย็นนี้เขาไปรอที่เดิมจะทำอย่างไร ความลับที่ปิดเอาไว้ได้แตกกันพอดี นึกกังวลขณะที่นำอาหารออกไปตั้งไว้โต๊ะหน้าบ้าน

"วันนี้เธอไปทำงานที่ร้านใช่ไหม"

ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรชายหนุ่มก็ถามขึ้นเสียแล้ว รู้สึกเหมือนกำลังโดนครูปกครองสอบสวนอากาศเริ่มเย็นทั้งที่ไม่มีลมสักนิด

"อืม" ถ้าจะบอกว่าไม่ต้องไปรับเธอก็กังวลว่าจะเจอคนพวกนั้นอีกทั้งที่รู้ว่าเสี่ยกรรชัยเอาทุกคนเข้าคุกแล้วก็ตามแต่อีกไม่นานก็คงได้ออกมา หากมันมาแก้แค้นเธอจะทำอย่างไร แสดงออกถึงความกังวลจนร่างสูงจับสังเกตได้

"เป็นอะไร ไม่อยากไปทำงานเหรอ"

มองเขาแล้วส่ายศีรษะจนผมสะบัดไปตามแรง

"เปล่า แค่ไม่ค่อยชินน่ะ หยุดไปตั้งนาน"

สัตวแพทย์ตักข้าวต้มปลามากินพลางอมยิ้มอย่างมีความสุข อาหารที่หล่อนทำอร่อยทุกอย่างเลย

"เอ่อ คือฉัน" ขณะที่จับช้อนคนข้าวเพื่อให้ไอร้อนระเหยก็ตัดสินใจจะบอกเรื่องสถานที่ทำงานใหม่แก่เขา ทว่าก็กลัวอีกฝ่ายจะสงสัยถึงเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนงาน ความคิดตีกันยุ่งไปหมดจนอยากพูดความจริงให้หมดทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พณณกรไม่อยู่

"มีอะไรจะบอกหรือเปล่า" เห็นอ้ำอึ้งจึงถามพลางมองตากลมโตนิ่ง

แค่นั้นใจของหล่อนก็แฟบลงราวจะหมดลม

"อ๋อ จะบอกว่าฉันเลิกงานห้าทุ่มครึ่ง แค่นั่นแหละพอดีต้องเก็บโต๊ะช่วยปิดร้านด้วยน่ะ เห็นว่าได้เงินเพิ่ม" เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักแต่หากพูดอะไรมากก็จะมีแต่ทะเลาะกัน

"ถ้าเธอเหนื่อยก็เลิกทำเถอะ ฉันมีเงินเลี้ยงเมียคนเดียวเอง" หากบุลลารู้ว่าเขาคือพณณกร วิจิตรประภาคงไม่ต้องหาเงินให้วุ่นแบบนี้หรอกแต่เพราะหล่อนไม่รู้จึงทำเพียงหัวเราะราวจะเยาะคำพูดของอีกฝ่าย

"อย่างกับมีเงินเยอะ เก็บเงินของนายไว้เถอะฉันจะทำงานหาเอง"

บรรยากาศขมุกขมัวมาเยือนอีกครั้งหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรทำเพียงรับประทานข้าวเช้าไปเงียบๆ เขาขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งเธอที่ไร่ก่อนจะเลยไปยังฟาร์มของตน

ลูกน้องเห็นเจ้านายใบหน้าเคร่งขรึมก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปทัก ยกเว้นคู่หูที่เดินเข้าไปเหยียบรังแตนอย่างไม่นึกกลัว

"หน้าบึ้งมาทำงานเลยนะนาย เมียไม่ทำการบ้านให้เหรอครับ" โอ้เอ่ยขึ้น

"หรือนกเขาไม่ขันเมียเลยจะทิ้ง ฮิ้ว"

สองคนตอบรับกันเป็นอย่างดีก่อนจะล้มลงกับพื้นเพราะโดนสัตวแพทย์หนุ่มถีบเต็มแรง ร้องโอดโอยไปตามกัน

"โหนาย ไม่ผ่อนแรงบ้างเลย เจ็บนะครับ" อาร์ตหันมาโวยเสียงไม่จริงจัง

ถึงจะโดนทำร้ายร่างกายบ่อยแค่ไหน สองคนก็ไม่เคยโกรธเจ้านายเลยสักครั้ง อาจเพราะครั้งหนึ่งเมื่อพวกเขาติดยาเสพติด ชายหนุ่มผู้นี้ไปฉุดให้ขึ้นจากขุมนรกแล้วสอนงานในไร่ จึงทำให้โอ้กับอาร์ตนับถือพณณกรเสียยิ่งกว่าพ่อแม่อีก

"รำคาญ พวกมึงไปให้พ้นหน้ากูเลยนะ ไม่อย่างนั้นจะเจอยิ่งกว่าถีบ" ชี้หน้าแล้วดุเสียงเข้มก่อนหันไปเริ่มทำงานโดยการผสมอาหารให้ม้าพันธุ์ดีที่ไปแข่งวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางจนได้รางวัลมาให้คนเป็นนายเชยชม เสร็จจากคอกม้าก็มุ่งสู่คอกวัวตักอาหารลงรางพร้อมทั้งอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้มัน

งานทางฟาร์มมีมากพอกับไร่รุ่งอรุณแต่จำนวนคนงานค่อนข้างน้อยเนื่องจากสัตวแพทย์หนุ่มคุมทุกอย่าง ใครที่เกียจคร้านหรือทำงานพอเอาหน้า เขาไล่ตะเพิดออกหมด เคยมีผู้หญิงมาลองดีก็เจอคำด่าไปเป็นกระบุง จนต้องร้องไห้เดินออกมาทั้งน้ำตา ไม่กล้าจะเหยียบย่างมาที่ฟาร์มสายรุ้งอีกเลย

ใครก็ว่านายหล่อแต่ปากหมา ผู้หญิงคนไหนได้ไปซวยทั้งชาติ..และบุลลาคือคนนั้น

"ไม่บอกนายแบบนี้จะดีเหรอบัว" ขณะที่มาถึงโรงแรมหรูของอำเภอ นุ่มนิ่มก็หันไปถามด้วยความกังวล กิตติศัพท์ความร้ายของพณณกรเป็นที่เลื่องลือจนอดกลัวไม่ได้ว่าเพื่อนจะโดนหนักแค่ไหน

"ดีสิ ขืนบอกไปฉันคงไม่ได้ทำงานหรอก" ไม่ใช่ว่าไม่กลัวเขาแต่เพราะอำนาจเงินมันหอมหวานกว่าบุลลาจึงตัดสินใจจะปิดบังแล้วมุ่งหาเงินใช้หนี้ธนาคาร บางเรื่องถ้าบอกแล้วทำให้ทะเลาะกันจนเสียการเสียงานก็ควรเก็บเงียบเอาไว้อาจดีต่อทั้งสองฝ่าย

"สวัสดีค่ะเสี่ยกรรชัย "ก่อนจะได้พูดอะไรกันมากกว่านี้ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของเสี่ยกรรชัยผู้เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้เดินมาเสียก่อน ร่างบางจึงรีบยกมือขึ้นไหว้มองผู้มีพระคุณด้วยความซาบซึ้ง

"มากันเร็วดีนะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอเข้าไปคุยรายละเอียดแล้วก็เริ่มงานวันนี้ ดีไหม"

สองสาวพยักหน้าพร้อมกันเดินตามเสี่ยใหญ่เข้าไปในโรงแรมโดยมีสายตาของฟ้ามุ่ยมองตามพลางนึกสงสัย

"จอดก่อนๆ" สาวร่างอวบที่ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่สำนักงานไร่บอกวินมอเตอร์ไซค์ให้จอดหน้าโรงแรมชื่อดังของอำเภอ เห็นแผ่นหลังคุ้นเคยของบุลลา โดยสายตาไม่สังเกตนุ่มนิ่มที่อยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อยสักนิด ข้างกันนั้นมีผู้ชายร่างสูงเดินแนบชิดราวจะติดเป็นเนื้อเดียวกัน

หรือว่าจะเป็นชู้..

แค่คิดริมฝีปากก็แต้มยิ้ม ถ้าพณณกรรู้เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ ขาเตียงคงได้หักก็คราวนี้แหละ

"เข้ามาก่อนสิ" ห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมถูกเปิดต้อนรับทั้งสองทำเอาต้องมองด้วยความตกตะลึง

ชายหนุ่มเนรมิตชั้นนี้ให้เป็นที่พักอาศัยของตนโดยมีทั้งห้องนอน ห้องทำงาน ห้องออกกำลังกายและห้องภาพยนตร์ ความหรูหราสมฐานะสร้างความตื่นเต้นแก่บุลลายิ่งนัก

ภายในห้องทำงานมีเอกสารวางบนชั้นอย่างเป็นระเบียบโดยเรียงตามตัวอักษร โต๊ะไม้สีดำเงางามตัวใหญ่ตั้งไว้กลางห้องโดยผนังเป็นกระจกทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของอำเภอที่มีภูเขาซ้อนกันบนยอดถูกเมฆปกคลุมเอาไว้สวยจับตา จนต้องเดินไปยืนมองก่อนรีบหันมาขอโทษเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ทำเป็นการเสียมารยาท

"ดูก่อนก็ได้ มันสวยใช่ไหมล่ะ" เหมือนนุ่มนิ่มกลายเป็นส่วนเกินสำหรับสองคนเพราะสายตาของเสี่ยใหญ่เอาแต่มองใบหน้าหวานของคนตัวเล็ก

"ค่ะ สวยมากเลย"

ห้องที่กว้างปูด้วยพื้นพรมด้านขวามีโซฟารูปตัวแอลวางตั้งเอาไว้ยังไม่สามารถลดทอนความใหญ่โตของห้องนี้ได้ เคยนึกฝันว่าจะมีเพนท์เฮาส์หรูหราเป็นของตนเองบ้างแต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้นในเมื่อชีวิตของเธอไม่สามารถเอื้อมถึงได้

ฟ้าคงลิขิตไว้แล้วและคนอย่างบุลลาก็ไม่สามารถขัดบัญชาสวรรค์ได้เสียด้วย

"อะ ขอโทษค่ะ" ประตูห้องถูกเปิดออกก่อนสาวใช้จะพยายามปิด ทว่าช้ากว่าเจ้าของห้องที่เดินไปจับประตูไม้หนาเอาไว้แล้วดึงข้อมือเล็กให้เข้ามาภายในห้อง บุลลาและนุ่มนิ่มหันไปมองคนมาใหม่แล้วนึกชื่นชมในความสวยของอีกฝ่าย ถึงจะอยู่ในชุดแม่บ้านที่เป็นเดรสแขนตุ๊กตาสีดำกระโปรงฟูฟ่องยาวเท่าเข่าก็น่ารักจับใจไม่เหมือนแม่บ้านสักนิด

"ฉันว่าตรงนั้นยังไม่สะอาดนะ เข้าไปทำใหม่" แววตาที่เคยอ่อนโยนดุดันขึ้นจนแม่บ้านสาวตัวสั่นเดินไปยังโซฟาสีเบจแล้วเริ่มทำความสะอาดอีกครั้ง "ผมว่าเราเอาตามสัญญาเก่าของที่ร้านก็ได้ครับ ส่วนเวลาเลิกงานก็ห้าทุ่มไม่มีเลทไปกว่านี้ เรื่องเงินเดือนฉันให้หมื่นห้าไม่รวมทิป หยุดงานได้หนึ่งวันตกลงกันนะครับว่าจะหยุดวันไหนแล้วค่อยมาบอกฉัน" รวบรัดอย่างรวดเร็วทำเอาสองสาวมองหน้ากัน

..ถ้าเขาจะพูดปากเปล่า แล้วจะพาพวกเธอขึ้นมาชั้นบนเพื่ออะไร

ร่างสูงเดินไปหาบุลลาพร้อมแตะเข้าที่เอวบาง ดึงเข้ามาใกล้ตัวเล็กน้อย

"คุณหายตกใจหรือยังครับ"ถามเสียงเบาพร้อมโน้มเข้ามากระซิบที่ข้างหู

"เอ่อ ค่ะ ดีแล้วค่ะ" ขืนตัวออกเล็กน้อย นอกจากสามีแล้วหล่อนก็ไม่สนิทใจจะให้ใครใกล้ชิดจึงค่อนข้างกระอักกระอ่วนกับการกระทำของเสี่ยกรรชัย

นุ่มนิ่มมองทั้งสองอย่างเลิ่กลั่กอยากเข้าไปช่วยบุลลาก็ไม่กล้าเพราะอีกฝ่ายเป็นนายจ้างจนกระทั่งร่างสูงยอมปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระเพราะได้ยินเสียงแจกันแตก

เพล้ง

"ขอโทษค่ะ ดิฉันจะรีบเก็บให้นะคะ" สาวใช้ก้มลงไปหวังเก็บเศษแก้วที่แตกจนโดนบาดเข้าที่มือเนื่องจากไม่ระมัดระวัง ดวงตากลมโตมีน้ำใสคลอต้องพยายามอดกลั้นไม่ให้มันไหล

"ซุ่มซ่ามจริงๆ ออกไปให้พ้นหน้าฉัน" ขึ้นเสียงเล็กน้อย

แต่นั่นก็ทำเอาผู้หญิงทั้งสามคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งไปตามกัน

"ค่ะ" หล่อนก้มหน้ารับคำ กำมือตนเองแน่นไม่ให้เขาเห็นว่าเลือดไหลแล้วรีบเดินออกไปพร้อมหัวใจที่เจ็บปวด

เสี่ยกรรชัยมองตามเพียงครู่แล้วหันมาบอกให้พวกเธอลงไปทำงานได้เพราะใกล้เวลาเข้างานแล้วพร้อมจัดการเรื่องชุดใหม่โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อเอง

เมื่อทุกคนออกไปทั้งห้องก็เหลือเพียงเสี่ยหนุ่มซึ่งเดินไปนั่งลงบนโซฟายาวยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ แล้วหยิบโทรศัพท์ของบุลลาออกมาจากกระเป๋ากางเกง สายเรียกเข้านับสิบที่ขึ้นชื่อว่า 'หมอหมา' เขาเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร

..แต่ถ้าเปิดเผยตัวตอนนี้ทุกอย่างก็ไม่สนุกน่ะสิ

รอเวลาอีกสักหน่อยแล้วกัน ให้สาสมกับที่มันแย่งผู้หญิงของเขาไป ถึงแม้ว่าเธอคนนั้นจะเป็นเพียงแค่คนขัดดอกที่ตนไม่ต้องการก็ตาม!

งานวันแรกดำเนินไปด้วยดีและเมื่อถึงห้าทุ่มบุลลาก็บอกให้เพื่อนไปส่งที่ร้านอาหารเดิมที่เคยทำงานต้องรอพณณกรไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ออกไปไหนร่างสูงของเสี่ยกรรชัยก็เดินมาดักทางเอาไว้เสียก่อน สร้างความขัดใจแก่หล่อนยิ่งนักแต่ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า

"เป็นอย่างไรบ้างงานวันแรก" ถึงแม้จะเป็นเวลาดึกทว่าเจ้าของโรงแรมกลับอยู่ในชุดสูทเต็มยศเหมือนเดิม

จนอดคิดไม่ได้ว่า

..เขาคงจะนอนทั้งอย่างนี้

"ดีค่ะ" ตอบน้อยคำทั้งที่จริงเธออยากจะบอกว่ามันดีกว่าร้านอาหารมากเหลือเกิน ลูกค้าก็มีมารยาทไม่ได้เล้าโลมเธอทางสายตา งานก็ไม่หนักมีเพียงเสิร์ฟอาหาร รับรายการ เก็บโต๊ะยกมือขอบคุณพร้อมรอยยิ้มหวานเท่านั้น งานง่ายแถมได้เงินเยอะอีก

"เห็นอย่างนี้ก็เบาใจ พวกเธอไม่ต้องกังวลเรื่องพนักงานชายนะส่วนมากคัดนิสัยด้วย ไม่มีเหมือนที่เดิมหรอก" บอกให้สบายใจก่อนหันไปมองนุ่มนิ่มที่ขยับตัวไปมา

"เป็นอะไรนิ่ม" บุลลาถามเพื่อน

"มันดึกแล้วฉันกลัวถึงบ้านค่ำ เรากลับกันเถอะ"

ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเธอจึงต้องหันมาหาเสี่ยกรรชัย

"พวกเราต้องกลับแล้วค่ะ ถ้ามืดกว่านี้กลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบวันนั้นอีก" เขาพยักหน้าเข้าใจไม่ได้รั้งปล่อยให้สองสาวเดินไปที่รถก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของบุลลาออกมา

"ว้า ลืมเลยว่าต้องเอาคืน จะทำยังไงดีล่ะ.." พึมพำเสียงเบาทั้งที่ภายในหัวคิดถึงแผนร้าย ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนก็เห็นร่างเล็กในครรลองสายตาก่อนเขาจึงเดินตรงไปหาผู้หญิงที่ถูกตราว่าตัวขัดดอกทันทีคว้าข้อมือเล็กเอาไว้จนร่างนั้นปลิวมากระทบแผงอก "ค่ำมืดแล้วจะไปไหน เดินอ่อยผู้ชายไปทั่วถ้าท้องไม่มีพ่อจะทำยังไง"

วาจาแสนร้ายกาจออกมาจากปากของชายที่เคยนึกชื่นชม แววตาเศร้าเงยขึ้นสบตาเขาพยายามขืนตัวออกมาเพื่อให้มีช่องว่างระหว่างกันแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี

"แก้วแค่จะไปมินิมาร์ทค่ะ"

"หึ นัดใครเอาไว้อีกล่ะ หรือจะกลับไปคั่วกับไอ้เอิร์ธอีกแต่เสียใจด้วยนะ เธอคงไม่รู้ว่ามันมีเมียแล้ว ถ้าไปอยู่กับมันก็คงเป็นได้แค่เมียน้อย"

คนพูดไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าความสะใจและอยากเห็นผู้หญิงตรงหน้าเจ็บปวดอย่างที่เขาเคยรู้สึกบ้าง แต่เธอกลับนิ่งเฉยดุจน้ำแข็งทั้งที่หัวใจกำลังร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่มองไม่เห็น

"ไม่ได้นัดใครค่ะ และเรื่องคุณเอิร์ธแก้วก็รับรู้แล้วก็ยินดีกับเขาไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น คุณจะปล่อยได้หรือยังคะ" ตอบเสียงอ่อนพยายามใจเย็นไม่สติแตกเหมือนที่ผ่านมา การอยู่กับกรรชัยทำให้รู้ว่าหากร้อนเข้าใส่ ก็จะมีแต่ความย่อยยับเหมือนที่เคยพานพบ ลองเอาน้ำเย็นเข้าลูบทุกอย่างอาจจะดีขึ้น

เพื่อให้ผ่านพ้นไปแต่ละวันต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน..และอีกไม่นานจะได้หลุดพ้นจากเขาเสียที

"จะไปไหนก็ไป ฉันไม่ได้อยากเห็นหน้าเธอเท่าไหร่หรอก" จ้องดวงตากลมโตก็ผลักหล่อนออกห่างกายแล้วค่อยเดินออกไปจากโรงแรม

ปล่อยให้น้ำตาของหญิงสาวไหลช้าๆ

อดทนไว้ อีกไม่นานหรอกลูกแก้ว อีกไม่นาน..

บุลลากำลังรอสามีของตนอยู่ร้านเดิมทั้งที่คนภายในร้านยังอยู่เต็ม หล่อนเริ่มร้อนรนกลัวเขาจะรู้ความจริง คำแก้ตัวจึงผุดขึ้นมากระทั่งรถยนต์คุ้นตาแล่นมาจอดที่เดิมพร้อมทั้งร่างสูงซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนเดินลงมามองเข้าไปภายในร้านก่อนขมวดคิ้ว

"ทำไมร้านยังเปิดอยู่ล่ะ"

ร่างบางยิ้มให้แล้วเดินไปกอดแขนหนา

"เขากำลังจะปิดแล้วล่ะ พอดีฉันได้เปลี่ยนกะหยุดเร็วกว่าเดิม เคยบอกไปแล้วนะนายจำไม่ได้เหรอ"หล่อนเปลี่ยนให้สถานการณ์กลายเป็นชายหนุ่มผิดก่อนปล่อยแขนออกแล้วเดินหน้านิ่งเข้าไปนั่งรอในรถใจเต้นตุ้มต่อมกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อในคำโกหก

"ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แล้ว..หิวข้าวไหม แวะกินอะไรก่อนดีไหม"

ถึงจะไม่ได้น้ำเสียงหวานแต่ก็รับรู้ได้ว่าร่างสูงกำลังง้ออยู่สร้างรอยยิ้มให้แก่คนตัวเล็ก

"หิว แต่กลับไปกินที่บ้านดีกว่า"

สัตวแพทย์หนุ่มไม่ขัด ลืมเรื่องบาดหมางเมื่อเช้าไปจนหมดแค่ได้เห็นแววตาเหนื่อยล้าของหญิงสาวจนนึกสงสาร เขาจะใจแข็งไปได้อีกสักแค่ไหนเพราะเพียงเห็นภรรยาตรากตรำทำงานก็นึกอยากโอนเงินทั้งหมดเขาบัญชีเธอเสียแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ยังไม่ทันจะได้ออกรถ กระจกฝั่งเบาะข้างคนขับก็ถูกเคาะจนทั้งสองหันไปมอง ถึงภายในจะมืดแต่ข้างนอกที่เปิดไฟจนสว่างทำให้เห็นใบหน้าคมของผู้มาเยือน

สัตวแพทย์หนุ่มกัดฟันแน่นเปิดประตูรถลงไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่ได้มาด้วยความไม่ตั้งใจ ขณะที่บุลลาก็หน้าซีดค่อยเปิดประตูอย่างเชื่องช้า

วินาทีนั้นเธอรับรู้ได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซ่อนเสน่หา   ตอนพิเศษ...พี่ตะวันกับน้องกระต่าย

    ตอนพิเศษ...พี่ตะวันกับน้องกระต่าย กำหนดการงานแต่งของลูกสาวเจ้าของไร่มีขึ้นสองเดือนข้างหน้า หล่อนตื่นเต้นยกใหญ่เตรียมงานแต่เนิ่นโดยมีมารดาคอยให้คำแนะนำ ต่างจากบิดาที่มักพูดว่าถ้ามันยากมากก็ไม่ต้องแต่งหรอกลูก พ่อไม่ได้อับอายสักนิดถ้าจะยกเลิก ทำเอาทั้งลูกทั้งแม่ต้องเล่นงานคนเป็นพ่อจนแทบไม่สามารถเข้าบ้านได้ ภูตะวันออกมาทำงานแต่เช้า เห็นว่าวันนี้มีกองละครมาถ่ายทำที่ไร่ ระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ จึงได้จองทั้งไร่รุ่งอรุณและรีสอร์ทของไร่ที่สร้างมาสิบกว่าปี เป็นบ้านหลังเล็กอยู่ได้ประมาณสี่ถึงห้าคน ยาวเรียงกันกว่าสิบหลังทำให้เพียงพอต่อความต้องการ ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อม่อฮ่อมและกางเกงขาดเข่า หมวกสานปีกกว้างป้องกันใบหน้าคมจากแดดทำเอาคนมองแทบไม่รู้ว่าเป็นลูกชายเจ้าของไร่ที่จะมารับกิจการต่อจากบิดา การต้อนรับคนจากข้างนอกไม่ใช่งานของตนเองอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจคนที่มาจากกองละครมากนัก ช่วงนี้ส้มกำลังออกผลเต็มต้นต้องเร่งตัดส่ง ส่วนมากจะวางขายในห้างสรรพสินค้าและส่งออกต่างประเทศ มีขายหน้าไร่บ้างและก็นำไปแปรรูป จะไม่มีผลไม้ตกค้างในสวนให้เน่าทิ้งหรือเสียเปล่า

  • ซ่อนเสน่หา   ตอนพิเศษ...ตะวันและหนูจันทร์เสริมทัพด้วยคีรินทร์

    ตอนพิเศษ...ตะวันและหนูจันทร์เสริมทัพด้วยคีรินทร์ เอกสารขออนุญาตถ่ายละครที่ไร่รุ่งอรุณถูกยื่นให้ร่างสูงซึ่งก้าวเข้ามาในสำนักงาน มือหนาคว้าไปอ่านอย่างละเอียดค่อยจรดปลายปากกาลงไปแล้วส่งกลับพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาสาวเจ้าเขินม้วนไม่ชินกับความอบอุ่นที่ลูกชายเจ้าของไร่มอบให้สักที ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้กับทุกคน ช่างแตกต่างจากคนเป็นพ่อเหลือเกิน ราวกับว่าได้ลุงธีมาเต็มๆ เสียแต่ว่าการแต่งตัวที่ออกจะมอซอไปสักเล็กน้อย หากเป็นคนนอกก็คงคิดว่าชายหนุ่มคือคนงานทั่วไป ไม่ใช่ทายาทเจ้าของไร่แสนใหญ่โตแห่งนี้ เดินไปหยิบเอกสารสำหรับจัดงานฉลองประจำปีของไร่ เขาต้องไปพูดคุยกับนายอำเภอ ทั้งไปหาเกษตรอำเภอสอบถามเกี่ยวกับการปลูกผลไม้เมืองหนาวทั้งที่อากาศจังหวัดนี้ร้อนแทบทั้งปี “พี่ตะวัน!” สะดุ้งเมื่อมีมือมาจับที่ไหล่พร้อมตะโกนเสียงดังข้างหู พอหันไปก็พบน้องชายตัวแสบที่ยิ้มหน้าแป้นแล้น ภูตะวัน วิจิตรประภา ชายหนุ่มรูปงามแห่งไร่รุ่งอรุณ ใบหน้าคมคายได้พ่อมาเต็มๆ ส่วนนิสัยนั้นอ่อนโยนจนคนงานผู้หญิงพากันทอดสะพานให้เต็มที่ หวังเป็นนายหญิงของไร่แห่งนี้ โดนขายขนมจีบไม่เว้นวันก

  • ซ่อนเสน่หา   พิเศษ...ไปรยา ชนาธิป

    พิเศษ...ไปรยา ชนาธิปความรักสำหรับคนอื่นคือใครเขาไม่รู้ แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยมีใครมองจนได้เพียงแค่หวังว่าวันหนึ่งจะมีผู้หญิงมองเห็นตัวเองบ้าง และวันที่เข้ากิจกรรมของคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ครั้งแรกหัวใจที่เคยสงบนิ่งกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นร่างบางเดินผ่านวินาทีนั้นเหมือนมีแสงสว่างส่องไปทั่วร่างของเธอจนสายตาเขาพร่าไปหมด ออร่าที่แสบตาจนไม่อาจมองได้ต้องหันหน้าไปทางอื่น พลันหล่อนกลับเดินมานั่งข้างเขาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง“สวัสดี อืม ชื่อฟลุ๊คเหรอ เราหนึ่งนะ” ใบหน้าหวานก้มมองป้ายชื่อของเขาแล้วส่งยิ้มทักทาย“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากนั้นเธอก็หันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นปล่อยเขาแอบมองอยู่ฝ่ายเดียว และสังเกตเห็นว่าดวงตากลมโตมักจะชอบวนเวียนอยู่ที่ผู้ชายมาใหม่คนหนึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอและเป็นชายซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ เป็นที่หมายปองของหญิงสาวคนอื่นพณณกร วิจิตรประภาทายาทตระกูลดัง นอกจากจะหน้าตาดียังฐานะร่ำรวยอีกต่างหาก เขาได้แต่เก็บความอิจฉาไว้ภายในใจเฝ้ามองไปรยาที่แอบรักข้างเดียวด้วยความเสียใจ อยากจะเข้าไปปลอบยามหญิงสาวร้องไห้ก็ไม่กล้าจนกระทั่งฟ้าเป็นใจงานเลี้ยงสายรหัส

  • ซ่อนเสน่หา   ๗

    ๗หลังจากที่ผ่านค่ำคืนแสนหวานคู่สามีภรรยาก็นอนกอดกันอยู่ภายในมุ้ง แขนแกร่งกระชับเอวบางจนแผ่นหลังเธอชิดอกเขา ดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มสลวยก่อนที่บุลลาจะพลิกตัวมาเพื่อซบใบหน้าที่แผงอกหนาพร้อมพรมจูบไปทั่วและนั่นทำให้สัญชาตญาณเสือร้ายผุดออกมาทันที เขาขึ้นคร่อมเธอเอาไว้จับกดพร้อมกับพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นผืนน้ำ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แต่ชายหญิงคู่นี้กลับผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่ยอมแพ้กันและกันไม่บ่อยนักที่จะได้ทำอะไรตามใจตัวเอง ปลดปล่อยอารมณ์โดยไม่ต้องกลัวลูกได้ยินหรือตื่นตอนดึก พวกเขาทำตามใจปรารถนาไม่สนว่าใครจะได้ยินหรือไม่ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้เก็บเสียง ยิ่งเมื่อคืนที่พณณกรโยกตัวจนเตียงเกือบหัก บ้านแทบพังทำเอาบุลลาต้องตีเขาไปหลายรอบในความบ้าระห่ำ จนชายหนุ่มถามกลับว่าใครเล่าที่เรียกร้องหล่อนจึงปิดปากเงียบก็เธอเป็นคนร้องขอให้เขาเพิ่มแรงขึ้นอีกแท้ๆ จะว่าได้อย่างไรเล่า“อือ พอแล้วค่ะ” ลุกขึ้นมาทำอาหารยามสายไว้รับประทานกันสองคนโดยมีร่างสูงคลอเคลียอยู่ด้านหลังไม่ห่าง เสื้อยืดตัวเล็กและกางเกงขาสั้นที่เตรียมมาถูกสวมบนร่างกายทว่าไม่มีชั้นในปกปิดเลยสักชิ้นและตอนนี้มือหนาก็กำลังเลื้อยเข้าไปภายใต

  • ซ่อนเสน่หา   ๖

    ๖การไปพักผ่อนครั้งนี้แม้แต่ตัวหญิงสาวเองก็ยังไม่รู้จนกระทั่งรถยนต์จอดเทียบท่าเรือก่อนคุณลุงคนขับรถจะลงไปยกกระเป๋าด้านหลังออกมา ดวงตากลมโตมองเรือที่เทียบท่าก็ตาลุกวาวเพราะเคยเห็นจากในละครเท่านั้นไม่เคยนึกเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ด้วยตาของตนเอง แถมที่หัวเรือยังเขียนชื่อของบริษัทใหญ่ ตระกูลดังเอาไว้อีกด้วย พณณกรถือกระเป๋าเดินมาคว้ามือภรรยาเอาไว้แล้วบังคับให้เดินตามมาไม่บอกกล่าวอะไรสักนิด“มีแต่เรือหรูๆ ทั้งนั้นเลย” พึมพำเสียงเบาขณะที่คิดได้ว่าสามีของตัวเองก็เป็นคนในตระกูลดังเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีเรือของบ้านเขาจอดไว้น่ะสิคิดพลางยิ้มกริ่มเมื่อวาดภาพว่าตัวเองจะต้องได้นั่งจิบไวน์อยู่บนเรือหรู มองท้องฟ้าสีคราม ผืนน้ำสีน้ำเงินด้วยความสุขแน่นอุรา ยอมเดินตามแรงดึงจนกระทั่งผ่านพ้นเรือหรูมาลำแล้วลำเล่าก็เหมือนจะไม่ถึงสักที ใบหน้าหวานเริ่มบูดบึ้งตามอารมณ์“จะเดินไปถึงมาเลเซียเลยไหมคะ” อดประชดไม่ได้จนคนนำหน้าหันมายิ้มที่ภรรยาเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะตั้งเมื่อคืนหล่อนเอาแต่กอดเขาแน่นทั้งยังตอนเช้าที่มองตามตาละห้อย ต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลากลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายอย่างไม่

  • ซ่อนเสน่หา   ๕

    ๕บุลลากำลังเล่นกับฝาแฝดทั้งสองโดยมีเหล่าแม่บ้านคอยช่วยเหลือเนื่องจากหลงเสน่ห์ของเด็กน้อย อันที่จริงคุณดาริกาก็ชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เมืองกรุงแต่เพราะงานรัดตัวที่ไร่ ทั้งยังเป็นห่วงมารดาที่เริ่มแก่ตัวลงทุกวันจำต้องปฏิเสธไป ตอนนี้เธอติดไร่มากกว่าแสงสีในเมืองหลวงเสียแล้วแต่ถ้าพณณกรจะกลับมาอยู่ที่นี่หล่อนก็คงตามมาด้วยเพราะไม่สามารถแยกจากสามีได้อีกแล้ว ในขณะที่กำลังมองดูบุตรสาวสิ่งไล่กับพี่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เบอร์แปลกที่โชว์หราทำให้คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที หลังจากที่ลาออกจากงานก็ไม่ค่อยมีใครโทรมาทำให้เกิดความสงสัยขึ้นว่าปลายสายคือใครร่างบางแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ "สวัสดีค่ะ"'ว่าไงบัว ไม่เจอกันนานสบายดีไหม' เสียงเข้มที่เอ่ยทักทายทำเอาหล่อนยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมเพราะจำน้ำเสียงไม่ได้"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ" ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หรือจะเป็นลูกน้องเก่าที่โรงแรม ไม่อย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณรวี ทว่าฝ่ายนั้นแทบไม่ได้ติดต่อมาเลยตอนนี้เห็นว่าโดนทางบ้านจับแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย'อะไรกัน จำเสียงแฟนเก่าไม่ได้หรือไง' เอ่ยเพียงเท่านั้นใบหน้าคมก็ชัดวาบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status