LOGINตอนที่ 6 ดูแล
ภาคินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเที่ยงของวันใหม่ เขารู้สึกปวดเมื่อยและเจ็บช่องทางรักเป็นอย่างมาก จึงได้แต่นอนนิ่งๆ และคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างเหม่อลอย
"ตื่นแล้วเหรอ" ศิวกรหลังจากออกไปโทรศัพท์สั่งงานเลขาเรียบร้อยแล้ว เขาก็นั่งทำงานต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกถึงคนในห้องจึงเดินเข้ามาดู
ภาคินหันไปมองเจ้าของเสียง แล้วลอบมองสำรวจศิวกรตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ศิวกรจะสวมชุดลำลองเพียงแค่เสื้อยืดคอปกปลดกระดุมเม็ดบนสุดหนึ่งเม็ด จึงเผยให้เห็นรอยแดงจากฝีมือของเขาที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมา ทำให้ใบหน้าของภาคินเริ่มขึ้นสี เขาเลยเสสายตาลงมามองกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ ที่ศิวกรสวมใส่ แม้จะเป็นเสื้อผ้าที่สวมสบายๆ แต่ศิวกรก็ยังคงความเข้มและหล่อเหลาอยู่มาก
"มองอะไรของนาย หรือว่านาย..." ศิวกรเอ่ยเย้าแหย่ภาคินที่กำลังมองสำรวจตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้า
"เปล่าสักหน่อย ผมจะกลับแล้ว" ภาคินเอ่ยพลางขยับตัวเพื่อจะลุกออกจากที่นอน แต่ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็พุ่งเข้ามาโจมตีทันทีที่เขาขยับ
"อ๊ะ... โอ๊ย" ภาคินจำต้องหยุดชะงักด้วยความเจ็บ
"นายเป็นอะไรมากรึเปล่า" ศิวกรรีบขยับตัวเข้ามาประคองภาคินทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของเขา
"คุณไม่โดนอย่างผมคุณไม่รู้หรอก" ภาคินพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองศิวกรด้วยอาการเคืองๆ
"ถ้าอย่างนั้นนายอย่าเพิ่งรีบร้อนลุกเลย นายกินอะไรรองท้องสักหน่อยแล้วค่อยกินยาก่อนไม่ดีกว่าเหรอ ฉันเตรียมให้นายหมดแล้ว" ศิวกรเห็นสายตาเคืองๆ ของภาคินกำลังมองมาที่ตนก็รีบพูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ ผมจะกลับ" ภาคินยังคงพูดเอาแต่ใจ เขาอยากจะกลับไปพักที่คอนโดของเขามากกว่าอยู่กับศิวกรที่นี่
"ได้ๆ งั้นเดี๋ยวฉันจะไปส่งนายเอง แต่ฉันคิดว่าตอนนี้นายต้องกินยาก่อน แล้วท้องของนายก็ยังว่างอยู่ ฉันจะไปเอาข้าวต้มมาให้รอแป๊บ" ศิวกรยังคงไม่สนใจภาคินที่เรียกร้องแต่จะกลับบ้านจึงพูดตัดบทขึ้นมา
"ผมจะกลับเอง คุณไม่ต้องมายุ่งกับผม" ภาคินยังคงดื้อดึงและเอาแต่ใจอย่างไม่ลดละ เพราะเขาไม่อยากให้ศิวกรมายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกจึงรีบพูดขึ้นมาก่อน
ศิวกรกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงนอนจึงหันกลับมามองภาคินอีกครั้ง หลังจากได้ยินภาคินพูดเอาแต่ใจ เขาจึงตั้งใจยกยิ้มและพูดยั่วโมโหภาคินไป
"นายจะกลับยังไง จะเดินกะเผลกๆ ข้ามถนนไปฝั่งนู้นแล้วขับรถกลับ หรือจะให้เด็กในร้านไปส่งนายที่บ้าน แต่พวกเขาจะไม่สงสัยหรอกเหรอว่านายมาทำอะไรที่ไนต์คลับของฉันในเวลานี้ อีกอย่างท่าเดินที่น่าสงสัยของนาย...." ศิวกรพูดพลางมองไปยังช่วงล่างของภาคินซึ่งยังอยู่ใต้ผ้าห่มหนาผืนนั้น ทำให้ภาคินคิดตามและเกิดความอับอายขึ้นมา
"นายควรจะเป็นเด็กดีและเชื่อฟังฉันดีกว่านะ เดี๋ยวพอนายกินข้าวกินยาเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันจะพานายไปส่งเอง รับรองว่าไม่มีใครเห็นนายแน่นอน" ศิวกรเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันแกมบังคับ ทำให้ภาคินหันมามองเขาอย่างจนใจ
เมื่อศิวกรเห็นภาคินมีท่าทีอ่อนลงเขาก็เดินออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันหลังกลับมา
"นายจะไม่อาบน้ำก็ได้นะ ฉันเช็ดตัวให้นายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และชุดของนายมันก็รัดแน่นจนเกินไปซึ่งอาจจะทำให้นายอึดอัดขึ้นมา ฉันเลยเตรียมชุดให้นายแล้ว วางอยู่ตรงนั้น นายน่าจะใส่ได้นะ นั่นตัวเล็กสุดแล้ว" ศิวกรหันมาตะโกนบอกภาคินที่ยังคงนั่งเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง แล้วจึงปิดประตูและเดินจากไป
ภาคินได้แต่มองตามหลังศิวกรด้วยความโมโห ก่อนจะค่อยๆ ลุกลงเตียงอย่างยากลำบาก เพื่อรีบแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่ศิวกรจะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
เมื่อศิวกรเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมถาดข้าวต้มและยา เขาก็พบว่าภาคินแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ปลายเตียง
"นายใส่เสื้อเชิ้ตของฉันแล้วยังหลวมอยู่มากเลยนะ แต่นายวางใจได้ เสื้อตัวนี้ฉันซื้อมายังไม่เคยใส่เพราะฉันซื้อมาผิดไซซ์ มันเล็กไปไซซ์หนึ่งเลยใส่ไม่ได้" ศิวกรเอ่ยพลางมองสำรวจภาคินที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาแล้วยังหลวมอยู่มาก
เขาไล่สายตาสำรวจตั้งแต่ต้นคอขาวของภาคินซึ่งมีแต่รอยช้ำสีกุหลาบจากฝีมือของเขา ก่อนจะไล่สายตาต่ำลงมาจนกระทั่งถึงแผงอกขาวซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด เมื่อเขาเห็นรอยขบเม้มของตัวเองก็ทำให้ศิวกรนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาจึงลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"นี่คุณจะจ้องผมอีกนานไหม ผมอยากกลับบ้านแล้ว" น้ำเสียงของภาคินทำให้ศิวกรได้สติขึ้นมา
ศิวกรจึงวางถาดข้าวต้มลงบนโต๊ะก่อนจะรีบเดินเข้ามาช่วยพยุงภาคินไปนั่งที่โซฟา ภาคินยอมเดินตามศิวกรไปแต่โดยดี เขาค่อยๆ นั่งลงบนโซฟาอย่างช้าๆ เมื่อภาคินนั่งเสร็จเรียบร้อย
ศิวกรก็ยกถ้วยข้าวต้มมาให้ เขาเห็นว่าข้าวต้มยังคงร้อนอยู่จึงช่วยเป่าเพื่อให้มันเย็นลง
ภาคินเห็นศิวกรกำลังนั่งเป่าข้าวต้มร้อนๆ ให้ตนเอง เขาก็ได้แต่นั่งมองการกระทำของศิวกรด้วยความไม่เข้าใจ
หลังจากศิวกรเป่าข้าวต้มเสร็จแล้วก็วางลงตรงหน้าของภาคิน แต่ภาคินยังคงนั่งมองศิวกรด้วยอาการเหม่อลอยและครุ่นคิด จึงไม่รู้ว่าข้าวต้มถ้วยนั้นถูกวางลงตรงหน้าของตนแล้ว
"ทำไมนายยังไม่รีบกิน หรือว่านายอยากให้ฉันป้อน?" คำถามของศิวกรทำให้ภาคินหลุดออกจากความคิด เขาจึงรีบตักข้าวต้มกินจนเกิดอาการสำลัก
"แค่ก.. แค่ก" เมื่อศิวกรเห็นภาคินสำลัก เขาก็รีบขยับเข้ามานั่งข้างๆ ภาคินก่อนจะยกแก้วน้ำส่งให้ภาคินพลางลูบหลังให้อย่างเบามือ
"กินช้าๆ ก็ได้ ฉันไม่แย่งนายกินหรอกน่า" ศิวกรแสร้งพูดแหย่ ทำให้ภาคินหันมามองเขาก่อนจะค้อนขวับให้เขาไปทีหนึ่ง
"เอ.. หรือว่าจริงๆ แล้วนายอยากให้ฉันป้อนนายใช่รึเปล่า" ศิวกรเอ่ยทีเล่นทีจริง เขาค่อยๆ ขยับใบหน้าไปใกล้ๆ พอภาคินหันหน้ามาหาเขา แก้มของภาคินก็ชนเข้ากับปากของเขาทันที
"เฮ้ย.. คุณจะขยับมาใกล้ผมทำไมเนี่ย ขยับออกไปห่างๆ เลยนะ คุณศิวกร" ภาคินเอะอะโวยวายด้วยความเขินอาย ก่อนจะก้มลงไปตักข้าวต้มกินอย่างรวดเร็ว
"หึหึหึ" ศิวกรหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แต่ภาคินก็ได้ยินอย่างชัดเจน ทำให้ภาคินหันมามองค้อนเขาด้วยความไม่พอใจ และรีบตักข้าวต้มกินจนหมด
"ไหนละยา? ผมกินข้าวหมดแล้ว" ภาคินหันมาถามศิวกรด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
ศิวกรยกยิ้มก่อนจะหยิบยาส่งให้ภาคิน ภาคินรับมาก็รีบใส่ปากและกลืนลงอย่างรวดเร็ว
"ทีนี้คุณก็ไปส่งผมได้แล้ว" เมื่อภาคินดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อยจึงหันมาบอกศิวกร
ศิวกรได้แต่ยกยิ้มน้อยๆ ให้แก่ภาคินที่ยังคงเอาแต่ใจ
"ได้.. เชิญคุณภาคินครับ" เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะผายมือเชิญ เพื่อให้ภาคินลุกขึ้นเพื่อเดินนำออกไปก่อน ด้วยความรีบร้อนภาคินจึงลุกขึ้นโดยไม่ทันระมัดระวังทำให้ความเจ็บปวดเข้าโจมตีเขาอีกครั้งหนึ่ง
"อ๊ะ..." ภาคินอุทานออกมาด้วยความเจ็บ
"นายยังเจ็บอยู่ ให้ฉันช่วยไหม" ศิวกรรีบขยับเข้ามาใกล้เพื่อจะช่วยพยุงภาคิน แต่ภาคินตกใจจึงปัดมือของศิวกรออกอย่างไม่รู้ตัว
"เอ่อ..." ภาคินไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง
"นายอย่าลืมนะ ว่าห้องของฉันอยู่บนชั้นสาม ขืนนายเดินกะเผลกๆ ลงไปชั้นล่างไม่เดินลงไปถึงตอนเย็นเลยเหรอ หรือนายอยากให้เด็กในร้านของฉันมาเห็นนายอยู่กับฉันที่นี่กันแน่.. ภาคิน" ศิวกรกอดอกมองภาคินเพื่อรอคำตอบ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันกึ่งประชดประชัน ทำให้ภาคินที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ศิวกรไม่รอช้า เขารีบเดินเข้าไปใกล้ภาคินก่อนจะช้อนอุ้มภาคินขึ้นมาแนบอก
"เฮ้ย.. คุณ" ภาคินตกใจที่จู่ๆ ศิวกรก็เดินมาอุ้มเขา เขาจึงรีบกอดลำคอหนาของศิวกรไว้อย่างรวดเร็วเพราะกลัวตก
"นายน่ะอย่าดื่มแต่เหล้ามากนัก กินข้าวบ้างเถอะ ตัวเบามากจริงๆ ไม่หนักอย่างที่คิดไว้เลย" ศิวกรพูดกระซิบเสียงเบาออกมาใกล้ริมหูของภาคิน ทำให้ภาคินเกิดอาการเขินอาย
เขาจะดิ้นก็ไม่กล้าเพราะกลัวจะพากันตกบันได จึงได้แต่ซุกหน้าแนบอกของศิวกรด้วยความอับอาย เกิดมายังไม่เคยถูกใครอุ้มท่าเจ้าหญิงมาก่อน รู้ถึงไหนอายถึงนั้น ภาคินครุ่นคิดด้วยความอาย
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #4 THE ENDรุ่งเช้าภาคินและศิวกรแต่งกายด้วยชุดยูกาตะแล้วจึงพากันเดินเที่ยวตามแผนที่ภาคินวางไว้ในทริปการเดินทางนี้ ทั้งสองคนเดินชมดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่งรอบๆ หมู่บ้านซึ่งที่หมู่บ้านนี้มีนักท่องเที่ยวมาชมดอกซากุระและแช่น้ำร้อนกันค่อนข้างมากทั้งคู่รัก เพื่อนและครอบครัว ผู้คนก็สวมใส่ชุดยูกาตะเดินท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ จึงเข้ากับบรรยากาศในหมู่บ้านแห่งนี้ และนักท่องเที่ยวบางคนก็สวมใส่รองเท้าเกี๊ยะที่ทำขึ้นจากไม้ เวลาเดินจึงเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นถนนช่างแปลกหูดีสำหรับภาคิน แต่เขาและศิวกรเลือกไม่สวมรองเท้าเกี๊ยะเพราะเดินไม่ถนัดระหว่างทางที่เดินชมดอกซากุระรอบหมู่บ้านก็จะพบกับร้านค้ามากมายไม่ว่าจะร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านขายขนม ร้านถ่ายภาพสำหรับเก็บเป็นที่ระลึก และบ่อน้ำร้อนสาธารณะ ซึ่งมีบริการสำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนหลายบ่ออยู่ห่างกันกระจัดกระจายกันออกไป ทั้งคู่จึงพากันไปนั่งแช่เท้าในบ่อน้ำร้อนที่ค่อนข้างห่างไกลกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ"สนุกไหมคิน" ศิวกรเอ่ยถามภาคินที่ดูกำลังสนุกและสนใจทุกสิ่งรอบกายด้วยความสนใจ"สนุกครับ แต่คินมีคว
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #3หลังจากภาคินมาถึงที่ทำงาน สายตาของเขาก็สอดส่ายหาลูกน้องคนสนิทที่หายหน้าหายตาไปถึงสี่วันเต็มๆ เมื่อเขามองไม่เห็นต้อยจึงได้สั่งนุชนารถผู้ช่วยคนเก่งของเขาให้บอกต้อยไปพบเขาที่ห้องทำงานด้วยถ้ามาถึงแล้ว ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงต้อยก็มาพบเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างคนอารมณ์ดี"ลูกพี่มีอะไรให้กระผมรับใช้ขอรับ" น้ำเสียงที่ร่าเริงของต้อยทำให้ภาคินต้องหันมามองต้อยด้วยความแปลกใจ เมื่อวานที่เขาเจอต้อยในลิฟต์ยังดูท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงได้ร่าเริงเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ฮึ... คงจะได้น้ำดีมาแน่ ๆ ถึงได้กระดี้กระด๊าจนน่าหมั่นไส้"หน้าแบบนี้แปลว่าหายดีแล้วสิ สรุปว่าใคร?" ภาคินถามออกไปตรงๆ ทำเอาต้อยที่ไม่ทันตั้งตัวชะงักไปในทันทีด้วยความตกใจ"อะ...อะไร ใคร...หมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ" ต้อยรีบพูดกลบเกลื่อนภาคินอย่างรวดเร็วหลังจากได้สติ"หึ... หึ... ไอ้ต้อย กูเป็นพี่มึงนะโว้ย มึงคิดว่ากูจะไม่รู้หรือยังไง มึงอาบน้ำแต่งตัวมาทำงาน มึงไม่เห็นรอยแดงที่คอมึงบ้างรึไง" ภาคินพูดพลางชี้ไปที่คอปกเสื้อของตนเอง ทำให้ต้อยตกใจรีบดึงปกเสื้อเชิ้ตมาปิดลำคอใน
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #2หลังจากต้อยลาป่วยไปสามวันก็กลับมาทำงานตามปกติ ต้อยพยายามเดินให้เหมือนเดิมมากที่สุด คืนนั้นเขาถูกอิฐจัดหนักจัดเต็มจนครบหลักสูตร ต้อยจึงไม่สามารถลุกเดินได้เหมือนปกติมากนัก แม้ตอนนี้เขาจะดีขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังคงรู้สึกขัดๆ อยู่บ้างเวลาเดินเร็วๆ“ไอ้ต้อย...” หลังจากศิวกรขับรถมาส่งภาคินที่โรงแรม ภาคินเห็นหลังต้อยไวไวกำลังจะเดินขึ้นลิฟต์ เขาจึงรีบวิ่งตามต้อยเข้ามาในลิฟต์อย่างรวดเร็วต้อยสะดุ้งตกใจจนตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงของภาคินเรียกอยู่ทางด้านหลัง เขาจึงชะงักค้างและยืนยิ่งไปทันที เพราะกลัวว่าภาคินจะจับผิดสังเกตเขาได้"อะ...อะ เอ่อ ลูกพี่" น้ำเสียงของต้อยติดอ่างขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าของภาคินกำลังมองมาทางเขาด้วยความเป็นห่วงตนเอง"ไง...มึงหายดีแล้วเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมึงจะลาป่วยเลยสักครั้ง กูจะไปเยี่ยมมึงก็ไม่ให้ไป" ภาคินพูดพลางตบไหล่หนาของต้อย ทำให้เขาเห็นรอยแดงจางๆ บริเวณลำคอหนาของต้อยภาคินตกตะลึงและนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองใบหน้าของต้อยที่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ต้อยเมื่อรู้สึกถูกภาคินจ้องใบหน้าจึงเกิดอาการประหม่า ยิ่งเ
ตอนพิเศษ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ชมดอกซากุระ #1ณ ห้องทำงานของภาคินขณะที่ภาคินกำลังนั่งมองแหวนแต่งงานซึ่งศิวกรสวมให้เขาที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างเหม่อลอยนั้น ต้อยก็ได้เดินผ่านประตูห้องทำงานมาพอดี เขาเห็นภาคินกำลังนั่งใจลอยอยู่จึงอดที่จะเดินเข้ามาสอบถามไม่ได้"ลูกพี่.. ลูกพี่เป็นอะไร ผมเห็นลูกพี่นั่งมองแหวนแต่งงานมาพักหนึ่งละ" ต้อยเอ่ยถามขณะนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของภาคินด้วยความสงสัยภาคินได้ยินเสียงของต้อยเอ่ยถาม เขาจึงได้สติแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองต้อยอย่างครุ่นคิด"อย่าบอกนะว่าลูกพี่ทะเลาะกับคุณกร" ต้อยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งตกใจ ขณะที่เขากำลังคาดเดาใบหน้าที่กำลังตึงเครียดของภาคิน"บ้าแล้วไอ้ต้อย พี่กรดีกับกูจะตาย กูจะไปทะเลาะกับเขาทำไม" ภาคินตอบกลับต้อยด้วยน้ำเสียงกึ่งดุนิดๆ ศิวกรไม่เคยขัดใจเขาเลยสักครั้ง แล้วเขาจะไปมีปัญหากับศิวกรได้อย่างไร"อ้าว.. ก็ผมเห็นลูกพี่เอาแต่จ้องแหวนแต่งงาน แล้วก็ทำท่าทางเหมือนคนกำลังกลุ้มใจ ผมก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าลูกพี่มีปัญหากับคุณกรเสียอีก" ต้อยตอบเสียงอ่อนลง"เฮ้อ.. แล้วกูจะปรึกษากับมึงได้ไหมเนี่ย" ภาคินพูดพลางถอนหายใจ คราวก่อนก็เพราะปรึกษาต้อยทำให้ศิวกรลงโ
ตอนพิเศษ สวัสดีวันเด็ก"คุณคินคะ มีคนส่งของมาให้ค่ะ" แอร์พนักงานต้อนรับโรงแรมของภาคิน เดินนำถุงกระดาษสีขาวใบเล็กน่ารักมาให้ภาคินที่ห้องทำงาน แต่ระหว่างที่เธอเดินออกมาจากลิฟต์ ก็พบภาคินและต้อยซึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าห้องทำงานพอดี เธอจึงรีบเดินนำเอาของมาให้ภาคิน"ของผมเหรอครับ คุณแอร์" ภาคินถามแอร์ด้วยความงุนงงระคนสงสัยว่าใครเป็นคนส่งของให้เขา และเนื่องในโอกาสอะไร จะว่าวันเกิดก็ไม่น่าจะใช่"ของคุณคินจริงๆ ค่ะ มีการ์ดแนบมาด้วยนะคะ นี่ค่ะ" แอร์ยืนยันพลางส่งการ์ดให้ภาคินทันที" สุขสันต์วันเด็กครับหนูคินขอให้หนูคินเป็นเด็กดีของพี่กรคนเดียวนะครับรักนะเด็กดี... พี่กร "ภาคินรับการ์ดที่ปิดผนึกซองอย่างดีมาแกะอ่านก่อนจะยกยิ้มอย่างมีความสุข ที่แท้ก็เป็นของศิวกรนี่เอง"ขอบใจนะ.. แอร์" ภาคินรับถุงกระดาษสีขาวมาจากแอร์ เขาแกะสติกเกอร์บนปากถุงกระดาษด้วยความระมัดระวัง เมื่อเขาอ้าปากถุงกระดาษออกจึงพบว่ามีกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีทองอยู่ข้างในกล่องหนึ่ง"ยินดีค่ะ งั้นแอร์ขอตัวก่อนนะคะคุณคิน" แอร์ส่งของให้ภาคินเรียบร้อยแล้วก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อภาคินยกยิ้มให้แอร์ก่อนจะล้วงเอากล่องของขวัญขนาดเล็กข
ตอนที่ 30 จบบริบูรณ์"พี่กรครับ ศุกร์หน้าคินต้องบินไปจัดการงานที่ภูเก็ตแทนพี่พงษ์ นัดของเราคงต้องเลื่อนไปก่อนนะครับ" ภาคินเอ่ยขึ้นมาหลังจากพวกเขากลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์หลังใหม่ที่ศิวกรซื้อให้ภาคิน เมื่อพวกเขาตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน"งั้นเหรอ น่าเสียดายจริงๆ พี่อุตส่าห์จองห้องพักที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วยนะ" ศิวกรพูดพลางเดินมาโอบกอดภาคินจากทางด้านหลัง ก่อนจะก้มลงไปกระซิบริมหูบางของภาคินแล้วจึงขยับใบหน้าซุกลงบนซอกคอขาว"คินก็เพิ่งรู้จากพี่พงษ์เมื่อกี้นี้เองครับ แขกเพิ่งจะติดต่อมาจัดงานแต่งงานที่นั่น มันกะทันหันเพราะพี่พงษ์ก็ต้องดูแลแขกที่มาจัดงานแต่งที่นี่พอดี คินเลยต้องไปแทนน่ะครับ" ภาคินหันมาบอกศิวกรที่กำลังซุกไซ้ซอกคอของเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ศิวกรจึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ภาคิน"ขอโทษนะครับ" ภาคินเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาได้เอ่ยถามพี่ชายและพี่สาวแล้วว่าเขามีงานในวันศุกร์หน้าหรือเปล่า เพราะปกติเขาจะไม่รับนัดของศิวกรในวันศุกร์และเสาร์ เนื่องจากเป็นช่วงที่แขกเข้าพักมากกว่าปกติ ซึ่งพี่สาวและพี่ชายก็ได้รับปากแล้วว่าจะ







