ผู้คนที่เข้ามาชมมีหลากหลายเชื้อชาติ ส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มากับกรุ๊ปทัวร์ สังเกตจากธงในมือไกด์ที่คอยโบกเรียกให้ลูกทัวร์มานั่งในที่นั่งที่จองไว้ ช่างภาพหนุ่มลดกล้องลงเมื่อเห็นว่าได้ถ่ายภาพไปพอสมควรแล้ว
เขามองหารุ่นน้องสาวก่อนจะส่ายหน้า เมื่อเห็นสิงหกัลยาโบกมือให้ในที่นั่งชั้นสอง เจ้าตัวแสบเลือกทำเลนั่งดูได้สบายเหลือเกิน ปล่อยให้เขาตากแดดทนร้อนอยู่ข้างล่างนี่ นภวินท์อยากเขกกระโหลกยายลิงนัก
ชายหนุ่มมองเลยไปยังที่นั่งชั้นพิเศษ ดวงตาคมสะดุดกับร่างเล็กบางของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของบอดี้การ์ดชุดดำ
คิ้วดกหนายกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าหล่อนชัดเจน ริมฝีปากหยักแย้มกว้างดวงตาพราวระยับด้วยความยินดี เขาขยับกายจะก้าวขึ้นไปหา แต่ชะงักค้างไว้
เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาของเธอเมื่อวันก่อน กีรดารินทร์ไม่มีทีท่าว่าจำเขาได้เลย อุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนอาจทำให้เธอความจำเสื่อม เขาคาดเดาจากแววตา และคำพูดที่มองเขาเหมือนคนแปลกนั้น
หากเขาปรากฏตัวต่อหน้าเธอและบอดี้การ์ดร่างยักษ์ฝูงนั้น ไม่ทันได้พูดอะไรกับเธอสักคำคงโดนสอยร่วงก่อนเป็นแน่ นภวินท์จึงต้องใช้ความคิดอย่างหนัก
เขาต้องหาวิธีพบกับกีรดารินทร์สองต่อสองให้ได้!
เหมือนสวรรค์ยังไม่ใจดำ เมื่อหญิงสาวลุกจากที่นั่งเหล่าบอดี้การ์ดขยับจะตามไป แต่ถูกยกมือห้ามเธออนุญาตให้สาวใช้เดินไปเป็นเพื่อน ร่างเพรียวบางเดินออกจากที่นั่งหายไปทางด้านหลังซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องน้ำ
“คลาร่า หายไปไหนแล้วบอกให้ยืนรออยู่ตรงนี้นี่” ลีเดียที่ดินออกมาจากห้องน้ำ มองหาสาวใช้ประจำตัว
ทันใดนั้นเอง! มือหนาของใครบางคนก็ยืนเข้ามาปิดปากเธอไว้ ท่อนแขนแข็งแรงรัดรอบเอวบางลากร่างน้อยให้เข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง บริเวณหน้าห้องน้ำยามนี้ปลอดผู้คนเพราะใกล้เวลาการแสดง
ผู้คนต่างไม่ยอมลุกจากที่นั่งกลัวพลาดฉากสำคัญ เสียงทรัมเปตดังก้องขึ้นส่งสัญญาณการเริ่มต้นปล่อยวัวกระทิงสู่สนาม ผู้คนส่งเสียงฮือฮา เสียงร้องของคนที่ถูกลากตัวมายังห้องน้ำจึงไม่มีใครสนใจ
“ปล่อย ปล่อยฉันนะ!”
ร่างบางดิ้นรนจากการจับกุม ทั้งศอกทั้งเท้ากระทุ้งกระทืบเข้าใส่ร่างหนาไม่ยั้ง แต่ไม่ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือนเปรียบเหมือนมดตัวเล็กไปทุบตีช้าง วิชาป้องกันตัวของหญิงสาวพัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อน เธออาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายปัดป้องหมุนกายจับข้อมือบิดคลายล็อคออก
ทว่า... คู่ต่อสู้ไม่ใช่มือสมัครเล่น ชั้นเชิงของเขาไม่แพ้เธอเลย มือหนาแข็งแรงกระชากดึงแขนเรียวรั้งร่างบางกลับมาอยู่ในวงแขนได้ในไม่ถึงนาที หากคนฤทธิ์มากมีหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ ปลายเล็บแหลมจิกเข้าที่แขนของเขาข่วนเต็มแรง จนได้เลือดซิบๆ
“โอ๊ย ... เจ็บนะ ยายตัวแสบ ! ” เสียงร้องโอดโอย ทำให้เจ้าของเล็บได้ใจ เพิ่มแรงกดจิกบนท่อนแข็งกำยำนั้นอีก
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า ! นี่แหนะ”
ส้นเท้าน้อยๆยกขึ้น หมายกระทืบเท้าคนที่รัดร่าง หากอีกฝ่ายรู้ทันขยับหนี ทำให้พลาดเป้าอย่างน่าเสียดาย
นภวินท์รู้สึกเหมือนวันเวลาเก่าๆย้อนคืนมาอีกครั้ง เมื่อเขาได้กอดหญิงสาวไว้แนบกายแบบนี้ รอยเล็บที่เจ้าตัวข่วนแขนเขายังแสบๆคันๆ ไม่ต่างจากครั้งโน้นที่เขาแกล้งเธอ
ยิ่งเธอดิ้นเขายิ่งแกล้งรัดร่างนุ่มนิ่มแน่นเข้า จนอีกฝ่ายเริ่มอ่อนแรงหยุดทุบหยุดดิ้นนั่นแหละ เขาถึงได้คลายอ้อมแขน จับไหล่บางหมุนมาหา
หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นหน้าคนที่บังอาจจับตัวเธอมาชัดๆ “ไอ้โรคจิต นี่แกเองเหรอ ! ”
เธออุทานลั่น สีหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม
“เรียกผมว่าไอ้โรคจิตเลยหรือกี้ แหมไม่ได้เจอกันสองปี มาตั้งฉายาแบบนี้ให้กันได้ยังไง”
เขายื่นหน้ามาใกล้ จ้องดวงตาคู่สวย
ลีเดียเบือนหน้าหนี “อี๋ อย่ามาใกล้ฉันนะ ฉันไม่รู้จักแก” เธอเบ้ปากสีหน้ารังเกียจเขาเต็มที่
นภวินท์ชะงักงันกับคำพูดและกิริยาของหญิงสาว นอกจากเธอจำเขาไม่ได้แล้ว เธอยังแสดงท่าทีรังเกียจเขาอีก หัวใจไหววูบเจ็บแปลบแสบร้อนเหมือนถูกถ่านร้อนๆโยนเข้าใส่ ดวงตาสีเข้มกร้าวขึ้นขณะมองหน้าสวยหวานนั้น
“เรารู้จักกันกี้ คุณเคยบอกว่าคุณรักผม” เขาเน้นเสียเสียงหนัก พยายามทวนความทรงจำให้เธอ
“ฉันนี่นะ รักคนอย่างนาย เหอะ... ตลกแล้ว หน้าตาอย่างกับเต้าหู้ยี้แบบนายนี่นะ ที่ฉันไปหลงรัก”
เธอผลักอกเขาแรงๆ ดวงตายาวเรียวหรี่มองใบหน้าคนพูด ก่อนจะมองกราดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วส่ายหน้าไม่เชื่อ กิริยานั้นทำให้คนถูกมองร้อนวูบที่ใบหน้า ชาหนึบไปทั้งหัวใจ
“ผู้ชายอย่างผมนี่แหละ ที่คุณรักจนหนีพ่อหนีคู่หมั้นตามผมไป !”
นภวินท์บีบหัวไหล่บางแรงจนอีกฝ่ายนิ่วหน้า เขาไม่นำพาเมื่อหัวใจร้อนเร่าด้วยความเสียใจ
“มองหน้าผมให้ดีๆกี้ จำให้ได้สิกี้ นี่ไง วินท์ของกี้”
ผู้คนที่เข้ามาชมมีหลากหลายเชื้อชาติ ส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่มากับกรุ๊ปทัวร์ สังเกตจากธงในมือไกด์ที่คอยโบกเรียกให้ลูกทัวร์มานั่งในที่นั่งที่จองไว้ ช่างภาพหนุ่มลดกล้องลงเมื่อเห็นว่าได้ถ่ายภาพไปพอสมควรแล้วเขามองหารุ่นน้องสาวก่อนจะส่ายหน้า เมื่อเห็นสิงหกัลยาโบกมือให้ในที่นั่งชั้นสอง เจ้าตัวแสบเลือกทำเลนั่งดูได้สบายเหลือเกิน ปล่อยให้เขาตากแดดทนร้อนอยู่ข้างล่างนี่ นภวินท์อยากเขกกระโหลกยายลิงนักชายหนุ่มมองเลยไปยังที่นั่งชั้นพิเศษ ดวงตาคมสะดุดกับร่างเล็กบางของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของบอดี้การ์ดชุดดำคิ้วดกหนายกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าหล่อนชัดเจน ริมฝีปากหยักแย้มกว้างดวงตาพราวระยับด้วยความยินดี เขาขยับกายจะก้าวขึ้นไปหา แต่ชะงักค้างไว้เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาของเธอเมื่อวันก่อน กีรดารินทร์ไม่มีทีท่าว่าจำเขาได้เลย อุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนอาจทำให้เธอความจำเสื่อม เขาคาดเดาจากแววตา และคำพูดที่มองเขาเหมือนคนแปลกนั้นหากเขาปรากฏตัวต่อหน้าเธอและบอดี้การ์ดร่างยักษ์ฝูงนั้น ไม่ทันได้พูดอะไรกับเธอสักคำคงโดนสอยร่วงก่อนเป็นแน่ นภวินท์จึงต้องใช้ความคิดอย่างหนักเขาต้องหาวิธีพบก
ลมหายใจอ่อนเบาแทบไม่รู้สึก จนเขานึกว่าเธอตายไปแล้ว ในขณะนั้นหัวใจของเฟอร์นันโด เหมือนถูกมีดคมเฉือนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมื่อเห็นหน้านภวินท์ผู้ชายที่ทำร้ายหัวใจของกีรดารินทร์ เขาจึงบอกชายหนุ่มว่าเธอได้ตายแล้ว และจัดฉากทุกอย่างให้ผู้ชายคนนั้นเข้าใจว่ากีรดารินทร์ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาต้องการลงโทษนภวินท์ให้ได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่กีรดารินทร์ได้รับกีรดารินทร์ต้องเจ็บปวดอย่างสาหัสทั้งกายและใจ เธอสูญเสียพ่อก่อนหน้านั้นยังถูกผู้ชายที่ตัวเองรักสุดหัวใจ ทำร้ายจิตใจอีก หญิงสาวถูกทำร้ายทั้งกายและใจอย่างหนักจนเกินทานทนไหวนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่นานเกือบเดือน เมื่อฟื้นขึ้นมาพบว่าความทรงจำทั้งหมดของเธอได้หายไป อาการความจำเสื่อมทำให้เฟอร์นันโดสามารถใส่ข้อมูลใหม่ให้กีรดารินทร์ และเขาก็ได้ลูกสาวบุญธรรมนามว่า ลีเดีย มาเป็นน้องสาวของราฟาเอล สองปีที่ผ่านมาความรักของเขากับราฟาเอลที่มอบให้ลีเดียทำให้เธอมีความสุข จนไม่เหลือคราบสาวน้อยผู้น่าสงสารคนเก่าอีกเลย“อังตวน อย่าให้ผู้ชายคนนั้นเข้าใกล้ลีเดียอีก” เขาหันมาสั่งลูกน้องคนสนิท“ครับนาย”อังตวนค้อมศีรษะรับคำบัญชา สองปีที่ผ่านมาเขากับนายแผนบอดี้การ์
“มันอยู่ไหนลีเดีย มันตามน้องมาอีกหรือเปล่า” คนเป็นพี่ชายโอบไหล่บางของน้องสาวไว้“เขาเป็นคนไทยค่ะ ตัวสูงๆหน้าขาวๆปากแดงๆ” ลีเดียบอกลักษณะคนโรคจิตให้พี่ชายรู้ เธอมองไปยังทางเดินที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่ไร้เงาชายคนนั้น “เขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เมื่อกี้ยังวิ่งตามลีเดียมา”“มันคงเห็นว่าลีเดียอยู่กับพี่เลยไม่กล้าตามมาอีก” ราฟาเอลลูบศีรษะน้องสาวปลอบโยน คิ้วเข้มหนาขมวดเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่าคนเป็นน้องไม่ได้สวมรองเท้า “นี่กลัวไอ้โรคจิต จนลืมใส่รองเท้าหรือไง”ลีเดียย่นจมูก ก้มลงมองเท้าเปลือยเปล่าของตัวเองด้วยใบหน้างอง้ำ “เมื่อกี้ มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ วิ่งมาชนลีเดียจนส้นรองเท้าหัก แล้วไอ้โรคจิตปากแดงนั่นก็ยังมาลวนลามลีเดียอีก มันเข้ามากอดลีเดียเรียกลีเดียว่ากี้ กีรดารินทร์อะไรนี่แหละ ลีเดียเลยตบมันจนหน้าหัน แล้วถอดรองเท้าทิ้ง ไม่นึกว่ามันยังจะตามมารังควานอีก”คำบอกเล่าของน้องสาวทำให้พี่ชายหน้าเครียด ดวงตาคมงามระริกไหวด้วยความรู้สึกบางอย่าง เขาหันไปมองหน้าบอดี้การ์ดส่วนตัวของบิดา อังตวนมองตอบมาด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน ชายหนุ่มโอบไหล่บางกระชับแน่น รู้สึกห่วงใยน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้ขึ้นมา“กลับบ้านก
สนามบิน บาราฮัส(Barajas Airport) มาดริด ประเทศสเปนร่างสูงโปร่งยืนหันรีหันขวางมองหาคนมารับด้วยความหงุดหงิด กระเป๋าเดินทางถูกลากมาวางไว้ข้างตัว เกือบชั่วโมงแล้วที่นภวินท์รอสิงหกัลยาผู้ช่วยมือใหม่ที่เดินทางมาล่วงหน้าร่วมอาทิตย์ เพื่อติดต่อและประสานงานกับบุคคลที่นิตยสารของเขาต้องการมาสัมภาษณ์ ช่างภาพหนุ่มเดินทางตามมาทีหลังโดยนัดแนะกับคนที่มาก่อน ให้มารับเขาที่สนามบิน เพื่อเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก “ยายสิงห์ จะเป็นคนจัดการทุกอย่างให้แกเอง แกแค่ไปเก็บภาพงานเทศกาลกับภาพของผู้ให้สัมภาษณ์ การสัมภาษณ์ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของยายสิงห์ งานนี้หลานสาวฉันมันออกโรงเอง รับรองว่างานทุกอย่างจะราบรื่นเรียบร้อย หมดจดแน่นอน” คำพูดของเฮียเป๋ง ก่อนการเดินทางทำให้นภวินท์เบาใจ ไม่คิดว่ายายสิงห์รุ่นน้องตัวแสบจะทำพิษให้เขาต้องมารอเป็นชั่วโมงแบบนี้ เขาน่าจะขึ้นรถแท็กซี่ไปที่โรงแรมเอง ไม่น่ารอถึงป่านนี้ เขาเหนื่อยอยากพัก หากต้องทนรอยายสิงห์มารับอีกสักชั่วโมง ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทนไหว ก่อนเดินทางเขามีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย เมื่อเครื่องลงจอดเขาพบว่าอาการปวดศีรษะนั้นทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าข