LOGIN“เพลิน”
น้ำเสียงทุ้มลึก กระทบเข้ากับโสตประสาทหญิงสาวที่นอนกระสับกระส่ายบนเตียงนอนขาวสะอาด เธอหันกลับไปทางน้ำเสียงนั้น พยายามต่อสู้กับความอ่อนแอที่มีอยู่ในตัว ที่สำคัญเธอรู้สึกง่วงงุนยังไม่อยากตื่น เหมือนว่านอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ
“เพลิน ตื่นได้แล้ว”
เสียงเรียกซ้ำ ๆ ทำให้หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก เธอเห็นคนเรียกนั่งอยู่ริมขอบเตียง ดวงตาสีนิลลึกล้ำกำลังมองเธอใกล้ ๆ อย่างสำรวจตรวจตรา ประเมินในทุกสิ่งที่เป็นตัวเธอ แรงดึงดูดบางอย่างทำให้เธอจ้องมองเขากลับราวกับว่าตัวเองกำลังฝัน จึงยื่นมือไปแตะใบหน้าหล่อเข้มอย่างลืมตัว
“อาโปรด...” เสียงหวานแหบพร่าเล็กน้อยเปล่งออกมาคล้ายละเมอ
“ตื่นแล้วใช่ไหม” มาโปรดกระตุกยิ้ม ปกติแล้วเขาไม่ค่อยให้ใครเข้าใกล้ และแทบไม่เคยให้ใครแตะตัวแบบนี้มานานมาก มันเป็นความรู้สึกขยะแขยงและรังเกียจเมื่อโดนคนอื่นถูกเนื้อต้องตัว แต่ปลายนิ้วอ่อนนุ่มที่ไล้แก้มเขาเบา ๆ นั้นให้ความรู้สึกอุ่นซ่านวาบไหวไปทั่วร่างจนเขาไม่อยากให้มือข้างนี้หยุดเพียงแค่นี้
“เอ่อ...ค่ะ”
ไพลินได้สติ และเมื่อรู้ว่ามือของตนวางอยู่บนแก้มของชายหนุ่มก็รีบชักมือกลับ
การกระทำของเธอกระชากความสุขชั่วครู่ของมาโปรดไปทันควัน เขาเก็บอาการผิดหวังไว้ในอกมอบเพียงรอยยิ้มให้หญิงสาวที่ดูประหม่าและเก้อเขิน
ความทรงจำต่าง ๆ เมื่อคืนเริ่มไหลกลับเข้ามาในหัว ตอนนี้ไพลินจำได้แล้วว่าได้ทำเรื่องน่าขายหน้าต่อหน้าเขา แก้มนวลขาวซับสีเรื่อด้วยรู้สึกอับอาย เธอหลุบตาต่ำก่อนที่จะเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้เจอกันหลายปี เขาดูไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ใบหน้ายังคงความหล่อเหลาเคร่งขรึมเหมือนที่เธอเคยรู้จัก
“ลุกไหวไหม นี่เที่ยงแล้ว ลุกขึ้นมากินอะไรสักหน่อยเถอะนะ”
“เที่ยง?”
หญิงสาวทวนคำอย่างงุนงงก่อนจะรีบยันกายขึ้นนั่ง ผ้าห่มที่ห่มอยู่ร่นมากองที่เอว เผยให้เห็นร่างบอบบางสวมเสื้อยืดตัวหลวมของชายหนุ่มอยู่ มาโปรดเผลอมองเต็มตาวูบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น
ไพลินก้มมองสภาพตัวเอง แม้ไม่โป๊เปลือยแต่ก็เขินอายไม่น้อย ที่สำคัญ...
“อาโปรด...เพลิน...คือ...เพลิน...” เสียงของหญิงสาวติด ๆ ขัด ๆ อยากจะเอ่ยถามอะไรบางอย่างแต่ก็อายเกินกว่าจะเอ่ยปากพูด
ท่าทางแบบนี้ดูน่ารักในสายตาของมาโปรดนัก แต่ก็ดูน่าสงสารเกินกว่าจะแกล้งปล่อยให้กังวลต่อไป เขาจึงเล่าเรื่องอย่างกระชับที่สุดให้เธอคลายวิตก
“เมื่อวานเพลินตัวเปียก มีไข้ไม่สบาย อาเลยให้ป้าอิ่มมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง อาเลยเอาเสื้อผ้าของอาให้เราใส่ไปก่อน เสื้อผ้าเราซักแล้วแต่ยังไม่แห้ง ประเดี๋ยวป้าอิ่มกลับมาจากตลาดคงได้เสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เพลินเปลี่ยน”
“ขอบคุณค่ะ” ไพลินอยากจะถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความโล่งอกถ้าไม่ติดว่าเจ้าของบ้านหนุ่มยังจ้องอยู่อย่างนี้
“เมื่อวานอาให้หมอมาตรวจ เพลินไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ต้องกินยาลดไข้แล้วก็วิตามินบำรุงร่างกาย” มาโปรดพูดด้วยท่าทีปกติทำท่าจะประคองหญิงสาวลงจากเตียงแต่ไพลินขืนตัว เขาจ้องมองดวงตาของเธอแล้วก็เป็นฝ่ายถอยลงจากเตียงไปก่อน
“โทษที อาลืมไปว่าเพลินไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ชอบมุดรั้วช่องหมารอดมาหาอาอีกแล้ว”
“เพลินไม่ได้มุดช่องหมารอดเสียหน่อย!” ไพลินเผลอโต้เถียงด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดราวกับเด็กน้อย “เพลินปีนข้ามรั้วเอาต่างหากล่ะ”
มาโปรดเลิกคิ้วเล็กน้อยพร้อมกลั้นหัวเราะ แบบนี้สิ ถึงจะเป็นเพลินของเขา
ไพลินเริ่มรู้สึกขัดเขินขึ้นมาบ้าง อาจจะเป็นเพราะเขากำลังจ้องเธออยู่ หรือเป็นเพราะเธอกำลังคิดอะไรแปลก ๆ ก็เป็นได้
คงกำลังช็อกแน่ ๆ นั่นคือสิ่งที่สามารถอธิบายความรู้สึกมึนงงในขณะนี้ เป็นความรู้สึกเหมือนกับอยู่อีกโลกหนึ่งที่ห่างไกลจากความเป็นจริง ต่อให้เป็นผู้หญิงคนอื่น ก็ต้องช็อกแบบนี้เหมือนกัน หากได้พบสิ่งที่เธอพบเช่นเดียวกับในคืนนี้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าสารรูปของเธอตอนนี้เป็นยังไง
“มาเถอะ”
มือที่แข็งแกร่งยื่นออกไป ไพลินลดกำแพงในใจของตนลงแล้วยื่นมือไปวางบนฝ่ามือของเขา ยอมให้เขาช่วยพยุงเธอขึ้นจากเตียง กางเกงผ้าฝ้ายผูกเอวด้วยเชือกยาวกรอมข้อเท้า เสื้อยืดก็หลวมแถมข้างในยังไร้บราเซียอีกด้วย แต่หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่สนใจว่าตัวเองไม่ได้สวมชุดชั้นในปล่อยให้เขาประคองเธอเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว นับว่าห้องนอนนี้หรูหราไม่น้อย มีห้องน้ำในตัว
เจ้าของบ้านหนุ่มเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ มีแปรงสีฟันด้ามใหม่กับยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดมือเช็ดหน้าแขวนอยู่ที่ราวข้างอ่างล้างหน้า หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ชายหนุ่มที่ยืนรอข้างนอกก็รีบเข้าไปช่วยประคองเธอพาไปนั่งที่ริมระเบียงเล็ก ๆ ของห้องที่มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่ มือของเขาอบอุ่น ขณะที่เนื้อตัวเธอยังมีไข้หลงเหลืออยู่บ้าง เพราะรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อย
บนโต๊ะมีสำรับอาหารจัดเรียงไว้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อเปิดฝาครอบอาหารออก กลิ่นข้าวต้มไก่ฉีกก็ลอยแตะปลายจมูก พร้อมทั้งหมูหยองและไข่เค็ม ส่วนขิงซอยนั้นอยู่ในถ้วยเล็ก ๆ ไม่ได้ใส่พร้อมกันลงไปในชามข้าวต้มด้วย
เห็นเพียงแค่นี้ จู่ ๆ น้ำตาก็เอ่อคลอดวงตาคู่สวย หัวใจของไพลินกำลังเจ็บปวด เพราะมันทำให้เธอนึกย้อนไปถึงคืนวันเก่าก่อนที่เธอเกือบจะลืมไปแล้ว
“หมออนันต์?”“หน้าผมมีอะไรหรือครับ ทำไมทำหน้าเหมือนตกใจที่เห็นผมแบบนี้ล่ะครับ” เขายิ้มเขินแล้วขยับแว่นสายตา“คุณหมอไม่ได้อยู่เวรหรอกหรือคะ”“อยู่ครับแอบแวบมาแป๊ปหนึ่ง มาหาของกินน่ะครับ” อนันต์คิด อยู่ในช่วงพักคงไม่เป็นอะไรหรอก ปกติเขาหาอะไรกินในโรงพยาบาล เพียงแต่วันนี้ออกมาไกลหน่อยเท่านั้นเองมุกดาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขาแอบหนีเวรออกมา อยากจะแกล้งตำหนิสักเล็กน้อยแต่ก็เก็บคำไว้ เธอจะมีสิทธิ์อะไรไปว่าหมอที่แอบหนีเวรได้เล่า“ไม่ได้หนีเวรนะครับ ผมบอกเพื่อนกับพยาบาลว่าออกมาหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินสักถ้วยแล้วก็จะกลับเข้าไป” อนันต์รีบแก้ตัวเพราะรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่“คุณหมอเดินมาหรือคะ” มุกดาแอบยิ้มขำ ไหน ๆ เขาก็พูดเสียน่าสงสาร เธอจึงเดินพาเขาไปที่ห้องพักของพนักงาน ที่นั่นมีกระติกน้ำร้อนและอาหารกึ่งสำเร็จรูปรวมทั้งเครื่องดื่มร้อนเย็นสำหรับพนักงาน“ครับ แค่วิ่งข้ามถนนมาเอง”โรงพยาบาลอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม ใกล้ ๆ กันมีร้านสะดวกซื้อที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลางคืนโรงอาหารของโรงพยาบาลปิดแล้ว ถ้าเขาไม่เดินมาเองก็ไหว้ว
“ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ” มุกดาแย้มยิ้มจนดวงตาหยีเล็ก เธอเริ่มสนุกกับการตอบโต้ที่ดูจะทำให้คนตรงหน้ายิ่งหัวเสียมากขึ้น ความจริงคงไม่ได้อยากได้กระดาษทิชชู่เปียกสินะ อยากเรียกเธอมาคุยมากกว่า“นี่เธอจงใจกวนประสาทฉันใช่มั้ย ได้! ฉันจะฟ้องหมออนันต์ให้รู้เรื่อง” โอปอลกระแทกเสียง“เชิญตามสบายเลยค่ะ” มุกดายังคงยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่เธอกลับรู้สึกว่าโอปอลเริ่มแสดงท่าทีเหมือนนางร้ายในละครเข้าไปทุกที ยิ่งเห็นยิ่งสนุก นึกขบขันอยู่ในใจ“นี่เธอถือดียังไงถึงกล้าทำแบบนี้กับฉัน” โอปอลตวาดขึ้น คราวนี้ยกมือชี้หน้ามุกดาอย่างไม่สนภาพลักษณ์อีกต่อไปมุกดายกมือขึ้นกอดอกท่าทางไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆ ทำเอาโอปอลถึงกับสะอึกและเผลอถอยหลังไปครึ่งก้าว“คุณโอปอลคะ ฉันขอเรียนให้ทราบตรงนี้อีกทีนะคะ คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันแค่ทำงานของฉันค่ะ ซึ่งก็คือทำทุกอย่างตามที่พ่อเลี้ยงมาโปรดสั่ง ทั้งการมาดูแลคุณกานดาเป็นกรณีพิเศษ และเรื่องของคุณหมออนันต์ก็เพราะมีเรื่องงานที่ต้องติดต่อกัน” มุกดาหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าก่อนพูดต่อ “คนที่นี่นับถือคุณหมออนันต์มากค่ะ ก่อนหน้านี่ตอนที่คุณหมอมาพั
สองวันที่ผ่านมามุกดาทำหน้าที่เป็นไกด์พาคุณกานดาและโอปอลท่องเที่ยวในจังหวัด หมออนันต์แวะมาหามารดาทุกวัน แต่ก็อยู่ได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจากต้องกลับไปโรงพยาบาล เมื่อเขามีเวลาว่างก็จะรีบกลับมาดูแลมารดาที่โรงแรม ทำให้โอปอลที่มากับคุณกานดายิ่งดูอึดอัดขึ้นทุกทีมุกดาเองก็เหนื่อยแทบหมดแรง เธอต้องดูแลคุณกานดาและโอปอลทั้งในและนอกเวลา แต่ไม่อยากให้เป็นปัญหาจึงไม่ได้รายงายให้พ่อเลี้ยงมาโปรดรับรู้ คุณกานดารับมือได้ไม่ยากนักแต่ผู้หญิงของหมออนันต์นี่ช่างเรื่องมากจนเพื่อนร่วมงานของมุกดา ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มคุยเรื่องราวของหมออนันต์และโอปอลในวงสนทนาส่วนตัว“หมออนันต์กับคุณโอปอลเป็นคู่รักกันจริง ๆ เหรอ?” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้น “ถึงจะสวย แต่เธอดูไม่น่าจะไปกันได้กับหมออนันต์เลยนะ”“นั้นสิ ๆ อีกคนเป็นคนง่าย ๆ ไม่เรื่องมาก อีกคนมากเรื่อง ไอ้นั้นไม่ได้ ไอ้นี้ไม่เอา วุ่นวายชะมัด” เพื่อนอีกคนเสริมมุกดาเดินเข้ามาได้ยินการสนทนา แต่ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจที่จะร่วมวงด้วย เธอเองเป็นคนที่ควรจะบ่นถึงความมากเรื่องของโอปอล แต่ความเป็นมืออาชีพก็ทำให้เธอเก็บทุกอย่างไว้ในใจ“อ
ได้ยินเรียก ‘คุณแม่’ เต็มปาก ราวกับย้ำให้รู้ว่าอีกฝ่ายสนิทสนมกับคุณกานดามากแค่ไหน มุกดาได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำงานเกินเวลา เอาเถอะ ผู้หญิงถึกและบึกบึนอย่างเธอรับได้อยู่แล้วระหว่างการเดินทางไปไหว้พระ โอปอลทำตัวเหมือนต้องการสร้างความสนิทสนมกับมุกดา แต่ความจริงแล้วเธอจงใจใช้มุกดาเป็นเหมือนคนรับใช้ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการขอให้ช่วยถือน้ำ หยิบสิ่งของ ทุกการกระทำทุกคำพูดจาหวานหูล้วนเป็นรอยยิ้มที่เคลือบยาพิษ เธอเกลียดขี้หน้ามุกดาจะตายอยู่แล้ว แต่เธอต้องทำทุกสิ่งเพื่อตอกย้ำสถานะต่ำต้อยของอีกฝ่าย“คุณมุกช่วยถือกระเป๋าโอปอลหน่อยได้ไหมคะ?” โอปอลถามพลางยื่นกระเป๋าให้โดยไม่รอคำตอบมุกดายิ้มเจื่อน ๆ แต่ก็รับมาโดยไม่ปริปากบ่นหรือชักสีหน้าใส่ แม้ว่าในใจเธอจะรู้สึกว่าโอปอลทำตัวไม่เหมาะสม แต่เธอก็อดทนไว้ ไม่อยากมีเรื่องมีราว การที่เธอทำหน้าที่ของตัวเองเต็มเปี่ยม ออกจะเกินหน้าที่เสียด้วยซ้ำ สร้างความประทับใจให้คุณกานดาโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว“หนูโอปอลจ๊ะ”“ค่ะคุณแม่”“หนูช่วยไปเลือกซื้อผ้าพันคอสวย ๆ ให้แม่สักสองสามผืนสิ จะเอาไปฝากคนที่กร
คุณกานดาปรายตามองหญิงสาวที่ทำงานอย่างคล่องแคล่วแล้วไปยืนรออยู่ด้านหลังราวกับแม่บ้านที่พร้อมรอรับคำสั่งเรียกใช้งาน“ไม่ต้องห่วงค่ะ โอปอลดูแลคุณแม่ให้เอง” โอปอลที่เพิ่งเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยส่งยิ้มหวานฉ่ำให้อนันต์ แต่กลับได้เพียงสายตาเย็นชา ทำให้เธอหงุดหงิดแต่ต้องเก็บอาการไว้และปั้นยิ้มต่อไปอนันต์ไม่อยากสร้างความขัดแย้งตรงนั้น เขาจึงตอบสั้น ๆ “คงต้องรบกวนโอปอลแล้ว”“ขออนุญาตนะคะ” มุกดาเอ่ยอย่างสุขภาพ “พ่อเลี้ยงมาโปรดสั่งไว้แล้ว หากคุณกานดาอยากไปไหว้พระที่วัดประจำจังหวัด ท่านจัดรถและคนขับให้แล้ว หรือถ้าคุณกานดาอยากไปที่ไหนก็แจ้งได้ค่ะ รวมทั้งสปาและนวดแผนไทยด้วยค่ะ”“แหม เอาใจยิ่งกว่าลูกแท้ ๆ อีก” คุณกานดายิ้มปลื้ม ไม่เสียแรงที่เคยดูแลกันมา แต่ก็ทำเป็นงอนลูกชายตัวเองเล่น“โธ่แม่...ก็ผมเป็นหมอไม่ใช่เจ้าของไร่นี่ครับ” อนันต์แกล้งโวย ทำเสียงออดอ้อน“รีบ ๆ กินแล้วก็ไปทำงานไป เลิกงานก็แวะมาหาแม่ด้วยล่ะ”“ครับ ๆ” ในสายตาแม่ เขาก็คงเป็นเด็กเสมอ อนันต์ได้แต่ยิ้ม คนอื่นอาจมองเขาเป็นลูกแหง่ไม่โตเสียที แต่เขาก็เข้าใจแม่ดีโอปอลกลับรู้สึกเหมื
อาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์จัดเตรียมไว้สำหรับแขกทุกคน มุกดายังคงทำหน้าที่อย่างดีในการดูแลคุณกานดา เธอไม่ได้ทำเพียงเพราะนางคือมารดาของหมออนันต์ แต่ยังเป็นเพราะได้รับคำสั่งพิเศษจากพ่อเลี้ยงมาโปรดที่บอกว่าให้จัดดูแลต้อนรับอย่างดีที่สุดมุกดายังคงจำคำพูดของพ่อเลี้ยงได้แม่นยำตอนที่รายงานให้ฟังตามหน้าที่ปกติ “คุณกานดาเช็กอินพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อโอปอลค่ะ”“โอปอลงั้นเหรอ...ยัยนี่จะเอายังไงกันแน่” เสียงของพ่อเลี้ยงมาโปรดแสดงความไม่ชอบใจอย่างชัดเจนจนเธอนึกแปลกใจ“คะ?”“ฝากมุกช่วยดูแลคุณกานดาด้วย เธอไม่ใช่แค่ลูกค้าของโรงแรมแต่เป็นแม่ของเพื่อนผมและเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ”“ทราบแล้วค่ะ”เมื่อได้รับคำสั่งพิเศษเช่นนี้ เธอจึงทำงานเต็มหน้าที่ และพอจะรู้เรื่องของ ‘โอปอล’ อยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงที่หมออนันต์หลงรักจะนิสัยนางร้ายแบบนี้ หรือว่ามีอะไรดีที่คนอื่นมองไม่เห็น มุกดาได้แต่ส่ายหน้าไปมา ความจริงเธอไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่พอเป็นเรื่องของหมออนันต์ เธอก็อดสนใจไม่ได้ขณะนั้นอนันต์กระหืดกระหอบตามมาที่ห้องอาหารของโรงแรม ดวงตาหลังแว่นตากรอบสีเงิน







